เม็งเฮียวทงในเกมคือตัวละครที่ใช้งานได้ยากมาก
เขาปรากฏตัวหลังจากถูกช่วยเหลือในอีกหนึ่งปีให้หลัง ในตอนที่จูซูย็อกอยู่ชั้นปีสอง
มาเรียนในสภาพร่างกายทรุดโทรมเนื่องจากขาดสารอาหาร และร่างกายเสพติดไอเท็มฟื้นฟูเรื้อรัง
ต้องขอบคุณการสนับสนุนจากจูซูย็อก ร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัว แต่ก็ถูกระงับการใช้ไอเท็มฟื้นฟูอย่างเข้มงวดยิ่งกว่าในปัจจุบัน อีกทั้งยังต้องเข้ารับการบำบัดอย่างหนัก
‘ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราไม่สามารถสั่งให้เขารับมือกับเอนามีเกรด SSR หรือสูงกว่า และต่อให้เป็นโหมดเนื้อเรื่องที่บังคับโจมตี เราจำเป็นต้องขยับเขาถอยไปท้ายแถวหลังจากถูกโจมตีแค่ครั้งเดียว แถมยังมีแสงประทานที่ง่ายต่อการบาดเจ็บอีก’
สถานการณ์เลวร้ายกว่าปัจจุบันมาก แม้จะถูกจำกัดปริมาณการใช้ไอเท็มฟื้นฟูเหมือนกันก็ตาม
สืบเนื่องจากถูกช่วยเหลือล่าช้า เม็งเฮียวทงจึงมีเลเวลค่อนข้างสูงเพราะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ในไฟต์คลับ แต่ก็เท่านั้น
‘เขาไม่ได้เติบโตอย่างเหมาะสม เพราะเป็นประสบการณ์ที่ได้จากการปราบเอนามีระดับต่ำโดยที่แทบไม่ถูกโจมตี อีกทั้งยังไม่ถูกขัดเกลาโดยอาจารย์ที่สามารถพัฒนาเขาอย่างเหมาะสม’
ลงเอยด้วย แม้จะมีภูมิหลังน่าเห็นใจ อีกทั้งการโจมตีก็ยังดูสะใจและเปี่ยมไปด้วยอานุภาพ แต่ตัวละครเม็งเฮียวทงกลับถูกใช้แค่ในหมู่ผู้เล่นกลุ่มเล็กๆ เนื่องจากเปราะบางและต้องคอยบริหารยุ่งยาก
และผลข้างเคียงจากภูมิหลังของเม็งเฮียวทง ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็คือรอบที่สองของการแข่ง
“อ๊า น่าเสียดายจัง!”
“เฮียวทงถอยอีกแล้ว!”
“ถึงจะถูกตี แต่หมัดที่ชกสวนกลับไปคุ้มกว่าเห็นๆ!”
ในกลุ่มกองเชียร์ ซงแดซอกยืนขึ้นพร้อมกับกำหมัดตะโกน
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างสูสี จนสามารถปลุกจิตวิญญาณนักสู้ของซงแดซอก ผู้ยังไม่ค่อยเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมชั้นสักเท่าไร
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างมีชั้นเชิงและเปี่ยมด้วยคุณภาพ จนไม่อยากเชื่อว่านี่คือศึกระหว่างเม็งเฮียวทงกับเบ๊ขนมปัง
‘ปรมาจารย์ทักศึกษาจุดอ่อนเม็งเฮียวทงมาอย่างละเอียด และฝึกบังยุนซบให้ไล่ต้อนจนชำนาญ’
จุดอ่อนข้อแรกของเม็งเฮียวทง
ในเมื่อไม่มีอาจารย์ รูปแบบการโจมตีของเขาจึงไม่ซับซ้อน
ย้อนกลับไปตอน ‘ทีมเพลย์’ ครั้งแรก จุดอ่อนของเม็งเฮียวทงยังไม่แสดงออกมาเพราะได้รับการสนับสนุนจากสองมวยพยัคฆ์อย่างวังจีโฮกับฮันอี
แต่ในการแข่ง 1 ต่อ 1 รูปแบบของเขาอาจใช้ไม่ได้ผลเสมอไป
‘และจุดอ่อนใหญ่ที่สุดก็คือ…’
จุดอ่อนที่สอง
ความหวงตัว
เม็งเฮียวทงถูกจำกัดปริมาณการใช้ไอเท็มฟื้นฟู
หากมองผิวเผิน ในหลายครั้งอาจดูเหมือนเม็งเฮียวทงโจมตีอย่างกล้าหาญ แต่ความจริงแล้วทำไปเพราะมั่นใจว่า ‘ต่อให้โดนสวนก็คงหลบได้’
ในทางกลับกัน หากเขารู้สึกว่า ‘น่าจะหลบไม่พ้น’ เม็งเฮียวทงจะพะว้าพะวังทันที
บังยุนซบที่เข้าใจรูปแบบการโจมตีของเม็งเฮียวทงอย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถคุมเกมโดยการอาศัยท่าโจมตีที่หลบได้ยาก แม้จะไม่รุนแรงนักก็ตาม
‘แต่บังยุนซบอ่อนเชิงเกินไป… มักจะทำพลาดจนเปิดโอกาสให้ศัตรูเรื่อยๆ’
เหมือนกับในตอนนี้
บังยุนซบก้าวเท้าผิดจังหวะขณะเหวี่ยงกระบองสองท่อน จนช่องว่างเปิดกว้าง
เม็งเฮียวทงซัดลูกเตะใส่ทันทีโดยไม่ปล่อยผ่าน
วืด—!
แต่บังยุนซบเบี่ยงร่างกายหลบลูกเตะได้ทันในท่าควงกระบองสองท่อน
“เบ๊ขนมปังจอมหลงตัวเองคนนั้น… สายตาดีขนาดนี้เลยหรือ ไม่อยากจะเชื่อ”
“เขาดูช้ากว่าเฮียวทงตั้งเยอะ หลบได้ยังไงเนี่ย”
“ไม่ใช่การหลบด้วยสายตาและปฏิกิริยา แต่ทางนั้นเดาได้ว่าเฮียวทงจะใช้ลูกเตะ จึงเบี่ยงตัวหลบก่อนที่เฮียวทงจะเริ่มขยับขาเสียอีก”
เป็นไปตามที่ฮันอีวิเคราะห์
บังยุนซบมิได้หลบการโจมตีของเฮียวทงด้วยเซนส์ด้านการต่อสู้ แต่เป็นการหลบและป้องกันด้วย ‘สูตร’ ที่ท่องจำมา
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ปรมาจารย์ทักศึกษาเม็งเฮียวทงผ่านบันทึกในคาบเรียนต่อสู้ รวมถึงวิดีโอที่ทางสมาคมปล่อยสู่สาธารณะ และฝังสูตรเหล่านั้นลงในการฝึกของบังยุนซบ
‘แต่ในรอบแรก เขายังนำการฝึกมาใช้จริงได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงแพ้ไปอย่างฉิวเฉียด… หากคนที่ทักกอซันสอนไม่ใช่บังยุนซบ แต่เป็นนักเรียนระดับกลางๆ ของโรงเรียนแสงเงิน เม็งเฮียวทงน่าจะแพ้ในรอบแรกด้วย’
ยิ่งเม็งเฮียวทงถูกอ่านทางได้บ่อยขึ้น เขาก็ยิ่งสร้างความผิดพลาดราวกับเริ่มประหม่า
เม็งเฮียวทงพยายามป้องกันกระบองสองท่อนด้วยสนับแขน แต่ดันกะระยะพลาดจนโดนฟาดเข้าที่ผิวหนังนอกสนับแทน
ขณะเม็งเฮียวทงขมวดคิ้วเมื่อตระหนักว่าแขนซ้ายได้รับความเสียหายค่อนข้างหนัก
โดยไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ บังยุนซบเตะใส่ท้องน้อยเม็งเฮียวทง
ผัวะ!
“…อึก”
เม็งเฮียวทงซวนเซ
บังยุนซบไม่ปล่อยผ่าน ด้วยการฟาดกระบองสองท่อนใส่ลิ้นปี่
ปั่ก—! ตึง!
เม็งเฮียวทงที่เตี้ยราวกับคนแคระเมื่อเทียบกับบังยุนซบ พลันคุกเข่าตัวงอในสภาพก้มหน้า
ขณะบังยุนซบเตรียมจะเหวี่ยงกระบองสองท่อนซ้ำใส่ศีรษะอีกฝ่าย
“หยุด! การแข่งจบแล้ว!”
ซ่า—!
พลังวาจาสิทธิ์ของจูเก่อแจกอลตรึงร่างบังยุนซบไว้จนมิอาจขยับเขยื้อน
ระหว่างนั้น เม็งเฮียวทงได้สติกลับมา จึงรีบกระโดดดีดตัวกลับหลัง แล้วก็ถอยฉากเพื่อสร้างระยะ
เป็นเวลาเดียวกับที่จูเก่อแจกอลประกาศ
“ถ้าการโจมตีเมื่อครู่ไม่ถูกหยุดไว้ นักเรียนเม็งเฮียวทงคงได้รับความเสียหายเกินกว่าค่าที่กำหนด ดังนั้นผู้ชนะในรอบที่สองก็คือ… นักเรียนบังยุนซบ!”
เฮ—!!
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! เบ๊ขนมปัง!”
“ปรมาจารย์ทักเก่งฉิบ…”
“นี่จะเป็นวันสุดท้ายของเบ๊ขนมปังจริงหรือ ฉันเคยลองตามลายแทงร้านขนมปังที่เขาไป มันก็สนุกดีนะ”
“ฉันก็เคย เขาเลือกเข้าแต่ร้านดีๆ … ฉันตามอ่านทุกบทความของมุนแซรอนที่เขียนเกี่ยวกับร้านที่เบ๊ขนมปังเคยไปมา จะไม่มีอีกแล้วหรือเนี่ย”
ทุกคนในห้อง 1/0 ปิดปากเงียบ ขณะที่เสียงชื่นชมบังยุนซบดังมาจากทุกทิศ
‘อันตรายแฮะ’
ถ้าเม็งเฮียวทงถูกตีหัวเพราะครูจูเก่อแจกอลสั่งห้ามไม่ทัน ฉันคงโมโหจนเผลอสั่งให้บังยุนซบไปซื้อขนมปังจากเกาะเจจูมาหนึ่งคันรถบรรทุก
“การแข่งรอบสุดท้ายจะเริ่มในอีกสิบนาที”
สิ้นเสียงจูเก่อแจกอล นาฬิกานับถอยหลังถูกฉายผ่านโฮโลแกรมอีกครั้ง
ทีมงานของชมรมหนังสือพิมพ์รีบเข้ามาเก็บกวาดเวที และวงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลง ‘Last Round With Frost’ ก่อนจะเริ่มรอบสุดท้าย
บังยุนซบกำลังพูดคุยกับทักกอซันอย่างอารมณ์ดีพลางใช้งานไอเท็มฟื้นฟู แต่ทางฝั่งเม็งเฮียวทงดูต่างออกไป
ไม่ว่าเม็งเฮียวทงจะพูดอะไร ฮัมกึนยองก็ส่ายหน้าท่าเดียว
‘เขาห้ามเพราะรู้จักสภาพร่างกายของเม็งเฮียวทงดี’
ครูฮัมกึนยองมักเปิดกว้างกับการตัดสินใจของนักเรียน แต่การหากเม็งเฮียวทงฝืนใช้ไอเท็มฟื้นฟู นั่นจะไม่ต่างกับการดื่มยาพิษ
“ทำไมถึงไม่ใช้ไอเท็มฟื้นฟูล่ะ”
“อาจจะไม่ได้บาดเจ็บอย่างที่เราคิดไง”
“ตลกน่า พวกเธอไม่เห็นหรือว่าไอ้เตี้ยจอมพลิ้วนั่นเพิ่งโดนอัดจนหมอบคาเวทีไป แถมยังโซเซหลังจากยืนขึ้นมาอีก”
ซงแดซอกกล่าว
เม็งเฮียวทงคงได้รับความเสียหายพอสมควร แม้จะไม่ได้แสดงออกมากนัก
เม็งเฮียวทงมองไปยังบังยุนซบอีกฟากหนึ่งของเวทีด้วยสีหน้าโกรธแค้น
‘ถ้าแพ้ด้วยความต่างชั้นของทักษะก็ว่าไปอย่าง แต่เราไม่อยากเห็นเขาถูกจี้จุดอ่อนจนแพ้อย่างน่าอับอาย’
นั่นคือเหตุผลที่ฉันเตรียมการบางอย่างไว้ล่วงหน้า
“ตรงนั้นเอะอะจัง… มีอะไรกันนะ”
“หืม ใครบางคนกำลังเดินไปทางเวที”
กลุ่มสภานักเรียนกับทีมงานของชมรมหนังสือพิมพ์
และคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด
“รุ่นพี่อูซังฮี!”
สุดยอดฮีลเลอร์ของโรงเรียน—ลมสลาตันรักษา อูซังฮี
* * *
“ฉันมาที่นี่เพราะอึยชินไหว้วานมา ถึงจะเตรียมไอเท็มฟื้นฟูมาด้วย แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากรักษาผู้เข้าแข่งด้วยตัวเอง… ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาให้เร็วกว่านี้ แต่ติดกิจธุระสำคัญของสภานักเรียน”
“กล้าจิกหัวใช้งานซังฮีแบบนี้เลยหรือ! พวกเด็กปีหนึ่งอวดดีจริงๆ! อย่าไปรักษาเขา แค่ใช้ไอเท็มฟื้นฟูก็พอ… เอ่อ… ขอโทษ”
เมื่อฮัมกึนยองกับอูซังฮีหันไปจ้องด้วยสายตาเย็นชา โดวอนอูรีบปิดปากสนิท
“น่าจะรักษาได้โดยไม่ต้องใช้แสงประทาน… อยู่นิ่งๆ สักครู่นะ”
ซ่า!
เมื่อคลื่นพลังวิเศษไหลจากมืออูซังฮีเข้าสู่ร่างกายเม็งเฮียวทง ความเจ็บปวดและอาการสั่นพลันหายเป็นปลิดทิ้งโนเวลกูดอทคอม
ได้เห็นร่างกายของตนกลับเป็นปกติ เม็งเฮียวทงรู้สึกทึ่งจนต้องรีบก้มศีรษะ
“ขอบคุณครับ…!”
“รุ่นน้องได้รับบาดเจ็บทั้งที ฉันต้องรักษาให้อยู่แล้ว ถ้าจะขอบคุณก็ไปบอกอึยชินเถอะ ฉันแค่ถูกขอร้องมา”
อูซังฮียิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเดินจากไป โดยบอกว่าต้องไปรักษาให้บังยุนซบต่อ
เม็งเฮียวทงที่กล่าวขอบคุณอูซังฮีอีกครั้ง หันกลับไปมองกองเชียร์และเห็นรองหัวหน้าห้อง—โชอึยชิน กำลังยิ้มอย่างมีพิรุธ
‘คิดจะตบหัวแล้วลูบหลังกันหรือไง… วางแผนอะไรเอาไว้!’
มีหลายเรื่องที่อยากจะถาม แต่ตอนนี้เขาต้องขจัดความคิดฟุ้งซ่านไปก่อน
เม็งเฮียวทงสูดลมหายใจยาว พลางนึกทบทวนการเคลื่อนไหวของบังยุนซบในสองรอบแรก เพื่อคิดหาวิธีรับมือ
* * *
“ฉันไม่เข้าใจเลย”
“เรื่อง?”
“นายอยากให้เม็งเฮียวทงแพ้ไม่ใช่หรือ”
หลังจากเห็นทีมงานชมรมหนังสือพิมพ์พาตัวอูซังฮีไปรักษาเม็งเฮียวทง วังจีโฮหันมาถามฉัน
“นายไม่เคยขัดขวางความต้องการของทักกอซันเลย… ไม่เหมือนกับตอนที่ขัดขวางฮงคยุงบ๊กเรื่องมินกือริน”
เป็นคำถามที่น่าสนใจ
หลังจากได้ทราบว่าทักกอซันเป็นปรมาจารย์ตัวจริง ฉันก็เลิกเข้าไปก้าวก่ายหรือให้คำแนะนำเม็งเฮียวทง
“ตรงกันข้าม นายเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดอีเวนต์วันนี้จนเม็งเฮียวทงถอนตัวไม่ได้… แล้วทำไมถึงเรียกอูซังฮีมา? กำลังคิดอะไรอยู่”
“นายเข้าใจถูกแล้ว ฉันอยากให้เม็งเฮียวทงเป็นศิษย์ทักกอซัน แต่ไม่อยากเห็นเขาแพ้ในสภาพนั้น”
วังจีโฮมองฉันด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
“รอบสุดท้ายกำลังจะเริ่มในอีกสาม… สอง… หนึ่ง… ศูนย์!”
เมื่อการนับถอยหลังของจูเก่อแจกอลสิ้นสุดลง ศึกบนเวทีเริ่มขึ้นอีกครั้ง
รอบนี้แตกต่างจากสองรอบแรกชัดเจน
‘เม็งเฮียวทงยังมีจุดอ่อนอยู่ แต่ว่า…’
เขามีความอัจฉริยะและมุมานะที่สามารถกลบจุดอ่อน
ก็อย่างที่เคยเน้นย้ำไป เม็งเฮียวทงคือตัวละครสุดโกงที่ทำลายสมดุลในช่วงหลังของเกม
อาศัยข้อมูลจากรอบแรกและรอบที่สอง เขาเริ่มคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวของบังยุนซบ จนกล้าแลกได้เสียมากขึ้น
ทักกอซันกำลังมองขึ้นมาบนเวทีด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
‘ปรมาจารย์ทักคงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากปล่อยให้เม็งเฮียวทงฟื้นกลับมาได้’
ทันใดนั้น ขณะบังยุนซบโจมตีผิดจังหวะไปเล็กน้อย คลื่นวิเศษพลันระเบิดจากร่างเม็งเฮียวทง
เป็นลางบอกเหตุก่อนใช้แสงประทาน
“เม็งเฮียวทงใช้แสงประทานแล้ว! ใช่ไหม?”
“คงงั้น… สุดยอดจริงๆ … ดูระดับแรงกดดันของคลื่นพลังวิเศษนั่นสิ ต้องเป็นแสงประทานที่แข็งแกร่งมากแน่!”
“ทั้งสองฝั่งยังไม่ได้ใช้แสงประทานกันเลยสินะ”
“ในการประลองทั่วไป ส่วนใหญ่เพลเยอร์จะไม่ใช้แสงประทาน เพราะรอยแยกต่างโลกสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ…”
บางที เหตุผลที่เม็งเฮียวทงไม่ใช้แสงประทานตั้งแต่แรก อาจตรงตามที่ซงแดซอกกับซาวอลเซอึมพูด
ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากใช้ แต่พอได้เห็นฝีมือของบังยุนซบแล้ว ถ้าไม่ใช่ก็คงลำบากตัวเองแน่
แต่เขาไม่ใช่คนยึดติดกับชัยชนะอันสวยหรู ไม่อย่างนั้นคงใช้ไปตั้งแต่รอบที่สองแล้ว
ซู่ววว!
ด้านหลังเม็งเฮียวทง คลื่นพลังวิเศษได้จับตัวเป็นรูปกำปั้นขนาดมหึมา
ทิศทางที่กำปั้นหันไป คือตำแหน่งยืนของบังยุนซบ
บังยุนซบกังวลว่าหมัดนั่นอาจพุ่งใส่ตน จึงเปลี่ยนไปเป็นท่าตั้งรับ
ซ่า…
กำปั้นแผ่คลื่นพลังวิเศษห่อหุ้มเวทีไว้แล้วสลายไป
ผู้ชมและบังยุนซบต่างพากันมึนงง แต่คนที่รู้จักแสงประทานของเม็งเฮียวทงกำลังมองเวทีด้วยสีหน้าตื่นเต้น
‘แสงประทานของเม็งเฮียวทงถูกเรียกใช้อย่างสมบูรณ์แล้ว… เพิ่งเคยเห็นชัดๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก’
แสงประธานของเม็งเฮียวทง— ‘แรงดึงดูดของนักสู้’
เมื่อแสงประทานทำงาน มันจะเป็นทั้งประเภทโจมตีและจับกุม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ ‘นักสู้’ พร้อมกับตีกรอบศัตรูให้อยู่ในอาณาเขต ‘สังเวียน’
บุคคลที่เม็งเฮียวทงกำหนดให้เป็นเป้าหมาย จะมิอาจหลบหนีจาก ‘สังเวียน’ ที่เขากำหนด เว้นเสียแต่จะพ่ายแพ้หรือคลายแสงประทานด้วยตัวเอง
แสงประทานสามารถกำหนดได้หลายเป้าหมาย และเม็งเฮียวทงสามารถกำหนดขอบเขตของ ‘สังเวียน’ ได้ตามใจชอบ
‘แต่เม็งเฮียวทงไม่ค่อยชอบแสงประทานของตัวเองสักเท่าไร’
<แรงดึงดูดของนักสู้> อาจมีประโยชน์เมื่อต้องเอาชีวิตรอดในไฟต์คลับ แต่มันไม่ช่วยให้เขาหลบหนีออกมาได้
อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายของเกม ตอนที่เขาคอยตรึงศัตรูไว้จนถึงที่สุด เพื่อชดใช้หนี้ชีวิตด้วยการเปิดทางให้ผู้มีพระคุณ—จูซูย็อกหนีรอดไปได้ เม็งเฮียวทงเผชิญจุดจบพลางพึมพำทำนองว่า เขาไม่เคยชอบแสงประทานของตัวเองมากขนาดนี้มาก่อน
“เอานี่ไปกิน!”
เม็งเฮียวทงที่เรียกใช้แสงประทานเสร็จสิ้น เหวี่ยงกำปั้นเข้าหาบังยุนซบ
หมัดชกซึ่งพัฒนาความเร็วกับพลังทำลายขึ้นมาก
ไม่มีทางที่บังยุนซบจะยังสบายดีหากรับเข้าไปเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เขารีบกระโดดถอยหลังด้วยความหวาดกลัวราวกับคาดเดาผลลัพธ์ออก
บึ้มมมมมม!
เมื่อหมัดเคลือบคลื่นพลังวิเศษของเม็งเฮียวทงพุ่งกระแทกขอบเวที พื้นในจุดที่บังยุนซบเคยยืนพลันถูกป่นจนแหลกราวกับเต้าหู้
บังยุนซบยืนมองเวทีที่เต็มไปด้วยรอยแตกผุพังหลายจุด
สีหน้าของเขาดูหวาดกลัว แต่ยังคงตะโกนเพื่อบลัฟกลบเกลื่อน
“ชกไปไหนน่ะ ไอ้โง่เอ้ย… ห…หือ?”
บังยุนซบตะโกนขณะเตรียมก้าวถอยหลัง แต่ทันใดนั้นก็ต้องพบว่าร่างกายมิอาจขยับเขยื้อน
‘ติดอยู่ในอาณาเขตแรงดึงดูดของนักสู้ยังไงล่ะ!’
บังยุนซบขยับตัวไม่ได้เพราะคิดจะหนีออกจาก ‘สังเวียน’ ที่เม็งเฮียวทงกำหนด
เนื่องจากเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงหวาดกลัวจนเอาแต่วิ่งหนีในตอนที่ตนเตรียมใช้ท่าใหญ่ เม็งเฮียวทงจึงกำหนดให้ ‘สังเวียน’ แคบกว่าเวทีแปดเหลี่ยมเล็กน้อยเพื่อผลักให้บังยุนซบหนีไปชนสุดขอบ
‘ถึงจะสมองหิน แต่พอเป็นการต่อสู้แล้วคนละเรื่อง…!’
สมกับที่เป็นตัวละครของฉัน อัจฉริยะแห่งการต่อสู้ เม็งเฮียวทง
บังยุนซบยังคงแตกตื่น จนมิอาจทำความเข้าใจกับสถานการณ์อย่างเยือกเย็น กว่าจะคิดได้ว่าต้องเปลี่ยนมุมหนีก็สายไปแล้ว
กำปั้นเม็งเฮียวทงพุ่งเข้ามาใกล้แค่ปลายจมูก
เปรี้ยง!
“คว่อก!”
เสียงอันน่าขนลุกดังมาจากใบหน้าบังยุนซบที่ถูกตะบัน
เลือดกำเดาแตกทั้งสองข้าง แต่ดูเหมือนจมูกจะยังไม่หักเนื่องจากยั้งมือไว้
ขณะเม็งเฮียวทงกำหมัดอีกครั้งเพื่อเตรียมปิดฉาก
“หยุด!”
วาจาสิทธิ์ของจูเก่อแจกอลตรึงเม็งเฮียวทงไว้ทันที
เมื่อฝ่ายหลังดึงกำปั้นกลับ จูเก่อแจกอลประกาศเสียงดังฟังชัด
“ผู้ชนะในรอบสุดท้ายก็คือ… เม็งเฮียวทง!”
เฮ—!!
ตัวอักษรบนโฮโลแกรมมีการเปลี่ยนแปลง บรรยากาศในโรงยิมพลันเดือดพล่านสุดขีด
เมื่อเม็งเฮียวทงยกกำปั้นพลางหายใจหอบเล็กๆ เสียงเชียร์จากรอบทิศทวีความกระหึ่ม
[เม็งเฮียวทง 2:1 บังยุนซบ]
[เม็งเฮียวทง ชนะ!]
ป้ายไฟฟ้าสว่างขึ้นเพื่อประกาศผลคะแนน
เหล่าผู้ชมต่างพากันปรบมือชื่นชมการต่อสู้ที่จบลงไปของพวกเขา
ทว่า บังยุนซบผู้ยังคงนอนแผ่หลาบนเวที มิอาจลุกขึ้นได้เป็นเวลานาน