เปาซวี่อกสั่นขวัญหาย รู้สึกได้ถึงวิกฤตบางอย่าง
เขารีบส่งข้อความไปหาเฉินคังทั่ว
“ทำไมวันนี้ไม่มาทำงาน”
ก่อนที่เฉินคังทั่วจะตอบกลับมา ความคิดมากมายก็ผุดขึ้นในหัวเปาซวี่
โดนไล่ออกเหรอ
ไม่น่าใช่ บอสเผยไม่เคยไล่พนักงานออก
ลาออกเหรอ
ยิ่งไม่น่าใช่ จะไปหาบริษัทดีๆ แบบเถิงต๋าได้ที่ไหนอีก
มนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปก็ไม่น่าใช่
ความเป็นไปได้ต่างๆ ถูกปัดตกหมด ถ้างั้นก็เหลือแค่อย่างเดียว…
เฉินคังทั่วตอบกลับ “พี่เปา พี่ต้องไม่เชื่อผมแน่
“ผม…ได้ย้ายไปรับผิดชอบโปรเจ็กต์ใหม่
“บอสเผยบอกว่าอยากลงทุนทำโปรเจ็กต์บ้านผีสิง เลยมอบหมายให้ผมเป็นคนรับผิดชอบ
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมเองก็ต้องรีบย้ายออกมา ไว้ค่อยไปเลี้ยงอำลากันวันหลังนะพี่…
“ฝากบอกทุกคนด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมแค่ย้ายมาทำโปรเจ็กต์ใหม่เฉยๆ…”
เปาซวี่ “หา บ้าผีสิง คุณได้ย้ายไปคุมโปรเจ็กต์เหรอ”
เฉินคังทั่ว “ผมก็งงเหมือนกันพี่เปา เสาร์อาทิตย์ก่อน ผมเพิ่งจะเข้าทำงานล่วงเวลาแก้แผนออกแบบเกม GOG อยู่เลย ตอนนี้ได้มาคุมงานก่อสร้างบ้านผีสิงซะงั้น…”
“[รูปภาพ]”
“[รูปภาพ]”
เปาซวี่ดูรูปที่เฉินคังทั่วส่งมา ดูแล้วเหมือนจะเป็นโซนอุตสาหกรรมเก่าที่ห่างไกลผู้คน รอบๆ มีหญ้าขึ้นรกรุงรัง เห็นแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวใจสุดๆ
นึกไม่ออกเลยว่าตอนนี้เฉินคังทั่วจะรู้สึกยังไงอยู่
เปาซวี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์ตอบกลับ “ทำไมบอสเผยถึงเลือกนายล่ะ”
เฉินคังทั่ว “จะไปรู้ได้ไงล่ะพี่… บอสเผยบอกแค่ว่าเห็นความสามารถในตัวผม เลยอยากให้ไปแสดงฝีมือในเวทีที่ใหญ่กว่าเดิม…”
เปาซวี่หยุดคิด
นี่คือ “การเลื่อนขั้นของบอสเผย” อีกครั้ง
การเลื่อนขั้นดูไม่มีแบบแผน ทั้งตอนเลื่อนขั้นให้หวงซื่อปั๋ว ลู่หมิงเหลียง และหลี่หย่าต๋า
บอสไม่ได้เลื่อนขั้นให้พนักงานที่อยู่มานานที่สุดหรือเก่งที่สุดในทีม
คนพวกนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักก่อนจะได้เลื่อนขั้น
แต่หลังจากได้เลื่อนขั้น ทุกคนก็ปรับตัวเข้ากับตำแหน่งใหม่ได้อย่างรวดเร็วและแสดงฝีมืออันเยี่ยมยอดออกมา!
เห็นได้ชัดว่าบอสเผยมีวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร บอสเห็นความสามารถอันไร้ขีดจำกัดที่ซ่อนอยู่ในตัวพนักงาน
การเลื่อนขั้นเฉินคังทั่วครั้งนี้ก็เหมือนกัน
เปาซวี่ตรวจดูไฟล์แบบร่างของสมาชิกในทีมอยู่บ่อยๆ และมักพูดคุยกับหลี่หย่าต๋าเรื่องทีมออกแบบ
เขารู้ว่าเฉินคังทั่วเหมือนจะเป็นคนเงียบๆ แต่ลึกๆ แล้วทะเยอทะยานมาก
โควตาทำงานล่วงเวลาเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่แล้วมีแค่ไม่กี่ที่ หลี่หย่าต๋าเลยใส่แค่ชื่อพนักงานรุ่นพี่กับพวกพนักงานตำแหน่งสำคัญๆ
พอมีโควตาจำกัด พวกเขาก็ต้องแย่งกันเพื่อชิงโควตาทำงานล่วงเวลา
เฉินคังทั่วไม่ได้โควตา แต่ก็เข้ามาทำงานล่วงเวลาเพื่อปรับแผนเอง
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นคนชอบกดดันตัวเองขนาดไหน
พอคิดมาถึงตรงนี้ เปาซวี่ก็สะดุ้งโหยง
หรือบอสเผยจะรู้ชัดเจนว่าแต่ละคนมีทัศนคติ ความสามารถ และไฟในการทำงานแค่ไหน
แถมบอสเผยยังพิจารณาคุณสมบัติเหล่านี้แล้วจัดให้คนที่ทะเยอทะยาน มีใจมุ่งมั่นทำสิ่งใหม่ๆ ไปรับผิดชอบโปรเจ็กต์ใหม่อีก
พอเอาเรื่องนี้ไปรวมกับบรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้านี้…
หัวใจของเปาซวี่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อนึกถึงภัยอันตรายร้ายแรง
ถ้าไม่แอบทำงานลับๆ ป่านนี้คงได้ไปสำรวจพื้นที่ทำบ้านผีสิงกับเฉินคังทั่วแล้ว
เปาซวี่ไม่อยากย้ายไปทำโปรเจ็กต์บ้านผีสิง
เขาอยากเป็นนักออกแบบธรรมดาๆ ที่บริษัทเถิงต๋า คอยจัดการไฟล์งาน ปรับแต่งรายละเอียดเกม และแก้แผนออกแบบ
อีกอย่างเปาซวี่ก็สนใจแค่เรื่องการเล่นเกม ไม่ได้อยากออกไปข้างนอกหรือรับผิดชอบโปรเจ็กต์อื่น
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ
“ถึงบอสเผยจะไม่ได้แวะมาที่ออฟฟิศบ่อยๆ แต่บอสก็จับตาดูอยู่ตลอด ถ้าเป็นคนมีความสามารถ ทุ่มเททำงานเพื่อบริษัท ยังไงก็ไม่มีทางหลุดรอดสายตาบอสเผยไปได้!
“รู้ข้อมูลแบบนี้ก็ดี!
“โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่โดนจับได้
“แต่จะทำอะไรสุ่มเสี่ยงไม่ได้อีกแล้ว อย่างน้อยก็ต้องทนให้ถึงการคัดเลือกพนักงานดีเด่นครั้งต่อไปก่อน”
เปาซวี่กดบันทึกแล้วปิดไฟล์งานที่แก้ไป จากนั้นก็หันไปหมกมุ่นกับการเล่นเกม
เขาตัดสินใจแล้วว่าคราวนี้จะอู้งานให้สุดๆ ไปเลย!
…
ตอนบ่าย
ฉางโหย่วเอาเครื่องทดสอบมาที่เถิงต๋า
เครื่องทดสอบนี้เป็นมือถือรุ่นเรือธงของแบรนด์อื่น แต่ใส่ระบบปฏิบัติการสำหรับมือถือตัวล่าสุดที่ทางบริษัท OTTO พัฒนาขึ้น
ระบบปฏิบัติการนี้ชื่อว่า OTTO OS
ช่วงนี้ฉางโหย่วง่วนอยู่กับการจัดการสองเรื่อง เรื่องแรกคือ สรุปแผนงานพัฒนามือถือกับโรงงาน OEM และซัพพลายเออร์ อีกเรื่องคือ การนำทีมพัฒนา OTTO OS
ในยุคของสมาร์ตโฟน มือถือเริ่มพัฒนาไปในทางเดียวกัน ถือเป็นกระแสที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ก่อนหน้าที่จะมีสมาร์ตโฟน มือถือมีหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งแบบยาว แบบฝาพับ แบบเลื่อน แบบมีคีย์บอร์ดครบ และแบบอื่นๆ
แต่พอเข้าสู่ยุคสมาร์ตโฟน มือถือก็เริ่มมีรูปลักษณ์เหมือนๆ กันหมด ปุ่มต่างๆ ลดเหลือแค่ไม่กี่ปุ่มเพื่อขยายขนาดหน้าจอเพิ่ม
ถึงหน้าจอฟูลสกรีนจะมีหลายรูปแบบ แต่อีกไม่นานก็จะมีหน้าตาเหมือนๆ กัน
การทำงานภายในมือถือมีระดับการบูรณาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของมือถือยากขึ้นตาม
พอเป็นแบบนี้ นอกจากเรื่องการออกแบบกับฮาร์ดแวร์แล้ว ระบบปฏิบัติการจึงเป็นปัจจัยหลักในการแยกมือถือของแต่ละแบรนด์
ถ้ามือถือสองแบรนด์ใช้ฮาร์ดแวร์คล้ายๆ กันและราคาไม่ได้ต่างกันมาก ลูกค้าจะให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติการที่มีความเป็นมิตรกับผู้ใช้มากกว่า
ฉางโหย่วเข้าใจเรื่องนี้ดีจึงพยายามพัฒนาระบบปฏิบัติการมือถือตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท OTTO
นอกจากแบรนด์ Pineapple แล้ว มือถือแบรนด์อื่นๆ ใช้ระบบปฏิบัติการ Android มาปรับแต่งเป็นระบบปฏิบัติการของตัวเองโนเวลกูดอทคอม
ระบบปฏิบัติการ Android ดั้งเดิมนั้นเบาและเรียบง่าย แต่มีฟังก์ชันการใช้งานจำกัด ไม่ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้งานส่วนใหญ่ในประเทศ
ดังนั้นบริษัทมือถือในประเทศส่วนใหญ่จึงมุ่งมั่นพัฒนาให้ระบบปฏิบัติการของตัวเองมีฟังก์ชันที่หลากหลายและสะดวกสบาย เพื่อให้ตรงใจลูกค้า
ฉางโหย่วเองก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน
เขาลองทดสอบฟังก์ชันพื้นฐานของ OTTO OS ระหว่างมา ซึ่งก็ไม่พบปัญหาใหญ่อะไร
สิ่งที่เขาต้องการนำเสนอหลักๆ ครั้งนี้คือ
สไตล์หน้าอินเทอร์เฟส เช่น ฟ้อนต์ระบบ ตีม และอื่นๆ โดยจะโชว์หน้าตาของระบบเป็นหลัก
รายละเอียดการปรับแต่งต่างๆ เช่น หน้าจอ Minus One และการปรับเอฟเฟกต์ของระบบพื้นฐานบางตัว
ฟังก์ชันพิเศษ เช่น แอปพลิเคชันเล็กๆ ติดเครื่องอย่างแอปย้ายข้อมูลที่บอสเผยขอมา
ถึงจะเป็นเวอร์ชันแรกแต่ก็พูดไม่ได้ว่าพัฒนาเองจากศูนย์
เหตุผลหนึ่งก็เพราะระบบนี้พัฒนาจากระบบ Android อีกเหตุผลหนึ่งคือ ทีมของฉางโหย่วมีประสบการณ์ด้านพัฒนาระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว
เพราะงั้นฉางโหย่วจึงมั่นใจในระบบนี้มาก
ถึงมีบั๊กก็ไม่น่าจะมีเยอะ
การพัฒนาระบบเป็นกระบวนการระยะยาว เพราะยังไงก็ไม่มีทางตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หมด
ทุกครั้งที่อัปเดตระบบ ยังไงก็ต้องมีบั๊กกระจุยกระจาย แต่ระบบนี้พัฒนามาจากระบบที่เคยทำมาก่อนหน้า ฟังก์ชันส่วนใหญ่ก็เคยทำมาแล้ว จึงไม่ได้มีบั๊กเยอะ ถือว่าเสถียรดีทีเดียว
ฉางโหย่วเดินไปห้องทำงานของเผยเชียนก่อนจะเคาะประตูเบาๆ
“บอสเผยครับ ผมเอา OTTO OS ตัวแรกมานำเสนอ รบกวนช่วยทดสอบดูด้วยครับ
“ถ้าไม่พอใจตรงไหนบอกได้เลยนะครับ เดี๋ยวพวกเราจะรีบนำไปปรับแก้”
ฉางโหย่วยื่นมือถือให้เผยเชียน
เผยเชียนยื่นมือไปรับ พอเห็นสีหน้ามั่นอกมั่นใจของฉางโหย่ว เขาก็ได้แต่แอบถอนหายใจอยู่ภายใน
เฮ้อ รองประธานฉาง คุณมั่นใจเกินไปแล้ว
ถ้าทดสอบที่บริษัท OTTO ก็ไม่น่าจะเจอบั๊กอะไรมากมาย
แต่ถ้าเป็นที่นี่…
ขอหยุดไว้อาลัยให้รองประธานฉางสักหนึ่งนาทีแล้วกัน
เผยเชียนเริ่มทดสอบระบบพื้นฐานของ OTTO OS
ความรู้สึกแรกหลังได้สัมผัสคือ ระบบมีความคล้ายคลึงกับระบบของมือถือผลิตในประเทศหลายๆ แบรนด์ แม้สไตล์ที่ออกแบบมามีความแตกต่างบ้าง แต่ในด้านประสบการณ์การใช้งานก็ไม่ได้มีข้อแตกต่างอะไรมากนัก
มีหลายส่วนที่ยังดูขาดๆ อยู่ถ้าเทียบกับระบบที่พัฒนาออกมาสมบูรณ์แล้วอย่างของเฉินฮว่า
แต่…ก็ใช้งานได้
แค่นี้เผยเชียนก็รู้สึกตกใจแล้ว
หลังใช้งานดูห้านาที สีหน้าของเผยเชียนก็เต็มไปด้วยความงุนงง
ไม่มีบั๊กร้ายแรงอะไรเลย!
เป็นไปไม่ได้!
เผยเชียนมั่นใจว่าถังอี้ซู่ยังอยู่ในออฟฟิศ ออร่าความซวยน่าจะส่งผลอยู่
ถึงจะมีบั๊กเล็กน้อยซึ่งก็เข้าใจได้ แต่ดันไม่มีบั๊กร้ายแรงขนาดทำให้ระบบใช้งานไม่ได้เหมือนตอนที่เยว่จือโจวเอาตัวเกมเดโม่มานำเสนอเมื่อวาน
เผยเชียนอดตกใจไม่ได้
ทีมฉางโหย่วเก่งเรื่องการพัฒนาระบบปฏิบัติการมือถือขนาดนี้เลยเหรอ
ไม่ได้นะ พวกนายเป็นทีมในฝันที่ทำบริษัทหงเฉิงเจ๊งมาไม่ใช่เหรอ
เผยเชียนงงอยู่สักพักก่อนจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์
ทีมของฉางโหย่วน่าจะเคยพัฒนาระบบปฏิบัติการมือถือที่คล้ายๆ กันมาก่อนตอนอยู่บริษัทหงเฉิง ทำให้คุ้นเคยกับกระบวนการต่างๆ ดี
เพราะงั้นการพัฒนา OTTO OS เวอร์ชันแรกจึงเป็นงานง่ายๆ สำหรับพวกเขา
คิดได้อย่างนั้นเผยเชียนก็ถอนหายใจ
ค่อยยังชั่ว ตกใจไปเองสินะ
มันก็เหมือนให้ทีมฉางโหย่วทำข้อสอบที่เคยทำมาก่อนแล้ว ถึงคะแนนจะออกมาดี แต่ก็ใช้วัดอะไรไม่ได้
แต่ระบบที่ออกมาก็เกินจากที่เผยเชียนคาดเอาไว้อยู่ดี
ฉางโหย่วเริ่มอธิบายแผนพัฒนาระบบให้เผยเชียนฟัง
“บอสเผย ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงระบบจะยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ แต่เรื่องความเสถียรนี่ไว้ใจได้เลยครับ
“ผมคิดมาตลอดว่าระบบปฏิบัติการคือสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งาน
“ดังนั้นเราจะพัฒนาฟังก์ชันที่รวดเร็วและสะดวกสบายเหมือนบริษัทใหญ่เจ้าอื่นๆ
“เช่น กดหนึ่งครั้งเพื่อเปิดโหมดเกม การใช้งานหลายหน้าจอ การรับส่งข้อมูลที่รวดเร็ว ระบบ Fast Payment ระบบประหยัดพลังงาน และอื่นๆ
“นอกจากนั้นแล้ว ผมแนะนำให้เราสร้างเว็บบอร์ดให้ผู้ใช้งานแสดงความคิดเห็นและให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับ OTTO OS ได้ตามใจชอบ ถ้าทำแบบนี้ เราก็จะพัฒนา OTTO OS ให้ดีขึ้นไปได้เรื่อยๆ ผ่านการสื่อสารกับผู้ใช้งาน ทำให้แบรนด์เราชนกับเจ้าอื่นๆ ในตลาดได้มากขึ้น!”
