ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมิ่งชั่งก็มาถึงห้องรับรองบริษัทลงทุนฟู่หุย
เขาไม่ได้เอาของขวัญมาด้วย ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นของขวัญขอบคุณบอสเผย ถึงบอสเผยจะไม่รับ แต่ก็ไม่เหมาะที่จะเอาไปให้คนอื่น เพราะบอสหลี่เองก็สนิทกับบอสเผยมาก อีกส่วนหนึ่งเพราะกลัวว่าถ้าทำตัวนอบน้อมเกินไปอาจย้อนมาทำร้ายตัวเองทีหลังได้
หลี่สือมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองอย่างอบอุ่น เซวียเจ๋อปินเองก็อยู่ด้วย ทั้งสามรู้จักกันมานาน พวกเขาคุยกันพลางจิบชา บรรยากาศเป็นไปอย่างปรองดอง
หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายก็เข้าประเด็นหลัก
“บอสเมิ่งน่าจะยุ่งมากที่ปักกิ่ง ทำไมถึงมีเวลาแวะมาจิงโจวครับเนี่ย” หลี่สือถามขึ้นระหว่างยกชาจิบช้าๆ
เมิ่งชั่งยิ้ม “น่าอายจังครับ
“ถ้าผมเป็นพวกเสแสร้ง คงจะบอกว่าแวะมาหาบอสหลี่โดยเฉพาะ แต่ผมเป็นคนซื่อสัตย์เสมอ คงพูดโกหกแบบนั้นไม่ได้
“อันที่จริง ผมแวะมาที่จิงโจวรอบนี้เพื่อขอบคุณบอสเผยเป็นการส่วนตัว แต่บอสเผยยุ่งกับงานอยู่เลยไม่มีเวลามาพบผม บังเอิญที่บอสหลี่เองก็อยู่ที่จิงโจวเหมือนกัน ผมเลยแวะมาหาครับ”
หลี่สือยิ้ม “บอสเมิ่งสุภาพเกินไปแล้วครับ ถึงจะแวะมาหาระหว่างทาง ยังไงก็เป็นการเยี่ยมเยียนอยู่ดี มีมิตรไมตรีจิตรมากครับ เอ้า เชิญดื่มชาก่อนครับ”
เมิ่งชั่งรู้ดีว่าหลี่สือฉลาดเป็นกรดและระแวดระวังตัวเป็นอย่างดี
อีกฝ่ายคอยสังเกตการณ์และจับตาดูแบรนด์สาวหน้านิ่งมาตลอดตั้งแต่งานโชว์เคสครั้งแรก แต่ก็ไม่ยอมลงทุนแม้แต่หยวนเดียวจนถึงตอนนี้ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าหลี่สือกังขาแบรนด์สาวหน้านิ่งและไม่มั่นใจในตัวเมิ่งชั่งขนาดไหน
ถ้าเมิ่งชั่งบอกไปว่าแวะมาหาหลี่สือโดยเฉพาะ อาจจะทำให้หลี่สือระวังตัวมากขึ้นและเกิดผลร้ายกับตัวเอง
พอบอกไปว่ามาหาบอสเผยเลยแวะมาหาหลี่สือด้วยระหว่างทาง ถึงจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ช่วยผ่อนคลายความระแวงของอีกฝ่ายได้
อีกอย่างเมิ่งชั่งรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลี่สือกับบอสเผยดี และรู้ด้วยว่าหลี่สือชอบลงทุนตามบอสเผยอย่างไม่ลืมหูลืมตาเสมอ
ดังนั้นคำพูดของเขาจึงวางกับดักเล็กๆ ไว้ได้อย่างชาญฉลาด ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าหลี่สือจะกระโดดมางับเหยื่อล่อรึเปล่า
ถ้าหลี่สือไม่เข้ามางับเหยื่อ เมิ่งชั่งก็จะไม่พูดขึ้นมาอีก เพราะจะดูจงใจเกินไป
หลี่สือจิบชาและจับสารที่เมิ่งชั่งจะสื่อได้อย่างเฉียบขาด “ตั้งใจว่าจะไปขอบคุณบอสเผยเป็นการส่วนตัว? ไม่ทราบว่าจะไปขอบคุณเรื่องอะไรเหรอครับ”
จากข้อมูลที่เขามี บอสเผยขายหุ้นสาวหน้านิ่งไปหมดแล้ว ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่รอดูสถานการณ์ไปก่อน สร้างปัญหาให้เมิ่งชั่งมากทีเดียว
ในเมื่อไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ทำไมเมิ่งชั่งถึงต้องถ่อมาตั้งไกลเพื่อขอบคุณบอสเผยด้วยล่ะ ไม่เห็นสมเหตุสมผลเลย
เมิ่งชั่งตอบพร้อมรอยยิ้ม “จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่บอสเผยลงเงินก้อนเล็กๆ ซื้อหุ้นสาวหน้านิ่งไปส่วนหนึ่งอีกรอบครับ”
เขาไม่อยากระบุจำนวนเงินสองล้าน เพราะไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร และเขาก็คุยโวมากเกินไปไม่ได้ ถ้าหลี่สือไปยืนยันข้อมูลกับบอสเผยขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่บอกแบบกำกวม
หลี่สือตาเป็นประกายด้วยความสนใจ
บอสเผยลงทุนอีกรอบเหรอ
ก่อนหน้านี้หลี่สือบอกเซวียเจ๋อปินว่ามีโอกาสสูงที่บอสเผยจะกลับมาเล่นเกมนี้อีกเหมือนตอนโปรเจ็กต์แอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุดในการลงทุน
ถ้าบอสเผยกลับมาลงทุนอีก ก็หมายความว่า…
แต่พอคิดดูอีกที หลี่สือก็ตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ถ้าบอสเผยอยากใช้กลยุทธ์แบบตอนโปรเจ็กต์แอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ อีก เขาก็ไม่น่าจะลงทุนแค่ ‘ก้อนเล็กๆ’ แต่ควรกว้านซื้อหุ้นสาวหน้านิ่งมาหมดเพื่อเข้าควบคุมเด็ดขาด
เพราะเขาจะปรับสิ่งต่างๆ ตามความคิดของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อมีสิทธิ์ควบคุมทุกอย่างเด็ดขาด
คำว่า ‘เงินก้อนเล็กๆ’ นี่น่าสงสัยมากๆ
หลี่สือตระหนักว่าบอสเผยลงทุน จากนั้นก็ขาย แล้วกลับมาลงทุนต่ออีก ถึงจะดูเหมือนว่าลงเงินให้เรื่อยๆ ซ้ำไปมา แต่ทุกครั้งนั้นเหมือนจะไปจี้จุดอ่อนเมิ่งชั่งเข้า
บอสเผยจะสาดน้ำเย็นใส่เมิ่งชั่งทุกครั้งที่อีกฝ่ายเรียกความสนใจจากนักลงทุนได้และกำลังจะประสบความสำเร็จ และจะลงเงินอีกก้อนเพื่อให้โปรเจ็กต์ไปต่อได้ทุกครั้งที่เมิ่งชั่งกำลังจะหมดเงินแล้วไปต่อไม่ไหว
หรือจะแปลว่า…
บอสเผยมั่นใจในความสามารถของเมิ่งชั่ง แต่ไม่มั่นใจในนิสัยของเขา?
หรือบอสเผยจะคิดว่าความคิดของเมิ่งชั่งไม่ได้อยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง เลยใช้วิธีนี้เพื่อตบอีกฝ่ายให้เข้าลู่เข้ารอย
หลี่สือมีความคิดมากมายผุดในหัว การกระทำที่ผ่านมาของบอสเผยเหมือนจะมีคำอธิบายที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล
เมิ่งชั่งไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย แต่ดูจากท่าทีของหลี่สือ ก็เห็นได้ชัดว่าหลี่สือจับข้อความแฝงที่เขาตั้งใจจะสื่อสารผ่านข้อมูลที่ให้ไปได้
ถ้าเป็นแบบนั้น ก็หมายความว่ายังพอมีโอกาสที่หลี่สือจะลงทุน!
หลังจากพิจารณาอยู่พักหนึ่ง หลี่สือก็พูดขึ้น “ผมอยากจะลงทุนก้อนหนึ่งกับสาวหน้านิ่ง แต่…”
เมิ่งชั่งดีใจมากตอนที่ได้ยินช่วงครึ่งแรก แต่พอได้ยินคำว่า ‘แต่’ เขาก็เหมือนโดนสาดด้วยน้ำเย็น
หลี่สือไม่พูดให้จบในทันที แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายลุ้นอยู่อย่างนั้น แล้วถามขึ้น “บอสเมิ่งมั่นใจในโมเดลสาวหน้านิ่งไหมครับ”
เมิ่งชั่งพยักหน้า “มั่นใจแน่นอนอยู่แล้วครับ แต่… พอเป็นเรื่องธุรกิจ ยังไงก็ยังมีโอกาสล้มเหลวอยู่ครับ”
หลี่สือคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ผมกับเซวียเจ๋อปินลงทุนแปดล้านหยวนกับคุณได้ แต่มีเงื่อนไขคือ คุณต้องเซ็นสัญญาในข้อตกลงเพิ่มเติม คุณต้องร่วมรับผิดชอบหนี้สินของบริษัทแบบไม่จำกัด”
ได้ยินแบบนี้เมิ่งชั่งก็อดเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยไม่ได้
การรับผิดชอบร่วมกันและแทนกันแบบไม่จำกัด ขอแค่เป็นนักธุรกิจ ถ้ามาได้ยินคำนี้ก็คงขนลุกซู่กันหมด
การรับผิดชอบร่วมกันและแทนกันแบบไม่จำกัด คือการที่เขาในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทต้องแบกรับหนี้สินของบริษัทด้วยเงินส่วนตัว
ว่ากันตามหลักการแล้ว บริษัทส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบหนี้สินแบบจำกัด ถึงเมิ่งชั่งจะทำบริษัทเจ๊ง ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการประกาศให้บริษัทล้มละลาย เขาไม่ต้องแบกรับหนี้ด้วยเงินส่วนตัว
แต่ถ้าเป็นการรับผิดชอบหนี้แบบไม่จำกัด หนี้สินของบริษัทจะตกเป็นของเมิ่งชั่ง
ในแวดวงธุรกิจมีสถานการณ์แบบนี้มากมาย ผู้ก่อตั้งบริษัทมักจะต้องแบกหนี้หลายร้อยล้านหยวนไว้บนหลังและต้องนั่งแท่นผู้บริหารเพราะเซ็นสัญญาข้อตกลงเดิมพัน ข้อตกลงการซื้อคืนทุน หรือข้อตกลงรับผิดร่วมกันอย่างไม่จำกัด
เหตุผลที่เมิ่งชั่งไม่ได้เงินลงทุนมากนักก็เป็นเพราะเขายืนกรานไม่ยอมเซ็นสัญญาข้อตกลงเดิมพันกับข้อตกลงการซื้อคืนทุน
เพราะถ้าเขาเซ็นสัญญาเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะได้เงินลงทุนมากขนาดไหน ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นหนี้ท่วมหัว ความเสี่ยงนี้สูงเกินกว่าที่เขาจะรับได้ไหว
แต่เงื่อนไขของบอสหลี่แตกต่างจากนักลงทุนคนอื่นๆ เอาเข้าจริง ถือว่าเมตตามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เพราะบอสหลี่ไม่ได้ขอให้เมิ่งชั่งเซ็นสัญญาเดิมพันหรือขอให้เมิ่งชั่งซื้อคืนทุนทั้งหมดในอนาคต และคืนเงินลงทุนทั้งหมดที่ได้ไปกลับมา แต่ขอแค่ให้เมิ่งชั่งรับผิดชอบหนี้สินของบริษัทแบบไม่จำกัด ɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm
พูดอีกอย่างคือ เมิ่งชั่งต้องจ่ายหนี้สินทั้งหมดของบริษัท แต่หุ้นจะยังเน่าคามือนักลงทุน
เมิ่งชั่งคิดหนัก
ถ้าบริษัทไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สินและได้เงินทุนจากนักลงทุนคนอื่น เขาก็หาคนมาซื้อหุ้นเพื่อถอนเงินสดออกมาได้ จบสวยกับทุกฝ่าย
ถ้าบริษัทมีปัญหาจริงๆ เงินที่ค้างชำระส่วนใหญ่จะเป็นพวกค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน เงินที่ต้องจ่ายให้กับซัพพลายเออร์ และอื่นๆ อย่างมากก็ประมาณหลักล้านถึงหลักสิบล้าน
คงไม่เกิดสถานการณ์แบบที่ต้องแบกรับหนี้หลายร้อยล้านหยวนและกลายเป็นขอทานไปชั่วชีวิต
ถ้าไม่อยากแบกรับความเสี่ยงเลย ก็ไม่ควรรับเงินก้อนนี้ แต่สำหรับเมิ่งชั่งแล้ว นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดที่เขาจะได้ในอนาคตอันใกล้นอกจากการลงทุนจากบอสเผย
ถึงสาวหน้านิ่งจะไม่ประสบความสำเร็จเลยก็ไม่เป็นไร แต่มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ยอมแพ้ได้ยังไง
ในฐานะนักเดิมพัน เมิ่งชั่งไม่สามารถตัดสินใจโหดร้ายแบบนั้นได้
อันที่จริง เมิ่งชั่งดันความเสี่ยงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างการบริหารสาวหน้านิ่ง ยิ่งความเสี่ยงสูงขึ้น ก็ยิ่งยอมแพ้ได้ยากขึ้น เดิมทีเขาเป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ ที่ไม่มีสิทธิ์มีส่วนร่วมในเกมการลงทุนแบบนี้ ไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์จะถือไพ่สักใบ
เขาค่อยๆ เดินมาทีละขั้นจนถึงจุดนี้ ถึงจะมีเหตุการณ์พลิกผันบ้างระหว่างทาง แต่ชิปก็ยังวางกองรวมอยู่บนโต๊ะ ถ้าทนต่อไปอีกหน่อย ก็ดูเหมือนมีโอกาสที่จะกวาดชิปส่วนใหญ่บนโต๊ะไปได้…
ภายใต้สถานการณ์นี้ หัวใจที่แน่วแน่มาตลอดของเมิ่งชั่งก็สั่นคลอนเล็กน้อย เขาเต็มใจที่จะยอมรับความเสี่ยงระดับหนึ่งเพื่อชิปที่ลงพนันไปแล้ว
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เมิ่งชั่งก็พูดขึ้น “ผมรับเงื่อนไขได้ครับบอสหลี่ แต่ขอผมดูรายละเอียดสัญญาการลงทุนก่อนได้ไหมครับ”
หลี่สือยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ได้ครับ”
…
บ่ายสอง ลอสแอนเจลิส
ทั้งสามสโมสรกำลังฝึกซ้อมอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต แต่สโมสร FV อยู่ชั้นสอง ส่วนอีกสองสโมสรอยู่มุมหนึ่งของชั้นล่าง
สมาชิกของสโมสรใช้แอกเค้านต์แรงก์สูงที่ได้จาก Finger Games เล่นเกมแรงก์ไปสองสามตา ตอนนี้พวกเขากำลังรอแข่งซ้อมมือกับทีมจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ถึงทั้งสองทีมจะซ้อมด้วยกัน แต่ก็เว้นระยะห่างจากกันประมาณหนึ่งที่ชั้นแรกของร้านอินเทอร์เน็ต
ถึงพวกเขาจะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในสายเดียวกันแน่นอน แต่ก็อาจบังเอิญมาเจอกันหลังช่วงแบ่งสาย ทั้งสองทีมจึงต้องสงวนไพ่ตายเผื่อไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรู้
ผู้จัดการทีมหนึ่งหันมองเวลาอย่างกระวนกระวายใจ “ยังไม่เข้ามาอีกเหรอ ให้เลขห้องไปผิดรึเปล่า”
สมาชิกทีมส่ายหน้า “ถูกแล้วครับ
“มาแล้วครับ มาแล้ว!”
นักกีฬาห้าคนทยอยเข้ามาในห้องตั้งเอง ชื่อ ID พวกเขานำหน้าด้วย FRY
หลังจากเข้ามา พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่พิมพ์ถามว่า “GO?”
ผู้จัดการทีมดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ยังตอบออกไป “อืม เริ่มได้เลย”
การแข่งซ้อมมือเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการหลังสมาชิกทีมตอบไปว่า “GO”
สโมสร FRY ถือเป็นสโมสรใหญ่ของต่างประเทศ ทีม GOG ที่ตั้งขึ้นก่อนหน้านี้เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศของงานแข่งขันชิงแชมป์โลกและคว้าที่สี่กลับมาได้ เรียกได้ว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดที่ทีมจากต่างชาติทำได้
การทำผลงานได้ระดับนั้นแม้จะเริ่มปั้นทีมช้ากว่าแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานและความแข็งแกร่งของสโมสร FRY
ตอนนี้สโมสร FRY ถือเป็นทีมระดับแนวหน้าในแวดวงเกม IOI
ไม่ง่ายเลยที่จะขอให้พวกเขามาร่วมแข่งซ้อมมือครั้งนี้ด้วยได้ เจ้าซวี่หมิงเชิญพวกเขามาแข่งด้วยผ่านเส้นสายของ Finger Games ถ้าติดต่อไปเป็นการส่วนตัว สโมสร FRY น่าจะปฏิเสธ
เพราะงานแข่งขันชิงแชมป์โลกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เวลาของทุกทีมมีค่ามาก ในหนึ่งวันแข่งซ้อมมือได้แค่ไม่กี่รอบ ถ้าแข่งกับทีมฝีมืออ่อนกว่าแล้วไม่ได้พัฒนาอะไรเลยก็ถือเป็นการเสียเวลาเปล่าและฉุดตัวเองลง
สโมสร FRY อยากแข่งซ้อมมือกับทีมจากยุโรปและอเมริกามากกว่า พวกเขาไม่แยแสทีมจากจีนเลย
ผู้จัดการทีมรู้เรื่องนี้ดี เพราะงั้นเลยไม่พูดอะไรแม้สโมสร FRY จะมาสายไปหลายนาทีและไม่คิดจะขอโทษเลยสักนิด พวกเขาเริ่มแข่งซ้อมมือกันตามปกติ