MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Result of Your Choice/ผลลัพธ์ที่คุณเลือก (3)
“ผมสบายดี! ผมยังปกติ! ตอนนี้มีบางอย่างต้องไปทำ ช่วยปล่อยไปได้ไหม…!”
“ไม่ได้”
โดซีฮูโต้แย้งคำพูดของครูฮัมกึนยอง แต่ก็ถูกความหนักแน่นของฝ่ายหลังขัดขวางไว้
‘ดูไม่ปกติเลยสักนิด’
ลูกตาจมลึก ถุงใต้ตาดำคล้ำ
ริมฝีปากม่วงซีด
ผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งพันรอบหัวที่เปียก
มองมุมไหนก็ไม่ปกติ
“กือริน มาหลบหลังฉัน”
“อะ…”
ซงแดซอกที่สัมผัสได้ว่าโดซีฮูดูไม่ชอบมาพากล รีบดึงมินกือรินไปหลบหลังโดยไม่รอให้เธอตอบ
ระหว่างนี้ โดซีฮูเอาแต่จ้องหน้าครูฮัมกึนยองแล้วพยายามดิ้นให้หลุด
‘ไม่มองมาทางเราเลยแฮะ…’
ครูหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนของโรงเรียนแสงเงิน ซึ่งแม้แต่เด็กแสบอย่างห้องศูนย์ก็ยังไม่กล้าแข็งข้อ
ไม่มีทางที่โดซีฮูจะสลัดหลุดจากคนแบบนั้น
“สวัสดีครับครูฮัมกึนยอง โดซีฮูไปทำอะไรมาหรือ”
ได้ยินฉันกล่าวทักทาย โดซีฮูดูจะเริ่มจำได้ ใบหน้าค่อยๆ เผยความประหลาดใจ
‘ฮัมกึนยองรู้ว่าเราจะมาที่กระท่อมหลังนี้… แปลว่าเขาจงใจพาโดซีฮูมา เพราะเชื่อว่าเรากับโดซีฮูรู้จักกันจากเหตุร้ายในสนามเบสบอล รวมถึงปาร์ตี้บนเรือคีโมโพลียา’
ต่อให้จังหวัดกังวอนไม่มีบุคลากรที่เก่งพอจะควบคุมตัวโดซีฮู แต่ก็ยังมีวิธีแก้ปัญหาอีกถมเถ เช่นการติดต่อกรุงโซลเพื่อขอกำลังเสริม
ดังนั้น ที่ครูฮัมกึนยองลงทุนลากโดซีฮูมาถึงภูเขาการีในฮงชอน ย่อมสื่อได้ว่า
…เขาอยากพาโดซีฮูมาเจอเรา ผู้เป็นทั้งคนรู้จักและเพื่อนในวัยเดียวกัน
“ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ผมได้รับแจ้งขอกำลังเสริมจากศูนย์ข้อมูลอุทยานของสวนซกโชซอรัก ผ่านสถานีตำรวจชายฝั่งซกโช”
คำอธิบายของครูฮัมกึนยองมีดังนี้:
ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติซอรักฝั่งที่ติดทะเลนั้น เดิมทีเมื่อก่อนชื่อว่า ‘แนมุลจี’ แต่ปัจจุบันคือสวนซกโชซอรัก
เจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลอุทยานแจ้งเข้ามาว่า พบเห็นนักเรียนชายม.ปลายผมสั้นเกรียน กำลังนั่งเหม่ออยู่ใต้ต้นสน
‘หรือเขาจะมานั่งสงบสติเพราะการสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว?’
นั่นคือความคิดของเจ้าหน้าที่
แต่ทันใดนั้น นักเรียนม.ปลายคนดังกล่าวได้ถอดเสื้อนอกออกแล้วกระโดดลงทะเล
อุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำทะเลฝั่งตะวันออกในช่วงเดือนมิถุนายนจะอยู่ระหว่าง 14-19 องศาเซลเซียส
‘พักนี้ผู้คนเริ่มใช้วิธีแปลกขึ้นทุกวัน… หรือว่าเขาเป็นสตรีมเมอร์ที่กำลังทำคอนเทนต์?’
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่เจ้าหน้าที่ยังคงจับตามองนักเรียนด้วยความกังวล
ไม่นานก็เริ่มสังเกตเห็นโดซีฮูตะเกียกตะกายบนผิวน้ำ จึงตัดสินใจรีบเข้าไปช่วยด้วยความงุนงง
เรื่องราวข้างต้นเกิดขึ้นซ้ำซาก
“เกิดขึ้นซ้ำซาก?”
“ใช่ ครั้งแรกต่อหน้าเจ้าหน้าที่อุทยาน จากนั้นก็ที่หาดเวียงจี หาดซกโช หาดชองโฮ และหาดประภาคาร… เมื่อเริ่มมีคนห้าม เขายิ่งหนีขึ้นเหนือไปตามแนวชายฝั่งแล้วกระโดดอีกครั้ง”
โดซีฮูคิดจะทำอะไรกันแน่?
“ฉันไม่ได้แค่กระโดดทะเลเฉยๆ”
“กำลังจะบอกว่าเธอลงไปว่ายน้ำ…? แต่เท่าที่ดู…”
“ไม่ ฉันว่ายไม่เป็น แต่รู้สึกเหมือนกำลังจะว่ายได้… ไม่มีเหตุผลรองรับหรอกนะ”
ดูเหมือนพฤติกรรมสุดเพี้ยนของโดซีฮูจะเกิดจากความมั่นใจที่ผิดๆ
ซงแดซอกผู้มีท่าทีหวาดระแวง ถามย้ำราวกับไม่เชื่อหู
“หมายความว่ายังไง…”
“ถ้าล้มเหลวมากขนาดนี้ล่ะก็… คงใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะทำสำเร็จแล้วล่ะ”
โดซีฮูยังคงพูดจาเพี้ยนๆ
“เชื่อผมเถอะ… ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว! ถ้าได้กระโดดทะเลคราวนี้ต้องลอยแน่! ครั้งที่แล้วก็อีกนิดเดียวเอง! ปล่อยผมกลับไปที่ทะเลเถอะนะ… จะได้ว่ายน้ำสำเร็จด้วยตัวเองครั้งแรกสักที”
ไม่ว่าสุดท้ายแล้วโดซีฮูจะว่ายน้ำสำเร็จหรือไม่ แต่ฉันมั่นใจว่าถ้าหมอนี่หลวมตัวเข้าสู่วงการพนัน รับรองได้เลยว่าฉิบหายวายวอดแน่นอน มีเท่าไรก็หมด แม้แต่ TC กรุปก็คงไม่เหลือ
ทุกคนปิดปากเงียบหลังจากได้ยินคำขอร้องอันสุดโต่งและบ้าบิ่น
“เป็นการอธิบายยาวๆ ว่า… ตัวเองคือคนบ้า”
ซงแดซอกทำลายความเงียบด้วยการวิเคราะห์อย่างตรงประเด็น
เมื่อสัมผัสถึงบรรยากาศอันมืดมน สีหน้าของโดซีฮูยิ่งห่อเหี่ยว
“การกระโดดจากที่สูงโดยไม่มีสกิลบินและไม่พึ่งพาไอเท็มน่ะ เราเรียกมันว่าการฆ่าตัวตาย และเขากำลังทำแบบเดียวกัน… เด็กม.ปลายที่ว่ายน้ำไม่เป็น พยายามกระโดดลงทะเลในช่วงต้นเดือนมิถุนา? หลังจากถูกช่วยขึ้นมาก็ยังทำซ้ำอีกหลายหน? ไม่มีใครหยุดเขาได้ เพราะคนเสียสติรายนี้เป็นเพลเยอร์… ทรัพยากรบุคคลอันมีค่าของเกาหลีใต้กำลังถูกผลาญไปกับไอ้โง่แค่คนเดียว… ถ้าไม่เรียกว่าคนบ้าแล้วจะให้เรียกอะไร”
เมื่อซงแดซอกนิยามวีรกรรมของโดซีฮูให้ยาวขึ้น ฝ่ายหลังยิ่งทำหน้าเจ็บปวด
“แดซอก…!”
มินกือรินที่อึ้งอยู่กับความเพี้ยนของโดซีฮู ได้สติกลับมาแล้วพยายามปรามซงแดซอก แต่ฝ่ายหลังได้พูดทุกเรื่องที่อยากพูดไปแล้ว
“ฉันบอกกับพวกเจ้าหน้าที่ว่าจะช่วยดูแลต่อให้เอง เพราะเชื่อว่าสถานการณ์คงบานปลายถ้าติดต่อกลับไปหาโรงเรียนหรือครอบครัว… เมื่อลองถามถึงบุคคลที่พอจะติดต่อได้ เขาเอาแต่ปิดปากเงียบท่าเดียว”
ฮัมกึนยองพูดขณะมองหน้าฉัน
ฉันพยักหน้ารับและกล่าว
“ใครบางคนกำลังตามหาโดซีฮูอยู่ เดี๋ยวผมติดต่อให้เอง”
เมื่อฉันเปิดโฮโลแกรม โดซีฮูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม
“…นายจะติดต่อซูย็อก?”
“ซูย็อกไว้ทีหลัง”
“…งั้นก็พี่วอนอู?”
คำนึงจากอากัปกิริยา โดซีฮูคงเดาได้ว่าฉันคิดจะติดต่อจางนัมอุก
ฉันเริ่มพิมพ์ข้อความโดยไม่เฉลยว่าเป็นใคร
[ฉัน] เจอตัวโดซีฮูแล้ว
ข้อความถูกอ่านและตอบกลับทันที
[จางนัมอุก] เขาอยู่ที่ไหน?
[จางนัมอุก] ส่งพิกัดมา ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้เลย! ไม่สิ ถ้านายอยู่ระหว่างทางกลับ พวกเราอาจคลาดกัน… จะให้ฉันทำยังไง รอไปก่อนหรือ?
[จางนัมอุก] ไม่สิ โดซีฮูอาจจะหนีไปอีกก็ได้
[จางนัมอุก] อึยชิน ช่วยบอกพิกัดมาเลยได้ไหม ฉันจะไปจับหมอนั่นเอง
เมื่ออ่านข้อความ ฉันพอจะบอกได้ว่าจางนัมอุกเป็นห่วงแค่ไหน จึงหันไปหาฮงคยุงบ๊กแล้วพูด
“เพื่อนของโดซีฮูอยากมาที่นี่ ผมส่งพิกัดให้เขาได้ไหมครับ”
“เฮะเฮะ… วันนี้มีแขกเยอะแยะเชียว… เพื่อนของกือรินตัดสินใจเอาเองเลย”
ซงแดซอกไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินคำว่า ‘เพื่อนของกือริน’ แต่ก็ทำได้แค่เงียบเพราะถูกมินกือรินจ้องอยู่
“นัมอุกกำลังมา?”
“ใช่”
โดซีฮูทำหน้าเหมือนอยากทุบดีไวซ์ของฉันทิ้งเดี๋ยวนี้
แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากครูฮัมกึนยองเจ้าของใบหน้าดุร้าย กำลังจ้องเขม็งจากด้านหลัง
ฉันนึกชื่นชมความพึ่งพาได้ของครูประจำชั้น พลางส่งพิกัดให้อีกฝ่ายด้วยใบหน้าผ่อนคลาย
“อย่ามัวยืนคุยข้างนอกเลย เข้าบ้านกันเถอะ”
สิ้นเสียงอาจารย์ฮงคยุงบ๊ก ทุกคนรวมถึงโดซีฮูทยอยเข้าไปในกระท่อม
แม้จะย่างเข้าช่วงต้นฤดูร้อน แต่อากาศในภูเขายังคงเย็นสบาย โดซีฮูที่หัวเปียกจึงได้นั่งจุดแดดส่องพร้อมกับดื่มชาพุทราขิง
“ขอโทษที่พาคนมาเพิ่มโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าครับ”
“เฮะเฮะเฮะ! ช่างเถอะน่า แถวนี้ขาดสีสันมานานแล้ว”
จิตรกรฮงคยุงบ๊กห้ามไม่ให้เราช่วย แล้วเป็นคนรินชาขิงน้ำผึ้งเย็นๆ ด้วยตัวเอง
“สรุปก็คือ… โชอึยชินเป็นนักเรียนของกึนยอง และยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับกือรินและแดซอกด้วย?”
ฮงคยุงบ๊กนั่งลง พลางมองเข้ามาในตาฉันอย่างอ่อนโยน
ซงแดซอกชักสีหน้าราวกับไม่ชอบคำว่า ‘เพื่อนร่วมชั้นของแดซอก’
“ครับ ผู้อาวุโส เขาเป็นรองหัวหน้าห้องศูนย์ที่ผมดูแลอยู่”
“เฮะเฮะเฮะ… หน้าตาดูฉลาดดี”
หลังจากพักหลังได้ยินแต่คนพูดถึงตัวเองว่า ‘หน้าตามีพิรุธ’ บ้าง หรือ ‘หน้าตาโง่ลง’ บ้าง ได้มาฟังคำชมแบบนี้ทำเอาฉันรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ
“อาจารย์… อันที่จริง เขาเป็นคนหาแว่น AR มาให้ฉัน…”
มินกือรินอธิบายอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์ที่ฉันยก ‘หยดน้ำตาเจือลมหายใจนางเงือก’ และแว่น AR ให้
สายตาของฮงคยุงบ๊กยิ่งดูอ่อนโยนหลังจากได้ฟังเรื่องราว
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าเพื่อนร่วมห้องทุกคนติดมาร์เกอร์เฉพาะตัวเพื่อมินกือริน เขาถึงกับน้ำตาคลอโนlวลกูดอทคoม
“อย่างนี้เอง… ฉันเคยได้ยินว่าห้องศูนย์มักมีแต่เด็กมีปัญหา แต่พอเป็นนักเรียนของกึนยอง ทุกคนดูจะเป็นเด็กดีกันหมดเลยนะ เฮะเฮะ!”
“ค่ะ! เพื่อนในห้องนิสัยดีทุกคนเลย!”
…แม้แต่จิตรกรชื่อดังก็ยังดูออกสินะ
ห้องของฉันมีแต่เด็กดี
“ได้รองหัวหน้าห้องทั้งฉลาดและอ่อนโยนแบบนี้ เธอเลือกได้ดีจริงๆ เฮะเฮะเฮะ!”
“ใช่ค่ะ! ถึงจะชอบทำหน้ามีพิรุธ แต่ก็เป็นรองหัวหน้าห้องที่พึ่งพาได้มาก!”
ฉันรอให้พวกเขาเปลี่ยนเรื่องคุยสักที แต่คำชมจากสองจิตรกรยังคงพรั่งพรูไม่หยุด
ถึงจะมีหลุดคำว่า ‘พิรุธ’ ออกมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคำชมที่ชวนให้รู้สึกดี
‘ถามเรื่องนั้นเลยดีไหมนะ’
ช่างบังเอิญ ทุกคนที่นี่ล้วนไว้ใจได้
เพราะทั้งหมดคือตัวละครที่สละชีวิตเพื่อต่อต้านวายร้ายภายในเกม
“ขอถามอาจารย์สักเรื่องได้ไหมครับ”
“ว่ามาเลย”
“ผมอยากทราบแรงบันดาลใจในการวาดอีมูกีสู่สวรรค์”
“พี่ชายคนสนิทของฉันขอร้องมาน่ะ… วันหนึ่งเขาเรียกฉันไปหา แล้วบอกว่ามีบางสิ่งที่นายต้องวาดให้ได้”
ฮงคยุงบ๊กหันไปมองกรอบรูปที่แขวนบนผนัง
หนึ่งในนั้นคือใบหน้าที่ฉันได้เห็นจากโฮโลแกรมในห้องบอส ซึ่งเป็นทางเดินลับระหว่างหอประชุมสภานักเรียนและกรรมการรักษาระเบียบ—อดีตประธานสมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลี โดยที่อีกสองคนคือแขนเหล็กซงมันซอกกับฮงคยุงบ๊กในวัยหนุ่ม
“ความต้องการของเขาทั้งจุกจิกและละเอียดมาก ลำตัวอีมูกีในรูปต้องสูงสามคืบของนิ้วฉัน สีที่ใช้ก็ต้องผสมจากการบดผงไข่มุกเงินกับดอกไม้ม่วง…”
น้ำเสียงฮงคยุงบ๊กแฝงไว้ด้วยความโหยหา
“ที่ฉันไม่ชอบที่สุดคือกระดาษ… ทั้งที่ฉันไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยืนกรานว่าต้องใช้กระดาษต่างโลกให้ได้ สุดท้ายก็ต้องยอมตามใจพี่ซอง… ถ้ารู้ว่าจะออกมาเป็นแบบนี้แต่แรก ฉันคงยอมก้มหน้าวาดโดยไม่คัดค้านอะไร”
กระดาษต่างโลก?
มีของแบบนั้นด้วยหรือ
ขณะฉันสลักทุกคำพูดของฮงคยุงบ๊กลงในใจ
“…!”
ทันใดนั้น ทั้งฮัมกึนยองและฮงคยุงบ๊กต่างยืนขึ้นแล้วแหงนมองท้องฟ้า
ตุตุตุ…
เมื่อลองตั้งใจฟัง ฉันได้ยินเสียงคล้ายเครื่องยนต์ดังมาจากไกลๆ
“แถวนี้เป็นเขตห้ามบินของแอร์บัสกับแอร์แท็กซี่ แล้วนั่นเสียงอะไร? ภูเขาลูกนี้ทั้งชันและวิบากจนยากที่จะมาด้วยยานพาหนะบนดิน…”
“เสียงเครื่องยนต์ดังมาก อ๊ะ! หรือว่าเสียงเฮลิคอปเตอร์?”
ซงแดซอกกับมินกือรินเริ่มเดาถูกทาง
โดซีฮูที่ดูเหมือนจะจำเสียงได้ ทำหน้าอมทุกข์ยิ่งกว่าเก่า
ได้เห็นสีหน้าดังกล่าว ฉันผุดสมมติฐานในใจ
“ออกไปดูกันเถอะ”
เมื่อก้าวออกไปนอกกระท่อม ฉันเห็นทิลต์โรเตอร์ (Tiltrotor) ลำใหญ่กำลังลอยเหนือกระท่อม
(*เกร็ด – Tiltrotor คืออากาศยานที่สามารถสร้างแรงยก
ต้นไม้กำลังโยกคลอนจากแรงลมที่ทิลต์โรเตอร์สร้าง
“ทุกคนถอยกลับเข้าไป ผู้อาวุโสด้วย”
“เฮะเฮะ! กังวลมากไปแล้วล่ะ”
ครูฮัมกึนยองกับจิตรกรฮงคยุงบ๊กกำลังยืนหน้าพวกเราเพื่อช่วยบังกระแสลม
เพลเยอร์ทั้งสองปักหลักปะทะกับแรงลมโดยไม่ซวนเซแม้แต่น้อย
‘พวกเขาคงดูออกว่าทิลต์โรเตอร์ลำนี้เป็นของใคร’
บนผิวด้านข้างตัวถังซึ่งปกคลุมด้วยโลหะต่างโลก สลักตราโรงเรียนเพลเยอร์เตรียมทหารไว้อย่างงดงาม
นี่คงเป็นทิลต์โรเตอร์ที่โรงเรียนเตรียมทหารใช้สำหรับฝึกซ้อม
ไม่นานประตูเครื่องก็เปิดออก กลุ่มคนถือไอเท็มการ์ดทยอยกระโดดลงมาทีละหนึ่ง
นับจำนวนได้ห้าคน ทั้งหมดคือนักเรียนนายร้อยผมสั้นเกรียน
ปาซ! ปะปาซ! ซู่ว!
ขณะพวกเขาใช้ไอเท็มเพื่อช่วยให้ร่อนลงอย่างปลอดภัย ทิลต์โรเตอร์กลับลำกลางอากาศแล้วบินลับสายตาไป
ตุตุตุตุตุตุตุ…!
เสียงเครื่องยนต์และสายลมกระโชกเบาลงเรื่อยๆ
ระหว่างนั้น จางนัมอุกปรี่เข้ามาแล้วซัดหน้าโดซีฮูหนึ่งหมัด
“ไอ้บ้าโดซีฮู!”
พ่อก!
เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นจางนัมอุกสบถนับตั้งแต่คดีซนมินกิ
โดซีฮูทำท่าจะหลบ แต่คงเพราะร่างกายอ่อนเพลีย สุดท้ายก็ถูกชกเข้าไปอย่างจัง
“ใจคอจะซัดหน้าทันทีที่เจอกันเลยหรือไง…”
พ่อก!
ยังไม่ทันจะพูดจบ โดซีฮูถูกต่อยเข้าที่แก้มอีกฝั่ง
เป็นหมัดจั๋งหนับที่ดูแล้วสะใจอย่างบอกไม่ถูก
พ่าก! พ่อก!
ขณะโดซีฮูเริ่มซวนเซ กลุ่มนักเรียนนายร้อยผมสั้นเกรียนที่เหลือรุมออกอาวุธใส่
ราวกับนัดแนะลำดับกันมาก่อน หลังจากหมัดเปิดของจางนัมอุก ก็เป็นแก้ม ท้อง ท้ายทอย และหลัง
ในเมื่อไม่ได้เล่นแรงถึงตาย ฮัมกึนยองจึงหลับตาให้ข้างหนึ่งโดยไม่ทำอะไร
“เด็กพวกนี้ร่าเริงกันจริงๆ เฮะเฮะ! สงสัยต้องเตรียมชาเพิ่มอีกห้าแก้ว”
จิตรกรฮงคยุงบ๊กยืนอยู่หน้าบ้าน พลางมองนักเรียนเตรียมทหารหนึ่งคนโดนรุมกระทืบอย่างอารมณ์ดี
จิตรกรระดับชาตินะเนี่ย