📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 6 ตอนที่ 314

บทที่ 314 - ฉุ่ยหยุนเทียน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ฉุ่ยหยุนเทียนคือตัวตนแบบใด? จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของทุกอาณาจักรเมื่อเห็นประมุขแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ล้วนต้องแสดงความเคารพ เขาคือหนึ่งในตัวตนสูงสุดในบรรดาสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ ขุมกำลังที่สั่งสมอำนาจมานานนับหมื่นพันปี ดุจพฤกษาโบราณที่แตกกิ่งก้านสูงส่งจรดฟ้า สายฝนและพายุไม่อาจทำลาย ไม่มีทางกำจัดพวกเขาได้ ทว่ากลับมีพฤกษาลำใหญ่ต้นที่สามปรากฎขึ้น เป็นสำนักมารที่จู่ๆปีนี้ก็ปรากฎตัวออกมา อาจเป็นเพราะมีกิ่งก้านใบบังแตกแขนงเพียงพอ ทว่ารากฐานของมันย่อมไม่อาจเปรียบเทียบกับพวกเขาได้

รูปแบบอำนาจเปลี่ยนไปเพราะการปรากฎตัวของสำนักมาร ทว่าเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของฉุ่ยหยุนเทียนยังเหมือนเดิม ไม่ตกใจหรือสับสนใดๆ

ฉุ่ยหยุนเทียนกล่าวต่อ “เทียบกับสำนักมารแล้ว เย่หวูเฉินแห่งเมืองเทียนหลงทำให้ข้าสนใจยิ่งกว่า แม้ว่าข้าไม่เคยติดต่อกับมันโดยตรง แต่เมื่อสามปีก่อน ข้าได้ให้คนเฝ้าสังเกตทุกการกระทำและการเคลื่อนไหว เมื่อมันกลับมาในคราวนี้ ข้ายังคงจับตามองต่อทุกวัน ยิ่งเวลาผ่านไป ข้ายิ่งไม่อาจอ่านคนผู้นี้ออกได้ กลับกันมีแต่เพิ่มความสงสัย เมิ่งฉานยังกล่าวว่าคนผู้นี้ประดุจหนามแหลมคมและอันตรายสุดขีด แม้มันจะกลายเป็นคนพิการ แต่ก็ไม่อาจประมาทได้”

ฉุ่ยหยุนพ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายผิดหวัง “ท่านกล่าวถึงคนผู้นี้กับข้ามาหลายครั้ง แต่ข้ายังคงคิดว่ากระบี่หนานฮวงนั้นสำคัญสูงสุด หากทำสัญญาแล้วไม่เป็นผล ก็ควรบีบเค้นเอาคำตอบโดยตรง เหตุใดต้องเสียเวลาคิดมากกว่าจะลงมือกับมัน”

“บางเรื่องไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็น แรกเริ่มก็เป็นมันที่กล่าวกับเมิ่งฉานโดยตรง บอกว่ามันรู้ที่อยู่ของกระบี่หนานฮวง ด้วยสติปัญญาระดับมัน ไหนเลยจะไม่คำนึงถึงหายนะที่อาจมาถึงตัวและตระกูล ถึงอย่างนั้น มันยังกล้าเสนอข้อต่อรองที่พวกเราไม่อาจหลีกเลี่ยง เพื่อกระบี่หนานฮวงพวกเราจำเป็นต้องรอบคอบ มันเป็นฝ่ายเริ่มต้นเมื่อสามปีก่อน ดังนั้นต่อให้มันเป็นเพียงคนไร้พลัง พวกเราก็ไม่อาจยอมเสี่ยงได้ เพราะอย่างไรเสียกระบี่หนานฮวงก็เกี่ยวข้องกับมันอย่างยิ่ง หากใจร้อนพลาดเบาะแสของกระบี่ไปพวกเราย่อมต้องเสียใจภายหลัง หากโอกาสมาถึง ต่อให้ต้องทำลายตระกูลเย่พวกเราก็จะทำ พลังของคันศรเป่ยตี้พวกเราก็ได้ประจักษ์แล้ว กระบี่หนานฮวงย่อมทรงพลังเฉกเช่นเดียวกัน ตอนนี้เบาะแสของสองศาสตราปรากฎขึ้น หากสำนักจักรพรรดิเหนือได้คันศรเป่ยตี้ไปก่อนพวกเรา นั่นจะทำให้พวกเราเสียเปรียบเป็นอย่างมาก” ฉุ่ยหยุนเทียนกล่าวตอบ

ฉุ่ยหยุนพ๋อมีสีหน้าครุ่นคิด ทันใดนั้นเขาโพล่งถาม “หรือว่ากระบี่หนานฮวง…. จะอยู่กับเย่หวูเฉิน”

ฉุ่ยหยุนเทียนหัวเราะลั่น พยักหน้าและค่อยๆกล่าว “แน่นอนว่าเป็นไปได้ จากรายงานของ 17 และ 18 ที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพต้าฟง พวกเขากล่าวว่าแม้ตอนนั้นเย่หวูเฉินจะแข็งแกร่งยิ่ง หากยังไม่คู่ควรเป็นคู่มือของฟงเฉาหยาง ทว่าสุดท้าย มันกลับเหวี่ยงวาดกระบี่ผ่าร่างฟงเฉาหยางออกเป็นสองเสี่ยงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผืนดินยังแตกออกเป็นทางยาวนับร้อยเมตร เป็นกระบี่ที่เหนือล้ำยิ่งกว่าระดับเทวะ และการกระทำของมันที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ มันใช้อัคคีห่อหุ้มกระบี่ไว้ตลอดเวลา ใต้วิกฤติเป็นตายยังกลับปิดบังรูปลักษณ์กระบี่เอาไว้ ฮี่ ฮี่ นี่ช่างน่าสงสัยยิ่ง ฉะนั้น จึงไม่ใช่แค่เพียงเป็นไปได้ ไม่เพียงกระบี่อาจอยู่กับมัน แต่กระบี่ยังอาจยอมรับมันเป็นเจ้านายด้วย”

“อะไรนะ? นี่….” ฉุ่ยหยุนพ๋อตกตะลึงทันใด

ฉุ่ยหยุนเทียนยกมือขึ้นและกล่าว “นี่เป็นเพียงความเป็นไปได้ ข้าเองก็ไม่คิดว่ากระบี่หนานฮวงจะยอมรับคนพิการผู้หนึ่งเป็นเจ้านาย คอยดูไปก่อน หากวันใดที่ข้าไม่อาจอดทน ถึงตอนนั้นข้าจะใช้ทุกวิธีที่ทำได้” กล่าวจบเขาก็เคลื่อนสายตามองไปทางประตู “เรื่องของสำนักมาร จงเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ”

ฉุ่ยหยุนเทียนผลักประตูและเดินออกไป

เดินผ่านสวนดอกไม้หลากสีสัน เหยียบย่างไปจนถึงศาลาหลังหนึ่ง ฉุ่ยหยุนเทียนหยุดเท้าหน้าประตูไม้ที่ปิดไว้สนิทอยู่ หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พลักประตูเปิด

ในห้องนั้นมีสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งสวมอาภรณ์สีอ่อน นางเหลือบมองผู้ที่เข้ามาเพียงปราดตาเดียว จากนั้นไม่สนใจอีก แม้นางจะเป็นสตรีวัยกลางคน หากใบหน้าที่คล้ายว่างเปล่านั้นยังขาวกระจ่าง โครงร่างดวงหน้าแผ่กลิ่นอายสูงส่งจากกระดูก แสดงให้เห็นว่านางจะต้องเป็นหญิงงามล่มอาณาจักรในสมัยที่ยังสาว

“น้องหญิงฟู๋ วิชาหยกวารีของข้าในที่สุดก็บรรลุถึงระดับเก้า ทะลวงผ่านคอขวดของวิถีเทวะขั้นกลาง เจ้าจะไม่ยินดีกับข้าหน่อยหรือ?” ฉุ่ยหยุนเทียนเดินตรงเข้าไปหาสตรีวัยกลางคนและกล่าวอย่างร่าเริง

สตรีวัยกลางคนลดเปลือกตาลง ดวงตาไม่ได้มองตรง “วิชาหยกวารีของท่านเจือความละโมภและโหดเหี้ยม พลังแกร่งกล้าของท่านมีแต่จะนำหายนะมาสู่โลกนี้ เหตุใดข้าต้องดีใจ”

ฉุ่ยหยุนเทียนเคยชินกับน้ำเสียงของนาง เขาคิดเล็กน้อยและกล่าว “บุรุษย่อมปรารถนาในโลกหล้า แม้ต่อให้พ่ายแพ้ ก็ยังนับว่าเกิดมาไม่เสียเปล่า หากเพื่อข่าวลือเลื่อนลอยนั่นทำให้ต้องเฉื่อยแฉะไปทั้งชีวิต ก็นับเป็นความอับอายต่อวิชาหยกวารีที่แข็งแกร่งสุด อับอายต่อตนเอง น้องหญิงฟู๋ ถึงวันนี้เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ? นี่ไม่ใช่เพียงการตัดสินใจของข้า แต่ยังเป็นความเห็นชอบของทั้งสำนัก”

สตรีกลางคนไม่ตอบกลับ หากนางยังเงยศีรษะขึ้นอย่างเงียบงัน ประสานสายตาทั้งสองฝ่าย แผ่ความเย็นชาชำแรกเข้าสู่หัวใจของฉุ่ยหยุนเทียน ในความเงียบงันนั้น มุมปากนางเผยเป็นรอยยิ้มบาง

รอยยิ้มอันเงียบงันนี้ ฉุ่ยหยุนเทียนพลันได้ยินเสียงเย้ยหยันในใจดังขึ้น เสียใจที่เอ่ยเรื่องนี้กับนาง เขาถอนใจยาว หมุนกายกลับและกล่าว “ออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง ตั้งแต่เด็กร่างกายของเจ้าอ่อนแอ หมกตัวอยู่แต่ในห้องจะไม่ดีกับร่างกายเจ้า”

เมื่อออกจากห้องมา ความอัดอั้นผิดหวังที่คุ้นเคยผุดขึ้นอีกครั้งในอก ในสำนักจักรพรรดิใต้ ผู้ใดจะทำให้เขาทอดถอนใจ พูดไม่ออกหรือทนไม่ไหวได้ มีเพียงสตรีวัยกลางคนที่เรียกว่าฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์เท่านั้น นางคือภรรยาและนายหญิงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้

อย่างน้อย มองผิวเผินก็เป็นแบบนั้น

ฉุ่ยหยุนเทียนเดินออกจากศาลา เขาอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนฝีเท้าเดินไปอีกทางหนึ่ง ยามที่อารมณ์หดหู่เนื่องจากฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์ เขามักไปพบคนผู้นั้นเป็นประจำ ด้วยการทำแบบนี้ เขาจึงจะสามารถปรับสภาพอารมณ์ และยิ่งปรับอารมณ์เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

ในคุกใต้ดินที่มืดสลัว มีคนเสียสติผู้หนึ่งถูกคุมขังอยู่ กล่าวกันว่าเพราะคนเสียสติผู้นี้โหยหวนเสียงดัง ทำให้นักโทษคนอื่นๆไม่อาจหลับนอน เขาจึงถูกขังเดี่ยวนับแต่นั้นเป็นเวลานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ทรยศสำนักจักรพรรดิใต้ หลังจากกลายเป็นบ้าเขาก็ถูกคุมขังไว้ที่นี่ไม่เคยถูกย้ายไปที่ใด วันเวลาอันยาวนานผ่านไป คุกเดี่ยวใต้ดินแห่งนี้จึงค่อยๆเต็มไปด้วยหยากไย่และรังหนู เพียงแค่เฉียดใกล้ กลิ่นรุนแรงที่กระทบจมูกก็แทบทำให้สลบ ดังนั้น คุกใต้ดินแห่งนี้จึงไม่มีคนเฝ้า ไม่มีใครอยากคุ้มกันสถานที่เช่นนี้ คนเสียสติไม่มีทางหลบหนีออกมา ทว่าการส่งอาหารประจำวันเพื่อไม่ให้คนในนั้นอดตาย กลับกลายเป็นหน้าที่ที่น่าอดสูสูงสุด

สำหรับคนอื่น การได้พบกับคนเสียสติผู้นี้เพียงหนึ่งครั้ง ก็เพียงพอจะกลายเป็นฝันร้ายในค่ำคืน

ฉุ่ยหยุนเทียนเดินมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็หยุดลงตรงพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยวัชพืช พื้นดินที่อยู่ตรงหน้านั้น เป็นปากหลุมที่กว้างไม่ถึงหนึ่งเมตร มีวัชพืชแผ่คลุมปากหลุมไว้กึ่งหนึ่ง ฉุ่ยหยุนเทียนดีดเท้ากระโดดลงไป ตรงลงสู่ก้นหลุม

หลุมนี้ลึกมากกว่าสามเมตร ที่ใต้หลุมมีอุโมงค์ยาวหลายเมตรทอดอยู่ ภาพตรงหน้าเป็นผืนดำสนิท ใต้เท้าเปียกแฉะส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง ทันทีที่ฉุ่ยหยุนเทียนเหยียบเท้าถึงพื้น ฝูงหนูก็วิ่งแตกตื่นกระจัดกระจาย เสียง “จี๊ดๆ” ดังสะท้อนอลหม่านจนกระทั่งจางลง ฉุ่ยหยุนเทียนจึงเริ่มสืบเท้าก้าวเข้าไป

เสียงแตกตื่นของฝูงหนูปลุกคนบ้าที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้น ในความมืดนั้นเขาเปิดดวงตาขึ้นทันที ราวกับสัตว์ป่าที่โก่งคอกู่ร้องด้วยความสิ้นหวัง เสียงจากก้นอุโมงค์สะท้อนมาในความมืดยิ่งน่ากลัว

“อ๊า!!…. ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า อ๊า!! ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่…. ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า….”

เสียงร้องโหยหวนแปลกประหลาด ดังก้องออกมาเป็นทางไกล บางครั้งคนสำนักจักรพรรดิใต้ที่ผ่านไปมามักจะได้ยินเสียง พวกเขาจึงคุ้นชินกับเรื่องนี้มานานแล้ว ในความมืดนั้น เทียนเล็กๆถูกหยิบมาจุดขึ้น จากผนังเรียบง่ายของคุกใต้ดิน

คุกใต้ดินแห่งนี้ หากกล่าวว่าเป็นถ้ำที่ขุดขึ้นมาลวกๆคงจะถูกต้องกว่า

ด้วยแสงสลัวจากเปลวไฟ ที่ปลายสุดของถ้ำนี้ มีชายผู้หนึ่งมีสภาพคล้ายกับผี เสื้อผ้าทั่วกายฉีกวิ่นเป็นผ้าขี้ริ้ว เผยให้เห็นร่างกายเป็นส่วนใหญ่ ผิวหนังสกปรกเป็นสีเทา ผมเผ้ากระเซิงรุงรังแทบจะยาวถึงพื้น ระหว่างที่ร้องโหยหวนผมเผ้าตรงหน้าก็ขยับตาม มันแผ่ปกคลุมจนไม่อาจเห็นใบหน้าที่แท้จริง

ที่ข้อเท้า , ข้อมือ , และลำคอนั้น ถูกพันธนาการด้วยโซ่สีทอง ทว่าโซ่สีทองนี้กลับไม่หม่นหมองใดๆ แม้จะเห็นได้ชัดว่าผ่านมาถึงกว่า 20 ปี ด้วยแสงจากเปลวเทียน แสงสีทองยังสะท้อนต้องในดวงตา ฉุ่ยหยุนเทียนยืนอยู่ตรงนั้น มองดูคนบ้าอยู่เงียบๆ

“เจ้าในยามนี้ ไม่ว่าผู้ใดมาเห็นย่อมรู้สึกสมเพช , รังเกียจ , และหลีกเลี่ยง ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใด ในเมื่อเจ้ากลายเป็นคนบ้าเสียสติไปแล้ว แต่น้องหญิงฟู๋กลับยังไม่เคยลืมเจ้า หลายปีที่ผ่านมา หากไม่ใช่เพราะนาง เจ้าคงตายโดยไร้หลุมฝังศพตั้งแต่ 23 ปีที่แล้ว ข้าอยู่มาจนถึงวันนี้ กลับไม่เคยได้ยินวาจารักใคร่จากนางแม้แต่ครึ่งคำ”

“อ๊า!! ฮี่ ฮี่…. ฮ่า ฮ่า…. โฮวว…..” คนเสียสติดึงโซ่สีทองอย่างบ้าคลั่งด้วยแขนขาทั้งสี่ ทำท่าเหมือนจะคว้าฉุ่ยหยุนเทียนเพื่อฉีกเป็นชิ้นๆ ปากก็ส่งเสียงแหบพร่าน่ากลัว ฉุ่ยหยุนเทียนมองชายเสียสติที่อยู่ตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย เขายังคงพึมพำกับตัวเอง

“อย่างไรเสีย เป็นแบบนี้ดีเหมือนกัน ทำให้เจ้ามีชีวิตแบบนี้ได้ พอเห็นเจ้ามีชีวิตน่าอนาถยิ่งกว่าตกตาย ก็นับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง”

“ในตอนนั้น ข้าทุ่มเทพยายามอย่างหนัก เพียงเพื่อให้คู่ควรกับน้องหญิงฟู๋ ทว่านางกลับยังคงเลือกเจ้า ข้าสงสัยมาโดยตลอด…. ในตอนนั้นแม้เจ้ามีพรสวรรค์สูงส่ง แต่วิชาหยกวารีของข้าก็เหนือล้ำกว่าเจ้าไปไกล กลายเป็นผู้แข็งแกร่งสุดในหมู่รุ่นเยาว์ ส่วนเจ้าเอาแต่สนุกสนาน ไม่แสวงหาความก้าวหน้า ข้าฝึกฝนอย่างหนักและทรมาน ใจคอหนักแน่นมั่นคง บรรดาผู้อาวุโสต่างยกย่องข้า ข้ากับเจ้ามีอายุต่างกันเพียงสามวัน กระทั่งรูปร่างหน้าตา….เจ้ากับข้าก็ยังเหมือนกันไม่มีผิด แต่นางกลับยังคงเลือกเจ้า ทำไม…. ทำไม…. เจ้ามันมีดีกว่าข้าตรงไหน!!”

“ตั้งแต่วันที่น้องหญิงฟู๋แต่งงานกับเจ้า ข้าก็ไม่นับว่าเจ้าเป็นพี่น้องอีก หัวใจมีแต่ความชิงชัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนั้น ทุกครั้งที่ข้าคุยกับเจ้าอย่างรื่นเริง ข้าแทบอดไม่ได้ที่จะเอากระบี่เสียบหัวใจเจ้า”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset