📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 6 ตอนที่ 313

[เล่มที่ 6 ตามจิตโลหิตดำ] บทที่ 313 - เผยแผนการร้าย
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ในสายตาของผู้คน เย่หวูเฉินแทบจะอยู่ในบ้านตลอดเวลา น้อยนักที่จะออกมาข้างนอก ทว่าในมือเขากลับมีข้อมูลมหาศาลจากภายนอก เป็นข่าวสารที่มาจากทุกทิศทาง ตั้งแต่เรื่องเล็กจนถึงเรื่องใหญ่ ทุกเรื่องมีรายละเอียดย่อย เย่หวูเฉินอาศัยข้อมูลเหล่านี้เฝ้าสังเกตความเป็นไปในโลกโดยที่ไม่ต้องออกไปไหน เรื่องของคนเสียสติที่สำนักจักรพรรดิใต้คุมขังไว้นั้น คนของสำนักมารได้ยินมาจากสองศิษย์สำนักจักรพรรดิใต้ที่คุยกันอย่างไม่ใส่ใจ เนื่องจากในแต่ละวันมีข่าวน้อยใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ฉะนั้นข่าวนี้จึงนับเป็นเรื่องเล็กน้อยที่แทบจะไร้ความหมาย ทว่าหลังจากที่เย่หวูเฉินได้ยิน เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ปะติดปะต่อเรื่องราวในสมองอย่างรวดเร็ว

“ท่านต้องการจะบอกว่าคนผู้นั้น….”

เย่หวูเฉินยกมือขึ้นหยุดนาง “โอ้! อย่าพูดจะดีกว่า ข้าแค่ใช้เวลาว่างอันน่าเบื่อคิดเรื่องนี้เล่นๆดู ท่านก็แค่ฟังไว้เล่นๆก็พอ หากความจริงที่ข้าคาดเดาไว้ไม่ใช่ความจริง เช่นนั้นข้าคงถูกหัวเราะเยาะ ดังนั้น ท่านจะคิดว่าวันนี้ข้าพูดเรื่องไร้สาระก็ได้ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่”

ฉุ่ยเมิ่งฉานนั่งลงช้าๆ หลังม่านบางสีชมพูนั้น ดวงตาน้ำใสสั่นไหวขณะจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่อีกฝั่ง อาศัยเพียงข่าวเล็กน้อยที่ผู้คนเพิกเฉยไม่สนใจ และไร้หลักฐานใดๆ เขากลับแนะนำบางสิ่งที่น่าตระหนกต่อนาง ทั้งน้ำเสียงที่กล่าวยังมั่นใจอย่างยิ่ง นางไม่ทราบว่าเขาไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน

นางปรับลมหายใจที่คล้ายปั่นป่วนให้สงบ กระซิบเสียงเบาอย่างนุ่มนวล “คุณชายเย่ การคาดเดาของท่าน เมิ่งฉานย่อมไม่อาจปฏิเสธ แม้ข้าจะปรารถนาให้ท่านคาดเดาผิด แต่คุณชายเย่ ข้าขอกล่าวตามตรง คนผู้หนึ่งที่เมิ่งฉานนับถือสูงสุดในชีวิตนี้ก็คือท่าน และผู้เดียวที่ข้าหวาดกลัวก็มีเพียงท่านเท่านั้น”

ทุกยุคสมัยที่ผ่านมา สงครามมากมายมีแนวคิดเรื่องการยุยงให้อีกฝ่ายแตกกัน หากทำสำเร็จ ย่อมทำให้ทัพอีกฝ่ายชะงักงัน ทำลายขวัญของศัตรู เย่หวูเฉินมาที่นี่และเผยเจตนาโดยไม่ปิดบัง หากกลับทำให้ฉุ่ยเมิ่งฉานต้องการย่างเท้าเข้าสู่หลุมพรางด้วยความเต็มใจ

แผนการลับย่อมยากจะป้องกัน แต่แผนการร้ายที่เผยออกมาโต้งๆนี้ ฉุ่ยเมิ่งฉานกลับไม่อาจทำใจต่อต้าน

“โอ้? ต้องเข้าใจกันก่อน ข้าเป็นเพียงคนพิการที่ไม่มีอะไรดี ทั้งไม่มีส่วนได้เสียกับสำนักจักรพรรดิใต้ของท่าน เรื่องความแค้นเคืองระหว่างเรา อาจกล่าวได้ว่าหมดเวลาที่ข้าจะคิดถึงมัน ไหนเลยข้าจะกล้ายุยงให้พวกท่านแตกกัน” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างไร้เดียงสา

“หากท่านเป็นเพียงคนพิการที่ไม่มีอะไรดี ใต้ฟ้านี้คงไร้คนดีเหลืออยู่แล้ว สามปีก่อนข้ามองไม่เห็นความทะเยอทะยานของท่าน แต่ตอนนี้ข้าได้เห็นแล้ว นอกจากสตรีเทพพิโรธข้าไม่ทราบว่าท่านยังซ่อนสิ่งใดอยู่อีก ทว่าการที่ท่านทราบข่าวของสำนักจักรพรรดิใต้ของข้าได้ แสดงว่าท่านซ่อนเครือข่ายสืบข่าวที่ข้าไม่ทราบอยู่ เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เรื่องอื้อฉาวของหลินเสี่ยวและหลินซิวก็เป็นฝีมือของสหายท่านเล่งหยา ตระกูลหลินเกิดหายนะขึ้นต่อเนื่องอย่างประหลาด เสียดายก็แต่ ข้าไม่อาจพบเบาะแสว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ได้แต่กล่าวว่าท่านไร้ที่ติจริงๆ เพียงการที่ท่านปิดบังความจริงจากข้าได้ ก็นับว่าท่านแตกต่างจากภาพภายนอกอย่างมากแล้ว” ฉุ่ยเมิ่งฉานกล่าวช้าๆอย่างนุ่มนวล ดวงตางดงามฉายแววคมกล้าเล็กน้อย “ตอนนี้ สำนักจักรพรรดิใต้ของข้า กำลังตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของท่านสินะ”

“โอ้ ท่านชมข้าเกินไปแล้ว หากท่านยังไม่รู้สึกวางใจ เช่นนั้นข้าจะให้คำมั่นกับท่าน….นอกจากประมุขสำนักจักรพรรดิใต้จะยั่วยุข้าเอง นอกนั้นแล้ว ข้าเย่หวูเฉินจะไม่ล่วงล้ำใดๆต่อสำนักจักรพรรดิใต้ของท่าน หึ สำนักจักรพรรดิใต้แข็งแกร่งเพียงใด เกรงว่าแม้แต่ท่าน องค์หญิงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ก็ยังไม่รู้ถ่องแท้ หญ้าแห้งอย่างข้าต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด ก็ย่อมไม่อาจเขย่าฟ้าของท่านได้” เขายิ้มและกล่าวราบเรียบ

สายตาของฉุ่ยเมิ่งฉานฉายความประหลาดใจวับหนึ่ง แปลกใจที่เย่หวูเฉินกลับเอ่ยวาจาถึงเพียงนี้ออกมา อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดว่าความรู้สึกของตนเองจะผิดพลาด…. หลังจากเงียบงันอยู่ชั่วขณะ นางก็เอ่ยถาม “คุณชายเย่ ท่านคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องสำนักมาร?”

เย่หวูเฉินครุ่นคิดเล็กน้อยและเงยศีรษะตอบ “ขุมกำลังแกร่งกล้าที่พร้อมครอบคลุมฟ้า”

คำตอบน่าตะลึงนี้ไม่ได้ทำให้ฉุ่ยเมิ่งฉานสีหน้าเปลี่ยนแต่อย่างใด วาจาผยองโลกของจักรพรรดิมารในงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินได้ถูกกล่าวถึงทั้งแผ่นดิน น้อยคนนักที่ไม่ทราบข่าว คำพูดของจักรพรรดิมารบ่งบอกเจตนา เงามืดที่เคลื่อนคลุมโดยสำนักมารกำลังแผ่ขยายไปทั่วทวีปเทียนเฉิน

“ถ้าเช่นนั้น สำนักจักรพรรดิใต้ของข้าควรเตรียมการรับมือกับพวกนั้นอย่างไร” ฉุ่ยเมิ่งฉานเอ่ยถาม ในงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน สำนักมารได้เผยพลังและคมเขี้ยวกดดันอย่างหนักหน่วง นางอยากได้ยินความเห็นของเย่หวูเฉิน เพราะในช่วงเวลาที่ได้ติดต่อกัน นางบังเกิดความรู้สึกลึกๆว่าเขาสามารถ “ทำได้ทุกสิ่ง”

“ท่านกลัวหรือ?” เย่หวูเฉินไม่ได้ตอบคำถามนางทันที หากแต่เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“….หลายพันปีที่ผ่านมา ไม่เคยปรากฎสิ่งใดที่เป็นภัยคุกคามต่อพวกเรา ทว่าสำนักมารที่เผยตัวออกมาเพียงไม่ถึงหนึ่งปีนั้น กลับร่ำลือกันว่ามีพลังแกร่งกล้าเทียบเคียงได้กับพวกเรา พวกเขามาจากที่ใด ตอนนี้อยู่แห่งไหน มีพลังแกร่งกล้าได้อย่างไร รวมถึงตัวตนของจักรพรรดิมาร….พวกเราไม่อาจพบเบาะแสใดๆได้เลย ดังนั้นต่อให้ข้าไม่กลัว ก็ไม่อาจอดห้ามความกังวลได้” ฉุ่ยเมิ่งฉานกล่าวตามตรง

“ในเมื่อสำนักจักรพรรดิใต้ของท่านใช้เวลามากมายสืบหาเบาะแสของสำนักมารและไม่พบสิ่งใด เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่เตรียมการอยู่กับที่ แล้วรอให้พวกนั้นปรากฎตัวเอง”

ฉุ่ยเมิ่งฉานไม่ทราบคิดสิ่งใดอยู่ จู่ๆนางก็ถามออกมา “….ไม่ทราบว่าคุณชายเย่กับสำนักมาร มีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน?”

“ความสัมพันธ์ของข้ากับสำนักมาร? ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงสิ่งใด” เย่หวูเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

หากฉุ่ยเมิ่งฉานยังคงกล่าวเสียงเบา “ในงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน เล่งหยาอยู่ฝ่ายจักรพรรดิมาร ทายาทเทพกระบี่ฉู่จิงเทียนยังมีสัมพันธ์อันดียิ่งกับสำนักมาร สหายทั้งสองของท่านมีความเกี่ยวโยงกับสำนักมารชนิดที่ไม่ธรรมดา เมิ่งฉานไม่อาจเข้าใจในจุดนี้ได้”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า….” ราวกับว่าเย่หวูเฉินได้ยินเรื่องตลกขบขันที่สุด เขาเงยศีรษะหัวเราะลั่น “เทพธิดาฉุ่ย ท่านจะบอกว่าปู่ของฉู่จิงเทียน ฉู่ชางหมิงมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสำนักมารอย่างนั้นหรือ? โอ สำนักมาร…. ข้าเย่หวูเฉินเป็นผู้ที่คับข้องเวลาอยู่ใต้บัญชาใคร หากข้าจะเข้าร่วมสำนักมาร ก็มีเพียงต้องให้ข้าเป็นจักรพรรดิแห่งสำนักมารเท่านั้น” เมื่อเขากล่าวจบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งแปลกแปร่ง

ความแคลงใจเล็กน้อยของฉุ่ยเมิ่งฉานสลายในทันที นางเชื่อว่าเย่หวูเฉินไม่ชอบอยู่ใต้บัญชาใคร และคนของสำนักมารทั้งเบื้องสูงและเบื้องต่ำต่างเป็นข้ารับใช้ของจักรพรรดิมาร ไหนเลยจะเป็นไปได้ที่เขาจะอยากเป็นข้ารับใช้

อย่างไรก็ตาม ต่อให้นางใช้เวลาขบคิดตลอดสิบวันสิบคืน นางก็ไม่อาจเชื่อมโยงจักรพรรดิมารกับเย่หวูเฉินได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นการก่อกวนงานสมรสของรัชทายาทต้าฟง หรืองานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินที่จักรพรรดิมารปรากฎกาย ในขณะนั้นเย่หวูเฉินกำลังพักผ่อนสบายอยู่ในตระกูลเย่ ไหนเลยพวกเขาจะเป็นคนเดียวกันได้

“ข้าได้พูดสิ่งที่ควรพูดไปแล้ว เรื่องนี้ก็แล้วแต่ท่านจะตัดสินใจ โอ้ จริงสิ คืนนั้นที่ข้าพูดพล่อยๆเกี่ยวกับบิดาของท่านไว้….ข้าขอถอนคำพูด” เย่หวูเฉินยิ้มลึกลับ จากนั้นออกไปโดยมีทงซินช่วยเข็น ล้อของรถเข็นไม้เสียดสีกับพื้นไม้จันทร์ ส่งเสียงเสียดอ่อนออกมา

“โดยปกติ สตรีทั่วไปมีความฝันที่ปรารถนา ทว่าสำหรับท่านแล้ว แม้แต่จะฝันยังไม่อาจหวังถึง สตรีที่เพียบพร้อมเช่นท่าน ไม่ควรประสบเหตุการณ์โหดร้ายในชีวิต หากมีโอกาสจงวางเรื่องในมือลง แล้วลองใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง” ประตูเปิดออก เย่หวูเฉินหันศีรษะออกไปพร้อมกับทิ้งคำพูดไว้ บอกเป็นนัยไว้กับฉุ่ยเมิ่งฉาน

ในความเงียบงัน ความรู้สึกของฉุ่ยเมิ่งฉานกำลังปั่นป่วน

“หลิงเอ๋อร์!” ฉุ่ยเมิ่งฉานส่งเสียงเรียก

“องค์หญิง” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอก ตอบคำด้วยความเคารพ

“คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ข้าไม่ได้พบท่านพ่อท่านแม่เป็นเวลานานแล้ว” นางถอนหายใจ

“….ข้าจะไปเตรียมการให้ทันที” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์ทราบทันทีว่าฉุ่ยเมิ่งฉานต้องการกลับไปที่สำนักจักรพรรดิใต้ นางกล่าวเสร็จแล้วถอยออกไป

ม่านตาน้ำใสของฉุ่ยเมิ่งฉานสั่นไหว “เย่หวูเฉิน แท้จริงพวกเราเป็นศัตรูหรือมิตร สิ่งที่ท่านต้องการ คืออะไรกันแน่….”

…………….

…………….

ในขณะเดียวกัน ที่แห่งหนึ่งในอาณาจักรเทียนหลง

ในห้องหนังสืออันภูมิฐาน มีเสียงแปรงปัดกับกระดาษ มีชายร่างสูงใบหน้ากระจ่างใสผู้หนึ่ง อายุราว 50 ปี ยืนนิ่งอยู่ เขาถือพู่กันไว้ด้วยหนึ่งมือ อีกมือหนึ่งไพล่หลังไว้ ค่อยๆวาดลงบนกระดาษที่แขวนอยู่กับผนัง ร่างสูงยาวไร้รอยยิ้ม นิ่งสงบราวกับว่าดวงตาม่านน้ำนั้นมองไปยังที่ไกล คล้ายกับว่าไม่ได้มองที่รอยพู่กัน หากเหมือนกำลังมองทะลุผนังไปอีกด้านห่างไกล

พู่กันในมือขวาขยับออกจากกระดาษ สายตาของชายวัยกลางคนกลับมามองที่มัน เขาเขียนอักษร “ฉุ่ย” ขนาดใหญ่ คำนี้ทุกๆไม่กี่วันเขาจะเขียนครั้งหนึ่ง เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่เขาทำเช่นนี้

“ก๊อก ก๊อก….”

มีเสียงเคาะเบาๆดังขึ้นสองครั้ง ชายวัยกลางคนไม่ได้หันศีรษะไปมอง ดวงตาเขาขยับเล็กน้อย และเอ่ยไม่ใส่ใจ “เข้ามา”

ประตูถูกเปิดออก มีร่างหนึ่งที่เตี้ยและแก่กว่าเขาเล็กน้อยก้าวเข้ามาช้าๆ เขาย่ำบนพื้นโดยไร้สุ้มเสียงใด สายตาเขาตกลงบนตัวอักษรที่พึ่งเขียนเสร็จ ทันใดนั้นเขากล่าวชื่นชม “ยอดเยี่ยม! เส้นโค้งดั่งปรารถนา อ่อนบางและนุ่มนวล เห็นได้ชัดว่าเป็นพลังหยกวารีขั้นเก้า ท่านประมุข คิดไม่ถึงเลยว่าสิบปีที่ติดคาอยู่ ในที่สุดท่านก็ทะลวงผ่านได้แล้ว!”

“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่” ชายวัยกลางคนหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม “หยุนพ๋อ ท่านก็เพิ่งทะลวงได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่ใช่เพียงข้าที่ก้าวหน้าขึ้น”

ฉุ่ยหยุนพ๋อตอบกลับด้วยยิ้มบาง “เทียบกับความลึกซึ้งของท่านประมุขแล้ว ข้ายังถือว่าห่างไกล” ขณะจ้องมองตัวอักษร “ฉุ่ย” ขนาดใหญ่บนผนัง คิ้วของเขามุ่นลง น้ำเสียงจริงจังขึ้นขณะกล่าว “ผ่านมาแล้ว 23 ปี งานใหญ่ของท่านประมุขใกล้จะเริ่มต้นขึ้น ทว่ากลับปรากฎสำนักมาร”

“สำนักมาร?” ฉุ่ยหยุนเทียนสีหน้าชะงักขณะหนึ่ง จากนั้นคลายออกและกล่าวราบเรียบ “ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสำนักมาร ในมือจักรพรรดิมารคือคันศรเป่ยตี้ที่สามารถทำลายผาดาวตก ต่อให้สำนักมารไม่คิดรังควานสำนักจักรพรรดิเหนือ แต่สำนักจักรพรรดิเหนือย่อมมีวันหนึ่งที่ไม่อาจอดทน หากพวกมันต่อสู้กัน ผลลัพธ์นั้น….สำนักมารย่อมถูกทำลาย สำนักจักรพรรดิเหนือย่อมเสียหายสาหัส การปรากฎตัวของสำนักมาร ยังไม่ใช่เรื่องที่ต้องห่วง”

“เป็นเช่นนั้น แต่เหยียนต้วนหุนไม่ใช่คนชราที่เป็นตะเกียงใกล้หมดไฟ เขาย่อมคิดแบบนี้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่นิ่งเงียบมานานโดยไม่เคลื่อนไหว ในงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน สำนักมารประกาศความทะเยอทะยานอย่างไม่ต้องสงสัย หากสำนักมารยั่วยุพวกเรา สำนักจักรพรรดิเหนือย่อมนิ่งเฉยเพื่อรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แน่” ฉุ่ยหยุนพ๋อกล่าว

ฉุ่ยหยุนเทียนสีหน้าสงบ ดวงตาเฉียบคมดุจอินทรีย์หรี่ลง “ศัตรูอยู่ที่มืด ข้าเองก็อยู่ที่มืดเช่นกัน สำนักมารปกปิดที่ซ่อนได้อย่างน่าประทับใจ แต่หากพวกมันคิดจะหาที่ตั้งของสำนักจักรพรรดิใต้ย่อมไม่ต่างจากคนโง่หลับฝัน จักรพรรดิมารโง่เง่านั่นคงคิดว่า เมื่อไม่ทราบตื้นลึกของอีกฝ่าย หากชิงลงมือก่อนย่อมเป็นฝ่ายมีเปรียบ พวกมันคิดจริงๆหรือว่าเพียงแค่เทวะสี่คน จะคู่ควรกำชัยเหนือพวกเรา สำนักจักรพรรดิเหนือและสำนักมารกำลังนิ่งเงียบเพื่อรอโอกาส ทว่าพวกเราเองก็เช่นกัน”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset