เย่หวูเฉินผู้พึ่งสังหารเทพสงคราม ยามนี้ดูไร้พลังแม้เพียงนิดน้อยที่จะขัดขืน ราวกับลูกแกะที่พร้อมถูกเชือดทุกเวลา ชายชราทั้งสามมองหน้ากัน และระบายลมหายใจออกต่อเนื่อง ชายชราชุดม่วงก้าวออกไปเบื้องหน้า มือขวาดึงบางสิ่งออกมาจากแขนเสื้อ เขากล่าวด้วยความอนาถใจ “ข้าไม่อยากสังหารเจ้าเลย แต่พวกเราไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่าเจ้าจำเป็นต้องตาย และแม้ว่าเจ้าจะตายไปทั้งแบบนี้ นามของเจ้าก็ยังคงจะลือลั่นทั่วทิศปฐพี….”
ฉัวะ….
ก่อนจะสิ้นเสียงชายชราชุดม่วง ลำแสงสีแดงพลันปรากฎวาบขึ้นเบื้องหน้า…. มีเพียงต้องเผชิญกับเย่หวูเฉินด้วยตัวเองเท่านั้น ถึงจะรู้ซึ้งว่าพลังที่เพิ่มขึ้นของเขานั้นน่ากลัวเพียงใด ในชั่วขณะนั้น เย่หวูเฉินที่ลมหายใจแผ่วเบาพลันลืมตาโพลงขึ้น ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า กระบี่ยาวที่ลุกท่วมด้วยเปลวเพลิงเสียบทะลุอกซ้ายของเขา หัวใจถูกสะบั้นทันที…. ชายชราชุดม่วงไม่ทันได้ปัดป้องโดยสิ้นเชิง รวดเร็วเกินไปจนเขาไม่มีเวลาได้ตอบโต้หรือหลบทัน ยิ่งกว่านั้นยังสายเกินไปที่ใช้พลังคุ้มกันร่าง เพียงเพิ่งได้ประจัญหน้ากัน เขาก็กลับตกตายในทันที
แม้ว่าเย่หวูเฉินพึ่งใช้กระบวนท่า “แยกฟ้าผ่าปฐพี” ในการสังหารฟงเฉาหยาง พลังจำนวนมหาศาลถูกสูบกลืน แต่ภายใต้อำนาจของผลมังกรเพลิงฟ้า พลังก็เพิ่มขึ้นมาอย่างฉับพลัน เหนือล้ำกว่าหนึ่งในสามชายชราไปห่างไกล เมื่อใช้การลอบจู่โจมที่รวดเร็วราวสายฟ้าและสมบูรณ์แบบ ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ที่รุ่งโรจน์มาชั่วชีวิตจึงดับดิ้นอย่างสิ้นศักดิ์ศรี
กระบี่ตัดดาราถูกเหวี่ยง ร่างไร้ชีวิตของชายชราชุดม่วงก็หลุดออกไป เบื้องหลังของเย่หวูเฉินมีเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังขึ้นสองสายต่อเนื่องกัน พลังปราณล้ำลึกได้โจมตีเข้ามาจากเบื้องหลัง
ตรงที่ห่างไกล ฟงเลี่ยและฟงหลิงมองเห็นได้อย่างชัดตา ชั่วขณะที่ชายชราชุดม่วงตกตายตามฟงเฉาหยาง ร่างของเขาโงนเงนจนแทบจะล้มลง เจ้าหนุ่มปีศาจที่น่ากลัวราวกับฝันร้าย แรงกระทบนี้แทบทลายกำแพงอันหนาแน่นในจิตใจให้ย่อยยับลง
“ถ่ายทอดคำสั่งข้า…. ปิดกั้นพื้นที่ราชวังทั้งหมด…. ไม่! ปิดกั้นพื้นที่ทั้งหมดในเมืองเทียนฟง แจ้งให้ขุนพลทั้งสี่ เยว่ , ฉิน , ม่ง และคง จัดเตรียมกองทัพทั้งสี่ทิศให้พร้อมรบเต็มอัตราศึก ใช้ทุกอย่างที่มี ไม่ว่าวิธีการใด….วันนี้จะต้องสังหารเย่หวูเฉินให้ได้!!” ฟงเลี่ยขบฟันจนแทบแตกเป็นชิ้น เมื่อเขาออกคำสั่งบ้าคลั่งนี้ เหล่าราชองครักษ์ที่รายรอบต่างตัวสั่น
เพียงเพื่อหนึ่งบุรุษ ระดมพลทั้งหมดนับว่าเกินเลยอย่างยิ่ง… และฟงเลี่ยไม่ลังเลในการสั่งเรียกกองทัพทั้งหมดในเมืองเทียนฟง เรื่องนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องตลกใหญ่ แต่เมื่อพวกเขานึกขึ้นได้ว่าฟงเฉาหยางเพิ่งจะถูกสังหาร ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะหัวเราะเลยสักคน
เชร้ง! เชร้ง!
ศาสตราถูกชักออก กระบี่อ่อนของชายชราชุดเหลืองและชุดดำเสือกส่งเข้าใส่เย่หวูเฉิน แรงลมของกระบี่ตัดเฉือนเสื้อผ้าตรงทรวงอกของพวกเขา สองชายชราขนาบซ้ายขวาของเย่หวูเฉิน หนึ่งฟันฟาดกระหน่ำที่ด้านขวา อีกหนึ่งโจมตีด้านซ้ายที่มีหนิงเสวี่ยอยู่ เย่หวูเฉินใช้หนึ่งมือปกป้องนาง แบ่งพลังและสมาธิ ทำให้เวลานี้เกือบเหมือนหนึ่งบุรุษต่อสู้กับสี่คน
เย่หวูเฉินครางคำรามต่ำ กระโดดจากตำแหน่งเดิมขึ้นไปบนอากาศหมุนตัวอย่างสง่า เปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่เหนือชายชราชุดดำ เคลื่อนพลังไปที่เท้า ใช้น้ำหนักราวขุนเขาย่ำลงมา ขณะเดียวกันก็เหวี่ยงกระบี่เข้าใส่ชายชราชุดเหลืองที่อยู่ใกล้ๆ ในเมื่อมือของเขาไม่เป็นอิสระสมบูรณ์ เขาจึงใช้เท้าช่วยในการจู่โจม
ชายชราชุดดำไม่มีเวลาหลบหลีก มือทั้งสองยกขึ้น เสียงปะทะหนักทึบส่งร่างจมลงพื้นราวกับถูกทุบด้วยท่อนไม้ขนาดมหึมา ศีรษะหดย่นลง ส่วนชายชราชุดเหลืองถูกกดดันให้ล่าถอยด้วยกระบี่ตัดดารา
ตอนนี้กลุ่มองครักษ์ได้ถาโถมเข้ามาทุกทิศราวกับคลื่นน้ำใหญ่ พวกเขาล้อมกระจายปิดตรึงพื้นที่ องครักษ์บางกลุ่มถือคันธนูและลูกศรห่างออกไปกว่าสิบเมตร ด้วยคำสั่งบัญชาพวกเขาใส่ลูกศรและโก่งคันธนูอย่างรวดเร็ว เย่หวูเฉินเหลือบมองไปด้านข้าง มือขวาที่ถือกระบี่เหวี่ยงออก อัสนีลั่นสะเทือนฟ้าสองลูกถูกเขวี้ยงออกไปหวีดแหวกอากาศ ระเบิดใส่องครักษ์ที่ยังไม่ทันได้ปล่อยลูกศรออกจากธนู หลังจากนั้น พลังลึกล้ำได้พุ่งขึ้นมาจากใต้เท้า เขายกยิ้มมุมปาก พลันเพิ่มระดับของพลังแกร่งกล้า เขาทะยานร่างขึ้นเหนือกลุ่มองครักษ์ที่ถือกระบี่ เหินร่างลงและทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง
องครักษ์มีจำนวนมากเกินไป พวกเขาหลั่งไหลออกมาจากทุกสารทิศ ภายใต้บัญชาอาฆาตของฟงเลี่ย องครักษ์ทั้งหมดหนาแน่นรวมกันในบริเวณนี้ พื้นที่ที่ฟงเลี่ยอยู่ถูกห้อมล้อมเป็นกำแพงโดยยอดฝีมือ ฟงเลี่ยไม่เลือกที่จะซ่อนตัว เขาเพียงยืนอยู่ที่ตรงนั้น ต้องการเห็นมันพินาศย่อยยับลงกับตา!!
เย่หวูเฉินเหินร่างและร่อนลงสองครั้ง ในที่สุดก็ถูกบีบให้ร่อนลงตรงกลุ่มดงองครักษ์หนาแน่น เขาเหวี่ยงกระบี่ตัดดารา ฟันองครักษ์สามคนที่อยู่ในพื้นที่ตรงกลาง กระบี่ตัดดาราเปื้อนเลือดอีกครั้ง ร่างของเขาถูกตรึงอยู่กลางฝูงองครักษ์ไม่อาจขยับออกไป
คนที่รายล้อมอยู่ล้วนแต่เป็นศัตรู การต่อสู้พรรค์นี้ไม่จำเป็นต้องกังวลหรือเฉไฉ ด้วยการเหวี่ยงวาดกระบี่ตัดดารา โลหิตสาดกระจายออกมาทีละคน สีโลหิตแดงฉานอยู่เบื้องหน้า กลิ่นคาวของมันทำให้เขารู้สึกมึนตึง
อีกหนึ่งคลื่นกระบี่ โลหิตพวยพุ่งออกมาจากอกของคนอีกสาม จากนั้นทั้งสามคนก็ร่วงลงพื้น ร่างไร้ชีวิตถูกเหยียบโดยคนที่พุ่งเข้ามาอย่าบ้าคลั่ง คลื่นกระบี่ถูกเหวี่ยงออกอีกครั้ง อีกสามคนเบื้องหลังศีรษะกระเด็นหลุดจากร่างไป พื้นที่ว่างถูกเติมทันทีด้วยคนมากมาย เย่หวูเฉินที่บาดเจ็บก่อนหน้าไม่มีเวลาที่จะฟื้นฟู กำลังทั้งหมดต้องพึ่งพาพลังหยดหยาดสุดท้ายในทุกครั้ง ถึงแม้เขาต้องการสังหาร แต่กระนั้นเขาก็ถูกบังคับให้ไม่อาจหยุดมือ ระหว่างที่ฟาดฟันกระบี่ตัดดารา เขาขยับเข้าใกล้ประตูราชวังเข้าไปทุกขณะ
เบื้องหลังเขา สองพลังกดดันล้ำลึกจู่ๆได้หยุดลง เย่หวูเฉินที่ป้องกันตัวเองไม่คิดหันศีรษะไปมองเบื้องหลัง เขาทะยานร่างขึ้นสูงและพุ่งไปเบื้องหน้า ทันใดนั้นโลหิตได้สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ พื้นดินแตกและแยกออก มีองครักษ์มากกว่า 20 คนตายตรงตำแหน่งที่ถูกชายชราชุดเหลืองและดำโจมตี เย่หวูเฉินลอยชะงักอยู่กลางอากาศและเหวี่ยงมือขวา กระบี่ตัดดาราที่ลุกโชติปล่อยคลื่นอัคคี พลังน่าหวาดหวั่นของกระบี่ฟาดลงเบื้องล่าง ฟันถูกสิบกว่าคนจนปลิวไป เมื่อเขาร่อนลงมาถึงพื้น เขาเหวี่ยงกระบี่ในมืออีกครั้ง กระบี่ตัดดาราวาดเป็นวง ตัดผ่านฝูงคนเป็นทางโลหิตกว้างสามเมตร เย่หวูเฉินอุ้มหนิงเสวี่ยเหยียบย่ำบนถนนโลหิตและเร่งรุดตรงไป
เบื้องหลังเขามีแรงกดดันล้ำลึกไล่ตามมาอีกครั้ง สองชายชราที่มีพลังแกร่งกล้าไล่หลังมาเป็นเงา หากเขาไม่กำจัดชายชราทั้งสอง เย่หวูเฉินย่อมไม่มีโอกาสที่จะหลบหนี เขาไม่ทิ้งระยะห่างจากชายชราอีก เขาขยับสองนิ้วมือขว้างอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าบินลิ่วไปที่คนทั้งสองด้วยความเร็วสูงล้ำ ชายชราชุดเหลืองและชุดดำเบี่ยงศีรษะหลบ ทว่าในชั่วขณะที่ชายชราชุดเหลืองเบี่ยงศีรษะและเคลื่อนสายตาออกไปเพียงชั่วขณะเดียว ลำแสงเปลงเพลิงที่เร็วยิ่งกว่าอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าไม่รู้นับกี่เท่าได้พุ่งมาถึงที่ลำคอ ในเสี้ยววิกฤตเป็นตาย เขายกมือขึ้นป้องกระบี่ตัดดารา โลหิตพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือ เขาถอยหลังด้วยกระบี่ตัดดาราที่ตามติดแน่น เย่หวูเฉินรวมพลังทั้งหมดไว้ที่มือขวา กดกระบี่ตัดดาราในฉับพลัน….
เสียงเนื้อหนังถูกตัดดังขึ้นอีกครั้ง คมกระบี่ได้ตัดผ่านลำคอของชายชราชุดเหลือง แล้วผ่านออกมาที่หลังลำคอ ดวงตาของชายชราชุดเหลืองจ้องมองว่างเปล่า จากนั้นพังพาบร่างลง สิ้นใจโดยที่ยังไม่ได้หลับตา
ตูม! ตูม!
อัสนีลั่นสะเทือนฟ้าสองลูกตกถึงพื้นในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางเสียงสนั่นเลือนลั่น เลือดเนื้อได้ปลิวกระจายไปทุกที่ ชิ้นส่วนร่างกายปลิวว่อนกลางอากาศสร้างหมอกโลหิต ภายใต้พลังของอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าสองลูก ชีวิตของผู้คนนับสิบต้องถูกพรากไป สองหลุมขนาดใหญ่ปรากฎอยู่บนพื้น เห็นพี่น้องสองคนที่เคียงข้างกันมานานหลายปีต้องตายต่อตามกัน ชายชราชุดดำโหยหวนอย่างเศร้าโศก คว้ากระบี่ใหญ่มาจากหนึ่งในองครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง เขาพุ่งเข้าหาเย่หวูเฉินอย่างบ้าคลั่ง ทุกกระบี่ฟาดเล็งไปที่จุดตาย สายลมเย็นเยียบจากกระบี่ฟาดฟันอย่างรวดร้าวเล็งใส่ใบหน้าของเย่หวูเฉิน ราวต้องการฉีกทุกสิ่งออกจากกัน องครักษ์ที่อยู่ใกล้ถ้าไม่บาดเจ็บก็ล้มตายเพราะถูกลูกหลง วิธีการฆ่าที่ไม่สนใจชีวิตผู้อื่น ทุกการฟาดฟันย่อมมีชีวิตที่ดับดิ้นลง
เย่หวูเฉินถอยร่นอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงไม่ให้หนิงเสวี่ยบาดเจ็บจากลมกระบี่ จากนั้นเขาทะยานร่างขึ้นไปสูงสองเมตร ทั่วร่างเปล่งระยับด้วยแสงสีแดง เพลิงผลาญรูปมังกรได้ทะยานพุ่งเข้าใส่ ชายชราชุดดำไม่รู้ว่าเย่หวูเฉินมีพลังธาตุอัคคี และเพลิงมังกรนี้ไม่เพียงแค่รวดเร็วเท่านั้น มันร้อนแรงจนเขาต้องตื่นตระหนกและไม่กล้ารับมัน เขากระโดดร่างถอยหลัง ปล่อยให้เพลิงมังกรกรีดผ่านอากาศไป และเวลานี้เอง เสียงหวีดหวิวดังขึ้นอีกครั้ง ลูกกลมดำเข้ามาใกล้ตามติดต่อเนื่องจากเพลิงมังกร มันพุ่งตรงมาที่หน้า เขาบิดร่างหลบอีกครั้ง
ส่งพลังจากกลางอากาศ ผลกระทบจากการปลดปล่อยพลังครั้งใหญ่ย่อมเป็นการยากที่จะใช้พลังต่อเนื่อง ทว่าเมื่อเท้าของเย่หวูเฉินสัมผัสพื้น ร่างของเขาพลันไปปรากฎอยู่เบื้องหน้าชายชราราวปีศาจ จากนั้นกระบี่ตัดดาราได้เหวี่ยงวาดลงมาจากเบื้องขวาตรงเข้าที่ใบหน้าของเขา….
เคร้ง!
ขณะที่ตระหนก ชายชราชุดดำยกกระบี่โลหะขึ้นรับ หากแต่ว่ามันถูกตัดขาดครึ่งอย่างง่ายดาย จากนั้นมีเสียงเฉือนของกระบี่ตัดดาราอีกครั้ง มันตัดศีรษะของชายชราปลิวออกไปพร้อมโลหิตที่พุ่งกระจาย….
สามยอดฝีมือชั้นฟ้า แต่ละคนถูกสังหารอย่างง่ายดายโดยเย่หวูเฉิน หากเย่หวูเฉินใช้พลังแท้จริงเข้าต่อสู้โดยตรง เวลานี้เขาคงเอาชนะได้เพียงแค่หนึ่งคน และไม่มีทางที่จะเอาชนะคนทั้งสามได้ในเวลาเดียวกัน และต่อให้เขาสังหารหนึ่งคนจากสามได้ พลังที่ต้องใช้ย่อมสิ้นเปลืองอย่างมาก เพื่อให้การรับมือกับพวกเขาจบลงเร็วที่สุด และเพื่อสงวนรักษาพลังเอาไว้ เขาฉกฉวยความผิดพลาดของชายชราทั้งสามที่เกิดขึ้นเพียงคนละครั้ง ผสานเข้ากับความเร็วเหนือล้ำและระเบิดพลังในพริบตาสังหารทีละคน…. นี่คือความน่ากลัวของความเร็ว ชายชราทั้งสามคนตายโดยไม่อาจทำใจยอมรับได้
เย่หวูเฉินเหมือนแทบไม่ต้องออกแรงพยายามในสิ่งที่ทำลงไป แต่ทุกการกระทำของเขาล้วนถูกคิดคำนวณเอาไว้แล้ว ทุกจังหวะโอกาสเขาจะคว้าไว้ในทันที และวิธีดังกล่าวใช้ได้กับคนที่อ่อนแอกว่าเขาเท่านั้น หากเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตเทวะอย่างฟงเฉาหยาง ทุกการคำนวณย่อมเป็นได้เพียงแค่เรื่องตลก ต้องมีพลังเหนือกว่าเท่านั้นถึงจะเอาชนะคนประเภทนี้ได้
แรงกดดันต่อเย่หวูเฉินลดลงอย่างมาก เขาเหวี่ยงฟาดกระบี่ตัดดาราด้วยพลังกร้าวแกร่ง ตัดศัตรูทุกคนที่ขวางทางในรัศมีสามเมตร ในอ้อมแขนของเขา หนิงเสวี่ยตัวสั่นเล็กน้อย เขารู้ดีว่าหนิงเสวี่ยไม่อาจทนต่อกลิ่นคาวเลือดและเสียงเนื้อหนังถูกตัดเฉือน เพื่อไม่ให้เขาต้องกังวล หนิงเสวี่ยแข็งใจอดทนมันไว้ตลอดเวลา ไม่กล้าที่จะส่งเสียงใด
“เสวี่ยเอ๋อร์ หลับตาของเจ้าไว้…. พวกเราจะได้ออกไปในอีกไม่ช้า…. อีกไม่ช้า….” เขาปลอบนางอย่างอ่อนโยน สูดหายใจเข้าหนักหน่วง แววตาเปล่งประกายเหี้ยมโหด เขาครางเสียงต่ำเหวี่ยงวาดกระบี่ตัดดาราโดยไม่ยั้งพลัง ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ในรัศมีสามเมตร ทุกการเหวี่ยงกระบี่ จะมีผู้คน 20-30 คนที่อยู่ด้านหน้าปลิวละลิ่วออกไป และต่อให้คนที่ถูกฟาดไม่ตาย อย่างน้อยก็ต้องเจ็บสาหัส
ด้วยอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในที่รุนแรงขึ้น และบาดแผลภายนอกที่เริ่มปริเปิด เขายังคงใช้พลังทั้งหมดฟาดฟันกระบี่ตัดดารา กัดฟันแน่นราวพยัคฆ์ดุร้ายแห่งขุนเขา เหยียบย่ำบนถนนโลหิตขณะที่ก้าวไปเบื้องหน้า ทุกแห่งที่ก้าวผ่าน ซากศพย่อมเกลื่อนกลาดกระจัดกระจาย
ตกตายตามฟงเฉาหยาง ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ทั้งสาม ผู้ปกปักษ์ข้างกายทั้งหมดจบสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือของเย่หวูเฉิน กล้ามเนื้อบนใบหน้าของฟงเลี่ยบิดเบี้ยวอย่างต่อเนื่อง ภาพเบื้องหน้ากลายเป็นขาวโพลน เขากระอักโลหิตออกมาจากปากคำโต