📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 5 ตอนที่ 296

บทที่ 296 - ลึกล้ำจักรพรรดิเหนือ , ผันปราณแปลงศร
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ชุดของเหยียนซีหมิงสะบัดพริ้วทันที กลุ่มพลังแรงร้อนแผ่พุ่งออกจากร่าง เหนี่ยวนำสายลมให้ผันผวน ม้วนผ่านกระทบเหยียนกงลั่วที่ยืนนิ่งงัน พลังเพลิงวิญญาณย่อมไม่ด้อยคุณสมบัติแห่ง “ไฟ” มีความแผดเผารุนแรง คลื่นอากาศเดี๋ยวร้อนสลับคลาย แปรผันได้ทั้งจู่โจมและป้องกัน กระแสลมร้อนคล้ายจะกดดันเหยียนกงลั่ว ห้วงอากาศบิดผันแสดงถึงพลังแกร่งกล้าสุดขั้ว

สำนักจักรพรรดิเหนือก็ยังคงเป็นสำนักจักรพรรดิเหนือ แม้มิได้ขยับเคลื่อนร่าง หากเพียงไอปราณที่พวยพุ่งออกมา ก็ยากนักที่จะหาผู้ใดมาโค่นได้

ฟู่ม…..

มีกระแสลมแผ่พัดออกมาบ้าง ต่างจากเหยียนซีหมิงที่เป็นกระแสลมสงบ ลมสายนี้กรรโชกเย็น พัดนำเสียงลมคำราม….ทันใดนั้นที่ฉากตรงหน้า ปรากฎเป็นลมหมุนพัดสลายลมร้อนออกไปสิ้น ราวกับว่าพลังร้อนแรงไม่เคยปรากฎขึ้น

ใบหน้าทรนงของเหยียนซีหมิงกลับกลายในที่สุด เมื่อเห็นตัวอย่างผู้ผิดพลาดจากฉู่จิงเทียนและเล่งหยา เขามิใช่อยู่ในวัยที่จะประมาทผู้ตั้งใจกระตุ้นยั่ว ดังนั้น เขาจึงโจมตีด้วย “ไอปราณ” เพื่อทดสอบในคราแรก…. ไม่คิดฝันเลยว่าพลังเพลิงวิญญาณกลับถูกปัดเป่าสิ้น ยิ่งกว่านั้น พลังที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ออกมายังแฝงความรู้สึกคุ้นเคย เป็นความรู้สึกประหลาดอย่างยิ่ง เพียงการทดสอบเล็กน้อย ก็ทำให้เขาแปลกใจอย่างสุดแสน

ทว่าบนใบหน้าของเหยียนกงลั่วกลับฉายแววถากถางวับหนึ่ง วิชาเพลิงวิญญาณ….หากกล่าวถึงความบริสุทธิ์ของพลัง , ทั้งความคุ้นเคย , หรือความสามารถในการควบคุม ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉินยังจะมีผู้ใดเหนือกว่าเหยียนกงลั่ว ผู้มีสายเลือดบริสุทธิ์สูงสุดแห่งจักรพรรดิเหนือ!

การปะทะไอปราณเพียงชั่วไม่กี่อึดใจ ก็ทำให้สามอาวุโสแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือตะลึงลาน ยอดฝีมือไร้ผู้เปรียบต่างแตกตื่น…. คลื่นไอปราณที่แผ่พุ่งกดดัน ทำให้บรรดาคนผมขาวพลันรู้สึกว่าตนชราลง เหล่าคนหนุ่มเมื่อเห็นพลังของคนหนุ่มกว่านับสิบปีก็พลันรู้สึกเจ็บจี้ใจดำ ยามอุทานยังรู้สึกละอาย ในอาณาบริเวณแห่งคลื่นพลังนี้ เหล่ายอดฝีมือชื่อก้องล้วนไม่ยอมถอยหนีให้ตนเสียหน้ามากขึ้น

ชิ้ง!

เสียงบางสายหนึ่ง กระบี่อ่อนสีแดงปรากฎขึ้นในมือของเหยียนซีหมิง เขาเก็บมันไว้ในผ้าคาดเอวตลอดเวลา หากไม่นำออกมาก็ยากนักที่จะสังเกตเห็น กระบี่เล่มนี้ผู้คนล้วนเห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา และการที่เขานำกระบี่ออกมาในเพียงชั่วไม่กี่อึดใจ แสดงให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามกดดันเขามากแค่ไหน

เหยียนกงลั่วค่อยๆยื่นมือออก หากเขาไม่ได้นำกระบี่ออกมา เพราะมือของเขานับเป็นกระบี่ที่คมกล้า อย่างไรก็ตาม การที่เขาไม่ได้นำกระบี่ออกมานั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ใช้อาวุธ

“ซานหวา เอานี่ไป!” เหยียนต้วนชางคำรามต่ำ ถอดธนูไม้คันยาวที่สะพายมาด้วยโยนให้เหยียนกงลั่ว เหยียนกงลั่วคว้ามือออกจับ ใบหน้าฉายแววหยันยิ้ม

เหยียนซีหมิงสีหน้าทะมึนลง ขณะที่ผู้คนต่างคิดว่าเขาจะนำอาวุธมีคมออกมา เขากลับทำสิ่งตรงข้ามโดยสิ้นเชิง….ตอนนี้เขาจับด้ามธนูมั่น เคลื่อนปราณพลังล้ำเลิศ น้าวคันธนูไม้ที่แข็งกล้าราวกับเหล็ก ดึงเชือกไหมเงินประหลาดที่ขึงอยู่จนสุดไหล่ คันธนูโก่งเป็นวงโค้ง

ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในมือเป็นธนูไม้ที่หยาบกร้านถึงขีดสุด ถูกขึงไว้ด้วยไหมเงิน เดิมทีพวกเขาเชี่ยวชาญการทำธนูตั้งแต่อยู่ใต้หุบเหวปลิดวิญญาณ หากธนูคันนี้กลับดูเหมือนเป็นของเด็กเล่น และเขาใช้เป็นอาวุธต่อสู้กับเหยียนซีหมิง

ธนูคือศาสตราที่จักรพรรดิเหนือเคยใช้ในอดีต พลังแห่งโลหิตจักรพรรดิเหนือย่อมถูกใช้ออกเต็มที่ด้วยคันศร และเงื่อนไขสำคัญที่จะใช้ “ธนู” แสดงแสนยานุภาพสูงสุดของพลังเพลิงวิญญาณออกมา คือความบริสุทธิ์ของสายเลือดจักรพรรดิเหนือ บุคคลที่มีสายเลือดผสมแห่งจักรพรรดิเหนือ แม้จะฝึกฝนวิชาเพลิงวิญญาณได้เช่นเดียวกัน แต่ย่อมไม่อาจเข้าใจถึงอานุภาพที่แฝงอยู่ในธนู และนับจากเรื่องแตกหักภายในของสำนักจักรพรรดิเหนือเมื่อร้อยปีก่อน ประมุขที่แท้จริงแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือได้ร่วงลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณ ซึ่งนับจากนั้นไม่มีใครปลดปล่อยอำนาจสูงสุดของพลังเพลิงวิญญาณทางธนูได้อีกเลย และมันค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำ ร้อยปีให้หลังจึงลืมสิ้น ถึงขนาดที่ว่า เหยียนซีหมิงที่แม้จะรู้จักคันศรเป่ยตี้ แต่กลับไม่รู้เลยว่าอาวุธที่เป็นแก่นชีวิตของสายเลือดจักรพรรดิเหนือคือคันธนู

“นี่หรืออาวุธของเจ้า?” เหยียนซีหมิงกลับมามีใบหน้าราบเรียบ แววตาเป็นประกายเย็นเชียบ ด้วยธนูที่โหลยโท่ยยิ่งกว่าของเด็กเล่น เหยียดหยามเขาอย่างไร้ที่เปรียบ อารมณ์ของเขายามนี้ทำได้เพียงแค่นเสียง

“ถูกต้อง” เขาค่อยๆเคลื่อนธนูในมือ วางดวงตาแนบเล็งไปที่เป้าหมาย กล่าวคำในใจอย่างเงียบงัน “วันนี้….ข้าจะให้เจ้า นายน้อยแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือตัวปลอมได้ซาบซึ้งว่าอะไรคือพลังเพลิงวิญญาณที่แท้จริง!!”

เพราะเขาคือเหยียนกงลั่ว คือนายน้อยแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือที่แท้จริง!

มือของเขาเหนี่ยวเหนือเชือกธนู สามนิ้วขนานกลางเชือกเล็งที่เหยียนซีหมิง ควบกลั่นมวลอากาศมหึมา กระแสอากาศอัดแน่นอยู่ระหว่างนิ้ว เมื่อนิ้วทั้งสามปล่อยออก ทุกคนได้ยินเสียงแหวกอากาศสามสายพุ่งลิ่วไปพร้อมกัน

พลังปั่นป่วนสามสายพุ่งมาเบื้องหน้า เหยียนซีหมิงม่านตาหดวูบ กดร่างตัวเองลงฉับพลันด้วยสัมผัสถึงอันตราย ทันใดนั้นกระแสลมโหยหวนสามสายพุ่งผ่านเหนือศีรษะไป มีเสียงประดุจสายฟ้าสามสายดังลั่นขึ้น ผนังขุนเขาด้านหลังเกิดเป็นหลุมลึกดำสามรูขนาดใหญ่

ธนูที่ทำจากไม้และไหมเงิน ไร้ทั้งลูกศร…. เป็นเพียงธนูธรรมดา หากภายใต้มือมัน กลับปล่อยสามศรที่น่ากลัวกว่าลูกธนูจริงไม่รู้กี่เท่า

เปลี่ยนปราณให้กลายเป็นศร พวกเขาแม้จะเห็นกับตาก็ยังไม่อยากเชื่อ หัวใจต้องสั่นสะท้านอีกครั้ง งานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินเพียงเริ่มได้ไม่นาน แต่พวกเขาหัวใจกระตุกมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง พวกเขาถอนหายใจอีกครา ทวีปเทียนเฉินวันหน้าจะไม่ใช่ของพวกเขาอีกต่อไป หากจะเปลี่ยนไปเพราะกลุ่มรุ่นเยาว์พวกนี้ คุมกระบี่ได้ราวกับเทพ , เนตรปีศาจสังหารโลหิต , ผันปราณแปลงศร…. วันนี้ ไม่ทราบพวกเขาตกตะลึงไปแล้วกี่ครั้ง ไม่ทราบรู้สึกเหลือเชื่อไปแล้วกี่ครา

เหยียนกงลั่วขยับมือเคลื่อนอีกครั้ง ศรปราณสามสายบินลิ่วออกไป หลังจากที่เหยียนซีหมิงหลบศรชุดแรกได้ หัวใจก็ตื่นตระหนกยิ่ง ธนูเป็นอาวุธยิงไกลยอดนิยม แม้รัศมีจู่โจมจะกว้าง แต่จุดอ่อนของมันเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อใดที่ถูกอาวุธระยะใกล้เข้าพัวพัน การต้องใช้เวลาใส่ศรและโก่งคันธนูย่อมทำให้เสียเปรียบในระยะประชิด ทว่าธนูในมือของเหยียนกงลั่วและ “ลูกศร” ที่ใช้ล้วนไร้จุดอ่อนข้อนี้ เพราะชั่วขณะที่น้าวสายธนู ศรปราณก็ควบกลั่นแทบจะพร้อมยิงทันที และการยิงแต่ละครั้งยังไม่ใช่ศรดอกเดียว

ลูกธนูทั่วไปยามยิงออกเพียงมีเสียง “ฟิ้ว” เบาๆ ต่างจาก “ลูกศร” ของเหยียนกงลั่วที่ส่งเสียง “กรีด” อากาศ ทำพาความรู้สึกอึดอัดคับร่างให้แก่ผู้ที่ได้ยิน

คันธนูถูกโก่งอีกครั้ง สามศรพุ่งลิ่วออกไป มันเฉี่ยวแขนของเหยียนซีหมิง สร้างรอยฉีกสามเส้นบนเสื้อของเขา

น้าวสายธนูอีกครั้ง สามศรแล่นลิ่วตรงไป เหยียนซีหมิงที่เหมือนยืนมึนเบี่ยงร่างหลบได้ ข้างหูมีเสียงหวีดผ่าน เหงื่อเย็นลอบผุดขึ้นบนศีรษะ

ยิงถี่เกินไป เร็วกระชั้นเกินไป…. ตกอยู่ใต้สถานการณ์ยามนี้ อย่าว่าแต่เข้าประชิดเลย แค่หลบเลี่ยงก็เต็มกลืนแล้ว!

ศรปราณอันน่าหวาดหวั่น หากถูกยิงออกโดยยอดฝีมือขอบเขตเทวะ โลกนี้ยังจะมีผู้ใดต่อกรได้…. และเขา กลับยิงศรถึงขั้นนี้ได้ยังไง!!

เขาไม่คิดเลยว่า บนโลกจะมีคนใช้ธนูที่สุดแสนธรรมดาได้ร้ายกาจเพียงนี้ ทว่าการจะยิงออกมาเป็นศรปราณได้ มีเพียงพลังเพลิงวิญญาณเท่านั้น…. จะดีสุดเมื่อมีพลังเพลิงวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุด เพราะคันศรและลูกธนู ในสายเลือดเป็นอาวุธหนึ่งเดียวที่เป็นแก่นชีวิตของจักรพรรดิเหนือ เช่นเดียวกับกระบี่ ที่ในสายเลือดเป็นอาวุธหนึ่งเดียวที่เป็นแก่นชีวิตของจักรพรรดิใต้

เฟี้ยว…..

ฟ้าว…..

ฟิ้วว…..

ตอนนี้สถานการณ์ที่ปรากฎเบื้องหน้าคือยำใหญ่ฝ่ายเดียว เหยียนซีหมิงหลบศรปราณมรณะซ้ายขวาด้วยความเร็วยิ่ง แม้ว่าท่าทางหลบเลี่ยงจะสวยงาม หากกลับน่าอับอาย เพราะสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือหลบเลี่ยงเท่านั้น เหมือนเหยื่อที่ดิ้นรนให้รอดพ้นจากความตาย ทว่าเมื่อสติทั้งปวงจดจ่ออยู่กับการหลบเลี่ยง จึงเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะหลีกหนีให้หลุดพ้น

เฟี้ยว…..

ฟิ้วว…..

เหยียนกงลั่วลังเลชั่วขณะที่ปรับทิศ ไหนเลยเหยียนซีหมิงที่ใจใกล้สลายจะปล่อยโอกาสนี้ไป เขาดีดร่างพุ่งเข้าใส่ในฉับพลัน ร่างกายไหววับเป็นเงาขาว ส่งพลังร้อนแรงเข้าอัดก่อนเป็นสิ่งแรก เพื่อให้เหยียนกงลั่วล่าถอยหรือกำจัดธนูในมือมัน ธนูนี้แม้ทำขึ้นจากไม้สั่วๆ หากในสายตาเขาล้วนไม่ต่างจากอาวุธสังหาร ในแววตาสั่นไหวจากหัวใจ

เหยียนซีหมิงโฉยคว้าโอกาสนี้ พุ่งเข้าหาและหลีกเลี่ยงในขณะเดียวกัน เหยียนกงลั่วหรี่ตาลง ไร้วี่แววตกใจหรือผิดหวัง ตรงกันข้ามมุมปากกลับยกยิ้มเล็กน้อย ไม่ทราบว่าเมินเฉยหรือเหยียดหยัน เผชิญหน้ากับคลื่นอากาศที่เหยียนซีหมิงปลดปล่อยออกมา เขาราวกับว่าไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ต้อนรับการมาเยือนด้วยการเหนี่ยวสายธนูอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ใช้สามนิ้วแต่กลับเป็นสี่นิ้ว

เฟี้ยว! เฟี้ยว! เฟี้ยว! เฟี้ยว!

ศรปราณสี่สายร้องกรีดอากาศ มันมิได้รวมกันเป็นกลุ่มเหมือนครั้งก่อน แต่แยกออกจากกันและพุ่งใส่เหยียนซีหมิงจากสี่ทิศ เมื่อศรปราณเข้าสัมผัสพลังเพลิงวิญญาณที่แผ่ออกมาจากเหยียนซีหมิง มันราวกับลูกธนูที่พุ่งผ่านเมฆ เหมือนกับไร้สิ่งใดที่กั้นขวางอยู่ เหยียนซีหมิงยังส่งคลื่นพลังปัดป้องสี่ทิศ ทว่าคลื่นอากาศกลับแตกออกเหมือนลูกโป่ง เพียงมันถูกศรปราณสัมผัสผ่าน

ต่อหน้าเหยียนกงลั่ว หากใช้พลังเพลิงวิญญาณล้วนไม่ต่างจากเด็กน้อยต่อหน้ายอดยุทธ ไม่ต้องกล่าวถึงว่า เหยียนซีหมิงฝึกฝนวิชาเพลิงวิญญาณมาไม่เท่าเหยียนกงลั่ว ต่อให้ฝึกมาเท่ากัน เขาก็ยังพ่ายแพ้ไร้หนทางเอาชนะ นี่คือความแตกต่างระหว่างเลือดผสมกับเลือดบริสุทธิ์ พลังเพลิงวิญญาณผสมย่อมสยบต่อหน้าพลังเพลิงวิญญาณบริสุทธิ์ และถวายคำนับดั่งผู้ต่ำต้อย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เหยียนกงลั่วสามารถรับมือกับเหยียนซีหมิงได้อย่างสบาย ขณะที่ผู้ฝึกฝนวิชาอื่นจะรับมือกับเหยียนซีหมิงได้อย่างยากยิ่ง

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset