“แล้ว….น้องเย่ เจ้ากับท่านปู่ต้าสงรู้จักกันได้ยังไง? หรือว่าพวกเขาจะ….” ฉู่จิงเทียนถามอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นก็กล่าวสำทับเพิ่ม “ข้าเพียงสงสัยเลยถามไปอย่างนั้น เจ้าจะไม่ตอบก็ไม่เป็นไร”
ไม่เพียงแค่ฉู่จิงเทียนที่รู้สึกตกใจ ทุกคนที่ได้เห็นพลังแกร่งกล้าของกลุ่มคนแซ่เหยียนต่างก็อยากรู้ว่าพวกเขามาจากไหน แม้ว่าฉู่จิงเทียนจะโง่เขลามาก แต่ถึงตอนนี้เขาย่อมปะติดปะต่อได้ว่าสามปีที่ผ่านมาเย่หวูเฉินได้ร่วงสู่ก้นหุบเหวปลิดวิญญาณ หากไม่ใช่สถานที่ซึ่งผู้คนไม่คาดคิดถึง ไหนเลยบุคคลแกร่งกล้าปานนี้จะปิดบังตนเองได้ ในกลุ่มคนพวกนี้มีแม้กระทั่งคนที่แข็งแกร่งกว่าปู่ของเขา
เย่หวูเฉินนั่งอยู่อย่างสงบ เขาไม่ได้ลืมตาขึ้น ในเมื่อเขายอมให้ฉู่จิงเทียนและเล่งหยารู้ถึงอีกหนึ่งตัวตนของเขา เขาก็ไม่คิดที่จะปิดบังความจริงใดๆอีก “ท่านเดาได้ถูกต้อง สามปีก่อนข้าได้ตกลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณ ในที่แห่งนั้นข้าได้พบกับพวกเขา และหลังจากนั้นจึงได้ออกมาพร้อมกัน”
เหยียนชิงหงพยักหน้า กล่าวกับฉู่จิงเทียนอย่างสลด “โลกนี้ล้วนไม่แน่นอน นั่นคือชะตาที่เป็นไป ในอดีตเจ้านายร่วงลงมาจากฟ้า รอดชีวิตจากหายนะภัย ไร้สติอยู่สองปี ด้วยวาสนาอันยิ่งใหญ่ ทำให้พวกเรากับเจ้านายได้พบกัน พวกเราจากบ้านมาพร้อมเจ้านายเพื่อพบเผชิญกับโลกนี้”
“ไร้สติ….ถึงสองปี? แล้วทำไมพวกท่านถึงได้เรียกน้องเย่ว่าเจ้านายกันล่ะ?” ฉู่จิงเทียนดวงตาเบิกกว้างขณะถาม หากเป็นเหตุผลเพียงเพราะว่าเย่หวูเฉินแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ฉู่จิงเทียนย่อมไม่มีทางเชื่อลง คนเหล่านี้เก่งกาจเทียบเท่ากับปู่ของเขา กระทั่งยังมีคนหนึ่งที่เก่งกาจกว่า นี่ไม่ใช่ระดับพลังทั่วไปที่บรรลุกันได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับปู่ของเขา ต่อให้มีบุคคลใดที่เข้มแข็งกว่าเขานับสิบเท่า เขาก็ย่อมไม่ปรารถนาเรียกหาว่าเจ้านาย แล้วเหตุใดคนเหล่าถึงนี้ถึงปรารถนาเรียกเย่หวูเฉินแบบนั้น
เหยียนชิงหงเผยรอยยิ้มลึกลึบ เขาไม่ได้กล่าวตอบ ความยึดมั่นและศรัทธาของพวกเขา ถูกปลูกฝังได้เห็นได้ยินมาตั้งแต่เกิด เย่หวูเฉินร่วงจากฟ้าและนำพวกเขาออกจากหุบเหวปลิดวิญญาณได้ในที่สุด เรื่องลึกลับอัศจรรย์เหล่านี้ยิ่งทำให้พวกเขาเชื่อมั่นใน ‘ลิขิตชะตา’ ประทับความภักดีต่อเย่หวูเฉินอย่างล้ำลึก และเรื่องนี้ต่อให้พูดออกไป ก็ไม่ใช่สิ่งใดที่คนนอกจะเข้าใจได้
“เฮ้….ทำไมต้องมีเหตุผล! พวกเราชอบให้พี่นายท่านเป็นเจ้านาย เหตุใดต้องมีเหตุผลด้วย” เหยียนกงรั่วกล่าวด้วยความขัดเคืองเล็กๆ สำหรับนางแล้วไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดๆ ทว่าเพราะว่าเขากลายเป็นเจ้านาย นางจึงสามารถอยู่ร่วมกับเขาโดยไร้ปัญหาใดๆได้ มิฉะนั้น บรรดาญาติมิตรและสหายทุกคนจะต้องขัดขวางนางแน่
“โอ้” ฉู่จิงเทียนมักมีปัญหาเมื่อเผชิญหน้ากับสตรี เมื่อรวมกับการที่เหยียนชิงหงไม่กล่าวตอบ ทำให้เขาไม่ซักไซ้ต่อและถามเรื่องอื่นแทน “เออนี่ น้องเย่ ท่านปู่เคยบอกว่าหุบเหวปลิดวิญญาณลึกจนไม่ปรากฎก้นหลุม ต่อให้เทพตกลงไปก็ไม่มีทางรอดชีวิต การรักษาชีวิตไว้ได้ก็นับเป็นปาฏิหาริย์แล้ว เป็นไปได้ยังไงที่ออกมาได้”
“โลกนี้ไร้สิ่งใดเป็นที่สุด ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อย่างสมบูรณ์”
“แล้วเจ้าออกมาได้ยังไงเหรอ?”
เย่หวูเฉินยังคงหลับตา เขากล่าวคำที่ทำให้ฉู่จิงเทียนต้องตะลึง “อย่าลืมสิว่าท่านมาถึงเมืองเทียนฟงได้ในพริบตาทั้งที่อยู่ในเมืองเทียนหลง แม้ว่าหุบเหวปลิดวิญญาณจะลึกเพียงใด แต่มันก็ไม่อาจเทียบได้กับระยะห่างจากเมืองเทียนหลงถึงเมืองเทียนฟง ในเมื่อข้าสามารถส่งท่านจากเมืองเทียนหลงมายังเมืองเทียนฟงได้ แล้วเหตุใดข้าจะส่งผู้คนจากก้นหุบเหวปลิดวิญญาณขึ้นมายังเบื้องบนนี้ไม่ได้”
ไหนเลยเขาจะลืมเหตุการณ์เหมือนฝันที่เคลื่อนที่ผ่านห้วงเวลาและมิติ หลายวันที่ผ่านมาเขาเค้นสมองคิดเพียงใดก็ไม่อาจรู้คำตอบของวิธี ในตอนนี้ คำพูดของเย่หวูเฉินทำให้เขาตะลึงงัน ในฉับพลันมีถ้อยคำที่เขาไม่อยากเชื่อผุดขึ้นมาในใจ “หรือว่า นี่จะเป็น….การตัดผ่านมิติ!?”
“โอ้? ถูกต้อง สามารถเรียกได้ว่าการตัดผ่านมิติจริงๆ” เย่หวูเฉินตอบ
“อ่า?! นี่มัน….เป็นไปได้ยังไง!” ฉู่จิงเทียนหัวใจเต้นโครม เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
ในสมองของเขาผุดถ้อยคำของฉู่ชางหมิงที่เคยกล่าวไว้เมื่อนานมาแล้ว ถ้อยคำเหล่านั้นตอนนี้ยิ่งมายิ่งชัดเจนขึ้น
……………………..
“โลกของเราประกอบด้วย น้ำ , ไฟ , ลม , สายฟ้า , ดิน , แสง , และความมืด…. ธาตุเหล่านี้ประกอบกันขึ้นเป็นโลกของเรา เมื่อเวลาผ่านไปบางคนจึงค่อยๆใช้พลังของธาตุเหล่านี้ได้ ทำให้เกิดนักเวทย์หลายแขนง ทว่าในอดีต ท่านปู่เคยบอกกับข้าไว้ครั้งหนึ่ง เมื่อนานมาแล้วได้มีตำนานโบราณได้กล่าวไว้ ว่าในโลกนี้ธาตุทั้งเจ็ดเป็นเพียงธาตุพื้นฐานเท่านั้น นอกจากธาตุพวกนี้ยังมีธาตุที่ผู้คนไม่อาจใช้พลังของมัน อย่างเช่น….มิติ”
“มิติ? จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? มิติไม่อาจมองเห็นหรือสัมผัส ไหนเลยจะนับได้ว่าเป็นธาตุ?”
“ฮี่ ฮี่ ไม่แปลกที่เจ้าจะพูดแบบนี้ คนทั่วไปก็ล้วนแต่คิดแบบเจ้า รวมถึงตัวข้าด้วยเช่นกัน ทว่าทุกสิ่งในโลก ไม่อาจมีสิ่งใดหลุดพ้นจากคำว่า ‘ธาตุ’ เวลาและมิติที่ไม่อาจมองเห็นหรือสัมผัสได้ก็รวมอยู่ในนั้น”
“….เวลา? มิติ? จริงหรือท่านปู่? ถ้างั้นหากมีใครสามารถใช้พลังของธาตุทั้งสองนี้ได้….”
“หากสามารถใช้พลังของธาตุมิติ ย่อมสามารถตัดมิติเคลื่อนที่ในพริบตาเดียวไปได้นับพันลี้ (500 กม.) สามารถทำลาย , บีบอัด , หรือขยายห้วงมิติ และหากสามารถใช้พลังของธาตุเวลา ก็ย่อมสามารถควบคุมเวลาให้ไหลเร็วขึ้นหรือช้าลงได้ หรือให้เวลาหยุดลง หรือกระทั่ง…. ให้เวลาไหลย้อนกลับ ระดับความน่ากลัวของมันย่อมพอจินตนาการได้”
“….ถ้าหากที่ท่านปู่พูดมาเป็นความจริง เช่นนั้นมีคนที่สามารถควบคุมเวลาและมิติได้จริงๆหรือ?”
“ฮี่ ฮี่ แม้ว่านี่เป็นเพียงตำนานอันน่าเหลือเชื่อ คนจำนวนมากยังไม่เคยตระหนักถึงมัน แต่เรื่องนี้ถูกสืบทอดจากประวัติศาสตร์ สมควรไม่ใช่เรื่องหลอกลวง ตำนานยังบอกอีกว่ามนุษย์สามารถใช้ได้เพียงธาตุทั้งเจ็ด ขณะที่ธาตุแห่งเวลาและมิตินั้นอยู่เหนือขอบเขตพลังของมนุษย์ ต่อให้มนุษย์บรรลุพลังสูงสุดก็ยังไม่อาจใช้พลังของธาตุทั้งสองได้ และไม่ต้องกล่าวถึงมนุษย์ กระทั่งเหล่าเทพก็ยังไม่อาจใช้พลังนี้ได้ มีเพียงต้องกลายเป็นเทพสูงสุดเท่านั้น เป็นเทพที่เหนือล้ำยิ่งกว่าเทพ จึงอาจพอมีทางใช้พลังนี้ เพราะการที่สามารถควบคุมเวลาและมิติได้นั้น เท่ากับว่าสามารถบัญญัติกฎเกณฑ์ของโลก เทพถึงปานนี้ ย่อมยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเหล่ามนุษย์และเทพ”
……………………..
“ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเหล่ามนุษย์และเทพ” จึงจะสามารถใช้พลังตัดห้วงเวลาและมิติ…. ไหนเลยเขาจะเชื่อลง ทว่านอกจากเหตุผลนี้ยังจะมีสิ่งใดใช้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาและเล่งหยาได้ รวมถึงยังจะมีสิ่งใดอธิบายเรื่องที่พวกเขาออกมาจากหุบเหวปลิดวิญญาณ เมื่อมองเย่หวูเฉินที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่อาจสงบใจได้ลง หัวใจเกิดคลื่นปั่นป่วน นี่คือผู้ที่ถูกฉู่ชางหมิงเก็บมาเมื่อ 13 ปีก่อนในโลกถูกผนึก ตอนนั้นเขาอายุราว 7- 8 ขวบ เขานอนหลับไร้สติถึงสิบปีเต็ม น้ำหยดเดียวก็ไม่ได้กลืนกิน ทว่าเขากลับมีชีวิตรอดและเติบโตขึ้นพร้อมกับฉู่จิงเทียน สิบปีเป็นเวลาที่ยาวนาน เขาเริ่มเกิดความคุ้นชินกับมัน หลังจากเย่หวูเฉินตื่นขึ้นมาเขาก็เผลอลืมเรื่องนี้สิ้น นอนหลับตลอดสิบปีโดยไม่ตกตาย ไหนเลยเขาจะเป็นมนุษย์ได้
เมื่อคำพูดในอดีตของท่านปู่หวนกลับคืนมา เขาก็พลันบังเกิดความคิดว่า….หรือเขาจะเป็นเทพ? เทพที่มาจากทวีปเทวะ?
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ก็ราวกับว่ามันฝังรากลึกลงในจิตใจจนไม่อาจไถ่ถอน ปาฏิหาริย์และเรื่องเหลือเชื่อต่างๆที่เกิดขึ้นกับเย่หวูเฉิน ล้วนเป็นสิ่งยืนยันความคิดนี้อย่างแน่นหนา
เย่หวูเฉินเดาออกว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เขากล่าว “แม้ว่านี่จะเป็นพลังแห่งมิติจริงๆ แต่มันก็ไม่ใช่พลังของข้า ด้วยพลังของข้าในยามนี้ ต่อให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นอีกร้อยเท่าก็ยังไม่อาจเคลื่อนตัดมิติ หากแต่….”
“เซียงเซียง ออกมาพบเพื่อนใหม่ของเจ้าสิ” เย่หวูเฉินยิ้มและพูดในใจ
มีเสียงร้องเบาๆ แล้วกลุ่มแสงสีขาวก็ปรากฎขึ้นอยู่เบื้องหน้าเย่หวูเฉิน จิ้งจอกมังกรเซียงเซียง สาวน้อยขนาดพกพา ลอยตัวชดช้อยอยู่ตรงระดับอกของเย่หวูเฉิน ตอนนี้นางยังคงมีขนาดร่างกายใหญ่กว่าฝ่ามือของคนทั่วไปเพียงเล็กน้อย ลักษณะทั่วไปไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่นิด เส้นผมสีขาวลอยฟ่อง ชุดขาวหิมะ รวมถึงผิวพรรณขาวหิมะเปล่งแสงขาวนวล ราวกับภูติน้อยที่ย่างเท้าออกมาจากแดนแห่งฝัน นางวางมือน้อยๆไว้เบื้องหน้า ทำท่าทักทายต่อเล่งหยาและฉู่จิงเทียนที่กำลังยืนโง่งม
ฉู่จิงเทียนมองตาค้าง ปากอ้ากว้าง คางแทบร่วงถึงพื้น ทันใดนั้นเขากล่าว “นี่มัน….นี่มัน….ตัวอะไร?”
เหยียนกงรั่วโกรธทันที นางอุ้มเซียงเซียงมาไว้ตรงอกอย่างนุ่มนวล และกล่าวอย่างโกรธเคือง “นางคือเซียงเซียง เป็นน้องสาวที่น่ารักของข้า หมายความว่ายังไงที่ว่า ‘ตัวอะไร’?”
ฉู่จิงเทียนก้มเกาศีรษะ ไม่มีสิ่งใดจะพูดตอบ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่นนี้ เขาไม่กล้าคิดว่าเป็น ‘มนุษย์’ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงกล่าวเสียงเจื่อน “น้องเย่ รอบกายเจ้ามีตัวประหลาดอยู่หลายสิ่งจังเลยนะ….”
เหยียนกงรั่วเมื่อได้ยินคำ ร่างลำหลิวก็ลุกขึ้น ตั้งท่าทางเหมือนจะเตะ “เจ้ากล้าเรียกครอบครัวของข้าเซียงเซียงว่าเป็นตัวงั้นเหรอ….เจ้าสิที่เป็นตัว! หากเจ้าเรียกเซียงเซียงแบบนั้นอีกละก็ ต่อให้เป็นสหายของพี่นายท่านข้าก็จะต่อยเจ้า”
“อิย๊า อิย๊า อิย๊า!” เซียงเซียงที่ถูกสตรีของเจ้านายให้ท้ายยังแสดงสีหน้าโกรธเคืองด้วยอีกตัว มือเท้าบอบบางน้อยๆยังตั้งท่าจะโจมตี
ฉู่จิงเทียนรีบผงะถอยไปสองก้าว โบกไม้โบกมือกล่าว “อย่าพึ่งโกรธ อย่าพึ่งโกรธ ข้าผิดไปแล้ว….เอ่อ น้องเย่ ที่เจ้าพูดถึงก็คือตัว….อะแฮ่ม คือน้องหญิงเซียงเซียงงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง” เย่หวูเฉินกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มปรายที่มุมปาก
ฉู่จิงเทียนตะลึงค้างทันที ในสมองสับสนปั่นป่วน ยามนี้เมื่อมองดูเซียงเซียงอีกครั้ง ในสมองก็ผุดคำว่า “สัตว์ประหลาด” ขึ้นมาทันที
“อย่าแปลกใจเลย หลายสิ่งในโลกนี้ไม่อาจอธิบายได้ด้วยสามัญสำนึกธรรมดา เซียงเซียงสามารถใช้พลังแห่งมิติได้เพราะนั่นคือพลังพิเศษเฉพาะของนาง ไม่ใช่นางแกร่งกล้าจนสามารถบิดเบือนห้วงมิติได้….ถึงตอนนี้ท่านจะยังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เวลายังมีอีกมาก ท่านจะค่อยๆคุ้นชินไปเอง” เย่หวูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม ตอนที่พลังแห่งห้วงมิติของเซียงเซียงตื่นขึ้นมาพร้อมกับพลังของเขา กระทั่งตัวเขาเองยังต้องตะลึง