MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Result of Your Choice/ผลลัพธ์ที่คุณเลือก (1)
เบื้องบนนามว่า ‘อวารีเทีย’ แห่งละโมบ คือหนึ่งในเจ็ดเทพอสูรแห่งเจ็ดบาปมหันต์
ณ ห้องทดลองของเผ่าอสูรตนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักบวชผู้รับใช้เทพอสูรอวารีเทีย
เรือนกระจกที่สร้างจากการบิดเบือนมิติ เต็มไปด้วยคลื่นพลังวิเศษและพิษร้าย
เผ่าอสูรผู้มาเยือนรายหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ระบายอากาศบ้างสิ! ข้าอึดอัดจะตายอยู่แล้ว!”
เผ่าอสูรผู้แวะมาเยี่ยมเยียนนักบวชของอวารีเทีย คือนักบวชของอินวิเดียส
ภายในห้องทดลอง นักบวชของอวารีเทียกำลังมองดูโลกมนุษย์ด้วย ‘ตาที่สาม’
เขาตัดการเชื่อมต่อกับดวงตา ก่อนจะกล่าวเสียงขรึม
“ถ้าสวมชุดคลุมที่องค์เทพอสูรประทานให้ เจ้าก็จะไม่ตาย”
“นั่นก็จริง แต่ก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดีนะ”
“ลมอะไรหอบเจ้ามาที่นี่? กำลังยุ่งอยู่กับการไล่ล่าหน้ากากอีกาไม่ใช่หรือ… จริงสิ ข้าก็สนใจหน้ากากอีกาเช่นกัน ถ้ามีข้อมูลอยากแบ่งปันล่ะก็ว่ามาได้เลย”
ท่าทีของนักบวชแห่งอวารีเทียเป็นไปอย่างหวาดระแวง
นักบวชของอินวิเดียสคิดในใจ ‘ไอ้นี่ทำตัวน่ารำคาญอีกแล้ว’ แต่เมื่อคำนึงว่าตนคือแขกไม่ได้รับเชิญ มันตอบอย่างตรงไปตรงมา
“‘เจ้านั่น’ อยากให้ข้าช่วยตามหาตือหงอเหนง แต่ถ้ารับปาก ข้าก็ต้องขัดแย้งกับอุงเนียจอมคร่ำครวญ ข้าจึงปฏิเสธไปเพราะชอบเธอมากกว่า แต่เจ้านั้นกลับตามตื๊อไม่เลิกจนข้าต้องหาที่ซ่อน… ไม่มีใครอยู่ในห้องทดลองของเจ้าใช่ไหม”
“ตือหงอเหนง…”
เมื่อชื่อของผู้นำเผ่าหมูถูกเอ่ยขึ้นมา สีหน้าของมันดูหงุดหงิดทันที
“เจ้าเองก็มีความแค้นกับตือหงอเหนง?”
“ข้าไม่มีกับตือหงอเหนง แต่ปัญหาอยู่ที่มนุษย์ที่เจ้านั่นแนะนำมา”
“มนุษย์? ตือหงอเหนงก็แนะนำมนุษย์ให้เจ้าเหมือนกัน?”
“ใช่ เป็นคนอาสาทดลอง ‘เมล็ดพันธุ์คำสาป’ ที่ข้าสร้างขึ้น”
นักบวชของอวารีเทียขยับแขน ทำเอาชุดคลุมที่สลักตราเทพอสูรสะบัดพลิ้ว
หลังจากยิงคลื่นพลังวิเศษที่ทรงพลังขึ้นไปในอากาศ เรือนกระจกอันมืดมิดสว่างขึ้นพร้อมกับเผยให้เห็นต้นไม้ใหญ่
ต้นไม้ที่หยั่งรากลึกลงในมิติอันบิดเบี้ยว ด้านหนึ่งเป็นสีม่วง อีกด้านเป็นสีกรมท่า
‘ไม่ว่าจะดูยังไงก็แปลก ไม่เข้าใจรสนิยมของหมอนี่เลยสักนิด’
ขณะนักบวชของอินวิเดียสเริ่มขมวดคิ้ว
ซวาา…
ใบไม้สีม่วงอ้าปากเพื่อกลืนคลื่นพลังวิเศษที่ส่องแสงเข้าไป
หงับ! หยับ!
หลังจากเกิดปรากฏการณ์เขมือบสุดพิสดาร คลื่นพลังวิเศษของนักบวชเผ่าอสูรหายไป โดยที่แสงสว่างไปอยู่กับใบไม้สีม่วงแทน
แสงดังกล่าวช่วยเผยให้เห็นผลไม้ที่อยู่ใต้ใบ
จากบรรดาผลไม้หลายชนิด มีผลหนึ่งโดดเด่นกว่าใคร
“หืม… นั่นมันผลที่เจ้าเคยวิจัยไปนี่ ผลของคำสาป ‘คราบแห่งจิตสำนึก’ …”
“ใช่ หากผู้ถูกสาปยังมีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่ คราบจะยิ่งแพร่กระจายจนกระทั่งครอบงำการมองเห็นและได้ยิน สั่นคลอนจิตใจจนทำให้มนุษย์กลายเป็นคนแปลกแยก”
“แต่มันไม่มีประโยชน์กับพวกที่ชั่วร้ายเข้ากระดูก โลกเต็มไปด้วยมนุษย์ที่ไร้จิตสำนึกแบบนั้น”
“ข้ารู้ดี… นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ‘คราบแห่งจิตใต้สำนึก’ ยิ่งมีคุณค่า”
ใบหน้าของนักบวชแห่งอวารีเทียที่เผยออกจากชุดคลุม ฉาบด้วยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยว
“โดยธรรมชาติแล้ว มันยากมากที่จะครอบงำจิตใจของคนดี เพราะมนุษย์เหล่านั้นไม่ลุ่มหลงไปกับความมั่งคั่งหรือเกียรติยศ”
“แล้ว?”
“แต่ในทางกลับกัน คนดีมักจะพังทลายเพราะบาปและความผิดพลาดของตัวเอง มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบนั้นมีน้อยนิด คำสาปนี้จึงเจาะจงเล่นงานจุดอ่อนที่เหล่าคนดีเผยออกมา”
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเมล็ดพันธุ์คำสาปที่มีประโยชน์ แล้วมันเกี่ยวข้องกับตือหงอเหนงยังไง?”
ได้ยินคำถามนั้น รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของมัน
“ในหมู่มนุษย์นั้นมีเพลเยอร์คนหนึ่ง ซึ่งครอบครองพลังวิเศษที่หายากและอาจสร้างปัญหาแก่เรา… เจ้าตือหงอเหนงอยากให้ข้านำเมล็ดพันธุ์ ‘คราบแห่งจิตสำนึก’ เล่นงานเพลเยอร์คนนั้น”
“นับตั้งแต่ต่างโลกปะทะกัน พลังวิเศษมากมายได้ถือกำเนิดขึ้น ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายถึงพลังชนิดใด”
“…พลังวิเศษที่เป็นปฏิปักษ์กับเผ่าอสูรอย่างเราโดยตรง… พลังวาจายังไงล่ะ”
ได้ยินคำว่า ‘พลังวาจา’ นักบวชของอินวิเดียสพลังหน้าแข็ง
“มนุษย์ที่เจ้าตือหงอเหนงแนะนำมา วางแผนเล่นงานเจ้าของพลังวาจาผู้โด่งดังบนคาบสมุทรเกาหลี”
“เจ้ากำลังหมายถึงผู้ใช้พลังวาจาที่ได้พรคุ้มครองจากเบื้องบนโธธ—กวีหยกคราม? ทั้งพลังและพรคุ้มครองก็น่ารำคาญจริงๆ นั่นแหละ… แล้วแผนการลงเอยเช่นไร?”
“ใช่ เจ้านั่นแหละ… ผลลัพธ์ก็คือ… เมล็ดพันธุ์ล้ำค่าทั้งหมดถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า”
“น่าเสียดาย… แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ลงมือกับกวีหยกครามนั่นเองล่ะ”
“มีมนุษย์และเผ่าแท้คอยคุ้มครองเจ้านั่นมากเกินไป ทำให้ลงมือได้ลำบาก… ยังไม่ถึงเวลาที่พวกเราจะเผยตัวใช่ไหมล่ะ ข้าไม่อยากให้กลุ่มวิจัยเวทมนตร์ของเราถูกเปิดโปง ทุกวันนี้อุตส่าห์ปกปิดตัวตนอย่างยากลำบาก แค่จะส่งเมล็ดพันธุ์ก็ยังวุ่นวาย”
เผ่าอสูรทั้งสองดูจะหงุดหงิดกับ ‘ผู้ใช้วาจา’ มากเป็นพิเศษ ความไม่พอใจดังกล่าวถูกแสดงออกในรูปแบบการกระเพื่อมของคลื่นพลังวิเศษและปราณอสูร
ท่ามกลางความโกลาหลในเรือนกระจกที่เต็มไปด้วยพิษ ปราณอสูร และคลื่นพลังวิเศษ นักบวชของอินวิเดียสเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“แม้ท่าทีของเจ้าจะน่าขัดใจ แต่ก็เป็นความจริงที่เจ้าแบ่งปันข้อมูลสำคัญ ดังนั้นข้าเองก็จะแบ่งปันบ้าง”
“เกี่ยวกับหน้ากากอีกา?”
“เปล่า เกี่ยวกับ ‘อีกาตัวจริง’ ต่างหาก”
นักบวชของอินวิเดียสแบมือออก ก่อนจะใช้คลื่นพลังวิเศษสีดำสร้างรูปอีกาขึ้นมา
“ราชันอสูรอีกาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”
“ราชันอสูรแห่งความเงียบและการเฝ้ามอง?”
“ใช้ ราชันอสูรผู้โชคร้ายตนนั้นนั่นแหละ”
พั่ก!
นักบวชของอินวิเดียสบีบมือเต็มแรง อีกาที่สร้างจากคลื่นพลังเวทพลันแหลกเป็นผุยผง
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามีมนุษย์ที่ได้รับพรคุ้มครองจากซีเดเลนเที่ยมอยู่? มนุษย์คนนั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเสือ”
* * *
เช้าวันเสาร์
ตั้งแต่เช้าตรู่ ใครบางคนพยายามระเบิดดีไวซ์ของเพื่อนด้วยการกระหน่ำส่งข้อความในห้องแชตรวม
[จางนัมอุก] ฉันคิดมาทั้งคืนแล้วว่าควรทำอย่างไร แต่ก็ไม่พบคำตอบสักที… ฉันไม่รู้วิธีรับมือกับมัน และไม่คิดว่าตัวเองจะแก้ไขปัญหาคนเดียวกัน
ข้อความที่สามารถสรุปด้วยคำว่า ‘ฉันควรทำยังไงดี’ แต่ดันเขียนมาเป็นร้อยตัวอักษร
[อูซังฮุน] ?
ในทางกลับกัน อูซังฮุนที่น่าจะเพิ่งตื่นขึ้นมาเช็กโทรศัพท์ ตอบกลับด้วยข้อความประหยัดคำ— ‘?’
[จางนัมอุก] …นายยินดีรับฟังสินะ ขอบคุณมาก
[อูซังฮุน] ?
[จางนัมอุก] เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบเข้าประเด็นเดี๋ยวนี้
ดูเหมือนจางนัมอุกจะตีความข้อความทั้งหมดของอูซังฮุนในแง่บวกมาสักพักแล้ว
สำหรับฉัน เครื่องหมายตกใจครั้งที่สองก็ยังคงฟังดูเหมือน ‘พล่ามอะไรของเอ็งวะ’ อยู่ดี
[จางนัมอุก] สรุปเลยก็คือ ฉันกับซีฮูทะเลาะกัน และซีฮูออกไปค้างคืนข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต
แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงเรียนเตรียมทหารก็คงมีกฎที่เข้มงวด ดังนั้นการออกไปค้างคืนข้างนอกจึงน่าจะเป็นเรื่องใหญ่
ว่าแต่… จางนัมอุกทะเลาะกับโดซีฮูด้วยเรื่องอะไร?
…พอลองนึกๆ ดูก็เพียบเลยนี่หว่า
คำนึงจากวีรกรรมเก่าของโดซีฮู เขาคงได้อยู่ห้องศูนย์ถ้าย้ายมาเข้าโรงเรียนแสงเงิน
และเหยื่อในการกลั่นแกล้งแทบทุกครั้งคือจางนัมอุก
‘แต่จางนัมอุกก็มักอดทนและให้อภัยเสมอ ขอแค่อีกฝ่ายขอโทษ’
ข้อความจากจางนัมอุกยังดำเนินต่อไปโuเวลกูดoทคoม
[จางนัมอุก] พวกนายรู้ใช่ไหมว่าโรงเรียนเตรียมทหารต้องเลือกหลักสูตรเร็วกว่าโรงเรียนแสงเงิน?
[อูซังฮุน] ร. (รู้)
[จางนัมอุก] นักเรียนปีหนึ่งต้องเลือกหลักสูตรของปีสองให้เสร็จในสัปดาห์หน้า แต่ซีฮูอยากเลือกหลักสูตรกองทัพเรือ พวกเราทะเลาะกันเพราะว่าฉันพยายามโน้มน้าวให้เขาเลือกอย่างอื่น
ฉันเริ่มเข้าใจเรื่องราวแล้ว
เพลเยอร์ทหาร— ‘หน่วยรบพลังวิเศษ’ มักต้องทำปฏิบัติการร่วมกับกองทัพบก เรือ และอากาศอยู่เสมอ
โรงเรียนเตรียมทหารสำหรับเพลเยอร์จึงวางหลักสูตรทั้งกองทัพบก เรือ และอากาศเพื่อฝึกฝนปฏิบัติการเหล่านี้
‘เขาเกือบตายเพราะเมาเรือสำราญระวางขับ 50,000 ตัน… แต่ดันเลือกหลักสูตรกองทัพเรือ? บ้าบิ่นชะมัด’
แน่นอนว่าจางนัมอุกคงคิดแบบเดียวกับฉัน
[จางนัมอุก] ซีฮูเมาเรือรุนแรงมาก เขาอาจบาดเจ็บหรือตายได้เลยในการฝึกปฏิบัติการทางทะเล
[จางนัมอุก] ทั้งอาจารย์ ผู้ช่วยครูฝึก รุ่นพี่ และเพื่อนร่วมรุ่นพยายามโน้มน้าวแล้ว แต่เขาไม่ฟังเลย…
[จางนัมอุก] ตอนแรกฉันแค่ดูเฉยๆ แต่พอลองโน้มน้าวบ้าง สุดท้ายพวกเราก็ทะเลาะกัน
[จางนัมอุก] ซีฮูหนีออกจากโรงเรียนเมื่อคืน… ฉันไม่รู้เลยว่าเขาไปไหน ดีไวซ์ก็ปิดอยู่ โทรไปที่บ้านก็บอกว่าไม่ได้กลับมา
[อูซังฮุน] ?
[จางนัมอุก] จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่รู้เหตุผลเลย… แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน ปัญหาก็คือ ฉันปลอมลายเซ็นซีฮูเพื่อกรอกใบอนุญาตขอค้างคืนข้างนอก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ฉันก็คงโดนหางเลขไปด้วย
สถานการณ์ตอนจางนัมอุกสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
สิ่งที่โดซีฮูพูดบนคีโมโพลียา
หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ฉันวิเคราะห์สถานการณ์ได้คร่าวๆ
‘ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี จางนัมอุกเข้าโรงเรียนเตรียมทหารท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนรอบข้าง… โดซีฮูในตอนนี้ก็เหมือนกัน’
จางนัมอุกเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันมาก โดซีฮูจึงรู้สึกเหมือนเป็นพวกเดียวกันโดยไม่รู้ตัว
ทว่า จางนัมอุกดันตอบสนองเหมือนคนอื่น นั่นจึงทำให้ความเครียดที่สั่งสมมาปะทุ
ทันใดนั้น ชื่อของบุคคลที่น่าเชื่อถือและมีโอกาสทราบตำแหน่งปัจจุบันของโดซีฮูผุดขึ้นมาในหัวฉัน
[ฉัน] นายลองติดต่อไปหารุ่นพี่โดวอนอูหรือยัง
[จางนัมอุก] จริงด้วย! รุ่นพี่วอนอูต้องรู้แน่! ปัดโธ่… ฉันน่าจะแลกดีไวซ์โค้ดกับเขาตอนอยู่บนเรือ… ทำยังไงดี ฉันไม่มีช่องทางติดต่อเขาเลย
ฉันเองก็ไม่รู้วิธีติดต่อโดวอนอูเหมือนกัน แต่สักคนในแชตนี้ต้องรู้แน่
[ฉัน] อูซังฮุนน่าจะรู้นะ
[อูซังฮุน] ㅡㅡ
[จางนัมอุก] จริงด้วย! ซังฮุนกับรุ่นพี่วอนอูรู้จักกันมานานแล้วนี่! ถามเขาให้หน่อยสิ
อูซังฮุนอาจไม่ชอบหน้าโดวอนอู แต่ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก
หรือถ้าอูซังฮุนปฏิเสธ ทางเดียวคือฉันต้องติดต่อหาอูซังฮี…
[อูซังฮุน] ด… (ได้)
ฉันสัมผัสความรู้สึกมากมายได้จาก ‘…’
[จางนัมอุก] ขอบคุณมาก!
ถ้าโดวอนอูตอบว่าไม่ทราบ ถึงตอนนั้นคงต้องคิดแผนใหม่
หลังจากไล่อ่านข้อความจนหมด ใครบางคนพูดกับฉัน
“นายมาเช้านะ”
อีกฝ่ายคือมินกือรินในชุดลำลอง
ด้านหลังเธอคือผู้ชายที่สูงราวกับยักษ์
“เพิ่งมาถึงเอง นายก็ไปด้วยสินะ”
ซงแดซอกมองสลับระหว่างฉันกับแอร์แท็กซี่เช่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ
‘ตามมาด้วยอย่างที่คิด’
ถ้าไปกับเพื่อนเป็นกลุ่มก็ว่าไปอย่าง แต่เขาไม่มีทางปล่อยมินกือรินไปไหนกับฉันสองต่อสองแน่
“ขึ้นรถกันเถอะ”
“…ยังกับนายคิดไว้แล้วว่าแดซอกจะมาด้วย”
ซงแดซอกนั่งข้างมินกือริน ส่วนฉันนั่งหันหน้าเข้าหาซงแดซอก
นั่นเพราะตอนที่ฉันขึ้นรถคนสุดท้าย ซงแดซอกชี้มายังเบาะฝั่งตรงข้ามเขา
เมื่อเห็นซงแดซอกนั่งตัวแข็ง และมินกือรินนั่งกระสับกระส่าย ฉันเปลี่ยนบรรยากาศโดยการชี้ไปยังตู้ขายของอัตโนมัติบนรถ
“ลองกินเพรทเซลที่มีขายเฉพาะแท็กซี่ดูสิ อีกสักพักกว่าเราจะถึงฮงชอน”
ฉันเลือกซื้อเพรทเซลรสน้ำผึ้งอบเชยที่ทั้งจูซูย็อกและนักชิมเม็งเฮียวทงแนะนำ จากนั้นก็ยื่นให้คนทั้งสอง
ภายในแอร์แท็กซี่ที่กำลังแล่นไปยังปลายทาง ซงแดซอกพูดขึ้นขณะกินเพรทเซลด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“นายไม่ได้ดูมีพิรุธเหมือนในข่าวลือเลย”
“หา?”
“บนเว็บบอร์ดทั่วไปของโรงเรียนแสงเงิน มีแต่คนพูดกันว่า ซูเปอร์โนว่าไร้นามของห้อง 1/0 ชอบยิ้มมีพิรุธ แล้วทำไมนายถึงดูปกตินัก? กำลังแสร้งทำตัวเป็นคนดีต่อหน้ากือริน? มีเจตนาอะไรกันแน่”
ไม่อยากเชื่อเลยว่าการทำตัวปกติก็ทำให้โดยสงสัยได้ด้วย
“ไม่จริงสักหน่อย! อึยชินยิ้มแปลกๆ ต่อหน้าฉันหลายครั้งเหมือนกัน!”
“จริงหรือ”
“ใช่! อึยชินยิ้มมีพิรุธมากเลยล่ะ”
“งั้นก็แล้วไป”
ไม่แน่ใจว่าเขาโล่งใจอะไร แต่ดูเหมือนการที่ฉันเคยยิ้มแปลกๆ ต่อหน้ามินกือริน จะทำให้ซงแดซอกเบาใจไปหลายเปลาะ
…ช่างเถอะ ขอแค่ตัวละครของฉันสบายใจก็พอแล้ว
เมื่อความเงียบเริ่มครอบงำ มินกือรินพยายามชวนคุยในหัวข้อภาพวาดอยู่พักหนึ่ง แต่บทสนทนาก็ต้องหยุดไปอีกครั้ง
วี้—!
เพราะอยู่ดีๆ แอร์แท็กซี่ก็ชะงักกลางอากาศ
“เอ่อ… ถ้าจะไปภูเขาการีที่อาจารย์ของฉันอยู่ ต้องขับต่อไปอีกหน่อยนะ”
“แถวนี้ไม่ใช่จุดจอดของแอร์แท็กซี่ด้วยซ้ำ”
ฉันตรวจสอบเว็บไซต์ของสมาคมเพลเยอร์ เพื่อดูว่าแถวนี้มีรอยแยกปรากฏหรือไม่ แต่ก็ไม่พบอะไรเทือกนั้น
“นั่นมัน… อะไรน่ะ?”
บนพื้นดิน ม้าขาวสามตัวกำลังแหงนหน้ามองแอร์แท็กซี่
—
MasterGU.edited = ไม่ประโยชน์->ไม่มีประโยชน์