เฉียวเหลียงผู้กระสับกระส่าย หร่วนกวางเจี่ยนผู้มีเจตนาดี และเหล่าแฟนคลับที่ตั้งตาคอยอย่างตื่นเต้นเดินไปที่ร้านอาหารตีมแห่งหนึ่งในโฮสเทลเขย่าขวัญ
หร่วนกวางเจี่ยนให้เหตุผลที่เฉียวเหลียงไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่เขาก็ยังคิดไม่ตกเรื่องเข้าไปลองเล่นสุดขีดสยอง เพราะแค่เอาสิทธิ์เข้าเล่นมาให้ได้ก็ทำให้เขาหดหู่มากแล้ว
มุมหนึ่งก็อยากเข้าไปดูให้รู้ อีกมุมก็รู้สึกยังอยากมีชีวิตรอดอยู่ เฉียวเหลียงแสนสับสนในชีวิต
เพราะงั้นทุกคนเลยแวะมากินข้าวเที่ยวก่อน
พวกเขาหิวจัดหลังตกใจกันสุดขีดในบ้านฝันสยอง
พอถึงหน้าประตูร้าน เฉียวเหลียงก็พบว่ามีบางอย่างแปลกๆ
“เดี๋ยวนะ ไหนเมดคาเฟ่ ทำไมเรามาร้านนี้ล่ะ”
เขาเห็นร้านเมดคาเฟ่เยียวยาใจที่อยู่ระหว่างบ้านฝันสยองกับสุดขีดสยองในแผนที่โฮสเทลเขย่าขวัญ ในนั้นระบุว่าที่คาเฟ่มีสาวๆ น่ารักจิ้มลิ้มคอยเสิร์ฟเครื่องดื่มอุ่นๆ เพื่อช่วยเยียวยาจิตใจของลูกค้าที่ผ่านความสยองมา
แต่ไม่รู้ทำไม พวกแฟนถึงเดินมาหยุดหน้า ‘ร้านอาหารตีมโรงพยาบาลบ้า’ เฉียวเหลียงรู้สึกแปลกพิกลเมื่อเห็นป้ายสีแดงที่มีตัวอักษรสีขาว
“เมดคาเฟ่ขายแค่เครื่องดื่ม ไม่ค่อยมีอะไรให้กิน พวกเราเลยมากินที่นี่แทน เข้าไปกันเถอะ!”
ทุกคนพาเฉียวเหลียงเข้าไปด้านในด้วยจุดประสงค์ชั่วร้าย ส่วนหร่วนกวางเจี่ยนเดินยิ้มตามหลังเข้าไปเงียบๆ
ใต้แสงไฟสลัวเป็นประตูกรงเหล็กมีรอยมือเปื้อนเลือดและปุ่มอันใหญ่สีแดง พอเอื้อมไปกด ประตูเหล็กก็เปิดออกอัตโนมัติ เปิดทางให้เดินเข้าไปข้างในร้านอาหารตีมได้
เฉียวเหลียงแทบอ้าปากค้าง
ร้านตีมเชี่ยอะไรเนี่ย
นี่มันโปรเจ็กต์บ้านผีสิงอีกโปรเจ็กต์ชัดๆ!
แสงไฟด้านในสว่างกว่าบ้านผีสิงทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด แต่กรงเหล็กสีดำ ประตูโซ่หนา การจัดวางรอบๆ รวมถึงขวดของเหลวสีแดงสดที่ดูเหมือนน้ำเมือกบนเคาน์เตอร์… ทำให้ทุกคนนึกถึงฉากคุกในหนังสยองขวัญ
แน่นอนว่าจะบอกว่าเป็นตีมคุกก็ไม่ถูกนัก ดูเป็นตีมคุกผสมโรงพยาบาลมากกว่า เพราะการจัดฉากนั้นเอนไปทางโรงพยาบาลจิตเวชที่เห็นทั่วไปในหนังและเกม
สองตีมนี้มีการวางจุดยืนที่แตกต่างกันมาก
ร้านอาหารในจีนหลายร้านเอาตีมคุกไปใช้ แต่ก็เจ๊งหมด เมื่อวิเคราะห์ดูก็พบว่าเป็นเพราะสองสาเหตุ หนึ่งคือเลือกทำเลผิด สองคือวางทิศทางในภาพรวมผิด
ในชีวิตจริง คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจตีมสยองขวัญ ถ้ามีร้านอาหารตีมคุกมาเปิดอยู่หน้าปากซอย ใครมันจะแวะไป
แต่ถ้าร้านอาหารตีมคุกอยู่ในบ้านผีสิงก็จะดูเหมาะมาก เพราะคนที่ไปเที่ยวบ้านผีสิงส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่จิตใจแข็งแกร่งและอยากรู้อยากเห็น จึงมีแนวโน้มที่จะให้การยอมรับร้านแนวนี้สูงกว่า
อีกจุดหนึ่งคือ ถึงจะเป็นตีมคุกเหมือนกัน แต่ก็เป็นคุกคนละแบบกัน
ร้านอาหารตีมคุกในจีนที่เจ๊งออกแบบตามคุกจริงๆ แบบเป๊ะทุกอย่าง ถึงขนาดใช้ผ้าคลุมสีเขียวทหาร เตียงสองชั้น โต๊ะเก้าอี้ และกรงเหล็กทำจากสเตนเลสหมด จนดูเหมือนคุกยุคปัจจุบันจริงๆ
ทุกอย่างสร้างประสบการณ์การกินข้าวในคุกได้เหมือนจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ไม่ได้แย่มากหรือสะดวกสะบายอะไร แค่ดูน่าสะอิดสะเอียน
แต่ร้านอาหารตีมร้านนี้วางเซ็ตติ้งไว้ต่างจากคุกจริงๆ จุดยืนของร้านใกล้เคียงโรงพยาบาลจิตเวชในหนังหรือเกมแนวสยองขวัญ การจัดวางร้านใช้สไตล์ตะวันตกในยุคศตวรรษก่อน ทำให้ได้ความสยองในอีกรูปแบบรวมถึงความแปลกใหม่ ทำลายภาพจำของคุกในชีวิตจริง
การเข้ามากินอาหารในนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในคุก แต่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากหนึ่งของหนังหรือเกมสยองขวัญ ความรู้สึกที่ตัดขาดจากความเป็นจริงทำให้ลึกๆ ในใจของลูกค้าไม่รู้สึกต่อต้านและปฏิเสธการจัดวางร้านรูปแบบนี้
กลับกัน พอยอมรับสไตล์ของร้านได้ ลูกค้าก็จะเพลิดเพลินไปกับมัน
แน่นอนว่า แต่ละคนก็ให้การยอมรับสไตล์นี้ในแบบที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น เฉียวเหลียงนั้นรู้สึกต่อต้านสุดๆ
“ฉันรู้ว่าทุกคนอยากรู้อยากเห็นกัน แต่… เราเพิ่งออกมาจากบ้านผีสิงนะ!
“ไปกินร้านสบายๆ บรรยากาศดีๆ ไม่ดีกว่าเหรอ!”
แต่เฉียวเหลียงก็หยุดพูดกลางคัน
เพราะเขาเห็นสาวสวยสุดเซ็กซี่ในชุดพยาบาลกำลังเดินตรงมาหา แขนซ้ายของเธอมีกุญแจมือสีดำห้อยอยู่หลายอัน เครื่องแบบพยาบาลที่สาวสวยสวมเป็นแบบที่เห็นได้บ่อยๆ ในเกมและหนังสยองขวัญ เครื่องแบบออกแนวตะวันตกและเหมือนจะมีคราบเลือดเปื้อนอยู่ เครื่องแบบที่ว่าเป็นสีแดงขาวทรงรัดรูป ทำเอาเฉียวเหลียงอยากจะไล่สายตาลงต่ำอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่รู้ทำไม เขายื่นมือตัวเองออกไปให้หญิงสาวสวมกุญแจมือ
หลังจากโดนสวมกุญแจมือ เฉียวเหลียงก็รู้ว่ากุญแจมือทำจากพลาสติก จึงไม่แปลกว่าทำไมหญิงสาวถึงห้อยไว้บนแขนได้หลายอัน
กุญแจมือนี้ไม่ได้เหมือนแบบที่เป็นสเตนเลสแวววาว แต่เป็นแบบเหล็กหล่อสีดำที่ดูเหมาะกับสถานที่มากกว่า
แต่ก็เป็นแค่ของเล่น สามารถแกะออกได้ตามใจชอบ
หลังจากสวมกุญแจมือให้ทุกคน พยาบาลสาวก็พาพวกเขาไปข้างในผ่านกรงขังกรงแล้วกรงเล่าเพื่อหาโต๊ะว่างให้
แฟนคลับคนหนึ่งถามขึ้นยิ้มๆ “อาจารย์เฉียวว่าไงนะเมื่อกี้ ให้เปลี่ยนร้านไม่ใช่เหรอ”
“อะแฮ่มๆ” เฉียวเหลียวกระแอมกระไอก่อนจะกระซิบตอบ “ไปไม่ได้แล้ว โดนสวมกุญแจมือ”
ระหว่างที่เดินอยู่ จู่ๆ หร่วนกวางเจี่ยนก็หยุดฝีเท้า
เขาหันไปมองกรงขังหนึ่งแล้วมองลอดกรงเหล็กเข้าไป “อ้าว ทุกคน บังเอิญจังเลยครับ!”
หลินหวาน เยว่จือโจว เฉินคังทั่ว ห่าวฉยง และคนอื่นๆ ที่กำลังกินข้าวอยู่ด้านในกรงเองก็ตกใจ “คุณหร่วน? บังเอิญจัง คุณก็แวะมาเที่ยวเหมือนกันเหรอครับ”
หร่วนกวางเจี่ยนยิ้ม “จะไม่ให้มาสนับสนุนบ้านผีสิงที่บอสเผยเปิดได้ยังไงล่ะครับ”
หลินหวานเสนอ “มานั่งด้วยกันมั้ยคะ เดี๋ยวให้เขาเอาเก้าอี้มาเพิ่มให้”
หร่วนกวางเจี่ยนไล่สายตามองรอบๆ แล้วพบว่าห้องกรงนี้ใหญ่พอให้พวกอาจารย์เฉียวเข้าไปนั่งได้
ฟันเฟืองในหัวของเขาแล่นขณะเริ่มวางแผน
หร่วนกวางเจี่ยนเอาตัวเข้าไปใกล้ๆ กรงเหล็กแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “เดี๋ยวทุกคนช่วยร่วมมือกับผมด้วยนะครับ… ให้อาจารย์เฉียว…”
พยาบาลสาวที่เดินนำกลุ่ม ‘นักโทษ’ หยุดรอเมื่อตระหนักว่ามีคนหายไปคนหนึ่ง
คนอื่นๆ ไม่ได้ถามอะไร ผ่านไปหนึ่งนาที หร่วนกวางเจี่ยนก็เดินกลับมารวมกลุ่ม
“ไปนั่งโต๊ะนั้นกันครับ คนรู้จักผมเอง”
ทุกคนผงะไปและรู้สึกอยากปฏิเสธ เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนคุณหร่วนที่พวกเขาไม่รู้จัก
หร่วนกวางเจี่ยนพูดเสริม “พวกเขาเป็นผู้พัฒนาเกม BE QUIET กับโปรเจ็กต์โฮสเทลเขย่าขวัญครับ”
เฉียวเหลียงตื่นตะลึงแต่ก็ตอบตกลงทันที “โอเคเลยครับ!”
ทุกคนเดินไปที่ห้องกรงที่พวกหลินหวานอยู่แล้วเข้าไปนั่งโนiวลกูดอทคอม
เฉียวเหลียงกับเหล่าแฟนคลับต่างตื่นตกใจกันยกใหญ่ เมื่อคนเหล่านั้นต่างแนะนำตัวเอง
เกือบครึ่งเป็นคนใหญ่คนโตของฝ่ายเกมเถิงต๋าหมดเลย!
โปรดิวเซอร์ BE QUIET หัวหน้าฝ่ายออกแบบ นักวาด ผู้จัดการโฮสเทลเขย่าขวัญ…มารวมตัวกันอยู่ที่นี่หมดเลย!
ตอนแรก เฉียวเหลียงมีอคติกับคนออกแบบโฮสเทลเขย่าขวัญสุดๆ เขาก่นด่าสาปแช่งคนออกแบบอยู่หลายครั้งตอนอยู่ในบ้านฝันสยอง แต่พอมาอยู่ต่อหน้าเฉินคังทั่วกลับยิ้มแฉ่งเขย่ามือชมโฮสเทลเขย่าขวัญไม่ขาดปาก
แสดงความเป็น ‘พวกต่อหน้าใจกากแต่ลับหลังปากเก่ง’ ได้อย่างชัดเจน
หลังจากสนทนากันตามมารยาททางธุรกิจ พยาบาลสาวก็ทยอยยกอาหารมากมายมาเสิร์ฟ
ที่นี่ไม่มีการสั่งอาหาร พนักงานเสิร์ฟจะเลือกเมนูให้จากอาหารที่ลูกค้ากินไม่ได้ รายการอาหารมีแต่เมนูแปลกๆ เช่น เครื่องดื่มที่มาเสิร์ฟในถุงถ่ายเลือด
หร่วนกวางเจี่ยนมองหลินหวานหลังตักอาหารกินพอเป็นพิธี หลินหวานมองส่งสัญญาณให้ทุกคน
ทุกคนเข้าใจทันที
หลินหวานยิ้มแล้วถามขึ้น “ทุกคนได้ลองเล่นสุดขีดสยองรึยังคะ”
เฉียวเหลียงกับกลุ่มแฟนคลับหันมองกันโดยไม่พูดอะไร
หร่วนกวางเจี่ยนพยักหน้า “ผมไปมาแล้วครับ สุดยอดมากเลย! พวกคุณลองแล้วรึยังครับ”
หลินหวานจิ้มเค้กที่หน้าตาเหมือนสเต๊กดิบขึ้นมากินก่อนตอบ “แน่นอนสิคะ พวกหนูไปลองมากันหมดแล้ว แต่ออกมาก่อนตอนจุดสุดท้ายแล้วบันทึกความคืบหน้าไว้เพราะเราเป็นพนักงาน อยากสงวนเกียรติของผู้ที่ผ่านโฮสเทลเขย่าขวัญเป็นคนแรกให้กับ…ผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์ที่แท้จริง”
เธอไม่ได้หันมองเฉียวเหลียง แต่ก็ตั้งใจเว้นวรรคประโยคเหมือนจะสื่ออะไรสักอย่าง
เฉียวเหลียงทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน “นี่…ทุกคน…เล่นผ่านกันหมดเลยเหรอครับ”
บันทึกความคืบหน้าไว้จุดสุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรจากการเคลียร์เกมได้
ชัดเจนว่าแฟนคลับเฉียวเหลียงเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน
คนอื่นนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ผู้หญิงแบบหลินหวานก็เล่นผ่านเนี่ยนะ
หลินหวานเดาสิ่งที่เฉียวเหลียงคิดได้จากสีหน้าอีกฝ่าย เธอยิ้มบางพร้อมกับหยิบถุงถ่ายเลือดข้างๆ ขึ้นมาดื่ม “คิดว่าหนูพูดเว่อร์เหรอคะ
“งั้น…รู้จักโรงพยาบาลจิตเวช ‘เขาหมอก’ รึเปล่าคะ
“เราเจาะจงไปที่โรงพยาบาลจิตเวช ‘เขาหมอก’ ห้าวันเต็มเพื่อหาข้อมูลมาทำเกม BE QUIET เลยนะคะ”
เฉียวเหลียงกับเหล่าแฟนคลับไม่ได้รู้สึกเคารพยำเกรงเพราะกำลังทึ่งกันอยู่
โรงพยาบาลจิตเวช ‘เขาหมอก’ ได้ชื่อว่าเป็นบ้านผีสิงที่น่ากลัวที่สุดในโลก!
คนพวกนี้เข้าไปในนั้นห้าวันติดเพื่อรวบรวมข้อมูลจริงๆ เหรอ
นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่ใช่มั้ย
พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคนพวกนี้ถึงเล่นผ่านได้สบายๆ ต่อให้สุดขีดสยองน่ากลัวเท่าๆ กับโรงพยาบาลจิตเวช ‘เขาหมอก’ แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับคนพวกนี้!
จู่ๆ เฉียวเหลียงก็รู้สึกขายหน้าอย่างรุนแรง
เขามองไปยังหญิงสาวบอบบางที่ทนอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช ‘เขาหมอก’ ได้ห้าวันติดเพื่อทำงาน!
แต่เขากลับไม่มีความกล้าแม้แต่จะยื่นเท้าเข้าไปในสุดขีดสยอง…
น่าขายหน้า!
น่าขายหน้าสุดๆ!
หร่วนกวางเจี่ยนถามขึ้นได้จังหวะพอดี “แล้วโฮสเทลเขย่าขวัญกับโรงพยาบาลจิตเวช ‘เขาหมอก’ ต่างกันยังไงเหรอครับ”
หลินหวานคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ทั้งสองที่สุดยอดเหมือนกันเลยค่ะ แต่หนูคิดว่าโฮสเทลเขย่าขวัญทำรายละเอียดออกมาได้ดีกว่า ทนอยู่ในนั้นได้ง่ายกว่า ทั้งหมดเป็นเพราะเฉินคังทั่วจัดการทุกอย่างได้ดีมากๆ ค่ะ”
เฉินคังทั่วส่ายหน้า “ไม่หรอกครับ ทุกอย่างต้องยกความดีความชอบให้บอสเผย”