📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 644.1

บทที่ 644.1 - จุดสูงสุดของศิลปะเกมแสตนด์อโลนในประเทศ (1)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“ถ้างั้นจริงๆ แล้วผู้พัฒนาเกมต้องการจะสื่อสารอะไร

“ความจริงแล้วแยกได้ง่ายมาก

“ปัญหาในชีวิตจริงที่สะท้อนให้เห็นในเกมซึ่งคือเนื้อหาที่ทางออฟฟิเชียลรวบรวมผ่านกิจกรรมที่โพสต์บนเว่ยป๋อ เนื้อหาเหล่านี้คือกระจก เป็นการนำองค์ประกอบชีวิตจริงมาทำใหม่ เพื่อที่ทุกคนจะเห็นถึงชีวิตจริงผ่านเกม

“แต่ถ้าสะท้อนความเป็นจริงทุกอย่าง ก็ชัดเจนว่าสารคดีถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในการนำมาใช้เป็นสื่อกลางนำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนอย่างไม่ลำเอียง

“ดิ้นรนเป็นเกม ที่เลือกรูปแบบนี้เพราะผู้พัฒนาอยากผสานเนื้อหาที่อยากสื่อสารผ่านกลไกเกม!

“ดังนั้นส่วนต่างๆ ที่ประกอบเข้ากับกลไกของเกมคือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ผู้พัฒนาเกมต้องการจะสื่อสาร!

“ต่อไปคือชุดคำถามกับคำตอบ คำถามเหล่านี้คือความไม่สมเหตุสมผลที่ผู้พัฒนาทิ้งไว้ในเกม ด้วยความไม่สมเหตุสมผลนี้แหละที่ทำให้มันเป็นปริศนา

“ทุกคนลองนึกถึงความหมายเบื้องหลังดูได้

“[1] ทำไมเกมนี้ถึงแบ่งขายเป็นเวอร์ชันคนจนกับเวอร์ชันคนรวย ตั้งราคาแยกกัน และบังคับว่าถ้าซื้อคู่กันจะไม่ได้ส่วนลด

“ส่วนหนึ่งก็เพราะการวางราคาเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่ง เช่น เป็นการเน้นย้ำว่าชีวิตไม่มีโอกาสที่สอง เราเลือกเกมได้ แต่เราเลือกชีวิตตัวเองไม่ได้ อีกส่วนคือการที่คนจนถูกสนับสนุนให้ซื้อเวอร์ชันคนรวย ผู้พัฒนาสนับสนุนให้คนจนซื้อเวอร์ชันคนรวยเพื่อที่จะสับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตของกันและกันอย่างแท้จริง

“ในเกม สภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตของคนจนกับคนรวยแตกต่างกันมากขนาดที่ทั้งสองฝ่ายไม่เข้าใจกัน

“ตัวเอกคนรวยถามว่า ทำไมคนจนถึงไม่มีเวลาอยู่กับลูก พวกเขาจะยุ่งไปกว่าประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ยังไง

“ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะตัวเอกคนรวยไม่เคยเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตของคนจน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใจว่าคนจนที่อยู่ชนชั้นล่างสุดไม่สามารถจัดสรรเวลาของตัวเองได้

“ตัวเอกคนจนเชื่อว่า ขอแค่ดิ้นรนสู้ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น และถ้าเรียนรู้จากคนเก่งๆ เปลี่ยนวิธีคิดแบบคนจนทิ้งไป ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองได้

“เพราะคนจนเห็นแค่ความเพียรพยายามของคนรวย แต่มักมองข้ามข้อได้เปรียบเรื่องทรัพยากรที่มากเกินพอดีของคนรวย คนรวยหลายคนชอบสอนคนอื่นว่า ‘ความมั่งคั่งเหนือการทำงานหนักคือศูนย์’ และตัวเองเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวจากศูนย์ ซึ่งคนจนก็เชื่อ แล้วทำไมถึงเชื่อล่ะ ก็เพราะคนจนไม่รู้ว่าคนรวยมีเส้นสาย มีวิธีคิด มีการศึกษา และอะไรอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนชีวิตบ้าง

“ฆาตกรคิดว่าคนรวยเป็นคนลวงโลก เพราะตอนแรกเขาเชื่อมั่นในตัวคนรวยแล้วมาตระหนักทีหลังว่าคนรวยพูดความจริงแค่ส่วนเดียว

“เพราะงั้นกลยุทธ์การวางราคาแบบนี้จึงเป็นการส่งเสริมให้คนจนและคนรวยสัมผัสประสบการณ์ชีวิตของอีกฝ่ายในเกม ก้าวออกจากจุดบอดทางความคิด และมองประเด็นนี้จากมุมมองที่กว้างขึ้น

“วิธีนี้คือการทำลายกำแพงที่สี่และใช้การตัดสินใจในชีวิตมากำหนดประสบการณ์การเล่นเกม ซึ่งจะประสบผลสำเร็จได้ด้วยการสื่อสารศิลปะนี้ในเกม

“[2] ทำไมถึงใช้ชื่ออังกฤษว่า Struggle

“เหตุผลก็เพราะความล้ำลึกของภาษา ถ้าจะสื่อความหมายแค่ ‘ต่อสู้’ ใช้ว่า fight กับ strive ก็ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะสองคนนี้มีความหมายเชิงบวกและตรงกับความหมายที่ต้องการจะสื่อ

“แต่คำว่า struggle ไม่ได้หมายความแค่การต่อสู้ แต่ยังรวมถึงการดิ้นรนด้วย พอเอามารวมกับฉากหลังเรื่องราวภาษาอังกฤษแล้วก็จะเจอมุกจิกกัดได้ง่ายซึ่งก็คือ คนรวยต่อสู้ ส่วนคนจนดิ้นรน

“หลังจากเข้าใจความหมายแล้วกลับมามองคำแปลจีนของคำว่าดิ้นรน ก็จะได้การเสียดสีเพิ่มอีกขั้น คุณน่าจะรู้ว่าถึงจะดิ้นรนเหมือนกัน แต่การดิ้นรนของคนรวยกับคนจนนั้นแทบไม่เหมือนกันเลย

“คนรวยเหมือนดิ้นรนอยู่บนสวรรค์ ถ้าอยากไปให้สูงขึ้นก็ต้องสู้ ถ้าไม่อยากสู้ก็นอนกลิ้งไปมาได้ แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนยังไง พวกเขาก็ยังอยู่บนหมู่เมฆอยู่ดี

“แต่การดิ้นรนของคนจนเหมือนอยู่ในตม การพยายามอย่างเต็มที่มีเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองจมลงไปลึกกว่านี้ ถ้าหยุดดิ้นรนเมื่อไหร่ก็จะจมหายลงไป

“[3] ทำไมตัวละครในเกมถึงขาดเอกลักษณ์

“ตอนเล่นเกม ทุกคนจะพบว่าคนรวยหน้าตาดีมีเสน่ห์ ส่วนคนจนก็ตรงตามภาพจำของคนทั่วไป

“สไตล์ในเกมเน้นให้สีหน้าท่าทาง การแสดงออก และรูปลักษณ์แต่ละตัวละครออกมาเวอร์วัง เพื่อที่จะได้ดูไม่เหมือนคนจริงๆ

“เห็นได้ชัดว่าไม่ตรงกับตีมของเกม เพราะตีมชีวิตจริงต้องการเน้นย้ำความรู้สึกสมจริง จึงต้องทำออกมาให้เหมือนจริงที่สุด การทำสีหน้าท่าทางออกมาโอเวอร์เกินไปจะลดความรู้สึกสมจริงลง

“ในแง่หนึ่งก็เพื่อลดความอึดอัดใจให้ผู้เล่น อีกแง่ก็เพื่อไม่ให้ผู้เล่นอินกันมุมมองตัวละคร แต่ให้มองประเด็นที่นำเสนอในแง่มุมที่สูงขึ้น ไม่เอาใจไปยึดติด

“สีหน้าของตัวละครทำออกมาเคร่งเครียดจริงจัง เป็นการบอกว่าเนื้อเรื่องเกมดิ้นรนนั้นอัดแน่นไปด้วยเรื่องราวที่ตึงเครียด

“ในเกม ใบหน้าแต่ละแบบเป็นตัวแทนคนแต่ละประเภท และเกมก็ใช้ชีวิตของตัวเอกคนรวยและคนจนสะท้อนชีวิตคนรวยและคนจนทุกคน

“เรื่องการโปรโมตก็เหมือนกัน ชัดเจนว่าเป็นการสื่อสารโดยนัยที่เต็มไปด้วยการแสดงออกเชิงสัญญะ

“[4] ทำไมเกมถึงมีตอนจบแค่แบบเดียวและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

“ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ยังไงคนรวยก็โดนฆ่า ส่วนคนจนก็จะตกสู่วงจรอุบาทว์แห่งความจน

“ตอนแรก ผมคิดว่าเป็นแนวคิดแบบยอมจำนนต่อโชคชะตา สื่อว่าไม่ว่าจะพยายามหนักขนาดไหนก็ไม่มีทางเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเองได้

“แต่ไม่นานผมก็ตระหนักว่าตัวเองคิดผิดมหันต์

“เหตุผลก็เรียบง่ายมาก เพราะบอสเผยที่เป็นผู้พัฒนาเกมนี้ไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องการยอมจำนนต่อโชคชะตา!

“ผมไม่เคยเจอบอสเผย แต่คนวงในรู้ว่าบอสเผยแตกต่างจากตัวเอกคนรวยในเกม เพราะบอสเผยเริ่มจากศูนย์จริงๆ!

“จากเกมโดดเดี่ยวเดียวดายกลางทะเลทรายสู่เกมที่ประสบความสำเร็จ และอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จ เราเห็นเถิงต๋าผงาดขึ้นมาในช่วงสองปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะค้นขนาดไหนก็ไม่พบข้อมูลเรื่องการแทรกแซงด้านเงินทุนเลย ข้อมูลทุกอย่างชี้ว่าบอสเผยเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางทั่วไปที่ค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น

“บอสคือคนที่พลิกชีวิตกลับด้านได้ด้วยตัวเอง คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ถ้าเขายอมจำนนต่อโชคชะตา

“เหมือนเด็กเรียนสอบได้เต็มร้อยทุกครั้งมาบอกคุณว่าอ่านหนังสือทุกวันไม่ได้ประโยชน์อะไร คุณจะเชื่อมั้ยล่ะ

“ถ้าคิดดูสักหน่อย จะรู้ว่ามุมมองนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักเหตุผล! nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm

“แล้วทำไมเกมถึงมีแค่ตอนจบเดียว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ล่ะ

“อย่างที่ผมเคยบอกไป เกมใช้ชีวิตของตัวเอกคนจนและตัวเอกคนรวยมาสะท้อนถึงชีวิตของคนรวยและคนจนทุกคน

“ชีวิตทุกคนแตกต่างกัน ความแตกต่างระหว่างคนชนชั้นใกล้เคียงกันก็กว้างมาก ถ้าทำตอนจบมาหลายแบบ ก็จะทำให้แนวที่เกมต้องการสื่อสารอ่อนลง

“ถ้าไม่จำกัดฉากจบ ก็จะไม่สามารถทำให้ตอนเริ่มและตอนจบสะท้อนถึงกันได้

“เกมบังคับให้เวอร์ชันคนรวยและเวอร์ชันคนจนจบได้เพียงแบบเดียว

“อันดับแรก เหมือนเรื่องราวและหนังส่วนใหญ่ ฉากจบแบบเดียวช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของเรื่องราวทั้งหมด และช่วยเปิดให้ผู้สร้างสื่อสารแนวคิดออกไปได้

“ตัวเอกคนรวยจิตใจดีจบอย่างน่าอนาถ ตัวเอกคนจนจิตดีก็จบอย่างน่าอนาถเหมือนกัน เรื่องราวจะตึงเครียดขึ้น ถ้าใช้ตอนจบแบบแฮปปี้ ความตึงเครียดของเรื่องก็จะลดลง แนวคิดที่ผู้สร้างต้องการสื่อสารก็จะเป๋ไป

“สอง นี่คือแนวคิดการยอมจำนนต่อโชคชะตาในขั้นที่สูงขึ้น โดยไม่ได้เน้นย้ำว่าคนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้ แต่เน้นย้ำว่าในสภาพแวดล้อมของสังคม ตัวเลือกบางอย่างแค่เพียงตัวเลือกเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทั้งชนชั้นได้

“เป็นไปได้ที่คนรวยจะตายหรือได้ดื่มด่ำกับชีวิตวัยชรา ส่วนใหญ่แล้วก็มักได้ดื่มด่ำกับชีวิตวัยชรา แต่ความเกลียดชังระหว่างชนชั้นนั้นเกิดขึ้นแล้ว ความเกลียดชังที่คนจนมีต่อคนรวยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น ‘การฆ่าคนรวย’ จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความแตกต่างมีแค่ ‘ใครเป็นคนฆ่าคนรวย’ กับ ‘คนรวยคนไหนถูกฆ่า’

“คนจนอาจตอบโต้กลับและรวยขึ้นมา หรืออาจล้มละลายกลายเป็นขอทาน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคนรวยกับคนจนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนอย่างในเกม ถ้าคนจนโดนคนรวยฉกฉวยโอกาสด้วยวิธีการต่างๆ คนจนก็จะจนไปตลอด ถึงจะมีข้อยกเว้นเป็นบางราย แต่ถ้ามองทั้งกลุ่มก้อน ก็ยิ่งกลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

“ดังนั้นเกมจึงจงใจให้มีแค่ตอนจบเดียว ปล่อยให้เราเปิดเส้นเรื่องใหม่ในเกมซ้ำไปมา เลือกตัวเลือกที่ต่างออกไป หาพล็อตที่ซ่อนอยู่ทั้งสองเวอร์ชัน… แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ทำไมเราถึงเปลี่ยนตอนจบไม่ได้ เพราะระบบเกมจำกัดไว้

“ขยายความขึ้นอีกคือ ตัวเอกคนจนในเกมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผ่านการดิ้นรนได้ เพราะระบบเกมของสังคมทั้งหมดจำกัดเขาไว้

“จุดนี้ กำแพงที่สี่ของเกมได้ทลายลงอีกครั้ง ภายใต้กฎของเกมที่ว่า ไม่ว่าจะพยายามหนักขนาดไหนก็ไม่มีวันเป็นผู้ชนะที่แท้จริง

“[5] มีแบรนด์หนึ่งที่ปรากฏซ้ำไปมาในเกม เรื่องนี้สื่อถึงอะไร

“หลายคนน่าจะเห็นแบรนด์หรูที่มีโลโก้ ‘LL’ สีทอง เป็นแบรนด์เดียวที่ปรากฏตลอดทั้งเกม ซึ่งพ่อของตัวเอกคนรวยเป็นเจ้าของก่อนจะส่งต่อให้ลูก แบรนด์นี้ไปปรากฏอยู่กับหลายตัวละคร

“จากมุมมองของเกม ความทรงจำของผู้เล่นนั้นมีจำกัดมาก อาจสับสนได้ถ้ามีสองแบรนด์ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือใช้แบรนด์เดียวเพื่อสื่อถึงของหรูไปเลย ของที่ไม่มีโลโก้คือของธรรมดา นี่คือแนวคิดพื้นฐานเรื่องการออกแบบเกมที่ชื่อ หลักใบมีดโกนของออคแคม  ซึ่งใช้สื่อสารบางสิ่งบางอย่างออกไปได้แม่นยำที่สุด

“แต่การสื่อสารนี้ก็ผสานองค์ประกอบทั้งหมดในเกมเข้าด้วยกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ใช่แค่มีไว้ประดับ

“คุณสังเกตเห็นความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างคนรวยกับคนจนมั้ย ในเวอร์ชันคนรวย ไม่ว่าคุณจะเลือกยังไง คุณก็แค่เปลี่ยนความสำเร็จไปเป็นแบบอื่น ส่วนในเวอร์ชันคนจน คุณมีตัวเลือกจำกัด ถ้าเลือกพลาดก็จะตกสู่วังวนแห่งความจนเร็วขึ้นกว่าเดิม

“ความแตกต่างระหว่างทั้งสองเวอร์ชันคืออะไร จริงๆ แล้วมีบอกใบ้ไว้ในเกมและอยู่ในตัวเลข

“สำหรับตัวเอกคนจน ชีวิตคือชุดตัวเลขยาวเหยียดที่ต้องคำนวณอย่างละเอียดรอบคอบ หากมีตัวเลขใดตัวเลขหนึ่งผิดเพี้ยนไป ก็จะเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่จะทำให้สายโซ่ทั้งหมดพังทลายทันที ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาจะกลายเป็นศูนย์

“ทีนี้กลับมาดูที่ตัวเอกคนรวย ไม่ว่าจะเลือกอะไร ไม่ว่าจะใช้เงินไปขนาดไหน ยังไงก็มีเงินและทรัพยากรเพิ่มขึ้นเสมอ

“ดังนั้นระบบของเกมจึงคอยควบคุมเงินในเกม เพื่อ ‘จัดการให้ตัวเอกคนจนที่กำลังดิ้นรนกลับสู่ทางที่ถูกต้อง’ พยายามลบเงินให้เป็นศูนย์ และเข้าสู่ตอนจบเพียงหนึ่งเดียว

“ทำไมคนจนถึงใช้จ่ายเงินมากขึ้นพอมีรายได้เพิ่มขึ้น บางคนคิดว่าเป็นเพราะคนจนหลายคนขาดการตระหนักรู้เรื่องการเงิน และโดนล้างสมองโดยวัฒนธรรมบริโภคนิยม แต่เราก็ต้องสังเกตด้วยว่าในเกมมีรายจ่ายหลายอย่างที่เราไม่สามารถเลือกได้

“ตัวอย่างเช่น ทำไมคนจนต้องใช้เงินเดือนหนึ่งเดือนซื้อสูท เข็มขัด และกระเป๋าทำงานแบรนด์ luxury เขาจำเป็นต้องใช้ของพวกนี้ด้วยเหรอ ใช้ของถูกกว่านี้ไม่ได้จริงๆ เหรอ

“ใช่ เขาจำเป็นต้องใช้ของพวกนี้

“เพราะในสภาพสังคมของเกม ถ้าตัวเอกคนจนสวมเสื้อผ้าถูกๆ ก็จะไม่เข้าพวกกับเพื่อนร่วมงานและคนรอบตัว เขาจะไม่มีทางเป็นส่วนหนึ่งของวงสังคมได้

“เพราะงั้นหลายคนจึงอยากรักษาหน้าตัวเอง เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องเสียหน้า แต่ประเด็นจริงๆ อยู่ที่ผลประโยชน์ของตัวเอง

“ใช่ นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่าบริโภคนิยม

“และแบรนด์ luxury ก็เป็นการผนวกรวมของวัฒนธรรมบริโภคนิยม เป็นสัญลักษณ์แบบรูปธรรม

“ในเกม ทั้งคนจนและคนรวยต่างก็ใช้แบรนด์นี้ กลุ่มเดียวที่ไม่ใช้คือคนไร้บ้าน

“พอตัวเอกคนจนหางานดีๆ ได้ เขาก็ต้องใช้ของแบรนด์ luxury อยู่บ้านที่ดีขึ้น ขับรถที่แพงขึ้น เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น คนรอบตัวก็ใช้คำพูดแนวทำร้ายจิตใจหรือประสงค์ดีเน้นย้ำเขาเรื่องนี้

“พวกคนที่มุ่งร้ายจะถอยห่าง ขับไล่ และกันไม่ให้เข้ามาในกลุ่มสังคม ส่วนคนที่ประสงค์ดีจะคอยย้ำว่าคุณต้องการสิ่งเหล่านี้

“เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นตัวเอกหรือผู้เล่น คุณไม่มีทางเลือก นี่คืออีกการออกแบบหนึ่งที่ทำลายกำแพงที่สี่”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset