📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 4 ตอนที่ 228

บทที่ 228 - กงลั่ว
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ขณะที่เย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ยเห็นคนผู้นั้น คนผู้นั้นก็เห็นพวกเขาเช่นเดียวกัน หลังจากชะงักไปขณะหนึ่ง คนๆนั้นก็วิ่งมาทางพวกเขา

“ท่านพี่ มีคน มีคนอยู่ตรงนั้น” หนิงเสวี่ยยื่นมือออก ชี้ไปที่เงาร่างของบุคคลที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

“ข้าเห็นแล้ว” เย่หวูเฉินดวงตาจับจ้องอยู่ที่เงาร่างนั้นแล้วกล่าว “เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้ายังจำสถานที่ที่พวกเราพบกันครั้งแรกได้รึเปล่า?”

“ข้าจำได้” ทางตอนเหนือของอาณาจักรเทียนหลง ดินแดนถูกผนึกที่ถูกลืม สถานที่ที่ได้พบกับเย่หวูเฉิน นางจะลืมได้อย่างไร

“สถานที่แห่งนั้น หากเข้าไปแล้วจะไม่สามารถออกมาได้อีก แม้กระทั่งปู่ฉู่ยังไม่อาจออกมา และสถานที่แห่งนี้ดูคล้ายกันมาก เบื้องหน้าของพวกเรา เป็นดินแดนที่ถูกผนึกไว้ ผู้คนที่อยู่ข้างในย่อมไม่อาจออกมาเหมือนเช่นพวกเราในตอนนั้น และด้วยเพราะเหตุนี้ พวกเรามาอยู่ที่นี่เนิ่นนานถึงไม่พบผู้ใด” เย่หวูเฉินค่อยๆตอบ

หนิงเสวี่ยฟังดูเหมือนเข้าใจ แต่แล้วก็ไม่เข้าใจ นางไม่ตอบคำเป็นเวลานาน

ก่อนที่คนผู้นั้นจะมาถึงพวกเขา เขาหยุดยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ใบหน้ามองมาทางนี้ด้วยความตกใจ เป็นชายหนุ่มสะพายคันธนูไม้ยาว เทียบกับเย่หวูเฉินแล้วดูแก่กว่าสองสามปี ผมเผ้าของเขารุงรัง ทว่าดวงตาปราดเปรียวและคมกล้า ท่วงท่าหนักแน่นมั่นคง ชุดที่เขาสวมใส่เห็นได้ชัดว่าทำมาจากหนังสัตว์ รองเท้าประหลาดทำมาจากไม้

สายตาของเขามองตรงมาที่ใบหน้าของเย่หวูเฉินและหนิงเสวี่ย ปากอ้าขยับและโบกไม้โบกมือ ทว่าไม่อาจได้ยินเสียงใดๆของเขาได้ กำแพงพลังทางเดียวสามารถกีดกั้นได้ทุกสิ่ง รวมไปถึงเสียง

เห็นการกระทำของชายหนุ่ม เย่หวูเฉินทำได้เพียงแปลกใจ เขาไม่เห็นสีหน้าแสดงความไม่เป็นมิตรหรือปฏิเสธใดๆ และการโบกมือนั้นเห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นกำลังห้ามไม่ให้พวกตนเดินตรงเข้าไป ในสถานที่อันไม่น่าเชื่อ สวรรค์กลับขีดชะตาให้เขาได้พบบุคคลแรกที่เป็นคนดี เย่หวูเฉินรู้สึกประทับใจ เขายิ้มบาง “เสวี่ยเอ๋อร์ เราเข้าไปกัน”

เมื่อเห็นพวกเขาเริ่มเดินตรงเข้ามา ชายคนนั้นยิ่งกระวนกระวายหนักขึ้น ทั้งขยับปากและโบกมือสุดเรี่ยวแรง แต่ท้ายที่สุด ชายคนนั้นก็ได้แต่มองพวกเขาเดินผ่านม่านพลังเข้ามา เป็นม่านพลังที่ตัดขาดสองโลกออกจากกัน

ชายหนุ่มพอตระหนักได้ว่าเย่หวูเฉินมีสภาพร่างกายอ่อนแอ เขาตรงเข้ามาหาและช่วยหนิงเสวี่ยประคองเย่หวูเฉิน กล่าวคำกึ่งตำหนิ “เฮ้อ เจ้าจะเข้ามาทำไม เอ๋? น้องชาย ร่างกายของเจ้า?” เขาไม่ไต่ถามเย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ยว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตรงกันข้ามเขากลับถามถึงสภาพร่างกายของเย่หวูเฉิน เพียงใช้มือประคองเขาต้องรู้สึกตกใจ

“เข้ามาในนี้ไม่ได้เหรอ?” เย่หวูเฉินทักทายด้วยรอยยิ้มขอบคุณและเอ่ยถาม

ชายคนนั้นส่ายศีรษะและกล่าว “เรื่องมันค่อนข้างยาว ด้วยสภาพร่างกายของเจ้า ที่จริงเข้ามาในนี้ก็นับเป็นเรื่องดี เจ้าคงได้รับบาดเจ็บสาหัส ไหนขอข้าดูหน่อย”

เขากล่าวขณะที่ประคองเย่หวูเฉินด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งทาบบนอกและแผ่พลังความร้อนเข้าไปในร่างของเย่หวูเฉิน เพียงครู่เดียวพลังประหลาดก็ซึมซ่านผ่านแปดชีพจร เขาถอนมือกลับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าตกตะลึงเหลือเชื่อ

เป็นพลังที่แกร่งกล้ายิ่ง! บนใบหน้าของเย่หวูเฉินยังคงสงบ ทว่าในใจรู้สึกตกตะลึง พลังที่ชายผู้นี้เพิ่งปล่อยออกมาทำให้เขาต้องตกใจ…. ชายหนุ่มอายุราว 20 ปีผู้นี้ กลับมีพลังไม่ด้อยไปกว่าฉุ่ยเมิ่งฉานแห่งสำนักจักรพรรดิใต้!

ด้วยวัยเพียงเท่านี้ กลับมีพลังขอบเขตสวรรค์ สามารถเดินย่ำไปทั่วทั้งทวีปเทียนเฉิน ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกตกใจ

“น้องชาย ร่างกายของเจ้า….” ชายคนนั้นมองมาที่เย่หวูเฉินด้วยความตระหนก หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ เขาถอนหายใจกล่าว “ดูเหมือนว่า น้องชายจะก้าวผ่านหายนะวิบัติบางอย่างมา ถึงแม้จะโชคดีรักษาชีวิตไว้ได้ แต่พลังในร่างทั้งหมดถูกใช้จนสิ้น พลังชีวิตเองก็เหลือแค่พอประคองชีวิตไว้ ชั่วชีวิตนี้ไม่อาจฟื้นฟูพลังกลับมาได้อีก อีกทั้งอายุขัยของเจ้า ก็หดสั้นลงจนเหลือแค่….” เขาส่ายศีรษะและไม่กล่าวต่อ เพียงแค่ทอดถอนใจด้วยใบหน้าสงสาร เขาเพิ่งเคยเจอคนที่มีสภาพร่างกายแบบนี้เป็นครั้งแรก มันไม่ต่างไปจากตะเกียงไฟที่ไร้น้ำมัน ต่อให้ทุ่มเทเพียงใดก็ไม่อาจจุดติดได้อีกครั้ง เขาเชื่อว่าเย่หวูเฉินคงใช้วิธีการพิเศษบางอย่างรีดเค้นพลังออกมาในช่วงเวลาวิกฤต ทำให้รากฐานของพลัง รวมทั้งพลังชีวิตแทบทั้งหมดถูกใช้สิ้นไป

หนิงเสวี่ยร่างกายสั่นสะท้าน นางบีบมือน้อยๆกับเย่หวูเฉินแน่นขึ้น ภายใต้หัวใจที่เจ็บปวดน้ำตานางไหลออกมาเงียบๆ หยาดหยดลงพื้นใต้เท้า ทุกวันที่เย่หวูเฉินอาการดีขึ้นนางจะเปี่ยมไปด้วยความสุข ทว่าตั้งแต่ที่เขาลุกขึ้นยืนอาการก็ไม่ดีขึ้นอีกเลย เมื่อหลายวันผ่านไป นางก็เริ่มคาดเดาบางอย่างอยู่ในใจ แต่นางมักปฏิเสธตัวเองว่านางคิดเหลวไหลไปเอง

ถ้อยคำของชายหนุ่มได้ขุดสิ่งที่นางไม่อยากคิดออกมา นางไม่กล้าคิดต่อถึงความจริงที่ทำให้ร่างแข็งทื่อ

เย่หวูเฉินหัวเราะ “ฮ่า ฮ่า” เขากุมมือหนิงเสวี่ยแน่นและกล่าว “ในเมื่อหนีไม่พ้น ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าเป็นเช่นนี้ ก็แค่สูญเสียพลังไปจะนับเป็นสิ่งใด”

ชายผู้นั้นจ้องมองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชายนับว่าไม่ธรรมดาโดยแท้ สามารถแบกรับเรื่องเช่นนี้ได้ช่างคู่ควรกับการยกย่อง ในเมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ามากับข้าไปพบท่านปู่ของข้าก่อนเป็นไง? บางที เขาอาจจะมีวิธีฟื้นฟูพลังของเจ้าได้ จริงสิ ไม่ทราบว่าน้องชายชื่ออะไร”

“ข้าแซ่เย่ ชื่อว่าหวูเฉิน พวกเราเพียงเพิ่งได้พบกัน ข้าไม่กล้ารับความปรารถนาดีของท่าน” เย่หวูเฉินกล่าว เมื่อได้คุยกันเพียงไม่กี่คำ เขาก็ยิ่งสงสัยขึ้นอีก ที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงชายหนุ่มคนเดียว แต่ยังมีปู่ของเขา ทั้งยังฟังดูเหมือนยังมีอีกมากกว่าสองคน คนพวกนี้มาที่นี่ได้อย่างไร? หรือจะเหมือนกับโลกภายนอก ที่ถือกำเนิดและวิวัฒนาการหลายครั้งจนกลายเป็นมนุษย์ในยุคปัจจุบัน? ไม่สิ เพราะภาษาของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นภาษาของทวีปเทียนเฉิน แต่หากจะบอกว่าพวกเขาตกลงมาจากข้างบนก็ฟังดูแปลกเกินไป

ชายหนุ่มยิ้มทึ่มทื่อ “น้องเย่กับน้องสาวผมขาว แม้ว่าพวกเราได้พบกันโดยบังเอิญ แต่พวกเจ้าเข้ามาในที่แห่งนี้แล้ว และยังดูไม่เหมือนพวกคนไร้ศีลธรรม ดังนั้นพวกเราถือเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่างได้เกรงอกเกรงใจ มาเถอะ ตามข้ามา โอ้! จริงสิ ชื่อของข้าคือกงลั่ว และข้าเป็นลูกคนที่สาม เจ้าจะเรียกข้าว่าซานหวาก็ได้”

แดนที่ถูกปิดตาย , โลกที่ตรงไปตรงมา ผู้คนในที่แห่งนี้ย่อมเปลี่ยนแปลง แต่ละคนพึ่งพาอาศัยกัน ผูกพันธ์รักใคร่ดั่งครอบครัว นี่คือกฎเพื่อการอยู่รอดของโลกเล็กๆใบนี้ และไม่เพียงแค่เฉพาะชายหนุ่ม หากเป็นคนอื่นที่มาพบเย่หวูเฉิน พวกเขาก็จะทำแบบเดียวกัน

กงลั่วพยุงเย่หวูเฉินและเดินตรงไปข้างหน้า เรี่ยวแรงของเขาเหนือกว่าหนิงเสวี่ยมาก น้ำหนักเกือบทั้งหมดของเย่หวูเฉินกดลงบนตัวเขา ทำให้เย่หวูเฉินผ่อนคลายขึ้นมาก และฝีเท้าก็รวดเร็วยิ่งขึ้น เย่หวูเฉินจับมือหนิงเสวี่ยและกล่าวกับนางอ่อนโยน ตอนนี้ดวงตานางเริ่มแดง “เสวี่ยเอ๋อร์ นับจากนี้ไป คงต้องให้เจ้าปกป้องพี่ชายแล้ว”

หนิงเสวี่ยใช้มือสองข้างจับมือเขาและแหงนหน้ามอง “ข้าจะปกป้องท่านพี่ให้ดีที่สุด จะไม่ยอมให้ใครรังแกท่านพี่ได้”

“อืม! ถ้าอย่างนั้น ให้ข้าได้เห็นเสวี่ยเอ๋อร์ผู้เข้มแข็งทุกวัน ตกลงนะ?” เย่หวูเฉินบีบมือนางอย่างอ่อนโยน

หนิงเสวี่ยกระพริบดวงตาที่พร่าน้ำ หัวคิ้วยกขึ้น พยักหน้าสุดเรี่ยวแรง เผยรอยยิ้มสุดงดงาม “อื้ม!”

คำพูดอบอุ่นธรรมดาของพวกเขาประทับจับใจกงลั่ว เขาเอียงหน้าและถาม “พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันเหรอ?”

“ทั้งใช่และไม่ใช่” เย่หวูเฉินมองหนิงเสวี่ยขณะกล่าวตอบ

พอกงลั่วได้ยินก็รู้สึกงุนงง แต่เขาไม่ได้ถามเรื่องนี้อีก เขาเปลี่ยนไปถามเรื่องที่ยังค้างคาในใจ “น้องเย่ก็ตกลงมาจากที่สูงสุดกู่แห่งนั้นด้วยเหรอ?” เขากล่าวสำทับต่ออย่างเร่งร้อน “ข้าแค่ถามไปอย่างนั้น ถ้าเจ้าไม่สะดวกไม่ต้องตอบก็ได้”

เย่หวูเฉินยิ้มกล่าว “มาอยู่ที่นี่ได้ แน่นอนว่าต้องตกลงมาจากฟ้าเบื้องบน แต่ว่า ดูเหมือนพี่กงลั่วจะไม่เหมือนกัน” แม้ว่าพลังของกงลั่วจะสูงส่งจนน่าตกใจ แต่ต่อให้เป็นเขา หากตกลงมาจากหุบเหวปลิดวิญญาณผลลัพธ์ย่อมไม่อาจเป็นอื่น ทำให้เย่หวูเฉินสงสัยอย่างมาก

กงลั่วพยักหน้า “ข้าเกิดในที่แห่งนี้ ไม่เคยได้ออกไปไหน แต่ปู่ของปู่ข้า , ย่าของปู่ข้า รวมไปถึงอีกหลายคนก็เป็นเหมือนกับเจ้า คือตกลงมาจากเบื้องบน โอ้….ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าแท้จริงแล้วโลกภายนอกนั้นมีหน้าตาเป็นเช่นไร”

ในใจของเย่หวูเฉินพลันมีเมฆมัว เขากล่าวด้วยความสงสัย “หรือว่าทุกคนที่ตกลงมามีพลังแกร่งกล้าอย่างยิ่ง? ตกลงมาจากที่สูงถึงเพียงนั้นกลับไม่เป็นอะไร”

เย่หวูเฉินต้องแปลกใจขึ้นอีก กงลั่วมองเขากับหนิงเสวี่ยด้วยแววตาสับสนและถาม “น้องเย่กับน้องสาวไร้พลังใด ไม่ใช่พวกเจ้าได้พบสิ่งนั้นเหมือนกันหรอกหรือ?” กงลั่วครุ่นคิดและกล่าวสงสัยยิ่งกว่าเดิม “หรือว่าพวกเจ้าไม่ได้ถูกพลังลึกลับนั่นช่วยเอาไว้?”

“พลังลึกลับ? เป็นพลังลึกลับแบบใดกัน?” เย่หวูเฉินสงสัยมาก ขณะเดียวกันคำถามของเขาก็ยิ่งทำให้กงลั่วสับสน กงลั่วกล่าว “ตอนที่ปู่ของปู่ข้าตกลงมา เขาคิดว่าคงจะต้องตายเป็นแน่ แต่ว่า เมื่อตอนที่พวกเขากำลังจะลงมาถึงพื้น พวกเขาถูกพยุงไว้ด้วยพลังลึกลับ จึงตกลงสู่พื้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ไร้ผู้ใดเป็นอันตราย พวกเจ้าไม่ได้ตกลงมาแบบเดียวกันหรอกหรือ?” กงลั่วถามอย่างแปลกใจ

“เปล่า” เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ สายตามองตรงไปเบื้องหน้าที่ระยะทางไกล

“ประหลาดจริงๆ” กงลั่วจ้องมองตากว้าง เขาแปลกใจที่พลังลึกลับไม่ปรากฎออกมา และยิ่งแปลกใจขึ้นอีก….เพราะหากไม่มีพลังลึกลับ ต่อให้เป็นปู่ของปู่เขาก็ต้องตกตายอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ยรอดมาได้อย่างไร ดูหน้าพวกเขาก็ไม่เหมือนคนโกหกแม้แต่น้อย กงลั่วถาม “พวกเจ้า ตกลงมาโดยตรงเลยเหรอ? เป็นไปได้ยังไงที่พวกเจ้า….”

“บางทีข้าอาจถูกชะตาลิขิตไว้แบบนี้” เย่หวูเฉินยังคงมองตรงไปเบื้องหน้า เขากล่าวคำแฝงความนัย

เมื่อเห็นว่าเขาไม่เล่าลงรายละเอียด กงลั่วก็ไม่ถามต่อ แต่กล่าวด้วยความตื่นเต้นแทน “อย่างไรเสีย หลังจากนี้พวกเราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกัน น้องเย่ เจ้าจะต้องเล่าเรื่องราวของโลกภายนอกให้พวกเราฟัง พวกเราฝันถึงโลกภายนอกมาตลอด”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset