📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 6 ตอนที่ 326

บทที่ 326 - รุดสู่สำนักจักรพรรดิใต้
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“ทางเลือกที่สองล่ะ?” เย่หวูเฉินระงับสีหน้าพึงใจลง ปิดดวงตาสองข้าง กล่าวคำราบเรียบ

“ทางเลือกที่สอง เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งใด แต่เจ้าจะต้องตายอย่างทรมาน พ่อแม่ของเจ้าเย่เว่ยและหวังเวิ่นชู ปู่ของเจ้าเย่หนู่ ตาของเจ้าหวังป๋อ และคนในตระกูลของเจ้าทั้งหมด เช่นเดียวกับผู้คนที่เจ้าเกี่ยวข้อง…. อย่างเช่นฮั่วเจิ้นเทียนแห่งตระกูลฮั่ว คู่หมั้นของเจ้าฮั่วฉุ่ยโหรว หรือองค์หญิงเฟยฮวง รวมถึงผู้ที่หลงใหลในตัวเจ้าอย่างชูเกอเสี่ยวหยู และเด็กหญิงที่อยู่ข้างกายเจ้าที่เรียกว่าหนิงเสวี่ย…. คนที่เจ้าห่วงใยทั้งหมดจะต้องตกตาย”

ฉุ่ยหยุนหลันเอ่ยชื่อแต่ละคนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยกชื่อแต่ละคนเพื่อข่มขู่เย่หวูเฉิน

เปลือกตาของเย่หวูเฉินขยับไหวเล็กน้อยและกลับคืนสู่ความสงบ เย่หวูเฉินถูกคุกคามตั้งแต่ปรากฎตัวขึ้นในอาณาจักรเทียนหลง ทว่าทุกครั้งไม่อาจเทียบครั้งนี้ หากฉุ่ยหยุนหลันกล่าวข่มขู่ธรรมดา เย่หวูเฉินคงไม่ใส่ใจ ทว่าเขาเอ่ยชื่อหนิงเสวี่ยออกมาในที่สุด ในอกอัดแน่นด้วยเจตนาฆ่าฟัน เขาหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง กระแสน้ำไหลอาบลำคอให้อบอุ่น แทรกซึมกระทั่งถึงภายในร่างกาย ปล่อยให้ความเงียบครอบงำ วางถ้วยน้ำชาลงและกล่าวคล้ายหมดหนทาง “หวูเฉินอุตส่าห์มาเยือนเป็นแขก ท่านประมุขสำนักจักรพรรดิใต้จะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ หรือว่าหวูเฉินจะไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายได้?”

“ไม่ เจ้ายังมีทางเลือกที่สาม”

“โอ้? ข้ารอฟังอยู่” เย่หวูเฉินแสดงสีหน้าสนใจ จากใบหน้าที่รักษาความสงบได้เป็นเวลานาน ฉุ่ยหยุนหลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่เห็นวี่แววความหวาดกลัว ไม่ทราบเขาปิดสีหน้าได้สมบูรณ์แบบ หรือว่าไร้ความหวาดกลัวจริงๆ

ฉุ่ยเมิ่งฉานเคยบอกกับตนว่าที่ข้างกายของเย่หวูเฉิน ไม่เพียงจะมีสตรีเทพพิโรธที่ได้รับการยืนยัน แต่ยังมีขุมกำลังแกร่งกล้าซ่อนไว้อยู่เป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังมีพลังลึกล้ำ สามารถปกปิดร่องรอยจากการสืบหาได้ ถ้อยคำที่ฉุ่ยเมิ่งฉานเคยกล่าว บัดนี้ยิ่งมายิ่งกระชัดในจิตใจ

แต่ไม่ว่าอย่างไร เย่หวูเฉินก็ตกลงสู่เงื้อมมือของพวกตนแล้ว ฉุ่ยหยุนหลันเมื่อตรวจสอบกลิ่นอายจากร่างของเย่หวูเฉินก็พบว่าเขาอ่อนแอจริงๆ ทั้งยังอ่อนแอยิ่งกว่าข่าวลือ หากเย่หวูเฉินคิดหนีไปจากที่นี่ย่อมไม่อาจเป็นไปได้

“ทางเลือกที่สาม บอกที่อยู่ของกระบี่หนานฮวง และสาบานตนว่าจะภักดีต่อสำนักจักรพรรดิใต้ ช่วยเหลือพวกเราตามหากระบี่หนานฮวง และซื่อสัตย์ไปจนชั่วชีวิตไม่คิดทรยศ” ฉุ่ยหยุนหลันมองหน้าเย่หวูเฉิน และกล่าวคำอย่างภาคภูมิ

เย่หวูเฉินปิดเปลือกตาลง ไร้ความแปลกใจ คาดไว้แล้วว่าเขาจะกล่าวเช่นนี้ เขาตอบกลับเสียงต่ำด้วยรอยยิ้ม “เข้าร่วมสำนักจักรพรรดิใต้? ด้วยพลังและตัวตนของสำนักจักรพรรดิใต้ ไม่ทราบมีคนมากเพียงใดที่ใฝ่ฝันเป็นคนของสำนักจักรพรรดิใต้ ช่างเป็นข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธจริงๆ”

“หากเจ้าเลือกเส้นทางที่สามและเข้าร่วมสำนักจักรพรรดิใต้ ไม่เพียงเจ้าจะไม่ตกตาย แต่พวกเรายังจะทุ่มความสามารถที่มีช่วยยืดอายุของเจ้า ไม่เช่นนั้น ด้วยสภาพร่างกายของเจ้าในตอนนี้ ย่อมอยู่อีกได้เพียงไม่เกินสิบปี บางทีด้วยพลังของสำนักจักรพรรดิใต้ อาจช่วยเจ้าฟื้นฟูร่างกายให้มีสภาพเหมือนตอนที่เอาชนะฟงเฉาหยาง ผู้คนที่เกี่ยวพันกับเจ้าจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ กระทั่งยังได้รับการคุ้มกันจากสำนักจักรพรรดิใต้ตลอดไป ผู้ใดก็ไม่อาจหมิ่นหยามคนพวกนั้นได้อีก….” ฉุ่ยหยุนหลันหยุดเสียงลง กล่าวเงื่อนไขเพิ่มเติมที่น่าสนใจช้าๆ “ข้ายังจะยกเมิ่งฉานลูกสาวของข้าให้แต่งงานกับเจ้า เพิ่มพูนสถานะของเจ้าในสำนักจักรพรรดิให้สูงขึ้น”

ขั้นแรกคือการข่มขู่ จากนั้นให้สัญญาเป็นเหยื่อล่อ เป็นวิธีธรรมดาที่ฉุ่ยหยุนหลันชอบใช้มากที่สุด ตอนนี้เขาพูดทั้งหมดจบแล้ว ที่เหลือคือรอคำตอบของเย่หวูเฉิน เพื่อกระบี่หนานฮวงเขาสามารถทนรออย่างสงบ เขารู้สึกจากใจจริงว่าเย่หวูเฉินเป็นผู้ที่รับมือยาก เมื่อเผชิญหน้าผู้ไม่ปรารถนาทำตามคำสั่ง เขาจึงต้องใช้เวลาในการทลายปราการในจิตใจ หากว่าเย่หวูเฉินยังคงไม่ยอมจำนน ดื้อรั้นไม่ยอมลงจนเขาสูญสิ้นความอดทน เมื่อนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะใช้วิธีรุนแรง

“เทพธิดาฉุ่ยงดงามไม่เป็นสองรองใครในโลกนี้ เพียงปรากฎกายครั้งเดียวก็ได้สมญาว่าโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเทียนหลง ทว่าเทพธิดาฉุ่ยถูกหมายหมั้นกับจักรพรรดิไว้แล้ว ไหนเลยหวูเฉินจะมีสิทธิ์ชื่นชม” เย่หวูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉุ่ยหยุนหลันเมื่อได้ยินก็หัวเราะลั่น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า องค์หญิงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ ไหนเลยคนธรรมดาอย่างหลงหยินจะคู่ควร ที่ข้ายกลูกสาวให้กับมันเพื่อตอบแทนเรื่องในอดีต ตราบใดที่ข้ากล่าวเพียงไม่กี่คำ ข้อตกลงย่อมเป็นอันยกเลิก มันย่อมไม่กล้าบ่นว่าใดๆ และเจ้า เย่หวูเฉินจะกลายเป็นผู้ปล้นชิงสตรีของจักรพรรดิพร้อมกับเกียรติภูมิ เจ้าต้องการหรือไม่?”

เย่หวูเฉินปรับท่านั่งให้สบายครู่หนึ่ง เอียงศีรษะครุ่นคิดแล้วกล่าวกลั้วหัวเราะ “อันที่จริง ข้ายังมีทางเลือกที่สี่ให้ก้าวเดิน”

ฉุ่ยหยุนหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ทางเลือกที่สี่ก็คือ ข้าไม่ต้องอธิบายสิ่งใดกับท่าน ไม่ต้องเข้าร่วมสำนักจักรพรรดิใต้ และจากไปอย่างปลอดภัย ประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ยังยกธิดาของตนเอง ฉุ่ยเมิ่งฉานให้แต่งงานกับข้า ทางเลือกนี้ท่านคิดเห็นอย่างไร?” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมกับยิ้มลึกลับ เป็นยิ้มที่เฉียบบาง แสดงความเย้ยหยันและดูถูกต่อสายตาของฉุ่ยหยุนหลัน

เปรี้ยง! ! !

เพียงสิ้นเสียงของเย่หวูเฉิน เสียงลั่นสนั่นก็ดังเสียดโสต ถ้วยน้ำชาบนโต๊ะสั่นสะเทือนจนน้ำชากระฉอกออกมา หลังเสียงดังลั่นสงบลง เสียงอึงอลนับสิบสายก็ดังสะท้อนเข้ามา

แผ่นดินไหว? ไม่น่าใช่ นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการระเบิดพลังอย่างรุนแรง ยิ่งกว่านั้นตำแหน่งของเสียงยังดังมาจากทิศทางของประตูหน้า

ภายใต้การป้องกันอันสมบูรณ์แบบ ที่ตั้งของสำนักจักรพรรดิใต้ไม่เคยถูกค้นพบมาหลายสมัย ไม่เคยถูกรุกล้ำกล้ำกรายจากภายนอก เสียงดังลั่นพร้อมกลิ่นอายทะมึนทำฉุ่ยหยุนหลันหัวใจเต้นกระตุกรุนแรง หัวคิ้วขมวดมุ่น ขณะที่กำลังจะวิ่งออกไปดูประตูก็ถูกผลักเปิด มีบุรุษกว่า 30 คนวิ่งเข้ามาอย่างแตกตื่น จากนั้นระงับตัวเองและกล่าว “ท่านประมุข มีศัตรูกำลังบุกรุกเข้ามา เป็นสตรีเทพพิโรธของเย่หวูเฉิน”

“อะไรนะ!?” ฉุ่ยหยุนหลันตกตะลึงอย่างหนัก หันขวับจ้องเขม็งที่เย่หวูเฉิน เพียงพบว่าสีหน้าของเขายังคงภาคภูมิ ฉุ่ยหยุนหลันไม่มีเวลาคิดอีก เพราะพลังของสตรีเทพพิโรธมีเพียงเขาและไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ทั่วทวีปเทียนเฉินต่างรู้ว่าสตรีเทพพิโรธถูกจับกุมด้วยการร่วมมือของ ฉู่ชางหมิง , ฟงเฉาหยาง , หวู่เชียวชุย และเสวี่ยหนี่ รวมสี่บุคคล ทว่านอกจากพวกเขาแล้วไม่มีผู้ใดทราบว่าด้วยเพียงพลังของสี่บุคคล จะสามารถทำได้เพียงต้านรับพลังสตรีเทพพิโรธเท่านั้น หากต่อสู้พัวพันเป็นเวลานานพวกเขาย่อมพ่ายแพ้

ในอดีตการต่อสู้กับสตรีเทพพิโรธ ความจริงต้องใช้ยอดฝีมือขอบเขตเทวะถึงหกคน อีกสองคนที่เพิ่มมานั้น หนึ่งคือตัวเขาประมุขแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ ส่วนอีกหนึ่งคือเหยียนเทียนสง ประมุขแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือเมื่อ 20 ปีก่อน ท้ายที่สุดจึงสามารถพันธนาการสตรีเทพพิโรธไว้ด้วยโซ่ตรวนผนึกปีศาจที่ฉุ่ยหยุนหลันนำมา เพราะไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีเพียงใด ก็ไม่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับนางได้ กระทั่งชุดดำของนางยังไร้ความเสียหายใดๆ แม้จะถูกฟันด้วยกระบี่ชางหมิง

รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของสตรีเทพพิโรธ ด้วยศัตรูปานนี้ เขาผู้เป็นประมุขสำนักจักรพรรดิใต้จึงไม่อยากเผชิญหน้าเลยจริงๆ และเพราะเหตุนี้หลังจากที่เย่หวูเฉินกลับมา สำนักจักรพรรดิใต้ของเขาจึงไม่กล้าลงมือกับเย่หวูเฉิน

“เฝ้ามันไว้” ฉุ่ยหยุนหลันพยักหน้ามาทางเย่หวูเฉิน จากนั้นทะยานเท้าวิ่งออกไปดุจสายลมหนาว

ชายผู้หนึ่งรับคำตามหลังฉุ่ยหลุนหลันที่จากไป จากนั้นไม่กล่าวคำและมายืนอยู่ข้างเย่หวูเฉิน คอยเฝ้าไม่ให้คลาดสายตา

เย่หวูเฉินไม่เหลือบตามองแม้แต่น้อย เขานั่งนิ่งไม่ไหวติง ในใจบ่นว่าเบาๆ “ทงซิน เด็กโง่ ระวังตัวด้วย”

………………..

………………..

พลังที่ทงซินถือครองอยู่คือธาตุทมิฬและธาตุมรณะที่บริสุทธิ์สูงสุดในโลก หมอกพิษของสำนักจักรพรรดิใต้ที่สามารถสังหารผู้คนไม่อาจทำอันตรายใดๆแก่นาง หลังจากที่นางล่วงล้ำเข้ามาในเขตแดนหมอกพิษ มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นพลังของนาง และกริชเทพพิโรธที่อยู่ในมือนางนั้น คือหนึ่งในศาตราเทพที่ชาวทวีปเทวะรู้จักทุกผู้คน ขอบคมของมันเหนือล้ำกว่าศาตราเทวะของทวีปเทียนเฉินทุกชนิด เมื่อกริชเทพพิโรธถูกบรรจุพลังโดยทงซิน มันก็เปล่งแสงสีแดงดุจดวงตาอสูรที่กระหายเหยื่อ ม่านปราการที่สร้างขึ้นจากพลังหยกวารีตอนนี้แตกทำลายอยู่ในกลุ่มหมอกพิษ

เมื่อผู้คนในสำนักจักรพรรดิใต้ที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆได้ยินเสียงสะเทือนเบาบางจากที่ไกล รวมทั้งการบิดผันของพลังประหลาดก็ต่างตระหนักได้ เมื่อทงซินมาถึงประตูลับหน้ากำแพงภูเขา ด้วยพลังเทวะแห่งกริชเทพพิโรธ เบื้องหน้าคือกำแพงศิลาแกร่งกล้าที่ยากจะทำลาย นางไม่อยากเสียเวลาแม้เพียงชั่วอึดใจ โคจรพลังสูงสุดในร่าง ควบกลั่นประสานเข้ากับพลังทมิฬ แล้วเขวี้ยงกริชเทพพิโรธตรงออกไปดุจลูกศร

ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ กำแพงศิลาแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ที่ตั้งตระหง่านมากว่า 3,000 ปี ได้ถล่มลง ยามเฝ้าประตูสองคนที่อยู่ด้านในย่อมไม่อาจต้านทานพลังทมิฬแกร่งกล้าและกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน หลังตกตายไม่เหลือเศษซากอยู่เบื้องหลัง

เสียงประตูหน้าถล่มลงดังกึกก้องไปทั่วทั้งสำนักจักรพรรดิใต้ ทำให้ผู้คนทราบว่าศัตรูที่บุกรุกเข้ามาแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อร่างดำปรากฎแก่สายตา ผู้คนยืนนิ่งจนกระทั่งมีผู้หนึ่งตะโกนออกมาว่า “สตรีเทพพิโรธ” พวกเขาต่างตกตะลึง กระนั้นยังคงความภาคภูมิ

ทงซินสัมผัสกลิ่นอายของเย่หวูเฉินได้ในทันที นางหันร่างพุ่งตรงไปยังห้องหนังสือของประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ด้วยความเร็วดุจอัสนีดำ การเคลื่อนไหวของนางหมายถึงประมุขสำนัก ดังนั้นหลายคนจึงคำรามด้วยสัญชาตญาณ มีสามคนก้าวออกมาปิดกั้นเส้นทางทงซินไว้

พลังของสำนักจักรพรรดิใต้ ไม่ใช่สิ่งใดที่ตระกูลยุทธ หรือตระกูลเวทย์ใดๆจะเปรียบเทียบได้ ห่างชั้นมากมายจนไม่อาจกล่าว เนื่องจากในสำนักจักรพรรดิใต้นั้น กระทั่งคนใช้ที่ต่ำศักดิ์สุด เมื่อออกไปภายนอกยังเป็นตัวตนที่โดดเด่น ระดับพลังระหว่างโลกภายนอกกับพวกเขาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ทว่า…..

ฉัวะ

ฉัวะ

หนึ่งกริชตวัดออก ชายชราผู้มีพลังระดับวิญญาณขั้นสูงกลายเพียงดอกไม้เมื่ออยู่ต่อหน้า กระแสลมเย็นผ่านพัดลำคอ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าโลกหมุนคว้าง เขามองเห็นร่างกายตนเองไร้ศีรษะ

กริชถูกตวัดครั้งที่สองตามติด คนที่สองที่พุ่งเข้าปรากฎเส้นสีแดงบนลำคอ ร่างของเขาร่วงลงพื้นราวใบไม้ เงียบงันไร้เสียง

ติ้ง

เสียงกริชกระทบเงียบงัน กริชคมในมือถูกขว้างออกไป ก่อนที่ลำคอของร่างที่สามจะถูกเสียบจนทะลุเป็นรูออกด้านหลัง เนื่องจากกริชเทพพิโรธบินว่อนด้วยความเร็ว จึงไม่มีผู้ใดเห็นชัดว่ามันไปทางไหน ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณชั้นสูงเหล่านี้ยังไม่ทันไรก็ตกตายด้วยคมกริช

เมื่อกริชเทพพิโรธบินกลับมาถึงมือทงซิน เหนือผิวกริชไม่แปดเปื้อนโลหิตแม้แต่น้อย การลงมือสังหารของนาง ทำให้ผู้คนที่รายล้อมนับสิบหัวใจเต้นรัว

สามยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณถูกจู่โจมอย่างร้ายกาจ เพียงพริบตาก็ตกตายถึงสามคน! ความเร็วระดับนี้ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาได้ตั้งตัว

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset