📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ตัวประกอบแรงค์ EX – ตอนที่ 139

บทที่ 139
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Result of Your Choice/ผลลัพธ์ที่คุณเลือก (2)

“เพิ่งเคยเห็นม้าขาวตัวเป็นๆ ครั้งแรก… อยากลองวาดดูจัง”

มินกือรินกล่าวอย่างสงบ

ดูเหมือนเหตุผลที่แอร์แท็กซี่หยุดบินจะเกี่ยวกับม้าขาวสามตัวนั้น แต่พวกมันมิได้แสดงท่าทีมุ่งร้ายต่อเรา

ในทางกลับกัน ซงแดซอกกล่าวเสียงขรึมพลางทำหน้าครุ่นคิด

“ม้าขาวสามตัว… หรือว่า…”

“แดซอก มีอะไรหรือ”

“ที่นี่พิกัดอะไร”

เมื่อฉันซึ่งนั่งใกล้ตำแหน่งคนขับที่สุดกดเปิดแผงควบคุม หน้าจอนำทางได้ฉายออกมาเป็นโฮโลแกรม

ตำแหน่งปัจจุบันของแอร์แท็กซี่อยู่ใกล้กับภูเขาการี ซึ่งมีจิตรกรฮงคยุงบ๊กปลีกวิเวกอยู่

หรือถ้าเอาให้ชัดกว่านั้น ที่นี่คือถนนไตรอาชาบนภูเขาเบญจรน ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอฮงชอน

เมื่อเห็นชื่อถนนไตรอาชา ฉันฉุกคิดบางสิ่งได้ทันที

‘ถนนไตรอาชาบนภูเขาเบญจรน… ม้าขาวสามตัว… หรือว่าจะเกี่ยวกับตำนานนั่น?’

ตำนานของถนนไตรอาชาบนภูเขาเบญจรน

เมื่อนานมาแล้ว คำทำนายกล่าวไว้ว่า แม่ทัพที่เก่งกาจห้าคนจะถือกำเนิดขึ้นในละแวกนี้

แต่หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าจะเกิดอาเพศร้ายแรงหากแม่ทัพทั้งห้าคนลืมตาดูโลก ชาวบ้านจึงตัดสินใจผ่าเส้นเลือดภูเขาเพื่อขัดขวางมิให้แม่ทัพเกิดมา

ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน เพื่อใช้หอกเหล็กรุมแทงสันเขาแล้วราดทองแดงร้อนๆ ลงไป จนมีของเหลวสีแดงคล้ายเลือดพุ่งออกมา พร้อมกับส่งเสียงร้องห้าเสียงดังกังวานอยู่หลายวัน

เมื่อเสียงร้องเงียบลง ม้าขาวสามตัวที่ยืนดูมาตลอดก็จากไป

นับแต่นั้น ภูเขาที่ส่งเสียงร้องห้าเสียงได้รับการขนานนามว่า ‘ภูเขาเบญจรน*’ และถนนที่ม้าขาวสามตัวหายไปได้ชื่อว่าถนนไตรอาชา

(*เบญจรน = ห้าเสียง)

‘เราจำได้เพราะตำนานสยองขวัญนั่น’

เดิมที คำทำนายเกี่ยวกับการเกิดของแม่ทัพมักถูกมองเป็นลางดี เพราะหมายถึงการได้รับชัยชนะในสงคราม

แต่กลุ่มคนที่ตีความว่าการเกิดของแม่ทัพคือลางร้าย ได้เลยเถิดไปถึงขั้นตัดเส้นเลือดภูเขา

‘ถ้าเป็นลางร้ายจริง ม้าขาวไม่น่าจะหายไปแบบนั้น’

นับตั้งแต่โบราณกาล ม้าขาวมักถูกตีความว่าเป็นผู้ส่งสารจากสวรรค์, สัตว์วิเศษ, สัญลักษณ์ของลางดี หรือตัวตนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นตำนานของโลกตะวันออกหรือตะวันตก

ในแง่ประเพณีการแต่งงาน เจ้าบ่าวอาจขี่ม้าขาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์และนกฟีนิกซ์

‘ดูเหมือนในภายหลังชาวบ้านจะเริ่มเอะใจ ถึงจะสายไปหน่อยก็เถอะ’

คำนึงจากการที่พวกเขาตั้งชื่อละแวกนี้ว่า ‘ภูเขาเบญจรน’ และ ‘ถนนไตรอาชา’ ราวกับเพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณเหล่านั้น ดูเหมือนกลุ่มชาวบ้านที่ตัดเส้นเลือดภูเขาจะตระหนักถึงความผิดของตน

วิ้ว!

ม้าขาวทั้งสามตัวส่งเสียงคล้ายสายลม แล้วเริ่มตะกุยเท้าวิ่งไปทางภูเขา

“อ๊ะ…ไปซะแล้ว”

“…แถวนี้ไม่มีฟาร์มม้า และพวกมันก็ไม่มีทางเป็นม้าป่า”

ซงแดซอกพึมพำด้วยสีหน้าซับซ้อน

ดูเหมือนเขาจะรู้จักแถวนี้ดี

วี้!

เมื่อม้าสามตัวลับสายตาไป แอร์แท็กซี่เริ่มกลับมาขยับอีกครั้ง

“แดซอก ก่อนหน้านี้นายทำตัวแปลกๆ … มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ”

“เอ่อ… จุดที่แอร์แท็กซี่จอดเมื่อครู่คือถนนไตรอาชาบนเขาเบญจรน…”

ได้ยินคำถามมินกือริน ซงแดซอกเล่าตำนานของถนนไตรอาชากับเขาเบญจรนให้ฟัง

เมื่อเล่าจบ มินกือรินพยักหน้ารับ

“เพราะแบบนี้สินะ อำเภอฮงชอนถึงให้กำเนิดสุดยอดเพลเยอร์หลายคน… เวลาผ่านมาก็เนิ่นนานแล้ว เส้นเลือดภูเขาคงฟื้นฟูกลับเป็นปกติแล้วกระมัง”

“สุดยอดเพลเยอร์?”

“คุณปู่ซงมันซอกกับอาจารย์ไง พวกเขาเกิดที่นี่ไม่ใช่หรือ”

ฉันรู้แค่ว่าซงมันซอกกับฮงคยุงบ๊กเป็นเพื่อนเก่าแก่ แต่พวกเขามาจากเมืองเดียวกัน?

คำพูดมินกือรินทำให้ฉันฉุกคิดได้

‘มินกือรินพูดถูก… ตราบใดที่เส้นเลือดภูเขาไม่ขาดสะบั้น พอถึงจุดหนึ่งก็คงฟื้นฟูกลับมาเอง’

หลักฐานยืนยันก็คือ เส้นเลือดของเขาปีกสวรรค์ยังฟื้นฟูกลับมาได้ และเจ้าบ่วงก็ดูจะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ

ภูเขาเบญจรน ซึ่งตำนานได้พรรณนาว่าเคยมีเลือดพวยพุ่งออกมา

ปัจจุบันก็ดูเขียวขจีเหมือนภูเขาลูกอื่น

‘ถึงจะเป็นแค่สมมติฐาน แต่บางทีเส้นเลือดภูเขาอาจฟื้นตัวกลับมาแล้ว จากนั้นก็ให้กำเนิดห้าแม่ทัพ’

มินกือรินยังเล่าต่อ

เธอคงตื่นเต้นกับเรื่องที่อาจารย์ของตนอาจเป็นวีรชนในตำนาน

“ตอนนี้มีสองคนแล้ว ถ้าอย่างนั้นอีกสามเป็นใคร”

“…ยังมีเพลเยอร์เก่งๆ อีกคนที่เกิดแถวนี้”

“ดังไหม”

“ไม่ดัง… เพลเยอร์คนนั้นไม่ชอบออกสื่อ และมักพูดว่าถ้าคนเราเริ่มมีชื่อเสียง ผู้คนจะเข้าหาเพื่อปอกลอก”

ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร แต่ขอชมว่ามีวิธีคิดที่ค่อนข้างกร้านโลก

“ใครหรือ”

“…”

ซงแดซอกไม่ตอบคำถามฉัน

ในเวลาเดียวกัน มินกือรินเริ่มอยากรู้บ้าง

“บอกมาเถอะ แดซอก ยังมีเพลเยอร์คนไหนในฮงชอนที่เก่งขนาดนั้นอีก”

“ครูใหญ่ของโรงเรียนแสงเงิน”

พอเป็นมินกือรินถาม เขารีบตอบทันที

แม้จะเจ็บแปลบนิดๆ ที่ถูกเลือกปฏิบัติ แต่ทัศนคติของตัวละครฉัน ซึ่งคอยเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนสมัยเด็ก ช่างน่าชื่นชมเสียนี่กระไร

‘ว่าแต่… ครูใหญ่ของโรงเรียนแสงเงิน?’

หมายถึงครูใหญ่คนที่สร้างหอสมุดลับใต้ดินในเขตส่วนกลาง?

ฉันเคยมองว่าเขาเป็นพวกไม่ปกติ ที่ยอมควักเงินตัวเองเพื่อรวบรวมหนังสือโบราณหายาก

ก็สมเหตุสมผลแล้วที่บุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งครูใหญ่ของโรงเรียนแสงเงินมาเนิ่นนาน จะไม่ใช่เพลเยอร์ไก่กาตามท้องตลาด

‘ยอดบุรุษแขนเหล็ก—ซงมันซอก จิตรกรระดับชาติ—ฮงคยุงบ๊ก และครูใหญ่ของโรงเรียนแสงเงิน… และอาจยังมีเพลเยอร์เก่งๆ นอกเหนือจากสามคนนี้อยู่อีก’

เพราะฉันนึกออกอีกหนึ่งชื่อ

‘เรามาที่ฮงชอนเพื่อสืบอดีตปู่ของรุ่นพี่ซองซีวานกับส.ส. ซองกุกอุน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณปู่คนนั้นอาจมาจากฮงชอนเหมือนกัน’

ประธานสมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลีในยุคมืด

แม้รู้ว่าตัวเองจะต้องตาย แต่เขาก็ยังทำพันธสัญญากับเผ่าแท้เพื่อปกป้องคาบสมุทรเกาหลี อีกทั้งยังทิ้งเบาะแสไว้ให้ชนรุ่นหลัง

เรื่องที่ทุกคนเกิดในละแวกนี้ ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าบังเอิญหรือไม่

ประธานสมาคมตายไปนานแล้ว ครูใหญ่โรงเรียนแสงเงินก็เป็นพวกหลบสื่อ จิตรกรฮงคยุงบ๊กก็โด่งดังในฝีมือการวาดรูปมากกว่า จึงมีแค่ซงมันซอกคนเดียวที่โด่งดังกว่าใครในฐานะเพลเยอร์

“แล้วใครอีก? ในเมื่อวีรชนควรจะมีห้าคน ที่เหลือเป็นใครได้บ้าง”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน และอันที่จริง ในย่านนี้มีสัดส่วนของเพลเยอร์น้อยเป็นทุนเดิม… กฎสัดส่วนเพลเยอร์ 20% ต่อประชากรใช้ไม่ได้กับฮงชอน เพราะที่นี่ให้กำเนิดเพลเยอร์ไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ”

อัตราการเกิดเพลเยอร์ต่ำ?

เพราะเส้นเลือดภูเขาเสียหาย?

“ประชากรราว 5% ที่พลังวิเศษตื่นขึ้นจะรีบย้ายออกทันที ครอบครัวของฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น”

“จริงด้วย… แดซอก นายเคยเล่าว่าย้ายมาอยู่ข้างบ้านฉันทันทีที่พลังวิเศษตื่นนี่นะ”

แม้ซงแดซอกจะเป็นเพื่อนข้างบ้านของมินกือรินในกรุงโซล แต่เขาเกิดที่ฮงชอน

ถ้าเจอซองซีวานคราวหน้า ฉันจะถามว่าเขากับส.ส. ซองกุกอุนเกิดที่ไหน

“ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมม้าขาวโผล่มา แต่คงเท่น่าดูถ้าอาจารย์ของฉันกับปู่ของแดซอกเป็นวีรชนในตำนาน”

ฉันรู้สึกภูมิใจอย่างมากที่ตัวละครควบคุมได้ ซึ่งเคยคิดว่าเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา แท้จริงแล้วเป็นวีรชนในตำนาน

ถึงจะมีเทพนิยายอย่างแบคโฮกุนอยู่ในลิสต์อยู่แล้วก็เถอะ

‘ม้าขาวสามตัว… บางที เผ่าม้าอาจจะรู้อะไรบางอย่าง’

ในบรรดาพันธมิตรสิบสองจักรราศี ยังมีโอกาสที่เผ่าม้าจะเป็นคนทรยศ ฉันจึงไม่ควรบุ่มบ่ามติดต่อพวกเขา

ฟิซ! วี้!

แอร์แท็กซี่แสดงข้อความแจ้งเตือนพร้อมกับลงจอด

บางส่วนของภูเขาการีถูกกำหนดให้เป็นเขตห้ามบินของแอร์แท็กซี่ เราจึงต้องเดินไปจากที่นี่

“…มาถึงจนได้”

มินกือรินที่เอาแต่ตื่นเต้นกับตำนานและวีรชนจนถึงเมื่อครู่ อยู่ดีๆ ก็ปิดปากเงียบ

ระหว่างทางมา เธอคงคอยติดต่อกับอาจารย์อยู่ตลอด แต่กลับยังดูประหม่าเมื่อจะได้เจอตัวจริง

“ไปกันเถอะ”

“อื้อ…”

มินกือรินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะขยับฮู้ดคลุมหัวแล้วก้าวลงแอร์แท็กซี่

* * *

ผ่านไปหนึ่งวันเต็มหลังจากโดซีฮูหายตัวไป

ยังไม่มีใครพบเบาะแส

‘เขากำลังทำอะไร… และอยู่ที่ไหน!’

จางนัมอุกมองโฮโลแกรมดีไวซ์ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

เขาเป็นห่วงเพราะโดซีฮูชอบทำอะไรเสี่ยงอันตราย

ขณะจางนัมอุกลังเลว่าตนควรแจ้งสมาคมเพลเยอร์หรือโรงเรียนเตรียมทหารดีไหม

ปิ๊งป่อง! nᴏveʟɢu.ᴄᴏᴍ

ข้อความถูกส่งมาจากโดวอนอู

[พี่วอนอู] ฉันติดต่อญาติทุกคนที่สนิทกับซีฮูแล้ว แต่เขาไม่ได้อยู่กับใครเลย

[พี่วอนอู] ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูตระกูล ซีฮูต้องเดือดร้อนแน่… แต่ฉันคิดว่าลำพังพวกเราคงค้นหาด้วยตัวเองลำบาก

[พี่วอนอู] นายติดต่อกับซูย็อกแล้วใช่ไหม

แน่นอนว่าจางนัมอุกติดต่อกับจูซูย็อก ผู้เป็นเพื่อนสนิทของโดซีฮูแล้ว

จูซูย็อก ซึ่งตัวจางนัมอุกมีโอกาสได้รู้จักอย่างผิวเผินผ่านการแข่งบาสฯ และปาร์ตี้บนเรือ

เมื่อฝ่ายหลังติดต่อไปและอธิบายสถานการณ์ จูซูย็อกแนะนำมาดังนี้

— ลองค้นหาใกล้กับทะเล

โดซีฮูผู้เป็นโรคเมาเรือรุนแรงและว่ายน้ำไม่ได้ กำลังอยู่ใกล้ทะเล?

ขณะจางนัมอุกคิดว่ามันฟังดูแปลก จูซูย็อกรีบเสริม:

— แม้เขาจะเป็นโรคเมาเรือรุนแรง แต่ซีฮูชอบทะเลมาก คงได้รับอิทธิพลมาจากพ่อที่เป็นเจ้าพ่อเรือพาณิชย์

จูซูย็อกรับปากว่าจะช่วยระดมคนเท่าที่พอหาได้ เพื่อออกตามหาโดซีฮูตามแนวชายฝั่ง

แต่คาบสมุทรเกาหลีคือดินแดนที่ล้อมรอบด้วยทะเลสามด้าน

เป็นเรื่องยากมากที่จะค้นหาตามแนวชายฝั่งได้ทุกซอกมุม

ขณะความกังวลของจางนัมอุกเริ่มดำดิ่ง

พั่ก!

ใครบางคนตบหัวจางนัมอุกผู้เอาแต่จ้องดีไวซ์โฮโลแกรม

เมื่อหันไปมองก็พบเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่หอพักห้องใกล้กัน กำลังยืนรวมตัว

“กินอะไรบ้างสิ เจ้างั่งเอ้ย! ถ้าอยากกระทืบไอ้เวรโดซีฮู นายต้องมีแรงก่อน”

“นายชกหน้าไปนะ ส่วนฉันชกท้องน้อยเอง”

“ฉันขอท้ายทอยก็แล้วกัน”

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าจางนัมอุกคือข้าวปั้นสามเหลี่ยมกับกล่องนม

ดูเหมือนพวกเขาจะเตรียมมาให้จางนัมอุก ผู้เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องเพื่อนั่งจ้องดีไวซ์

“ขอบคุณที่เป็นห่วง ฉันจะกินอย่างดีเพื่อให้มีแรง”

“ไม่ใช่ว่าโดซีฮูหนีไปเพราะว่านายเอาแต่เครียดหรือไง จางนัมอุก? รอด้วยใจร่มๆ ดีกว่าน่า”

“ใช่แล้ว อันดับแรกก็กินก่อนเลย”

แม้จะถูกดุ แต่จางนัมอุกก็เริ่มกินข้าวปั้นสามเหลี่ยมด้วยท่าทีไม่เต็มใจนัก

บิบิมบับไส้ทูน่ามาโยกับชอนจู… ไก่เผ็ดชีสกับปลาแอนโชวี่ผัดโคชูจัง…

บิบิมบับข้าวปั้นสามเหลี่ยมมีสองรสในก้อนเดียว แต่เขากลับไม่รู้รสอย่างน่าประหลาด

อย่างไรก็ดี จางนัมอุกฝืนกระเดือกลงไปเพื่อฟื้นฟูเรี่ยวแรง และเพื่อคลายความกังวลให้เพื่อนร่วมชั้น ขณะเดียวกันก็เตรียมแรงไว้สำหรับจัดหนักโดซีฮูในยามที่อีกฝ่ายกลับมา

* * *

เราสามคนเดินไปบนเขาการีอยู่สักพัก

มินกือรินเคยมาที่นี่แล้วหนหนึ่ง แต่ภูเขาลาดชันมาก และทางไปกระท่อมก็คลุมด้วยวัชพืชจนยากจะมองเห็น

“ฉันขอโทษ… ฉันควรจะจำทางให้ดีกว่านี้”

“ไม่เป็นไร ฉันไม่รีบ”

“ใช่ พวกเราไม่ควรรีบร้อนจนบาดเจ็บโดยใช่เหตุ ยังอีกนานกว่าจะถึงเวลาที่นัดกับอาจารย์ไว้… ถ้าเธอเริ่มเหนื่อยก็บอกได้นะ ฉันจะแบกขึ้นหลังเอง… ส่วนนายน่ะ ช่วยเดินห่างๆ จากกือรินหน่อย”

กระทั่งในสถานการณ์แบบนี้ ซงแดซอกยังไม่เปลี่ยนนิสัย

น้ำเสียงที่เขาพูดกับมินกือรินและฉันแตกต่างกันมาก

ก็ยังดีที่ไอ้คนใจแคบตรงนี้ เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนข้างบ้านสมัยเด็กจากใจจริง

ทันใดนั้น

“อะ…”

มินกือรินที่เดินนำหน้า ชะงักกะทันหันราวกับได้เห็นบางสิ่ง

“อาจารย์…”

สุดสายตาของหญิงสาว มีชายชราแต่งกายในชุดฮันบกสบายๆ

ไม่ใช่ใครนอกจากจิตรกรฮงคยุงบ๊ก ซึ่งฉันเคยเห็นแค่ในรูปถ่าย

‘ยังเหลืออีกเป็นชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด…’

บางที ฮงคยุงบ๊กคงตื่นเต้นที่ศิษย์เพียงคนเดียวของตนจะมาเยือน จึงออกมารออยู่ด้านนอก

แกร่บ!

เสียงใบไม้แห้งดังขึ้นแผ่วเบา ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ฮงคยุงบ๊กได้ย้ายมายืนอยู่ข้างๆ มินกือรินเรียบร้อยแล้ว

‘สกิลประเภทก้าวพริบตา? ของหายากเลยนะนั่น…’

เขาทักทายศิษย์ที่ไม่ได้พบกันนานและผองเพื่อนด้วยรอยยิ้ม

“คงลำบากแย่เลยกว่าจะมาถึงที่นี่ เข้าไปข้างในกันเถอะ”

“อาจารย์…”

มินกือรินตะกุกตะกัก จากนั้นก็ร้องไห้

จิตรกรฮงคยุงบ๊กเอาแต่เดินนำโดยไม่หันหน้ากลับมามอง

ศิษย์อาจารย์เดินไปตามเส้นทางบนภูเขาโดยไม่พูดไม่จากัน

ซงแดซอกกับฉันที่อ่านสถานการณ์ออก ปิดปากเงียบขณะก้มหน้าเดินตามหลัง

เมื่อกระท่อมที่ซ่อนอยู่ในหลืบภูเขาเผยตัว จิตรกรฮงคยุงบ๊กกล่าวเสียงแผ่ว

“สงสัยกึนยองจะมาไม่ทัน… พวกเรามากินมื้อเที่ยงกันก่อนเถอะ”

“…หมายถึงครูฮัมกึนยอง?”

“ใช่ คงดีไม่น้อยถ้ากึนยองเสร็จงานพอดี แล้วได้กลับพร้อมพวกเธอ”

ดูเหมือนฮัมกึนยองจะรู้จักทั้งซงมันซอกและฮงคยุงบ๊ก

บิบิบิบิบิ๊บ!

ทันใดนั้น สัญญาณเตือนดังขึ้นจากดีไวซ์ของทุกคน

เป็นผลการทำนายรอยแยกล่วงหน้าที่ส่งมาจากสมาคม

[แจ้งเตือนการเกิดรอยแยกระดับ SSR ล่วงหน้า]

“วันพรุ่งนี้จะมีรอยแยกระดับ SSR ประเภทดันเจี้ยนเกิดใกล้ๆ แถวนี้…”

“เฮ้อ…”

ดูเหมือนเพลเยอร์ SAT-K จะตรวจพบรอยแยกล่วงหน้าแถวภูเขาการี แล้วส่งข้อมูลให้กับดีไวซ์ทุกเครื่องในละแวกใกล้เคียง

‘รอยแยกแบบมีลางบอกเหตุ… จะเกี่ยวข้องกับจอมบงการไหมนะ…’

สวบ!

ขณะฉันอ่านข้อความบนโฮโลแกรม ฮัมกึนยองโผล่มาจากพุ่มไม้อีกฝั่งของป่า

“สวัสดีครับ ท่านอาวุโส ผมมาสายนิดหน่อยเพราะถูกร้องขอกำลังเสริมจากทางซกโช”

และฮัมกึนยองไม่ได้มาคนเดียว

“หือ? ข้างๆ เธอคือใครน่ะกึนยอง? นักเรียนหรือ”

“ไม่ใช่นักเรียนของผมครับ… ผมบังเอิญไปเจอเขาที่จังหวัดกังวอน พลังวิเศษค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้สภาพจิตใจไม่มั่นคง ก็เลยพามาด้วยเพื่อความปลอดภัยครับ”

ข้างๆ ฮัมกึนยองคือโดซีฮู

MasterGU.edited = แค่คง->แต่คง

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ตัวประกอบแรงค์ EX

ตัวประกอบแรงค์ EX

EX Rank, Ex Rank Supporting Role’s Replay in a Prestigious School, EX Rank Side Character's School Replay, 명급리, 명문고 EX급 조연의 리플레이
Score 9.1
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
หลังจากเคลียร์บทสุดท้ายของเกมกากแห่งชาติสำเร็จ เขากลายเป็นตัวประกอบไร้นามในเกมที่ตัวเองเคยเล่น ตัวประกอบแรงค์ EX ที่เหนือธรรมดาและยากจะหยั่งถึง ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset