MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Result of Your Choice/ผลลัพธ์ที่คุณเลือก (4)
“ขอบคุณที่ติดต่อมานะอึยชิน ตอนนี้ซูย็อกกำลังเริ่มค้นหาจากชายฝั่งตะวันตก พวกเขาค้นกันละเอียดมากเพราะไม่อยากให้มีความพลาด… เพราะไอ้เวรนี่คนเดียว… นายช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิ ว่าไปเจอซีฮูมาที่ไหน แล้วเขากำลังทำอะไร”
จางนัมอุกพูดกับฉันขณะโดซีฮูยังคงโดนเพื่อนๆ รุมทำร้าย
คำนึงจากคำสบถที่ยังมีเล็ดลอด ดูท่าเขาจะยังไม่หายโกรธ
“คนแรกที่พบคือเจ้าหน้าที่อุทยาน ตอนนั้นเขาอยู่ที่สวนซกโชซอรัก…”
ทันทีที่ฉันเล่าวีรกรรมเพี้ยนๆ ของโดซีฮูจบ เหล่านักเรียนนายร้อยรุมประเคนหมัดใส่โดซีฮูอีกรอบ
พั่ก! ตึง!
หมัดสุดท้ายคือยูโรเปียนอัปเปอร์คัต (European Uppercut) ของจางนัมอุก ซึ่งเป็นการลงมือต่อจากแฟล็ปแจค (Flapjack) ของเพื่อนๆ
(*เกร็ด – สองอันนี้เป็นท่ามวยปล้ำ; European Uppercut คือการชกเสยด้วยหลังมือ ส่วน Flapjack เป็นท่าทุ่มคล้าย Bodyslam แต่เอาท้องลงแทนหลัง)
เปรี้ยง!
หมัดเสยที่ชกด้วยหลังมือ กระแทกใส่คางโดซีฮูเข้าเต็มรัก
“อ่อก…”
โดซีฮูกัดกรามแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวด แต่ก็ยังหลุดครวญครางแผ่วเบา
ต้องเจ็บขนาดไหนกันนะ?
การคอมโบของกลุ่มนักเรียนเตรียมทหารดูหนักหน่วงจนฉันรู้สึกเจ็บแทน
“เป็นบ้าไปแล้วรึไงวะ! ซีฮู! แค่น้ำในสระสองเมตรนายยังจม แต่ดันไปกระโดดทะเลที่เย็นเฉียบแล้วกระแสน้ำแรงแบบนั้น? อยากตายใช่ไหม?”
ดูเหมือนโดซีฮูจะเคยมีอดีตกับสระว่ายน้ำ
ใบหน้าจางนัมอุกค่อนข้างซีดเซียวขณะพูด
“ถ้าอยากตายมากขนาดนั้น ก็ให้พวกเรากระทืบจนตายแทนดีกว่า! ไอ้เวรเอ้ย!”
“ใช่แล้ว จะจมเท้าตายหรือจมน้ำตายก็คงไม่ต่างกัน… ไม่สิ แบบนี้ยังดีกว่าอีก เคยรู้บ้างไหมว่าพวกยามชายฝั่งเขาเหนื่อยแค่ไหนเวลางมศพน่ะ!”
“หลังจากเพลเยอร์ตาย พลังวิเศษจะยังหลงเหลืออยู่กับศพ คนที่เดือดร้อนไม่ใช่แค่ยามชายฝั่ง แต่ยังรวมถึงรุ่นพี่พวกเราด้วย!”
นักเรียนนายร้อยที่ช่วยกันจับโดซีฮูไว้เพื่อไม่ให้เขาหนี พ่นคำด่าออกมาไม่หยุด
แม้คำพูดคำจาจะดูรุนแรง แต่ความกังวลเก็บซ่อนกันไม่ได้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ของพวกเขาดูเคร่งเครียดไม่สมกับวัย
“ไม่ได้คิดจะตายสักหน่อย ฉันแค่เชื่อว่าตัวเองว่ายน้ำได้… ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงมีแต่คนคอยขัดขวาง”
“ต่อให้นายว่ายน้ำได้ หรือไม่ได้ป่วยเป็นโรคเมาเรือ แต่ทุกคนก็พร้อมจะขัดขวางไม่ให้นายโดดน้ำทะเลเย็นๆ อยู่ดี!”
“ทำไมไอ้เวรนี่ถึงโง่ลงได้มากขนาดนี้”
โดซีฮูที่ถูกอัดจนน่วม มองหน้าจางนัมอุกด้วยสายตาขอความเห็นใจ
“…ให้กำลังใจกันบ้างไม่ได้หรือ”
ใบหน้าจางนัมอุกพลันบิดเบี้ยว
ในสายตาเขา มันฟังดูเหมือน ‘ฉันอยากตาย ทำไมนายถึงไม่ช่วยสนับสนุน’
ฉันอยากจะเงียบ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ มันยากที่จะเก็บงำความรู้สึก
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง… นายจะไม่ได้กำลังใจจากใครทั้งนั้น”
ฉันอยากเห็นตัวละครสมความปรารถนาก็จริง แต่จะรีบห้ามทันทีถ้าพวกเขาแสวงหาความตาย
หากมีความจำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ฉันจะไปด้วยหรือไม่ก็ช่วยวางแผน
“ถึงพวกเขาจะไม่ได้พูดในสิ่งที่นายอยากได้ยิน แต่ทุกคนเป็นห่วงนายจากใจจริง… รู้บ้างไหมว่าจางนัมอุกยังไม่ได้นอนสักงีบ แถมยังรีบบึ่งมาทันทีที่ได้ทราบข่าวว่าพบตัวนายแล้ว”
ได้ยินแบบนั้น โดซีฮูหันไปมองหน้าจางนัมอุก
จางนัมอุกแต่งกายตามตำรานักเรียนนายร้อยทุกกระเบียดนิ้ว แต่ดวงตาแดงก่ำและปากซีด
เพื่อนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน
เมื่อสังเกตเห็นความอิดโรยในแววตาทุกคน โดซีฮูเริ่มรู้สึกผิด
“…ฉันขอโทษ”
“ถึงจะขอโทษ แต่ฉันก็ให้กำลังใจนายไม่ได้หรอกนะ”
“ฮะฮะฮะ รู้อยู่แล้วน่า…”
โดซีฮูไล่ขอโทษเพื่อนทีละคน
ได้เห็นภาพดังกล่าว ดูเหมือนโดซีฮูคงไม่หนีไปกระโดดทะเลอีกแล้ว
ในเมื่อเพื่อนเป็นห่วงถึงขนาดนี้ เขาคงคิดได้ไม่ยาก
“ทุกคนเข้ามาข้างในเถอะ เดินทางมาไกล อย่างน้อยก็ให้เจ้าบ้านรินชาต้อนรับหน่อย”
“ข…ขอโทษที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมครับ…!”
“เฮะเฮะ! ถ้าคิดว่าไม่เหมาะสมก็รีบเข้ามาสิ”
เมื่อเจ้าบ้านยืนกรานหนักแน่น กลุ่มนักเรียนเตรียมทหารยอมเข้าไปในกระท่อมแต่โดยดี
ด้านในกระท่อม
ทุกคนนั่งบนเบาะรอง
ฉันถามจางนัมอุกที่ดูผ่อนคลายลงแต่ยังค่อนข้างเพลีย
“ทำไมถึงเอาทิลต์โรเตอร์ออกมาได้”
“หนึ่งในหัวหน้ากองร้อยของรุ่นของเรา ซึ่งมีเส้นสายกับสถาบันวิจัยที่ทำงานให้กระทรวงกลาโหมมานาน เป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้… พอเขาทำเรื่องขอฝึกซ้อมการบิน ทางโรงเรียนก็อนุญาตทันที”
แค่ทางโรงเรียนอนุญาตให้ซ้อมบินก็น่าทึ่งมากแล้ว แต่กำลังจะบอกว่าทิลต์โรเตอร์ลำเมื่อครู่ ขับโดยเพื่อนร่วมรุ่นจางนัมอุก?
ดูเหมือนในโรงเรียนเตรียมทหารจะมีอัจฉริยะซุกซ่อนมากกว่าที่คิด
แต่นี่ไม่เล่นใหญ่ไปหน่อยหรือ…
“นายบอกว่าเป็นคนปลอมลายเซ็นโดซีฮูเพื่อขอใบอนุญาตค้างคืนข้างนอก ทำตัวเอิกเกริกแบบนี้เดี๋ยวก็ถูกโรงเรียนสอบสวนหรอก”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง… ฉันจะรับผิดชอบเองในฐานะหัวหน้ากองร้อยเอง”
กำลังจะบอกว่าถ้าถูกจับได้ โดซีฮูจะรับผิดชอบเองคนเดียว?
กับคนอื่นไม่แน่ใจ แต่ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าจางนัมอุกไม่เห็นด้วย
‘ว่าแต่… จางนัมอุกได้เป็นหัวหน้ากองร้อยกับเขาด้วยไหมนะ’
หลังจากเข้าโรงเรียนเพลเยอร์เตรียมทหาร หัวหน้ากองร้อยจะถูกเลือกจากเพื่อนในกองร้อยเดียวกัน
นับแต่นี้ไป หัวหน้ากองร้อยจะมีอำนาจสูงสุดในกองร้อยไปจนกระทั่งปีสอง หลังจากนั้นก็จะมีการคัดเลือกประธานนักเรียนจากกลุ่มหัวหน้ากองร้อย
‘ปกติแล้วที่หนึ่งของรุ่นจะได้รับเลือก… การได้เป็นผู้นำขบวนสวนสนาม คงช่วยให้เพื่อนเชื่อใจจางนัมอุกมากขึ้น’
ไม่ใช่แค่นั้น จางนัมอุกไม่เคยถอดใจที่จะคว้าอันดับหนึ่งของรุ่น
…คนที่พูดมากอย่างหมอนี่กลับไม่เคยพูดเรื่องผลการสอบเลย
“ขอดูอาการบาดเจ็บหน่อย”
ขณะพวกเรารอให้ชาร้อนได้ที่
ฮัมกึนยองเตรียมเข้ามาดูอาการของโดซีฮูเพื่อใช้ไอเท็มฟื้นฟู
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพอกลับไปถึงโรงเรียน ซีฮูก็ต้องถูกซ้อมต่ออยู่ดีครับ พวกเราจะรักษาหลังจากเขาได้รับโทษอย่างสาสมแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ”
จางนัมอุกปฏิเสธอย่างสุภาพ ตรงข้ามกับความรุนแรงของเนื้อหาที่พูด
โดซีฮูที่นั่งนิ่งมาสักพัก กล่าวเสียงสั่น
“…เอ่อ ฉันยังต้องกลับไปโดนซ้อมอีกหรือ”
“ใช่ มีคนต่อคิวรออัดนายเพียบเลย ตอนนี้คงกำลังรวมตัวในลานสวนสนามของกองร้อย”
“…ฉันชักปวดหัวแล้วสิ ได้กินยาสักหน่อยน่าจะดีขึ้น”
โดซีฮูพูดพลางจับศีรษะ
จางนัมอุกที่เป็นคนซัดใส่ใบหน้าไปหลายหมัด ถามด้วยความกังวล
“ปวดขนาดนั้นเลย…?”
ได้ยินคำถาม โดซีฮูรีบตอบด้วยรอยยิ้มยียวน
“ในเมื่อปวดหัว… ฉันก็ต้องกินยาสองถัง*สิ! ฮะฮะฮะ… แอ่ก…!”
(*อธิบายมุก – ทูดง두통 แปลว่าปวดหัว; แต่ถ้าแยกคำ – ทู 두 แปลว่า ‘สอง’ , ตง 통 แปลว่า ‘ถัง’)
พั่ก!
หนึ่งในนักเรียนนายร้อยตบท้ายทอยโดซีฮูจนเขาต้องเงียบ
เมื่อบรรยากาศกลับมาสงบ และโดซีฮูทำหน้ารู้สึกผิด
“หมอนั่นคงโดนเพื่อนซ้อมจนเพี้ยนไปแล้ว”
ซงแดซอกที่เอามินกือรินมาหลบหลัง พูดเสียงมะนาวไม่มีน้ำ
…ใช่ที่ไหนล่ะ โดซีฮูเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนโดนซ้อมแล้ว
ฉันค่อนข้างโล่งใจที่เห็นโดซีฮูกลับมาเล่นมุกเห่ยๆ ได้ตามปกติ
“ชาพร้อมแล้ว นั่งลงสิ”
แม้นักเรียนม.ปลายแปลกหน้าเหล่านี้จะร่อนลงมาหน้าบ้านแล้วรุมซ้อมโดซีฮูอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ฮงคยุงบ๊กผู้ใจกว้างยังคงเสิร์ฟน้ำชาให้
ได้ยินคำพูดเขา ทุกคนเงียบแล้วนั่งจิบชาอย่างสงบ
ชาที่ชงสดใหม่ ได้จากการบดรากต้นเท้ายายม่อม
ของว่างก็ทำจากรากต้นเท้ายายม่อม น้ำขิง และน้ำผึ้ง
‘วุ่นวายชะมัด…’ ɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm
มินกือรินที่หลบอยู่หลังซงแดซอก เริ่มจับชายเสื้อฝ่ายหลังแน่นขึ้นเนื่องจากในกระท่อมเต็มไปด้วยใบหน้าไม่คุ้นตา
โชคยังดีที่มีครูฮัมกึนยองคอยนั่งบังสายตามินกือรินให้
กลุ่มนักเรียนนายร้อยยังเอาแต่นั่งตัวเกร็งด้วยท่าทีเคร่งขรึม
จิตรกรฮงคยุงบ๊กซึ่งดูจะชื่นชอบความกระฉับกระเฉงของพวกเขา เริ่มชวนคุยเรื่อยเปื่อย
แม้การรวมตัวจะเกิดขึ้นอย่างอลวน แต่ความอบอุ่นของฮงคยุงบ๊กก็ช่วยให้ปาร์ตี้น้ำชาจบลงอย่างราบรื่น
หลังจากทุกคนดื่มชาเสร็จแล้ววางถ้วย
“ขอโทษที่สร้างความวุ่นวายครับ!”
“ขอโทษครับ!”
“เฮะเฮะ… ขอโทษอะไรกัน เงยหน้าขึ้นเถอะ”
ฮงคยุงบ๊กจ้องหน้ากลุ่มเด็กม.ปลายผมสั้นเกรียนด้วยความเอ็นดู
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมเดินไปส่งพวกเขาข้างล่างให้เอง”
“ผมไปด้วยครับ”
แม้จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเพราะโดซีฮู แต่วันนี้เป็นวันดีที่สองยอดจิตรกรของเกาหลี ได้พบหน้ากันหลังจากห่างหายไปนาน
ซงแดซอกก็อยากเจอฮงคยุงบ๊กมานานแล้วเช่นกัน ทั้งสองคุยกันอย่างออกอรรถรส
ครูฮัมกึนยองที่อ่านบรรยากาศออก อาสาลงไปส่งกลุ่มนักเรียนนายร้อย
‘เรามีก็นัดในอำเภอฮงชอนเหมือนกัน…’
อันที่จริง ฉันเตรียมคิดเหตุผลสำหรับชิ่งออกมากลางคันไว้แล้ว
[ฉัน] รุ่นพี่ ผมมาถึงฮงชอนแล้ว ให้ไปเจอที่ไหนครับ
[ซองซีวาน] นายอยู่ไหน? เดี๋ยวฉันไปรับเอง! ฮะฮะ
วันนี้ฉันยังต้องไปพบซองซีวานกับคเยอีดัมต่อ
* * *
ขณะกลุ่มนักเรียนนายร้อย โชอึยชิน และฮัมกึนยอง กำลังเดินลงจากภูเขา
ซงแดซอกมองพวกเขาจากหน้าต่าง
“รองหัวหน้าห้องดูเป็นคนดีนะ… พ่อแม่ของเธอก็เคยชมหัวหน้าห้องให้ฟัง… ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครูประจำชั้นอย่างฮัมกึนยอง”
ฮงคยุงบ๊กช่วยพูดเสริมซงแดซอก
“แดซอก ถ้าเธอไปโรงเรียนด้วยกัน จากนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงกือรินอีกแล้ว”
ซงแดซอกไม่ตอบ เอาแต่มองมินกือรินที่กำลังตระเวนชื่นชมผลงานใหม่ของฮงคยุงบ๊ก
ใบหน้าของคนที่เคยกลั่นแกล้งมินกือริน ทยอยผุดขึ้นในใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ลองเก็บไปคิดดูให้ดี นี่เป็นโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตวัยเรียนกับกือรินนะ”
จากนั้นก็หวนนึกถึงใบหน้าของเด็กห้อง 1/0
รวมถึงใบหน้าของมินกือริน ผู้มักชื่นชมเพื่อนร่วมชั้นทุกครั้งที่มีโอกาส
“ฉันเองก็จะช่วยอีกแรง แดซอก… นับตั้งแต่ฉันเห็นกือรินเริ่มไปโรงเรียน แถมอุตส่าห์ยังถ่อมาไกลถึงที่นี่… ฉันตัดสินใจได้แล้ว”
“…ครับ?”
กล่าวจบ ฮงคยุงบ๊กเริ่มเปิดดีไวซ์เพื่อติดต่อใครสักคน
หลังจากฟังบทสนทนาอยู่ข้างๆ ซงแดซอกเผยสีหน้าตกตะลึงราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
* * *
เมื่อยืนยันว่ากลุ่มนักเรียนนายร้อยจองตั๋วแอร์บัสเรียบร้อย ฉันเตรียมนัดเจอซองซีวานต่อทันที
“เธอมีนัดต่อสินะ”
“ครับ ผมนัดกับรุ่นพี่ซองซีวานไว้… หลังจากนี้ครูมีแผนจะทำอะไรต่อ”
“ไม่มี แต่จะรอจู่โจมรอยแยก SSR วันพรุ่งนี้ คืนนี้คงต้องค้างที่บ้านผู้อาวุโสต่อ… เดี๋ยวครูรอเป็นเพื่อนจนกว่าซองซีวานจะมา”
ดูเหมือนฮัมกึนยองจะยังกังวลว่า นักเรียนของตนอาจเผชิญกับปัญหาในต่างถิ่น
…เป็นห่วงเกินไปแล้ว
ราวกับอ่านความคิดฉันออก ฮัมกึนยองกล่าว
“ความอุดมสมบูรณ์ของดินแถวนี้ไม่ค่อยเสถียร ในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลจะเกิดรอยแยกต่างโลกบ่อยขึ้น ไม่แนะนำให้เคลื่อนไหวตามลำพัง”
“ความอุดมสมบูรณ์ของดิน?”
“ใช่”
ความอุดมสมบูรณ์
อ้างอิงจากตำนานภูเขาเบญจรนกับถนนไตรอาชา ดูเหมือนเส้นเลือดใต้ผืนโลกจะเสียหายร้ายแรง เป็นธรรมดาที่ดินจะมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
คำนึงจากคำพูดของฮัมกึนยอง ฉันเริ่มเดา ‘ธุระ’ ของเขาได้
“ความไม่อุดมสมบูรณ์ของดินในอำเภอฮงชอน เกี่ยวข้องกับธุระของครูใช่ไหม”
“ใช่… เมื่อก่อนครูเคยเคลียร์รอยแยกแถวนี้ หลังจากนั้นก็ตัดสินใจกลับมาช่วยเคลียร์ทุกปี”
ถ้าเป็นเรื่องนั้น ฉันเคยได้ยิน
เหตุการณ์ที่ฮัมกึนยองรับมือกับรอยแยกที่รีสอร์ตสกีในอำเภอฮงชอนตามลำพัง จนเกิดเป็นตำนาน ‘ศรสวรรค์’ ฮัมกึนยอง
ในเวลานั้น รอยแยกประเภทดันเจี้ยนที่กว้างเป็นพิเศษได้ปรากฏตัวบนลานสกี
ประกอบกับมีหิมะตกหนักทั่วทั้งจังหวัด กำลังเสริมจึงมาถึงช้า
หลังจากฮัมกึนยองจัดการเอนามีด้านนอกจนหมด เขารีบเคลียร์ดันเจี้ยนภายในเวลาอันสั้น เรียกได้ว่าทำหน้าที่ทั้งหน่วยป้องกันและหน่วยบุกด้วยตัวคนเดียว
‘ด้วยอายุแค่นั้น เขาสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนเกรด SSR ได้ตามลำพัง…’
สมแล้วที่เป็นวีรกรรมอันโด่งดังของตัวละครและครูประจำชั้นของฉัน
ระหว่างกำลังยืนอยู่หน้าป้ายแอร์บัส พลางฟังเรื่องเล่าคร่าวๆ จากปากฮัมกึนยอง ไม่นานซองซีวานก็มาถึง
“อ๊ะ… ครูฮัมกึนยองนี่นา! สวัสดีครับ ทำธุระเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วล่ะ แต่ว่าจะอยู่เคลียร์รอยแยก SSR พรุ่งนี้ก่อนกลับ”
“ผมก็สมัครเข้าทีมจู่โจมไปกับทางสมาคมแล้วครับ มาลุยด้วยกันเถอะ! อีดัมก็จะอยู่หน่วยบุกด้วย”
“ตกลง”
“ดีจังเลยนะครับ เพราะผมถนัดแค่โจมตีประชิดตัว… จริงสิ มากินอะไรที่บ้านผมก่อนไหมครับ”
ซองซีวานชวนฮัมกึนยองไปกินข้าวที่บ้านด้วยรอยยิ้มสดใส
อาจเพราะฮัมกึนยองไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว และคงไม่อยากกลับไปกวนช่วงเวลาดีๆ ของยอดจิตรกร เขาจึงรับตกปากรับคำ
‘ถามเรื่องนั้นดีไหมนะ’
ระหว่างทางไปบ้านซองซีวาน
ฉันตัดสินใจขุดคุ้ยพื้นเพของเขาขณะชวนคุยเรื่อยเปื่อย
“รุ่นพี่ซองซีวานเกิดที่ฮงชอนหรือครับ”
“เปล่า… พ่อแม่ย้ายบ้านก่อนที่ฉันจะเกิดเสียอีก พวกเขาตรวจพบคลื่นพลังวิเศษระหว่างแม่กำลังท้อง ก็เลยรีบย้ายไปอยู่ในที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับเพลเยอร์… ฉันเกิดและโตที่โซลน่ะ ครอบครัวเพิ่งย้ายกลับฮงชอนตอนที่ฉันสอบติดโรงเรียนแสงเงิน”
“หรือว่า… ลูกพี่ลูกน้องของรุ่นพี่ก็เหมือนกัน?”
“ใช่ พี่กุกอุนก็ด้วย! ศูนย์บ่มเพาะพลังวิเศษที่ฉันเคยอยู่ พี่กุกอุนเคยอยู่มาก่อน และในตอนที่เขาอยู่ที่ศูนย์…”
ตามที่ซองซีวานเคยเตือนไว้ ถ้าได้เริ่มโม้เกี่ยวกับซองกุกอุนล่ะก็ยาวแน่
…นานๆ ทีได้ฟังประวัติของตัวละครควบคุมได้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ขณะฉันเดินไปฟังไป
“ยินดีที่ได้เจอกันอีกนะครับ ครูฮัมกึนยอง”
ฮัมกึนยองเผยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะหันไปยังทิศทางของเสียง
“กุกอุน…”
หน้าบ้านครอบครัวซองซีวาน
ซองกุกอุนกำลังยืนมองพวกเราจากที่นั่น