📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 4 ตอนที่ 210

บทที่ 210 - ส่งพี่สาวกลับบ้าน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“องครักษ์ตายไป 469 คน ไม่นับเทพ….เทพสงครามและสามอาวุโสแห่งต้าฟง ทหารม้าและม้าเกราะทั้ง 5,000 ที่ป้องกันอยู่ทางทิศตะวันตกล้วนตกตายทั้งหมดไม่มีใครเหลือรอด ทหารประจำเมืองทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจำนวน 8,327 นายตายในระหว่างการต่อสู้…. รวมยอดทั้งหมดเป็น 13,796 คน” ขุนนางรายงานจำนวนตัวเลข ครั้นแล้วเขาช่วยไม่ได้ที่ต้องปาดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผาก นี่คือจำนวนผู้เสียชีวิต ยังไม่นับถึงผู้ที่บาดเจ็บสาหัสหรือถูกไฟไหม้

13,796 คน….. จำนวนดังกล่าวทำให้ท้องพระโรงที่เงียบอยู่แล้วกลายเป็นเงียบยิ่งกว่าเดิม จำนวนผู้เสียชีวิตมากถึงเพียงนี้นับว่าเป็นหายนะร้ายแรงในสนามรบ…. แต่ทว่าทั้งหมดนี้ กลับเกิดขึ้นเพียงเพราะชายคนเดียว….ชายคนเดียว! ยิ่งกว่านั้นเขายังสังหารเทพสงครามกับสามอาวุโสแห่งต้าฟง หากไม่ใช่เพราะเขาเจ็บหนักจำนวนคงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ และเย่หวูเฉินย่อมหลบหนีออกไปได้โดยปลอดภัย

แต่ต่อให้จำนวนมากกว่านี้สองเท่าก็ยังไม่อาจเทียบกับการสูญเสียเทพสงคราม จนถึงตอนนี้พวกเขายังคงสงสัยว่าเขาได้ตายไปแล้วจริงๆ….หรือว่าบางที เรื่องทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงฝันร้ายน่าขัน

พวกเขาอยากจะเชื่อว่ามันเป็นเพียงความฝัน

ในท้องพระโรง ฟงเลี่ยและฟงหลิงอยู่ที่นั่น ร่วมกันกับขุนนางระดับสูงของราชสำนักมากกว่าสิบคน วันนี้เหตุการณ์วุ่นวายในราชวัง รวมทั้งการเคลื่อนทัพขนาดใหญ่ แน่นอนย่อมไม่อาจปกปิดเรื่องพวกนี้ไว้ได้

ฟงเลี่ยดูเหมือนสงบใจลงแล้ว เวลานี้เขากวาดตามองใบหน้าหวาดกลัวของเหล่าขุนนางแล้วถาม “เรื่องนี้ พวกเจ้ามีอะไรจะพูดบ้าง?”

“ฝ่าบาท โปรดอภัยที่กระหม่อมกล่าวตามตรง แต่เรื่องนี้จัดการได้ค่อนข้างไม่เหมาะสม ประการแรก ข่าวลือกล่าวว่าเย่หวูเฉินสวมแหวนเทพกระบี่ เขาคือผู้สืบทอดแห่งเทพกระบี่ และตอนนี้เขาถูกกองทัพอาณาจักรต้าฟงบีบบังคับจนต้องตาย ไหนเลยอาจารย์ของเขาจะยอมรับได้ หากเทพกระบี่ปรากฎตัว เช่นนั้นหายนะย่อมเกิดขึ้นทันที…. เมื่อไร้เทพสงครามพวกเราก็ไร้หนทางที่จะต่อต้าน ประการที่สอง เคลื่อนทัพหลายหมื่นเพียงเพราะบุคคลคนเดียวจากอาณาจักรเทียนหลง อีกทั้งยังสูญเสียไปมากกว่าหมื่นคนเพียงเพราะหนึ่งคน หากข่าวเหตุการณ์นี้แพร่ออกไป…. ย่อมส่งผลต่อชื่อเสียงของอาณาจักรต้าฟง ผู้คนจะต้องด่าประณามพวกเรา ประการที่สาม…..”

“ใต้เท้าเหวิน ท่านกล่าวผิดแล้ว!” ผู้ที่เอ่ยวาจาคือเยว่หานตง ขุนพลผู้ประจำการอยู่ประตูเมืองทิศตะวันออก เขากล่าวขัดขึ้นมา “ตอนนี้ท่านกลัวหรือใต้เท้าเหวิน หรือท่านคิดว่าพวกเราสามารถตัดหัวเขาได้โดยไม่ต้องใช้ผู้คนจำนวนมาก? เช่นนั้นท่านรู้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้เย่หวูเฉินได้บุกรุกเข้ามาในราชวัง เขาไม่พูดพร่ำลงมือทำร้ายฝ่าบาทกับองค์รัชทายาท จากนั้นจับฝ่าบาทเป็นตัวประกัน และสุดท้ายต่อหน้าฝ่าบาท , องค์รัชทายาท , และเทพสงคราม เขาได้สังหารองค์หญิง…. ทุกการล่วงล้ำของเขาเพียงพอที่จะต้องตายนับสิบหรือร้อยครั้ง พวกเรามีเหตุผลให้ละเว้นชีวิตเขาด้วยหรือยังไง?”

ใต้เท้าเหวิน “นี่มัน…. แต่….”

“ไม่มีอะไรต้องกังวล ก่อนหน้านี้เพราะตัวตนของเทพกระบี่ ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทจึงได้อดทนอยู่หลายครั้งและสัญญาว่าจะปล่อยเขาไป แต่เขาก็ยังกระทำตัวเช่นนั้น เขา…..ไม่เห็นหัวของพวกเราอาณาจักรต้าฟง หากพวกเราไม่จัดการ นั่นถึงจะนับเป็นผลเสียต่อชื่อเสียงของอาณาจักรต้าฟงโดยแท้จริง เวลานั้นเทพสงครามได้ออกไปรับมือและต่อสู้ด้วยตนเอง ทั้งไม่สนใจถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทว่าเคราะห์ร้ายไม่มีใครคาดคิดเลยว่า…. เทพสงครามกลับถูกสังหารด้วยน้ำมือของเขา สามอาวุโสแห่งต้าฟงก็ตายด้วยน้ำมือเขาเช่นกัน…. และคนประเภทนี้ หากพวกเราปล่อยให้หลุดรอดออกไปได้ พวกเราจะหลับนอนอย่างสงบได้อย่างไร? การเคลื่อนทัพขนาดใหญ่โดยไม่ยั้งสิ่งใดเพื่อเอาชีวิตเขาเป็นเรื่องไม่เหมาะสมตรงไหน?”

ใต้เท้าเหวิน “…..โอ ขุนพลเยว่ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เพราะว่าข้าหวาดกลัวเทพกระบี่มากเกินไป ในปีนั้นถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเทพกระบี่ อาณาจักรของพวกเราย่อมไม่ถึงคราวถอยทัพเพราะพ่ายแพ้”

“แม้ว่าเทพกระบี่จะเป็นตัวตนที่มีพลังสูงส่ง แต่เขาไม่ใช่บุคคลที่ไร้เหตุผล ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเย่หวูเฉินทำผิดก่อน เทพกระบี่ย่อมไม่ถือแค้นโดยขาดเหตุผล ข้าเชื่อว่าเขาจะต้องไม่เคลื่อนไหว”

“ข้าก็หวังเช่นกัน”

มีเพียงฟงเลี่ยและฟงหลิงเท่านั้นที่รู้ว่าฟงรู่ไม่ได้ตายโดยไร้เหตุผล ความตายของนางและเทพสงคราม…. ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนางนำเด็กหญิงผมขาวกลับมาแล้วตบหน้า นางราวกับลูกระเบิดที่เป็นชนวนแห่งความพินาศในขณะที่พวกเขายังไม่ทันตั้งตัว

“ฝ่าบาท เหตุที่พวกเราชะลอสงครามออกไปด้วยเพราะการแต่งงานระหว่างธิดาตระกูลเย่กับองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้…. หรือว่าเราควรเคลื่อนทัพอีกครั้ง บุกตรงไปยังอาณาจักรเทียนหลง” ผู้บัญชาทัพคนหนึ่งกล่าวขึ้น

ฟงเลี่ยไม่ได้กล่าว แต่ฟงหลิงยกมือขึ้นแล้วเอ่ย “ตอนนี้ยังทำไม่ได้ หายนะครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตมากเกินไปและพวกเราไม่อาจยอมรับได้ แต่อาวุโสฟงและสามอาวุโสแห่งต้าฟงได้จากไป เหล่าคนที่เกลียดชังพระบิดาข้าย่อมดาหน้ามาในไม่ช้า ความปลอดภัยของพระบิดาคือสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้นในเวลานี้พวกเราจะต้องทุ่มเทสมาธิในการรักษาความปลอดภัยของพระบิดา”

เมื่อได้ยินถ้อยคำ ฟงเลี่ยก็ผงกศีรษะ ตั้งแต่ครั้งโบราณมาเหล่าผู้ปกครองอาณาจักรยิ่งใหญ่คือคนที่พบกับการลอบสังหารบ่อยครั้งที่สุด เมื่อใดที่สงครามระหว่างอาณาจักรเทียนหลงอุบัติขึ้น สิ่งแรกที่เทียนหลงจะนึกถึงก็คือ ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดลอบสังหารผู้ปกครองแห่งอาณาจักรต้าฟง การจะหาบุคคลเฉกเช่นเทพสงครามในอาณาจักรต้าฟงย่อมไม่อาจเป็นไปได้ ต่อให้พบเจอสักคน เขาย่อมไม่เหมือนกับฟงเฉาหยางที่ต้องการอุทิศชีวิตปกป้องตระกูลฟง ไม่ต้องกล่าวถึงฟงเฉาหยาง กระทั่งยอดฝีมืออย่างสามอาวุโสแห่งต้าฟงยังไม่อาจหาได้เช่นเดียวกัน

“ดังนั้น พวกเราจะต้องรักษาสันติภาพชั่วคราวด้วยการแต่งงาน” ฟงหลิงกล่าวด้วยสีหน้าดูคล้ายไม่เป็นธรรมชาติ

“สันติภาพด้วยการแต่งงาน? ตระกูลเย่จะรู้ถึงเหตุการณ์ในวันนี้ในไม่ช้า พวกเขาย่อมเกลียดชังอาณาจักรพวกเราหนักกว่าเก่า พวกเขาจะยอมให้ธิดาของตนแต่งงานอีกครั้งได้อย่างไร เวลานี้ธิดาตระกูลเย่อยู่ไหนไม่ปรากฎ นางย่อมมีคนพาตัวกลับบ้านไปแล้ว” เยว่หานตงกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว เขาย่อมมองออกว่า ที่ฟงหลิงกล่าวเช่นนี้เหตุผลหลักคือเขายังคงลุ่มหลงในรักต่อเย่ฉุ่ยเหยา

“ถูกต้อง ตระกูลเย่ย่อมไม่ยอมรับอีกครั้ง แต่การปฏิเสธของตระกูลเย่ใช่จะหมายถึงจักรพรรดิแห่งเทียนหลง-หลงหยินจะไม่เห็นชอบ คนที่ปรารถนาสันติไม่ใช่พวกเราแต่เป็นหลงหยิน ตระกูลเย่จะปฏิเสธก็ไม่มีปัญหา หลงหยินย่อมหาวิธีทำให้พวกเขายอมรับเงื่อนไขของพวกเรา นอกจากนั้น…..” เขาถอนหายใจยาวและกล่าว “ข้าละอายใจนัก เรื่องนี้ได้รับการส่งเสริมจากอาวุโสฟง ฟงหลิงไม่ต้องการยอมแพ้ในเรื่องนี้ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเขา”

ผู้คนกลายเป็นเงียบงันโดยสมบูรณ์

ความตายของเทพสงคราม ความปั่นป่วนในราชวัง พลังโดยรวมของตระกูลฟงได้รับผลกระทบอย่างหนัก เวลานี้ไม่เหมาะที่จะทำสงครามจริงๆ

…………………………

เมื่อพระจันทร์เคลื่อนไปถึงจุดสุดท้ายของมัน ทงซินก็ตื่นขึ้นมาในที่สุด

ทุกสิ่งอย่างไม่ใช่ความฝัน ร่างกายนางเจ็บปวดอ่อนล้า กลิ่นอายของเขาไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย

นางปัดฝุ่นออกจากใบหน้า น้ำตานางไหลร่วงออกมาอีกครั้ง ด้านข้างนางเป็นเศษชิ้นกองเนื้อ เมื่อนางหันสายตามามอง ดวงตานางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางยื่นมือออกและปล่อยแสงดำทมิฬเข้าใส่กำจัดมันทิ้ง

นางหันศีรษะอีกครั้ง มองไปยังทางทิศตะวันตก สถานที่แห่งนั้นคือที่ๆกลิ่นอายของเขาจางหายไป นางสับสนไม่ทราบจะเดินไปเส้นทางใดเมื่อไม่มีเขาอยู่ ไร้คนให้พึ่งพิงไร้สถานที่ให้กลับไป

หรือนางควรสังหารผู้คนทั้งหมดที่อยู่ใกล้….. หรือล้างบางทั้งเมืองเพื่อแก้แค้นให้เขา?

นางสืบเท้าไปเบื้องหน้า เสียงสุดท้ายของเย่หวูเฉินดังก้องขึ้นอีกครั้งในหูของนาง

พี่สาว…..

เขาต้องการให้ข้า พานางกลับบ้าน

นางพบเป้าหมายแล้ว สายตานางเปล่งประกายด้วยสีสันอีกครั้ง นางทะยานร่างขึ้นไปเบื้องบน ติดตามกลิ่นอายและบินตรงไปยังทิศทางที่เย่ฉุ่ยเหยาอยู่

เย่ฉุ่ยเหยายังคงนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น นอกจากความกลัวนางก็ไม่รู้สึกถึงสิ่งใด เย่หวูเฉินจากไปนานแสนนาน แต่เขาก็ยังไม่กลับมา นางไม่เคยประสบกับความกลัวเช่นนี้มาก่อน นางบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับเขา หัวใจนางเต้นเร็วขึ้นๆ

เงาร่างสีดำใกล้เข้ามาจากฟากฟ้า แต่นางยังไม่รู้ตัวเพราะมัวกังวล จนกระทั่งทงซินลอยร่างลงฟ้า ลงมายืนอยู่เบื้องหน้านาง นางจึงเงยศีรษะขึ้นเมื่อตระหนักในที่สุด มองไปยังสาวน้อยผู้งดงาม

“ทงซิน…..” นางอุทานเรียก แล้วรีบลุกขึ้นจับทงซิน เอ่ยถามด้วยความร้อนรน “เสี่ยวเฉิน….. เสี่ยวเฉินอยู่ที่ไหน!”

น้ำตาทงซินเป็นคำตอบแก่นาง หัวใจนางเหมือนแตกออกด้วยความเจ็บปวด จิตใจดิ่งวูบทรุดร่างนั่งเป็นอัมพาตอยู่บนพื้น เหมือนวิญญาณหายไปจากร่างในชั่วพริบตา ไม่ทราบมันไปอยู่แห่งใด

ทงซินอุ้มร่างของนางขึ้น จากนั้นบินตรงไปทางทิศตะวันออก นางจะเชื่อฟังถ้อยคำของเขาตลอดไป เขาไม่ชอบให้นางสังหารผู้คน ดังนั้นนางจะไม่สังหารผู้คนส่งเดช ในอนาคตข้างหน้า นางจะอาศัยอยู่กับตระกูลเย่เพื่อปกป้องทุกคนในตระกูล นางจะสังหารเฉพาะคนที่คิดทำร้ายกับคนในตระกูลของเขา ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใคร ขณะเดียวกันนางจะอยู่ที่นั้นและ…..

รอคอยเขากลับมา

แม้ว่านางจะต้องรอคอยตลอดไป

…………………………

ทวีปเทียนเฉิน ในมุมแห่งหนึ่งไม่ปรากฎสถานที่

เหยียนจื่อเมิ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองไปยังดาวดาวที่เริ่มปรากฎอยู่ข้างนอก ไม่ทราบว่าจิตใจล่องลอยไปที่ใด ในมือนางลูบสัมผัสขลุ่ยสั้นสีเขียว

ทันใดนั้น จิตใจนางไหวกระตุกรุนแรง ทำนางยกมือขึ้นกุมศีรษะ ความรู้สึกนั้นหายไปทันที ในเวลาเดียวกันนั้น นางสัมผัสได้ว่าพันธะวิญญาณที่ประทับลึกในจิตใจได้พลันสลายลบเลือน

นางยืนขึ้น จ้องมองว่างเปล่าออกไปนอกหน้าต่าง นางพยายามสัมผัสถึงมันซ้ำๆ แต่ก็ไม่อาจตรวจพบพันธะวิญญาณที่ถูกลบล้างออกไป ในเผ่าเสียงปีศาจของนาง เมื่อใดที่มอบเรือนร่างให้กับบุรุษ นางจะกลายเป็น “หุ่นเชิด” ไปตลอดกาล ไม่มีวันที่จะลบล้างมันออกได้….หรือนี่จะเป็นเพียงเรื่องโกหก?

เหตุใดมันจึงหายไปกะทันหัน….. หรือจะเป็นเขาที่ใช้วิธีประหลาด?

ถ้าหากเป็นเขาจริง วิธีการใดที่เขาใช้? แล้วทำไมเขาถึงต้องทำ หรือว่าเขาต้องการปลดเปลื้องตัวเองออก หรือบางที…. เขาต้องการตัดความเชื่อมโยงทางวิญญาณระหว่างกัน

ในชั่วเวลานั้น ความคิดของนางหมุนรอบ นางเพียงยืนมึนงงอยู่ตรงนั้น

…………………………

ทางตอนเหนือของอาณาจักรเทียนหลง ในมุมหนึ่งที่ถูกลืม

เวลากลางคืนในดินแดนแห่งนี้มักมาถึงเร็วกว่าที่อื่นๆ ชายชราที่สัมผัสได้เลือนลางถึงเรื่องใหญ่บางอย่างได้แหงนมองท้องฟ้าด้วยใจจดจ่อมาตลอดทั้งวัน ไม่ทราบว่าเขากำลังค้นหาสิ่งใด

ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่ ฉู่จิงเทียนและเล่งหยากำลังฝึกกระบี่ สำหรับฉู่จิงเทียนมันเรียกว่าการฝึก แต่สำหรับเล่งหยามันเรียกว่าการต่อสู้ มือของเขาถือด้ามกระบี่ คมกระบี่มีรอยบิ่นบากทั้งเล็กและใหญ่ แววตาของเขาเย็นชา มือนั้นวาดเหวี่ยงอย่างรุนแรง สร้างคลื่นอากาศเย็นเยียบต่อเนื่องตามติด ราวกับว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูคู่อาฆาต

ฉู่จิงเทียนต้านรับง่ายดายด้วยทักษะ แต่สีหน้าดูค่อนข้างแหยง แม้ว่าเขาเอาชนะเล่งหยามาแล้วหลายครั้ง แต่บาดแผลกลับปรากฎบนร่างมากมายยิ่งกว่าเล่งหยา กระทั้งมีสองรอยเฉือนอยู่บนใบหน้า พลังของเล่งหยาตอนนี้ยังห่างกับเขาอยู่ช่วงใหญ่ แต่เล่งหยาเหมือนกับชายที่บ้าคลั่ง เมื่อยามประกระบี่ดุเดือด เขาจะปลดปล่อยจิตสังหารและแรงกดดันที่เป็นรากฐานของตนออกมา บางครั้งที่เขาบ้าเลือดจนทำให้ฉู่จิงเทียนตัวสั่นด้วยความกลัว ปรารถนาเอามือกุมศีรษะแล้ววิ่งหนีไป

แต่ว่าปู่ของเขา ปู่แท้ๆของเขามักทำเป็นไม่เห็นอะไร กระทั่งบาดแผลที่เขาได้รับทุกวันปู่ก็ยังไม่เคยมองมา เขาเพียงโยนสมุนไพรมาให้ และตะโกนสั่งให้เขาฝึกต่อกับคนบ้า

ฝึกกับเล่งหยาเป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือน พลังของเขาก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่มองเล่งหยาทีไรหัวใจเขาก็บีบรัดขึ้นทุกครั้ง

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset