พลังแกร่งกล้าของสตรีเทพพิโรธไหนเลยผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้จะไม่รู้จัก ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่รับไม่ได้ ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ สตรีเทพพิโรธกลับเป็นดรุณีน้อยนางหนึ่ง และสิ่งที่ไม่อาจรับได้คือสำนักจักรพรรดิใต้ผู้ยิ่งใหญ่กำลังถูกรุกราน แม้ว่าสตรีเทพพิโรธจะเข้มแข็ง แต่นางเป็นคนแรกที่กล้าบุกรุกเข้ามายังสำนักจักรพรรดิใต้ในตลอดหลายยุคสมัยที่ผ่านมา ไม่ว่านางจะเป็นใคร พวกเขาก็ไม่อาจปล่อยให้นางหนีรอดออกไปได้
“สตรีเทพพิโรธแข็งแกร่งดุจคำร่ำลือ…. รีบไปแจ้งอาวุโสใหญ่เร็วเข้า พวกเราจะต้านรับนางไว้เอง!”
เสียงกู่ร้องเย็นเยียบสี่สายดังขึ้นพร้อมกัน สี่บุคคลกระโดดเหินร่างออกมาจากสี่ทิศล้อมรอบทงซินไว้ ทั้งสี่ล็อคตรึงพลังที่กายนาง นี่คือพลังปราณระดับสวรรค์จากยอดยุทธสี่คนที่ตั้งค่ายปิดกั้นนางไว้ตรงกลาง ดวงหน้าหิมะเยาว์วัยเย็นเชียบไม่แยแส นัยน์ตากระจ่างฉายความกังวลมองตรงทิศที่เย่หวูเฉินอยู่ นางไหวร่างพุ่งวับเป็นเส้นตรง ไม่สนใจสี่คนที่รายล้อมเข้ามาใกล้
กระบี่เขียวอัดพลังแรงกล้าเสือกส่งมาเบื้องหน้าทงซิน ขณะเดียวกันมีไอปราณพุ่งมาจากทางซ้ายและขวา นางผลักมือขวารับกระบี่สวรรค์ที่พุ่งเข้ามา เมื่อปลายกระบี่สัมผัสฝ่ามือที่เบื้องหน้าก็เกิดเสียงลั่นเสียดโสต กระบี่แตกแล่งออกตามเส้นสันกลาง ตั้งแต่ปลายกระบี่จนจรดขอบด้าม…. มันไม่หยุดจนกระทั่งทำลายมือแขนจนไปถึงหัวใจ คนผู้นั้นร่างหมุนคว้างอย่างรุนแรง ทงซินพลิกมือขวา จับกริชเทพพิโรธเหวี่ยงเป็นวงโค้ง ปลายกริชคมกล้าเปล่งรัศมีเผชิญรับกับสามบุคคล
เสียงกู่ร้องสามสาย พร้อมสามกระบี่ที่สาดเข้ามาในเวลาเดียวกัน คนที่อยู่ใกล้สุดถูกรัศมีสีดำตัดร่างขาดกลาง ที่เหลืออีกสองถูกฟันร่วงลงพื้นเลือดสาดกระจาย
สามยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณตกตายด้วยกระบวนท่าเดียว และนางเพียงใช้สองกระบวนท่าก็สามารถสังหารสองยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ให้ดับดิ้น ส่วนอีกสองคนบาดเจ็บสาหัส พลังไร้ต้านของสตรีเทพพิโรธ ทำให้พวกเขากลายเป็นไร้ประโยชน์ ไร้พลังที่จะต่อต้าน
รอบกายทงซินถูกผู้คนห้อมล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ แรงสั่นสะเทือนจากการถล่มของประตูหน้า ทำให้ผู้คนนับพันตื่นตัวและพุ่งมาจากทุกทิศทาง เมื่อเห็นสี่บุคคลที่นอนกองบนพื้น ทุกคนต่างสูดหายใจเยียบเย็น สี่ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ สองคนตกตาย อีกสองบาดเจ็บสาหัส แม้จะเป็นพวกเขาก็ไม่อาจยอมรับการสูญเสียระดับนี้ได้ สตรีเทพพิโรธเป็นตัวตนที่แกร่งกล้าสมคำร่ำลือ!
ทงซินลงมือแต่ละครั้งล้วนเล็งที่จุดตาย ไม่ต้องการเสียเวลาพัวพันกับพวกเขา หัวใจนางห่วงเฉพาะความปลอดภัยของเย่หวูเฉิน ก่อนเย่หวูเฉินจะถูกนำตัวมายังสำนักจักรพรรดิใต้ เขาย้ำเตือนกับทงซินว่าจะกลับมาเองในสภาพสมบูรณ์ ทว่าทงซินแม้เชื่อฟังทุกถ้อยคำของเย่หวูเฉิน แต่หากเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของเขานางจะตัดสินใจด้วยตัวเอง ดังนั้น นางจึงลอบตามมาอย่าเงียบงัน จนกระทั่งถึงสำนักจักรพรรดิใต้ หลังจากรอคอยอย่างกระวนกระวาย สุดท้ายนางไม่อาจอดห้ามความกังวลใจ เร่งรุดมุ่งเข้ามา ด้วยกลัวว่าหากช้าเพียงชั่วอึดใจ เย่หวูเฉินอาจตกอยู่ในอันตรายได้ สัมผัสเทวะของนางแผ่รัศมีได้ไกลเพียงใดคนธรรมดาย่อมไม่อาจนึกจินตนา ไกลออกไปในสำนักจักรพรรดิใต้นางสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายแกร่งกล้าสายหนึ่งกำลังอยู่กับเย่หวูเฉิน ดังนั้นนางจึงไม่อาจอดห้ามความกังวล
นางทะยานร่างลอยขึ้น ละลิ่วตรงไปยังทิศทางที่เย่หวูเฉินอยู่ด้วยความเร็วสูงสุด ทันใดนั้น นางถูกกั้นขวางด้วยสามยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ที่พึ่งมาถึง อีกสองพลังตามมาจากเบื้องหลังและด้านข้างของยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ทั้งสามคน นางยังคงพุ่งตรงไปด้วยสีหน้าราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าภายในใจอัดแน่นด้วยจิตสังหารบ้าคลั่ง ร่างที่พุ่งเป็นเส้นตรงฉับพลันนั้นกลางอากาศ นางก็กางแขนผลักมือออกทั้งสองข้าง ทั่วร่างเปล่งรัศมีสีเทาทะมึน ทันใดนั้น ลำแสงทมิฬหลายสายก็พุ่งลงไปยังเบื้องล่าง
ฟั่บ…. ฟั่บ…. ฟั่บ….
ลำแสงทมิฬเกือบสิบสายดุจลูกธนูสีดำจากนรกโลกันตร์ มันพุ่งทะลวงร่างของเจ็ดบุคคลอย่างไร้หัวใจ จากนั้นปักลงพื้นและเกิดเป็นหลุมลึกสีดำ เพียงอีกหนึ่งกระบวนท่าก็สังหารไปอีกเจ็ดคน ผู้ที่ดับดิ้นต่ำสุดมีพลังขอบเขตวิญญาณชั้นกลาง สูงสุดมีพลังขอบเขตสวรรค์ชั้นกลาง มีเสียงกรีดร้องเจ็บปวดเจ็ดสาย ทงซินมิได้ปราดตามอง ร่างกายพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย
สำนักจักรพรรดิใต้ ภายในห้องลับแห่งหนึ่ง ร่างชราที่ปิดตาไว้หลายเดือนได้ลืมตาโพลงขึ้นฉับพลัน คนชราผู้นี้ลักษณะไม่ธรรมดา รูปลักษณ์ประดุจเทพเซียน อาภรณ์สีขาว ผมเผ้าสีเทา หนวดเคราสีขาวห้อยลงมาเบื้องหน้า มือจับด้ามพู่ไหมสีขาวที่ดูราวกับเทพเจ้าดาวศุกร์ที่จุติมายังโลก
หลังจากที่เขาลืมตาขึ้น ประตูศิลาที่ปิดแน่นหนาไว้นานก็เปิดออก มีชายกลางคนวิ่งเข้ามาเหงื่อท่วมตัว สีหน้าแสดงให้เห็นชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ สำนักจักรพรรดิใต้สงบเงียบมาตลอด จากแรงสะเทือนเมื่อครู่ที่ทำให้เขาตื่นขึ้นมา และสีหน้าแตกตื่นของคนที่อยู่ตรงหน้า ชายชราส่งเสียงถามช้าๆด้วยสีหน้าราบเรียบราวแผ่นน้ำ “มีเรื่องสำคัญใดเกิดขึ้น?”
“อา….อาวุโสเทียมฟ้า สตรีเทพพิโรธบุกรุกเข้ามา….” คนที่เพิ่งเข้ามาตอบกลับเสียงแหลม กระหืดกระหอบขณะกล่าวคำ
“เข้าใจแล้ว” ชายชราลุกขึ้นและค่อยๆเดินออกไป ฝีเท้าของเขาเห็นได้ชัดว่าเชื่องช้าอย่างยิ่ง ทว่าเพียงพริบตาเขาก็หายไปจากสายตา ชายกลางคนปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและถอนหายใจด้วยความโล่งอก “อาวุโสเทียมฟ้าและอาวุโสปฐพีออกหน้าแล้ว สตรีเทพพิโรธย่อมไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีก”
ในสำนักจักรพรรดิใต้ นอกจากประมุขสำนัก ยังมีผู้อื่นอีกสี่คนที่แข็งแกร่งสุดเรียงตามลำดับคือ อาวุโสเทียมฟ้า , อาวุโสปฐพี , อาวุโสทมิฬ และอาวุโสเหลือง สำนักจักรพรรดิใต้เวลานี้มีหกบุคคลที่ย่ำเท้าอยู่บนวิถีเทวะ สี่คนในนั้นคืออาวุโส ฟ้า ดิน ทมิฬ เหลือง สำหรับอาวุโสเทียมฟ้าถูกจัดให้เป็นอันดับหนึ่งในสำนักจักรพรรดิใต้ แข็งแกร่งยิ่งกว่าประมุขสำนักหนุ่ม และหลังจากที่ปิดด่านเก็บตนเป็นเวลาสิบปี ความแกร่งกล้ายามนี้ไม่มีผู้ใดทราบ สถานะของเขาในสำนักจักรพรรดิใต้เป็นรองเพียงประมุข แต่ไม่ใช่เพราะเพียงเขามีพลังหยกวารีที่แกร่งกล้าสูงสุดเท่านั้น แต่ยังด้วยเพราะอุปนิสัยและอารมณ์ ปฏิบัติต่อทุกคนในสำนักอย่างยุติธรรม และฝึกฝนพัฒนาพลังหยกวารีอยู่เสมอ เมื่อประมุขสำนักพบเห็นทุกครั้งจะแสดงความเคารพอย่างเหมาะสม
เวลานี้ อาวุโสเทียมฟ้าและอาวุโสปฐพีอยู่ในสำนัก ส่วนอาวุโสทมิฬและอาวุโสเหลืองน้อยครั้งที่จะกลับมายังสำนัก
“สกัดนางไว้ อาวุโสเทียมฟ้าและอาวุโสปฐพีกำลังมาที่นี่!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นและโจมตีไปยังทงซิน หากไม่ว่าผู้ใดที่จู่โจมทงซินล้วนจบลงด้วยความตาย
ความแตกต่างระหว่างขอบเขตสวรรค์และขอบเขตวิญญาณเป็นช่องว่างที่กว้างอย่างยิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าขอบเขตวิญญาณจะไม่อาจต้านทานขอบเขตสวรรค์ได้ ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณชั้นสูงหลายคนสามารถต้านทานยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ขั้นต่ำได้หรือกระทั่งเอาชนะ ทว่าช่องว่างระหว่างเทวะกับสวรรค์คือความต่างชั้นระหว่างมนุษย์กับเทพ สิบยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์เผชิญหน้ากับเทวะหนึ่งคนไม่อาจมีหวังชนะเลย และยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงพลังที่เหนือล้ำยิ่งกว่าเทวะของสตรีเทพพิโรธ
ทีละคนร่วงหล่นด้วยฝีมือทงซิน เพียงไม่นาน ร่างของทงซินก็เริ่มเปื้อนเลือดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เบื้องหลังนางมีซากศพกลาดเกลื่อนด้วยสีหน้าตระหนก ศพเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่ละคนเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง ทว่ากลับไม่อาจทำอันใดได้ เพียงพริบตาก็ดับดิ้นอย่างอนาถด้วยน้ำมือของสตรีเทพพิโรธ ทว่าโชคยังดี แม้พลังของพวกเขาไม่อาจเป็นอันใดต่อหน้าสตรีเทพพิโรธ แต่ระหว่างที่ตกตายทีละคนอย่างน้อยพวกเขาก็ชะลอฝีเท้าของนางได้
ฉัวะ ~~ ~~
อีกหนึ่งการฟาดฟันตัดร่างและกระดูกทำผู้คนเสียวหน้าท้องวาบ สามบุคคลตรงหน้าร่างขาดลงพร้อมกัน อุปสรรคตรงหน้าทงซินถูกขจัดลงชั่วคราว เบื้องหลังนางมีสองกระบี่ยาวพุ่งเข้าหา ทงซินขยับร่างลงมือโดยไร้ความรู้สึก ชุดของนางไร้รอยขาด นางคว้ากระบี่สองเล่มด้านหลังด้วยมือเปล่าขาวละมุน แสงทมิฬถูกปล่อยเข้าคลุมกระบี่ ลามสู่สองร่างจนร้องโหยหวน ดวงตาเหลือกขึ้นกลายเป็นสีดำนิ่งงัน นางเร่งความเร็วตรงไปหาเย่หวูเฉินอีกครั้ง การสังหารแต่ละครานางไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ครั้งหนึ่งการฆ่าคือสัญชาตญาณที่นางชมชอบ ทว่าหลังจากติดตามเย่หวูเฉิน ความกระหายเลือดของนางก็ค่อยๆลดระดับลง นางไม่สังหารส่งเดชเพื่อไม่ให้เขาเกลียด นางกระทั่งไม่กล้าให้เสื้อผ้าแปดเปื้อนโลหิต ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่านางจะรู้จักความปราณี
ทันใดนั้นทงซินชะงักร่าง คาดไม่ถึงกลับมีสายพลังเย็นเชียบไร้ที่เปรียบพุ่งมาด้วยสัมผัสหนักหน่วง ทงซินหรี่ตาลง มือขวากระชับกริชเทพพิโรธแห่งความภาคภูมิของเทพสูงสุด ผ่าสายพลังเย็นเชียบทะมึนที่พุ่งมาตรงหน้า คลื่นพลังขาดออกอย่างง่ายดาย กริชฟันเข้าสู่บุคคลที่อยู่ตรงหน้า
เปรี้ยง!
กริชเทพพิโรธปะทะปราการสีฟ้าดังสนั่น ปราการสีฟ้าถูกสร้างขึ้นในพริบตา ด้านหลังนั้นเป็นฝ่ามือคู่ใหญ่ที่เรืองแสงสีฟ้าอ่อน ฉุ่ยหยุนหลันขมวดคิ้วเคร่งเครียด ร่างกายหยุดนิ่งดุจหินผา สองมือประสานเคลื่อนพลังหยกวารีสร้างม่านปราการ ต้านรับกริชเทพพิโรธได้อย่างคาดไม่ถึง
ทว่าเขาต้องใช้ถึงสองฝ่ามือ ขณะที่ทงซินเพียงเหวี่ยงมือขวาธรรมดา เมื่อมือซ้ายของทงซินฟาดออกอีกครั้ง ปราการหยกวารีก็ลั่น ‘เปรี๊ยะ’ ดังสนั่นและแตกออก ฉุ่ยหยุนหลันเซถอยหลังไปหลายก้าว ทงซินเหินร่างลงสู่พื้นและจดจ้องที่ฉุ่ยหยุนหลัน
“ท่านประมุข!” การปรากฎตัวของฉุ่ยหยุนหลนทำให้หลายคนรู้สึกโล่งอก และตะโกนร้องออกมา ฉุ่ยหยุนสีหน้ายังคงภาคภูมิ เขาโบกมือ “พวกเจ้าถอยไป”
ผู้คนของสำนักจักรพรรดิใต้เริ่มขยับถอยออกไป กลายเป็นวงกลมขนาดใหญ่ล้อมอยู่ห่างๆ ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่ง เพียงเผชิญหน้ากับสตรีเทพพิโรธก็ทำให้ทราบว่ายอดฝีมือขอบเขตสวรรค์อย่างพวกตน ผู้เป็นปรมาจารย์แห่งรุ่นในสายตาคนธรรมดา ต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตเทวะล้วนไม่ต่างจากเด็กหัดคลาน รับมือเทวะย่อมต้องใช้เทวะ เพราะจำนวนของมนุษย์นั้นไม่อาจเอาชนะเทพได้
“ท่านประมุข ข้าจะช่วยท่านเอง” ฉุ่ยหยุนพ๋อที่เพิ่งมาถึงข้างกายฉุ่ยหยุนหลันกล่าวอย่างเคร่งเครียด
“ท่านเองก็ถอยออกไปก่อน แม้ว่าท่านจะใกล้บรรลุวิถีเทวะ แต่เทียบกับวิถีเทวะแท้จริงยังคงถือว่าห่างไกล ต่อสู้กับนางอันตรายเกินไป” ฉุ่ยหยุนหลันยกมือขึ้นกล่าวห้าม
ฉุ่ยหยุนพ๋อขมวดคิ้ว พยักหน้าและถอยออกไป
ทงซินสืบเท้าก้าวมาข้างหน้าช้าๆ ม่านตาดำขยับไหว ดุจลูกศรที่แล่นออกจากสายธนู นางบินลิ่วออกไป แทงกริชเทพพิโรธเล็งตรงที่คอหอย คนผู้นี้ทำให้นางรู้สึกถึงความคุกคามเล็กน้อย และนางรู้สึกเพียงแค่นั้น