📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 4 ตอนที่ 209

บทที่ 209 - ทงซินพิโรธ , ผีเสื้อดำเด็ดสังหาร
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ฟงหลิงนั่งอยู่บนหลังม้าขณะที่เข้าไปใกล้ช้าๆ ด้านข้างเขาเยว่หานตงตามมาด้วยด้วยสีหน้าซับซ้อน บนใบหน้าของเย่หวูเฉินไม่ปรากฎความโกรธหรือสิ้นหวังอย่างที่ควรจะเป็น เขากำลังยิ้มและหัวเราะ เป็นการหัวเราะเย้ยหยันจนพวกเขาไม่อาจมีหน้ากล้าที่จะสบสายตา เขามีสิทธิ์ที่จะเหยียดหยาม ถึงแม้บังคับให้เขาจนมุมแต่กลับไม่รู้สึกยินดีถึงชัยชนะ ความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจราวกับว่าถูกถ่วงด้วยก้อนหินขนาดใหญ่

ฟงหลิงหยุดอยู่ห่างสิบก้าวจากเขา พ่นระบายลมหายใจยาว ไม่ทราบเพราะเสียใจเรื่องเทพสงคราม , สามอาวุโสแห่งต้าฟง และทหารกับม้าจำนวนมากที่ตายอย่างน่าอนาถ หรือถอนหายใจที่ในที่สุดเรื่องราวก็มาถึงจุดจบ หรือจะด้วยเหตุอื่นๆก็ตาม เขาเอ่ยแช่มช้า “ข้าฟงหลิง ชั่วชีวิตของข้า…. นอกจากพระบิดาและอาวุโสฟงที่พึ่งตายด้วยน้ำมือเจ้า ข้าไม่เคยนับถือคนอื่นเลย วันนี้ พูดถึงเจ้าแล้ว…. ก่อนหน้าที่ผ่านมาข้าได้ยินเรื่องราวอัศจรรย์ของเจ้ามามากมาย ข้ายังเกิดความรู้สึกสนใจ ตอนนี้ข้าได้รู้แล้วว่าระหว่างเจ้ากับข้าแตกต่างกันมากเหลือเกิน ในหมู่คนที่ทำให้ข้ารู้สึกยอมรับ เจ้าคือผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด”

“ราชวังต้าฟงมียอดฝีมือและองครักษ์มากมายกลับไม่อาจจับกุมตัวเจ้า เทพสงครามไม่อาจสังหารเจ้าและกลับถูกเจ้าสังหารแทน กองทัพนับหมื่นไม่อาจหยุดยั้งเจ้า เจ้าหลุดรอดออกไปในพริบตาด้วยช่องว่างเล็กๆ เมืองเทียนฟงเต็มไปด้วยเหล่าทหารประจำเมืองยังไม่อาจขัดขวาง ปล่อยให้เจ้าฝ่าทะลวงออกจากเมือง กองทหารม้าห้าพันที่ป้องกันประตูเมืองทิศตะวันตกก็ไม่อาจจับกุมตัวเจ้าได้…. ตอนนี้พวกเขากระทั่งถูกเจ้าลบทิ้งออกไป…. ข้าอยากจะรู้นักว่า ในโลกนี้ยังจะมีผู้ใดที่สามารถสังหารเจ้าได้”

ยังจะมีผู้ใดสังหารเขาได้อีก…. บุคคลที่สามารถสังหารเทพสงคราม ยังจะมีผู้ใดสังหารเขาได้!?

เย่หวูเฉินไม่ได้กล่าวสิ่งใด ราวกับรู้สึกรังเกียจที่จะคุยกับเขา สายตาเหยียดหยันยิ่งมายิ่งก้าวร้าว

“หากพวกเราไม่ใช่ศัตรูกัน ข้าย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เป็นสหายกับเจ้า ตอนนี้ สิ่งเดียวที่ข้าทำได้คือส่งเจ้าจากไป” เขาเคลื่อนสายตาออก และกล่าวเสียงเบา “แม้ว่าพี่สาวเจ้าจะละทิ้งข้า แต่ข้าจะไม่มีวันละทิ้งนาง รวมทั้งไม่มีวันตำหนิ ข้าจะยังคงปฏิบัติต่อนางอย่างดีดูแลนางไปจนชั่วชีวิต ในวันหน้า ยามที่อาณาจักรต้าฟงกวาดล้างอาณาจักรเทียนหลง ข้าจะทุ่มเทสุดความพยายาม…. เพื่อปกป้องตระกูลเย่ของเจ้า ขอให้วางใจได้ยามเจ้าจากไป”

เขามองเย่หวูเฉินครั้งสุดท้าย จากนั้นหันกลับ มือขวายกขึ้นช้าๆ คันธนูจำนวนมากโก่งเล็งมาที่เย่หวูเฉิน เมื่อใดที่เขาลดมือลง ลูกศรนับหมื่นจะถูกปล่อยออกมา

“ฟงหลิง….” เย่หวูเฉินแค่นเสียงขณะมองที่แผ่นหลัง เขากล่าวไม่รีบร้อนและชัดเจนทุกถ้อยคำ “จงบอกกับฟงเลี่ย บอกกับทุกคนในตระกูลฟง หากว่าข้าเย่หวูเฉินไม่ตายในวันนี้…. ในวันหน้า ข้าจะทำให้พวกเจ้าตระกูลฟง….”

“ยิ่งกว่าไม่อาจไถ่ถอน!!”

ความเย็นเยียบพลันแผ่กระจายไปทั่วอากาศ เป็นความเย็นที่แผ่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกที่สุดในจิตใจ เย็นจับไปถึงไขกระดูก , แขนขา และโลหิตที่ไหลเวียนทั่วร่าง ทำให้ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม ฟงหลิงร่างพลันหดเกร็ง น้ำเสียงมืดมนนั้นราวปีศาจอเวจีกำลังแยกเขี้ยว ทำให้วิญญาณสะท้านจนไม่กล้าหันไปเผชิญกับสายตา มือขวาของเขาที่สั่นเทาค่อยๆลดลง….

“เจ้าพูดถูก…. อาณาจักรต้าฟงของเจ้า จะไม่มีใครได้มีวันสังหารข้า…. ใครก็อย่าหวัง!!”

ระหว่างที่แขนของฟงหลิงลดลง เย่หวูเฉินก็กอดหนิงเสวี่ยแน่นในอ้อมแขน หยัดยืนตั้งกายตรง จากนั่นปล่อยร่างตกลงสู่หุบเหวที่อยู่เบื้องหลัง ชั่วขณะที่ร่วงลงสู่ความมืดมิด ปรากฎภาพทีละร่างขึ้นในใจ เมื่อถึงร่างดุจฝันของนางเซียนเหยียนจื่อเมิ่ง หัวใจของเขาก็ร้าวขึ้นมา เขาใช้พลังจิตใจตัดสะบั้นพันธะวิญญาณที่ได้ถูกฝืนสร้างขึ้นมาระหว่างกัน

แน่นอนว่าเย่หวูเฉินสามารถตัดสะบั้นพันธะวิญญาณได้ง่ายดาย ขณะที่สตรีเผ่าเสียงปีศาจจะไม่มีวันลบเลือนพันธะนี้ได้ เขาไม่ต้องการให้เหยียนจื่อเมิ่งมีความรู้สึกต่อเขาเพราะอำนาจแห่งพันธะวิญญาณ แต่เขาต้องการให้นางรู้สึกต่อเขาออกมาจากใจ เนื่องจากเขาต้องการรับรู้ตำแหน่งของนางในทุกเวลา เขาจึงปล่อยพันธะนี้ไว้ เวลานี้เพื่อรักษาชีวิตนางในที่สุดเขาจึงตัดมันทิ้ง เพราะหากพันธะวิญญาณยังคงอยู่ เมื่อเขาตายลง นางก็จะตายเพราะเขา

ฟงหลิงเมื่อได้ยินเสียงก็รีบหันกลับมา และทันเห็นร่างของคนทั้งสองตกลงไป เขารีบกระโดดลงจากหลังม้า อดกลั้นความเจ็บที่อกและก้าวไปอยู่ตรงขอบเหว เพียงเห็นแผ่นผืนสีดำ ร่างของคนทั้งสองได้จมลงสู่ความมืดมิด

เยว่หานตงเข้ามาอยู่ตรงขอบเหวเพื่อช่วยพยุงร่างเขา จากนั้นกล่าว “ข้าคิดไว้แล้วว่าเขาจะเลือกวิธีตายเช่นนี้ บุคคลที่ไม่อาจถูกสังหารโดยเทพสงครามย่อมไม่ยอมตายด้วยมือพวกเรา เขาย่อมเลือกการสังหารตัวเอง หุบเหวปลิดวิญญาณก้นเหวไม่ปรากฎ กระทั่งเทพแท้จริงตกลงไปก็ไม่มีโอกาสรอดชีวิต พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้มีสองชีวิตแม้ไม่ตายอยู่เบื้องล่างก็ย่อมไม่อาจกลับขึ้นมา…. องค์ชาย พวกเรากลับกันเถอะ”

ฟงหลิงยืนอยุ่ตรงนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน จากนั้นถอนหายใจยาว เขาหันร่างกลับและจากไป เย่หวูเฉินสังหารคนของต้าฟงไปมากมาย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตกตายด้วยน้ำมือพวกเขา ต่อหน้าเย่หวูเฉิน ฟงหลิงไม่รู้สึกเกลียดชัง เขากลับรู้สึกเสียใจอย่างล้ำลึก เยว่หานตงและเหล่าทหารต่างมีสีหน้าซับซ้อนและรู้สึกในทางเดียวกัน

ผู้คนเริ่มเคลื่อนไปราวกับคลื่น ออกไปจากหุบเหวไร้ก้นที่ทุกคนหวาดกลัว หุบเหวปลิดวิญญาณกลับมาเงียบอีกครั้ง มีเพียงเสียงสายลมราววิญญาณสะอื้นไห้

………………………………

“ทงซิน……. พาพี่สาวกลับบ้าน…… รอข้ากลับมา~~~”

เสียงตะโกนสามครั้งดังมาจากระยะไกล ราวกับค้อนหนักหน่วงทุ่มใส่หัวใจของทงซิน เสียงตะโกนดังสามครั้งไม่ได้ยินผ่านหูของนาง แต่ได้ยินโดยตรงที่หัวใจ ทำให้สีหน้านางว่างเปล่า ดวงตาเลื่อนลอย หัวใจสัมผัสได้ว่านี่คือคำอำลาของเขาและหนิงเสวี่ยที่มีต่อนาง กลิ่นอายของเขาอ่อนแอลงจนกระทั่งไม่ปรากฎอีกต่อไป

กลิ่นอายของทงซินยามนี้อ่อนแออย่างยิ่ง กระทั่งอ่อนแอยิ่งกว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกจากดอกไม้เล็กๆ แต่นางยังคงหยัดยืนอยู่ตรงนั้น ลู่เทียนอารมณ์หวั่นไหวต่อเนื่อง เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่านางมีพลังแฝงยิ่งใหญ่ปานใด และพลังแบบไหนที่ยังคงค้ำจุนนางไว้

ทันใดนั้น ร่างของทงซินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง นางอ่อนแอจนแทบพังทลายลง เพราะในยามนี้กลิ่นอายของเย่หวูเฉินได้หายไปอย่างสิ้นเชิง…. หายไปโดยไร้ร่องรอย

โศกเศร้า , เจ็บปวด และเคียดแค้น…. น้ำตาทงซินหลั่งไหลออกมาราวสายน้ำ สาวน้อยผู้ที่แทบไม่ร้องไห้ ในที่สุดน้ำตาก็ไหลร่วงลง ความโกรธและจิตสังหารขยายไร้ขอบเขตในเวลาสั้นๆ…. จากนั้นขยายออกมาอีกครั้ง….

ดวงตาคู่นั้นเปล่งแสงดำทมิฬ จับจ้องติดตรึงยังบุคคลที่อยู่เบื้องหน้า

….หากไม่ใช่เพราะมัน เขาจะตายได้อย่างไร…. หากไม่ใช่เพราะมัน…. ไหนเลยเขาจะ…

ความคิดอันเจ็บปวดวนเวียนซ้ำๆ ความสิ้นหวังและความเกลียดชังท่วมท้นทุกอณูทั่วร่าง ในที่สุด สติของนางก็เลือนลางและปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ เส้นบางๆในหัวใจฉับพลันนั้นขาดสะบั้นลง

ร่างที่อ่อนแอยิ่งยวดกลับทะลักทะลายด้วยพลังแห่งสวรรค์และปฐพี ไอปราณมรณะแผ่ท่วมทะลัก อากาศน่าสะพรึงกลัวทำให้ลู่เทียนถอยหลังอย่างช่วยไม่ได้ ร่างของเขาเหมือนตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง หัวใจท่วมท้นด้วยความตื่นตะลึง ไอปราณมรณะราวกระบี่คม กระทบตรงหน้าสร้างความเจ็บปวดเสียดแทงรุนแรงในร่างกาย

ตอนแรกที่เขาต่อสู้กับทงซินที่ใช้พลังเต็มที่ เขาไม่รู้สึกถึงพลังน่าหวาดหวั่นหรือไอปราณมรณะถึงเพียงนี้…. ไม่อาจเทียบแม้กระทั่งหนึ่งในสิบของบรรยากาศในเวลานี้

ด้วยอากาศที่บิดเบือน สายลมเริ่มแปรปรวน ในรัศมีหลายร้อยเมตรฝุ่นฟุ้งกระจายว่อนไปทุกที่ ในม่านหมอกฝุ่น หัวใจพิโรธของทงซินกลับทำให้นางเปล่งเสียงตะโกนคมก้องออกมาอย่างคาดไม่ถึง นางค่อยๆเคลื่อนกริชเทพพิโรธในมือขึ้นมาช้าๆ

ติ้ง…..

ทงซินที่อยู่เบื้องหน้าลู่เทียนได้หายไป ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่เบื้องหลังของเขา

นี่ไม่ใช่การเคลื่อนย้ายตำแหน่ง แต่เนื่องจากความเร็วของทงซินสูงล้ำเกินไป ขณะพุ่งผ่านข้างกาย ลู่เทียนยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่มีการตอบสนองแม้เพียงนิด ในขณะแห่งความเงียบงันเขาไม่ได้หันศีรษะมา กระทั่งสีหน้าท่าทางไม่มีเปลี่ยนไปราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งลง

กริชเทพพิโรธในมือนางร่วงลงสู่พื้น ร่างของทงซินล้มลงท่ามกลางม่านฝุ่น ไม่มีเสียงใดอีกต่อไป น้ำตาบนหน้าไหลอาบพื้นดิน

“หรือว่านี่คือ….ท่าในตำนาน….องค์หญิงเฮยเย่….ผีเสื้อดำเด็ดสังหาร….”

เสียงลมโบกพัดมา ร่างของลู่เทียนราวกับกล่องไม้ร่วงลงพื้นทีละชิ้น กลายเป็นกองโลหิตและชิ้นเนื้อเล็กๆมากมาย เสียงสั่นเครือที่พึมพำออกมาเป็นเสียงที่เปล่งเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต

เขาคือเทพแท้จริง ยิ่งกว่านั้นยังเป็นหนึ่งในแปดเทพขุนพลแห่งอาณาจักรเทพ พลังเหนือล้ำกว่าทุกผู้คนในทวีปเทียนเฉิน เขากระทั่งสามารถทำลายทั้งอาณาจักรได้ด้วยตัวลำพัง เขาไม่เคยคิดเลยว่าจุดจบสุดท้ายของชีวิต….กลับเป็นที่ทวีปเทียนเฉิน

เมื่อครู่ที่ผ่านมา ทงซินได้ใช้กริชเทพพิโรธฟันไป 99 ครั้ง ตัดร่างของเขาออกเป็นพันๆชิ้น ความเร็วที่ใช้เด็ดสังหารต้องทำให้โลกหวั่นกลัว ทั้งภูติผีและทวยเทพทั้งหมดต้องตกตะลึง

……………

หุบเหวมืดมิด ไร้ที่สิ้นสุด

“หนาวหรือ?”

“ท่านพี่ กอดข้าแน่นๆ”

“…..เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้ากลัวหรือเปล่า?”

“ข้าเคยบอกท่านแล้ว ข้าไม่กลัวสักนิดจริงๆ เพราะว่าท่านพี่อยู่กับข้า”

ร่างของทั้งสองกำลังร่วงหล่นลง สายลมที่พัดโบกข้างหูดังหวีดหวิว รอบทิศมีแต่ความมืดมิดและไออุ่นจากอก เขากอดหนิงเสวี่ยแน่น และแน่นขึ้น….

ที่น่าแปลกใจก็คือ ในหุบเหวแห่งนี้กลับมีพลังจิตปราณหนาแน่นกว่าที่พื้นผิวเบื้องบน ทำให้ร่างของเขาฟื้นฟูช้าๆ หากแต่พลังเล็กน้อยนี้ไม่อาจฟื้นฟูความเสียหายร้ายแรงของอวัยวะภายใน และต่อให้เขาดิ้นรนสักเพียงใด วินาทีที่ตกถึงพื้นเบื้องล่างจะเป็นเวลาที่ทั้งสองพบกับความตาย

เวลาผ่านไปนานแสนนาน สายลมเย็นยังคงโบกพัดอยู่ข้างใบหูของทั้งสอง เย่หวูเฉินลืมตาแล้วมองลงไปเบื้องล่าง

“ท่านพี่ พวกเรากำลังจะตายเหรอ?”

เย่หวูเฉินชะงักนิ่งเป็นเวลานาน จากนั้นยิ้มกล่าว “เจ้าไม่รู้หรือว่าในหนังและนิยายมากมาย เวลาโดดลงหน้าผาไม่เพียงจะไม่ตาย แต่ยังกลายเป็นวิธีหลบหนีที่ดีที่สุด ดังนั้นพวกเรา…..อาจจะไม่ตายก็ได้…..”

“อื้ม” หนิงเสวี่ยตอบคำนุ่มนวล ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าอะไรคือหนังและนิยายก็ตาม

พวกเขายังคงตกลงมาต่อเนื่องเป็นเวลานาน เย่หวูเฉินถามอ่อนโยน “เสวี่ยเอ๋อร์…. หากพี่ชายเจ้าไม่อยู่อีก และเหลือตัวเจ้าเพียงคนเดียว เจ้าจะทำยังไง?”

“ข้าก็จะเสียใจมาก และข้าจะตามไปอยู่กับท่าน” หนิงเสวี่ยตอบ น้ำเสียงอ่อนแอนั้นกล่าวยืนยัน

เย่หวูเฉินมองลงไปเบื้องล่าง จากนั้นส่ายศีรษะเบาๆ “หากพี่ชายเจ้าไม่อยู่อีกแล้ว เจ้าจะต้องไม่ทำอะไรโง่เขลา เจ้าต้องใช้ชีวิตอยู่แทนข้าต่อไป ตกลงมั้ย?”

หนิงเสวี่ย “……….”

กระแสลมบางเบาโชยมาจากเบื้องล่าง เย่หวูเฉินรู้ว่าก้นหุบเหวปลิดวิญญาณใกล้เข้ามาถึงแล้ว สัมผัสจากกระแสลมเบื้องล่างนั้นย่อมเป็นพื้นดินแข็ง โชคไม่ดีที่มันไม่ใช่น้ำหรือต้นไม้….

“ข้ารู้มาตลอดว่าแทนที่จะปล่อยทิ้งเจ้าไว้คนเดียว ให้เจ้าร่วมไปพร้อมกับข้าย่อมดีกว่า….จากโลกนี้ไปพร้อมกัน แต่เมื่อข้ามีพลังพอที่จะช่วยเจ้าได้ ข้าพบว่าข้าไม่อาจทนเห็นเจ้าเจ็บ เสวี่ยเอ๋อร์…. ฟังข้าให้ดี อย่าตาย…. จงใช้ชีวิตอยู่ต่อเพื่อข้า ได้ไหม?”

เย่หวูเฉินลูบใบหน้านางอย่างอ่อนโยน กอดนางแน่น จูบที่ใบหน้าและหน้าผาก จากนั้นเหวี่ยงมือทั้งสอง โยนนางขึ้นไปเหนือตัวเอง

“ท่านพี่~~~” หนิงเสวี่ยตะโกนอย่างแตกตื่น โบกมือทั้งสองไขว่คว้าเขาในความมืด ทันใดนั้นมีสายลมอ่อนโยนพัดพยุงใต้ร่างนาง ทำให้ความเร็วที่นางร่วงลงมาค่อยๆช้าลง และช้าลง……

พลังหวูเฉินที่ฟื้นคืนมาเมื่อครู่ เขาเปลี่ยนพลังทั้งหมดเป็นธาตุแห่งลม ใช้มันพยุงร่างของหนิงเสวี่ย ขณะที่ตัวเขาร่วงลงเร็วขึ้นเนื่องจากแรงผลักที่ตรงข้ามกัน ไกลขึ้นและไกลขึ้นจากนาง แต่พลังธาตุลมที่ปล่อยออกมาไม่ได้หยุดยั้ง สกัดกั้นความเร็วให้ลดลง รีดเร้นทุกเศษเสี้ยวพลังในร่างกาย ส่งสายลมให้โบกพัดขึ้นไป

ตูม…….

…..จบลงตรงนี้…..ทั้งระดับความสูงและความเร็ว ร่างกายย่อมแหลกเป็นชิ้นๆ…….

ในที่สุดร่างของเขาก็กระแทกกับพื้นก้นเหวอย่างหนักหน่วง ก่อนที่เขาจะทันรู้สึกเจ็บปวด สติของเขาก็ดับวูบไปในเพียงเสี้ยววินาที

หนิงเสวี่ยค่อยๆตกลงมาด้วยกระแสลมอ่อนโยน แม้นางจะรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง นางกอดร่างของเย่หวูเฉิน ร้องไห้หัวใจแทบสลาย…..

【เย่หวูเฉิน: ข้าจะกลับมาแน่นอน!】

【หมาป่าสีเทาตัวโต: ไสหัวไป! นั่นมันบทของข้า!】

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset