📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 4 ตอนที่ 199

บทที่ 199 - ผู้ใด.....เป็นคน.....ทำ!!
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“พี่หญิง หลับตาลงก่อน”

เย่ฉุ่ยเหยาหลับตาลง มือข้างหนึ่งวางบนอกเขา ต้องการปลอบประโลมหัวใจเขาที่เต้นรัว นางรู้มาตลอดว่าสาวน้อยผมขาวใบหน้าถูกทำลายหนิงเสวี่ย คือคนที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเขา…. จากนั้น เสียงร่ำร้องทรมานของสองคนดังขึ้นให้ได้ยิน รวมทั้งเสียงเนื้อหนังถูกเชือด

สองแผลเปิดปรากฎอยู่บนลำคอของแต่ละคน ในที่สุดเย่หวูเฉินก็สังหารคนเป็นครั้งแรก…. อาวุธที่เขาใช้คือกระบี่หนานฮวง แต่หัวใจเขากลับไม่หวาดกลัวหรือลังเลเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกความกลัวและความกังวลในจิตใจตอนนี้มีเพียงเรื่องหนิงเสวี่ยเท่านั้น

เขาหันกลับไป อุ้มเย่ฉุ่ยเหยาและวิ่งกลับไปที่เดิมอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งกลับไปถึงสถานที่สื่อสัมพันธ์อารมณ์รักเป็นครั้งแรก ที่บนพื้นยังมีร่องรอยบุปผาแรกเบ่งบานอยู่ตรงนั้น

เขาข้ามลำธารไปอีกฝั่ง วางเย่ฉุ่ยเหยาลงบนกลางหญ้าแห้ง ต้นหญ้าบริเวณนี้สูงพอจะปกปิดร่างของบุคคล “พี่หญิง รอข้าอยู่ตรงนี้สักพักหนึ่ง…. ข้าจะไปพาหนิงเสวี่ยกลับมา” เขากล่าวอย่างสงบ แต่น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

เย่ฉุ่ยเหยายืนขึ้นจับแขนเขาไว้แน่น สั่นศีรษะด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี “อย่าไป ได้โปรดอย่าไป ฟงเลี่ยบอกว่าจะไม่มีวันปล่อยเจ้า หากเจ้าไปหามันเท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง!”

“ข้า….ต้องไป….”

“เจ้าไปไม่ได้นะ!” เย่ฉุ่ยเหยาดึงเขาไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี นางอ้อนวอน “เสี่ยวเฉิน…. พวกมันสมควรเตรียมตัวรอไว้แล้ว ได้โปรดอย่าไปเลย พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ ไปขอให้ท่านปู่ช่วยออกหน้า ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยราคาใด พวกเราตระกูลเย่จะต้องพานางกลับมาให้ได้อย่างแน่นอน….. เสี่ยวเฉิน ได้โปรดอย่าใจร้อน”

เย่หวูเฉินกดไหล่นาง ทำให้นางค่อยๆนั่งลง เขามองตานางด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงหนักอึ้งดั่งเหล็กกล้า เขากล่าว “ข้าต้องใจร้อน…. หากข้าไม่ใจร้อน ชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่อาจให้อภัยตัวเองได้…. กลับไปที่ตระกูลเย่? ไม่ต้องกล่าวถึงช่วงเวลาหลายวัน แค่วินาทีเดียวที่เสวี่ยเอ๋อร์อยู่ในมือของพวกมัน ข้าก็ไม่อาจทนได้…. ฟังข้านะ ข้ากับเสวี่ยเอ๋อร์จะรีบกลับมา….ในไม่ช้า”

หันเบือนศีรษะออก ใช้พลังทั้งหมดเร่งรุดไปยังเมืองเทียนฟง เย่ฉุ่ยเหยาไม่ได้ดึงเขาไว้ นางเพียงจ้องร่างของเขาที่ห่างออกไปอย่างโง่งม จนกระทั่งร่างนั้นหายลับตาไป….

นางห่อตัวนั่งลงบนพื้นหญ้า ความเหน็บหนาวแผ่ไปทั่วร่างจนกระทั่งลามถึงจิตใจ ความปรารถนาเดียวของนางในตอนนี้ คือรอคอยให้เขากลับมาอย่างปลอดภัย

ฟงรู่กลับราชวังด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อมาถึงยังห้องหนังสือของฟงเลี่ย นางก็พบฟงเลี่ยกับฟงหลิงถูกช่วยให้พักอยู่บนเตียง ความโกรธที่ฉายอยู่บนใบหน้าของฟงเลี่ยยังคงไม่หายไป แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นปกติดี หลังจากที่เขากลับมายังราชวัง เขาก็ตื่นขึ้นจากสภาพไร้สติ ฟงหลิงสีหน้าอัปยศอับจน ทั่วร่างพันไว้ด้วยผ้าพันแผล เขานั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

ฟงรู่ก้าวเข้ามาแล้วถาม “ท่านพี่… อาการบาดเจ็บของท่านเป็นยังไงบ้าง?”

ฟงหลิงหัวเราะอย่างขมขื่น “ไม่ได้ร้ายแรงนัก ตอนนี้พวกเขาต่อกระดูกให้แล้ว คงจะหายในอีกไม่นาน ได้รับการรักษาอย่างยอดเยี่ยมจากอาวุโสฟู แผลแค่นี้ไม่นับเป็นสิ่งใด โอ้? คนผู้นั้นที่เจ้านำมาด้วย….”

ฟงรู่หัวเราะร่า “นี่คือสาวน้อยผมขาวที่อยู่ข้างกายเย่หวูเฉิน ตอนที่เย่หวูเฉินหนีไปข้าไล่ตามมันอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายข้าก็จับหนึ่งในพวกมันได้”

“คนชั่วช้า…. พี่ชายข้ากับพี่หญิงทงซินจะไม่ปล่อยพวกท่านไว้แน่!” คราบน้ำตาของหนิงเสวี่ยยังคงอยู่ นางระงับความกลัวเอาไว้ในใจ อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลร่วงออกมาอีกครั้ง

ฟงเลี่ยที่หันหลังให้อยู่พลันรีบหันกายมา ดวงจับจ้องที่หนิงเสวี่ยราวกับศรธนูคม ทำให้นางตัวสั่นไปทั่วร่าง นางก้าวถอยหลังเล็กน้อย เขาประหลาดใจในคราแรก จากนั้นกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก “ใช่แล้ว นี่คือเด็กหญิงที่มากับเขาจริงๆ ข้าพึ่งปรึกษากับพี่ชายเจ้าเมื่อครู่นี้ว่าจะตอบโต้พวกมันอย่างไร…. เฮอะ รู่เอ๋อร์ เจ้าพบนางที่ไหน?”

“ตรงสถานที่ใกล้กับประตูเมืองด้านตะวันตก ข้ารู้ว่าพวกมันต้องยังไปได้ไม่ไกล แน่นอนข้าจึงพบพวกมัน คนอื่นๆจะต้องอยู่ใกล้ในบริเวณนั้น ข้าได้สั่งให้คนของเราออกตามหา ถึงแม้พวกเราไม่อาจจับพวกมัน แต่อย่างน้อยก็จะได้บอกให้พวกมันรู้ว่าสาวน้อยผมขาวได้ตกอยู่กำมือของพวกเรา บางทีพวกมันอาจมาหาพวกเราถึงที่นี่เองก็เป็นได้”

ฟงเลี่ยและฟงหลิงมองหน้ากัน ทั้งสองต่างครุ่นคิด ฟงหลิงกล่าว “พระบิดา ตอนแรกที่เย่หวูเฉินบุกรุกเข้ามาที่นี่ สถานการณ์อันตรายปานนั้นเขากลับพาสาวน้อยผมขาวมากับตัวเอง ราวกับนางเป็นคนที่สำคัญยิ่งสำหรับเขา แล้วเหตุใดเขาจึงปล่อยให้นางอยู่เพียงตามลำพัง อีกทั้งสีผมและใบหน้าของสาวน้อยคนนี้…. ต้องมีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล”

ฟงเลี่ยผงกศีรษะและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฮึ่ม อย่างที่ข้าคิดไว้ พวกมันยังไม่ได้จากไป ขวัญกล้ายิ่งนัก! ข้าหวังว่านี่จะเป็นการประมาทเลินเล่อของพวกมัน หากพวกมันพากันมาที่นี่จริงๆ เช่นนั้นก็นับว่าดี…. กล้าหยามหน้าตระกูลฟงของข้า ไม่ว่ามันจะเป็นใครมาจากไหน และไม่ว่าเด็กหญิงที่อยู่ข้างมันเป็นใคร ข้าก็จะทำให้พวกมันต้องเสียใจ!”

เวลานี้เอง ราชองครักษ์ก้าวเข้ามาด้านใน คุกเข่าแล้วกล่าว “ฝ่าบาท มีคนบุกรุกเข้ามา เป็นคนเดียวกับที่จับฝ่าบาทเป็นตัวประกัน”

“โอ้?” ฟงเลี่ยและฟงหลิงหรี่ตาลง ฟงเลี่ยถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “พวกมันมากันกี่คน”

“คนเดียวพะยะค่ะ”

“คนเดียว?” ฟงเลี่ยขมวดคิ้ว จากนั้นหันไปถามฟงเฉาหยาง ฟงเฉาหยางได้เล่าให้ฟังว่าสาวน้อยชุดดำมีพลังที่เขาไม่ใช่คู่ต่อกร นางได้หยุดการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้ ฟงเลี่ยตกตะลึงและนึกขึ้นได้ถึงความรู้สึกน่าสะพรึงตอนที่อยู่บนรถม้า เขาจึงเชื่อข้อเท็จจริงข้อนี้ ครั้งนี้ มันย่อมไม่พาชีวิตตัวเองมาทิ้ง สาวน้อยน่าหวาดหวั่นผู้นั้นสมควรซ่อนอยู่ในเงามืด

“พามันมาที่นี่ อย่าได้ขัดขวาง! ถ่ายทอดคำสั่งข้า องค์รักษ์ทุกคนจงเตรียมตัวให้พร้อม และตั้งใจฟังคำสั่งทุกขณะ!”

“พะยะค่ะ!”

“พวกเราต้องไม่ปล่อยให้มันหลบหนีไปได้…. ไม่เช่นนั้น ความอัปยศที่พวกเราได้รับในวันนี้ จะไม่วันแก้ไขคืนกลับได้อีก” ฟงเลี่ยกำหมัดแน่น คำรามในลำคอ จากนั้นเขาลดเสียงลง หันไปหาฟงเฉาหยางแล้วกล่าว “อาวุโสฟง ได้โปรดรับมือคนน่าหวาดหวั่นผู้นั้น”

“คนผู้นั้นไม่ได้มาด้วย มีเพียงเย่หวูเฉินที่กลับมาเพียงลำพัง” น้ำเสียงสะท้อนมาจากที่แห่งใดไม่อาจทราบ นั่นคือเสียงของฟงเฉาหยาง

ฟงเลี่ยตกตะลึงและกลายเป็นเงียบงันเป็นเวลานาน ทุกสิ่งกลายเป็นราบลื่นไร้อุปสรรค เขาหันหน้ามาพยักหน้าให้ฟงรู่ “รู่เอ๋อร์ ครั้งนี้เจ้าบังเอิญทำความดีความชอบครั้งใหญ่แล้ว! ความอัปยศในวันนี้ จะต้องถูกชดใช้ในวันนี้!”

ฟงรู่หน้าตาเบิกบานยินดี “ขอบพระทัยพระบิดาที่ชื่นชม สามารถช่วยเหลือพระบิดากับท่านพี่ให้คลายความกังวลได้ ข้ารู้สึกยินดียิ่งนัก”

หนิงเสวี่ยเป็นกังวลในหัวใจอย่างหนัก นางพยายามดิ้นรนจนหลุดจากมือของฟงรู่ จากนั้นวิ่งออกไปข้างนอก ขณะที่วิ่งอยู่นางก็ตะโกน “ท่านพี่ อย่าเข้ามา พวกเขาจะจับตัวท่าน ท่านพี่ อย่าเข้ามา….”

ฟงรู้คว้าหลังนางไว้ด้วยหนึ่งมือ นางกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “นังหนู หุบปากของเจ้าซะ เฮอะ ไม่คิดเลยว่าเย่หวูเฉินจะดีกับเจ้านัก ถึงกับพาตัวเองมาถึงที่นี่”

“ท่านพี่~~ ท่านพี่ อย่าเข้ามา…. ท่านพี่ รีบกลับบ้านเร็วเข้า….” ขณะที่ดิ้นรนขัดขืนนางก็ตะโกนสุดน้ำเสียงทั้งหมดที่มี ดังจนเสียงฟังดูแปลกแปร่ง

“หุบปาก!” ฟงรู่ฉุดแขนนางอย่างรุนแรง กล่าววาจาอย่างดุร้าย มองดูหนิงเสวี่ยร้องตะโกนเสียงดังจนนางไม่อาจทนไหวอีกต่อไป นางตบหนิงเสวี่ยด้วยฝ่ามือ

“เพี๊ยะ” เสียงตบดังก้องสะท้อน แก้มขวาของหนิงเสวี่ยร้าวรวด หูชาด้วยเสียงดัง ตบนี้ทำให้นางชะงักค้าง เสียงที่ตะโกนพลันหยุดลง รอยฝ่ามือแผ่ลามประทับอยู่บนใบหน้างดงาม ค่อยๆกลายเป็นสีแดงเข้มราวกับสีโลหิต

“ข้าสั่งให้เจ้าหุบปาก ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือยังไง!” ฟงรู่แค่นเสียงเย็นชา จากนั้นเบือนหน้าออกไปอย่างขยะแขยง ฟงหลิงขมวดคิ้วแต่ไม่กล่าวสิ่งใด เขากำลังครุ่นคิดว่าเย่หวูเฉินมาที่นี่ลำพังเพราะมีแผนอันใด ความแกร่งกร้าวของเย่หวูเฉินเขาได้ประสบมาแล้ว ถึงแม้เขาจะมีความคิดว่าการทุบตีสาวน้อยเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำเลย

ด้วยความเจ็บปวดบนใบหน้า หนิงเสวี่ยอดกลั้นน้ำตา ยืนกรานไม่ยอมปล่อยให้น้ำตาไหลร่วงลง

“ผ่าบาท เย่หวูเฉินมาถึงที่นี่แล้ว”

“ให้มันเข้ามา” ฟงเลี่ยตะโกน จากนั้นส่งสายตาไป “รู่เอ๋อร์ ปล่อยเด็กหญิงคนนั้นซะ”

ฟงหลิงเองก็พยักหน้าตาม เย่หวูเฉินจับตัวจักรพรรดิเป็นตัวประกัน นั่นเท่ากับการตบหน้าตระกูลฟงฉาดใหญ่ แต่ถ้าหากราชตระกูลฟงจับตัวสาวน้อยเพื่อข่มขู่เย่หวูเฉินผู้มาเพียงลำพัง การกระทำเช่นนั้นย่อมนับว่าน่ารังเกียจทั้งยังน่าหัวเราะเยาะเย้ย ผู้คนย่อมด่าประณามลับหลัง และนอกจากนี้…. เมื่อดูจากสถานการณ์ การปล่อยนางย่อมไม่มีผลสิ่งใด อีกทั้งยังทำให้เย่หวูเฉินมีภาระข้างกายเพิ่มขึ้นมา

“ท่านพี่….” หนิงเสวี่ยร้องเรียกเสียงดังเมื่อถูกปล่อย นางร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะวิ่งออกไปข้างนอก ชั่วขณะที่เย่หวูเฉินปรากฎกายที่หน้าปากประตู นางก็วิ่งเข้าไปสู่อ้อมแขนเขาและร้องไห้เสียงดัง ร้องร่ำด้วยความเศร้าโศกและเสียใจ เย่หวูเฉินกอดนางแน่น กล่าวอย่างรู้สึกผิด “เสวี่ยเอ๋อร์ อย่าร้องไห้เลย…. เป็นความผิดของพี่ชายเจ้าเอง แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว….”

ทงซินคงกำลังเผชิญปัญหาบางอย่างอยู่ เขาไม่อาจรอนานไปมากกว่านี้ได้ จึงมุ่งหน้าตรงสู่ราชวังแห่งต้าฟงด้วยความกังวล เขาไม่ได้บุกทะลวงเข้ามา แต่ให้พวกมันประกาศการมาถึงของเขา เขารู้ดีว่าฟงเลี่ยย่อมให้เขาเข้ามา และมันย่อมไม่สังหารเขาในทันที

สายตาเย็นชากวาดผ่านทุกคนที่อยู่ในห้องหนังสือ ฟงเลี่ย , ฟงหลิงผู้บาดเจ็บ , ฟงรู่ นอกจากนั้น ยังมีฟงเฉาหยางที่กำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง เขาลูบผมของหนิงเสวี่ยอย่างอ่อนโยน หัวเราะเย็นชาแล้วกล่าว “อาณาจักรต้าฟงช่างมีน้ำยาเสียจริง ถึงกับใช้วิธีการเช่นนี้ได้ น่าประทับจริงๆ น่าประทับใจ…. ฟงหลิง ตอนนี้ข้าเริ่มรู้เสียใจที่ไม่ได้เตะเจ้าจนเป็นขันที และฟงเลี่ย…. ข้าก็รู้สึกเสียใจเช่นกันที่ไม่ได้ฆ่าเจ้าทิ้ง”

“ปากดีจริงๆ ไหนลองดูสิว่า ครั้งนี้เจ้าจะหนีไปจากที่นี่ยังไง” ฟงรู่ยืนอยู่เบื้องหน้าฟงหลิง แสดงท่าทีราวกับกำลังปกป้องเขา อันที่จริงเมื่อมีฟงเฉาหยางอยู่ที่นี่แล้ว นางไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้

ฟงเลี่ยแค่นเสียงเย็นชา “หวูเฉินแห่งตระกูลเย่ ข้าอดไม่ได้ที่จะต้องชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้า เจ้ากลับมาที่นี่ด้วยตัวเพียงลำพัง ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว คงรู้แล้วสินะว่า เพียงข้าสั่งคำเดียวเจ้าจะต้องตกตายมีสภาพศพไม่เป็นชิ้น!”

“ท่านพี่ พวกเราออกไปจากที่นี่กันเถอะ…. ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ไปจากที่นี่กันเถอะนะ….” หนิงเสวี่ยเงยศีรษะขึ้นมา ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยน้ำตาน่าสงสาร

เย่หวูเฉินก้มลงและกล่าวอย่างอ่อนโยน “อื้ม พวกเราจะออกไปกันเดี๋ยวนี้….”

เสียงของเย่หวูเฉินขาดห้วง ดวงตาไร้ชีวิตในฉับพลัน…. ชั่วพริบตาก็พลิกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความอ่อนโยนนุ่มนวลก่อนหน้าได้หายไป ทุกพื้นที่บนใบหน้า ทุกกล้ามเนื้อบิดกระตุกอย่างรุนแรง ร่างของเขาเริ่มสั่นเทา ยื่นมือออกลูบใบหน้านางช้าๆ…. รอยนิ้วมือนั้น รอยแดงจ้ำเลือดทั้งห้าราวกับมีดปักที่กลางหัวใจ ทำให้เขาเจ็บปวดรวดร้าว โลกเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน….

ขณะที่มือสัมผัสบนใบหน้าของหนิงเสวี่ย เขาเคลื่อนพลังหวูเฉินขจัดความเจ็บปวดให้กับนาง เขาเงยศีรษะขึ้น มองคนทั้งสามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาน่าสะพรึง เขากล่าวทีละคำขณะถาม “ผู้ใด….เป็นคน…..ทำ!!”

บนหลังฝ่ามือซ้ายที่มีรอยจางทั้งสาม ฉับพลันรอยจางสองจุดก็เปล่งแสงสีแดงและดำต่อเนื่องกัน สว่างจนสามารถมองเห็นด้วยสายตา เมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆที่มันเปล่งแสง เวลานี้มันสว่างกว่าอยู่หลายเท่าตัว

น้ำเสียงทั้งทุ้มต่ำและล้ำลึก เมื่อได้ยินเสียงนี้ มันราวกับว่าได้ยินเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว และร้ายกาจรุนแรงจากสัตว์อสูร…. ไม่สิ ไม่ใช่สัตว์อสูร หากแต่เป็นปีศาจ มันคือบางสิ่งที่เกิดจากปีศาจ เสียงตะโกนน่าสะพรึง ราวกับปรารถนาสูบกลืนมนุษย์ที่ขวางทาง

หนึ่งแสงสีดำ กับ หนึ่งแสงสีแดง แสงสองจุดยิ่งมายิ่งสว่างขึ้น ทั่วห้องหนังสือเย็นเยียบลงเรื่อยๆ ราวกับร่วงหล่นลงสู่ขุมนรกที่เย็นเยือกสุดขั้ว ในชั่วเวลานั้น สามแผนหลบหนีที่เย่หวูเฉินได้เตรียมการไว้ในใจได้ฉีกทลายเป็นชิ้นๆ โลกเบื้องหน้ากลายเป็นหมอกกว้าง ราวกับกลายเป็นสีแดงโลหิต หัวใจโกรธแค้นจนแทบระเบิดออก ผลักดันให้เกิดเจตนาในการทำลายล้าง….

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset