📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 4 ตอนที่ 197

บทที่ 197 - ถอดชุดแต่งงานเพื่อสุภาพบุรุษ (2) //X18
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“นับตั้งแต่วันที่ข้ากลับมายังตระกูลเย่ ชั่วขณะแรกที่ข้าได้พบกับพี่หญิง ข้าได้สาบานว่าเพียงข้าเท่านั้นที่จะมีท่านได้ คนผู้อื่น…. ไม่ว่าจะเป็นรัชทายาท , จักรพรรดิ , หรือเทพจากฟ้า ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าได้คิดหวัง”

น้ำตากระจ่างใสร่วงหยดจากดวงตาของเย่ฉุ่ยเหยา เวลานี้นางไม่รู้จะเรียกเป็นความสุขหรือความเศร้า สองมือยังคงแตะสัมผัสใบหน้าของเขาไว้ นางมีเรือนร่างที่สูงเพรียว และยังดูสูงกว่าเย่หวูเฉินเล็กน้อย ชุดแต่งงานสีแดงขับส่งความงดงามอันล้ำโลก ดวงตาของนางพร่าไหว นางกล่าวอุบอิบเสียงเบา “แต่ว่าพวกเรา…”

“แต่ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน ใช่หรือไม่?” เย่หวูเฉินปาดน้ำตาบนใบหน้านางขณะกล่าวอย่างนุ่มนวล

เย่ฉุ่ยเหยาผงกศีรษะ จากนั้นส่ายศีรษะต่อทันที นางเกาะไหล่ของเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาทว่าหนักแน่น “เสี่ยวเฉิน ชีวิตเจ้าถูกลิขิตให้รุ่งโรจน์ อย่าได้ทำลายมันเพียงเพราะข้า…. พี่สาวเจ้าจะไม่แต่งกับชายใดอีกแล้ว ขอเพียงแค่ให้ข้า…. ได้ซ่อนอยู่เบื้องหลังเจ้า ตกลงนะ?”

เย่หวูเฉินดวงตาสั่นไหว ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้เขารู้สึกอบอุ่นทั่วร่างอย่าง ‘จับใจ’ ทำไมเขาจะไม่ทราบความหมายที่ซ่อนอยู่ เพียงไม่กี่คำสั้นๆนี้ทำให้เขาได้รู้ว่า การชิงตัวนางกลับมาโดยไม่สนสิ่งใดนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เขาส่ายศีรษะและหัวเราะบาง และพลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “พี่หญิง ข้าไม่อาจทนเห็นท่านไม่มีความสุข ท่านรู้หรือไม่… ว่าแท้ที่จริง พวกเราไม่ใช่พี่น้องกัน… ไม่เช่นนั้น ข้าจะฝืนบังคับให้ท่านเลือกทางที่ทำลายชีวิตตนเองได้อย่างไร”

เย่ฉุ่ยเหยาสองมือชะงักค้าง นางมองที่เขาตะลึงลาน “เจ้าพูดว่า…อะไรนะ?”

“พวกเราไม่ใช่พี่น้องกัน… น้องชายของท่านได้ตายไปแล้วเมื่อปีก่อน เขาถูกสังหารโดยหลงหยิน และข้าคือคนอื่นที่บังเอิญมีรูปลักษณ์เหมือนน้องชายของท่านพอดิบพอดี กระทั่งอายุหรือแม้แต่ชื่อก็ยังตรงกัน” เย่หวูเฉินมองดวงตาสับสนของนางขณะที่อธิบายอย่างแจ่มชัด เมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีที่ยอมสละตนทนทรมานเพื่อไม่ให้ชีวิตเขาถูกทำลาย จะให้เขาปกปิดความลับต่อไปได้อย่างไร

เย่ฉุ่ยเหยาที่เกาะมือบนไหล่เขาไว้ยิ่งจับแน่นขึ้น นางพึมพำ “เรื่องจริง…เหรอ? นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ….”

“เป็นความจริง” เย่หวูเฉินมองที่นาง จากนั้นกล่าวอย่างอ่อนโยน “พี่หญิง มองที่ตาข้า แล้วท่านจะรู้ว่าข้าไม่ได้โกหก… ข้าไม่ใช่น้องชายตัวจริงของท่าน ข้าเป็นเพียงใครบางคนที่สูญเสียอดีต เป็นใครบางคนที่เทพกระบี่ฉู่ชางหมิงช่วยเอาไว้จากสถานที่ๆถูกลืม ตอนที่เทพกระบี่พบตัวข้า ข้ายังอายุได้เพียง 7 ขวบ หลังจากนั้น 10 ปี ข้าอาศัยอยู่ที่นั่นไม่เคยไปไหน ดังนั้นข้าจะเป็นน้องชายของท่านได้อย่างไร”

การพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้นับว่าง่ายดายยิ่ง สิ่งที่จำเป็นต้องทำก็เพียงแค่ให้ฉู่ชางหมิงยืนยันเท่านั้น

“ต่อมา ข้าออกจากสถานที่แห่งนั้นเพื่อมายังเมืองเทียนหลง โดยหวังว่าจะได้ค้นพบอดีตของตน แต่ทว่า….ราวกับทุกสิ่งถูกสวรรค์ลิขิตเอาไว้ ข้าเข้าสู่ตระกูลเย่เพราะรูปร่างหน้าตาที่เฉพาะเจาะจง กระทั่งรอยประทับบนมือซ้ายที่ข้าไม่เคยสังเกตมาก่อนยังตรงกับของน้องชายท่าน…. เรื่องเหล่านี้คิดได้เพียงว่าเป็นสวรรค์ที่ลิขิตมา ข้ารู้ว่าตัวเองไม่ใช่บุตรชายตระกูลเย่ แต่กระนั้นข้าก็ไม่ปฏิเสธมัน กลับกันข้าใช้อุบายตอนที่หยดเลือดพิสูจน์ตัวตน ข้าหลวกลวงบิดามารดาและปู่ของท่าน เพียงเพราะข้าต้องการหาบ้านให้หนิงเสวี่ย และข้าจำเป็นต้องมีสถานะไว้ใช้ชั่วคราว”

“พี่หญิงอย่าได้กังวล ข้าไม่มีความคิดมุ่งร้ายใดๆต่อตระกูลเย่ ตรงกันข้าม ข้าจะทุ่มเทสุดกำลังเพื่อช่วยเหลือตระกูล เพื่อเป็นการขอโทษและขอบคุณ เพื่อเป็นการชดใช้และตอบแทนตระกูลเย่ อีกอย่างหนึ่งก็คือ…. ข้าเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่ สิ่งที่ตระกูลเย่มอบให้กับข้า คือสถานที่ๆเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น ข้าย่อมไม่ปล่อยให้ผู้ใดหมิ่นหยามตระกูลเย่ได้….”

“พี่หญิง ท่านจะตำหนิข้าหรือไม่?” เขาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ดวงตาที่พร่าไหวไม่หยุดของนางได้บอกกับเขาว่า ไม่เพียงนางไม่ตำหนิเขา กลับกันนางยังรู้สึกราวกับหมอกเมฆถูกปัดเป่าออกไป สุขใจที่ได้เห็นแสงของตะวันอีกครั้ง ดีใจท่วมท้นจนไม่ทราบสมควรทำสิ่งใด

เย่ฉุ่ยเหยาส่ายศีรษะจากจิตใต้สำนึก จิตใจยังเต็มไปด้วยมึนงง

“ถ้าอย่างนั้น ท่านเชื่อข้าหรือไม่ พี่หญิง?” เย่หวูเฉินถามเสียงเบา น้ำเสียงนุ่มนวลราวกับสายลมเย็น ความเย็นชาและยโสของเย่ฉุ่ยเหยาถูกแผ่วพัดจางหายไป น้ำตาไหลร่วงต่อหน้าเขาอย่างไม่อาจยับยั้ง เผยให้เห็นตัวนางที่อ่อนแอ ในชีวิตนี้ เขาเป็นคนแรก และจะเป็นเพียงผู้เดียว เวลานี้ สิ่งที่นางถวิลหาที่สุดคือความรัก

เย่ฉุ่ยเหยาไม่กล่าวตอบ น้ำตายังคงไหลอยู่ เพียงมองเขาอยู่ตลอดเวลา

เย่หวูเฉินยิ้มที่มุมปาก เขาเอียงกายไปเบื้องหน้าแล้วกล่าวที่ข้างหูของนาง “พี่หญิง หากท่านเชื่อคำพูดของข้า เช่นนั้นถอดชุดแต่งงานของท่านออกเพื่อข้าได้หรือไม่? ชุดแต่งงานนี้ไม่สมควรอยู่บนร่างกายของพี่หญิง ท่านจะใส่ชุดแต่งงานได้เฉพาะวันหน้าที่ข้าสวมให้ท่านเท่านั้น…. ตกลงมั้ย?”

เพียงคำกล่าวสั้นๆ มันได้สะท้อนวนเวียนอยู่ในหูของเย่ฉุ่ยเหยาราวกับนานนับสิบปี ความรู้สึกในหัวใจนาง ค่อยๆลุกโชนขึ้น เพลิงแห่งปรารถนารักใคร่ค่อยๆโหมกระพือ

เย่ฉุ่ยเหยาหลับตาลง มือทั้งสองค่อยๆขยับมาตรงอก ภายใต้สายตาจับจ้องของเย่หวูเฉิน มีเสียง “ซึบ” ดังบางเบา อาภรณ์แต่งงานสีแดงร่วงลงจากร่างนาง มันกองอยู่ตรงเท้า

ในหมู่อาภรณ์ที่สวมร่างของเย่ฉุ่ยเหยา มีชุดนอก , ชุดชั้นกลาง , และชุดชั้นใน ทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องผ้าแต่งงานสีแดง ความรู้สึกอบอุ่นและอิสระในหัวใจทำให้นางลืมความเขินอายทั้งหมด ด้วยน้ำเสียงแผ่วบางราวสายน้ำที่ข้างใบหูนาง เบื้องหน้านั้นคือสายตาของเย่หวูเฉินที่ราวกำลังเป็นไฟลุกโชน ด้วยมือเปล่าเปลือยของเย่ฉุ่ยเหยาที่เคลื่อนขยับ ชุดแต่งงานสีแดงค่อยๆถูกถอดออกทีละชิ้น เผยผิวหิมะขาวงดงาม สว่างจนแทบทำให้ตาพร่ามัว ในเวลานั้น เย่หวูเฉินไม่อาจต้านทานภาพมายาที่ระยับต่อหน้าได้

เย่หวูเฉิบเกือบจะยื่นมือออกฉีกชุดที่ยังเหลือปกปิดบนร่างของนาง แต่ด้วยสติที่ยังคงอยู่ เขาไม่อาจล่วงเกินนางได้ มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่เต้นรัว หากไม่ใช่เพราะวันนี้ เขาคงไม่มีวันคิดว่าพี่สาวที่ทะนงโดดเดี่ยวราวน้ำแข็ง จะถอดชุดออกทีละชิ้นต่อหน้าเขา เลือดลมอบอุ่นในร่างเริ่มพลุ่งพล่าน ลมหายใจยิ่งมายิ่งกระหืดหอบ

เย่ฉุ่ยเหยาถอดรองเท้าออก ลังเลอยู่ชั่วขณะ หลับตาแน่นย่อขาทั้งสองเล็กน้อย ร่างสั่นสะท้าน สองมือดึงกระโปรงด้านในลงถึงหัวเข่า ขาเรียวยาวขาวหิมะชิดแน่นติดกัน ค่อยๆเผยให้เห็นขอบโค้งของขาขวาน่าดึงดูดใจ เรียบลื่นเหมือนผิวน้ำ นางยืนบนเท้าขวาแล้วยกเท้าซ้ายออกมา เย่ฉุ่ยเหยามีสัดส่วนใกล้เคียงกับเย่หวูเฉิน แต่ฝ่าเท้าของนางใหญ่กว่าเย่หวูเฉินเล็กน้อย นิ้วเท้าขาวนุ่มชิดกัน ทั้งงดงามและนุ่มนวล ดูน่ารักอย่างยิ่ง

เย่หวูเฉินไม่กล้าขยับใกล้ เขาถอยหลังไปเล็กน้อย ใบหน้าของเย่ฉุ่ยเหยาเรื่อแดง แผ่ลามเต็มใบหน้าที่หลบหลีก ขับผิวที่ยิ่งขาวของนาง ยากที่จะวาดให้เห็น กระทั่งตัวนางเองก็ไม่เคยคาดคิด ว่าจะมีวันหนึ่งที่นางจะกระทำใจกล้า ชุดแต่งงานนั้นทำให้นางรู้สึกไม่สบาย นางถอดมันออกทีละชิ้นด้วยความอาย หน้าแดงซ่านทั้งยินดีและพึงใจ

เวลานี้ อาภรณ์ที่เหลืออยู่บนเรือนกายของเย่ฉุ่ยเหยาคือชุดชั้นในสีแดง ด้านบนปิดบังทรวงอกตระหง่าน ด้านล่างปิดบังตรงจุดหวงห้าม มือทั้งสองปิดบังทรวงอกไว้ เผยเรือนร่างขาวเนียนไร้ราคีต่อสายตา ไร้ที่ติราวกับหยก ลำคอตั้งตรงราวกับหงส์ ไหล่งดงามสองข้างได้สมดุล เอวบางอ้อนแอ้นราวกับคว้าได้ด้วยมือเดียว ขาขาวหิมะเรียวตรงและเรียบลื่น ทุกสิ่งได้สัดส่วนสมบูรณ์

ทั้งสองเผชิญหน้ากันในความเงียบ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำไม่ต่างกัน ทั้งสองดูราวมีหัวใจที่สอดคล้องกัน สองร่างพลันทะยานตรงเข้าหา กอดรัดพัวพันขณะกลิ้งลงบนพื้น เบียดร่างแนบชิดติดกัน ดูดด่ำอย่างร้อนแรง เพลิงปรารถนาลุกโหมดั่งลาวาที่โพยพุ่ง เมื่อมันปะทุออกมาแล้วย่อมไม่อาจควบคุม

เวลา , สถานที่ และ สถานะ…. ทุกสิ่งอย่างไม่สำคัญอีกต่อไป คนหนึ่งสละชีวิตนางเพื่อตน อีกคนเดินทางพันลี้เพื่อนาง ระหว่างคนทั้งสอง ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องกั้นขวางอีกต่อไป

เย่ฉุ่ยเหยาสอดแขนโอบรอบลำคอเขา ขณะประสานมือหลังศีรษะก็ถูกกดลงกับพื้น แรงกดดันทำให้เอวบางโค้งยกขึ้น เนื้อแน่นตรงอกกดชิดกัน เย่หวูเฉินจูบตรงแก้มขาวสะอาด จูบลงที่รอยน้ำตา เคลื่อนลงมาและกัดแทะไปตามลำคอ มือหนึ่งเคลื่อนชุดชั้นในที่เหลือของนางออก อกคู่กลมละมุนขาวตระหง่านออกมา เขากัดยอดบัวทั้งสองอย่างเบาปาก

เย่ฉุ่ยเหยาสะบัดศีรษะเล็กน้อย ร่างกายสะท้านสั่นไหว คางงามเชิดขึ้นพริ้มพราย นางอ้าปากกัดที่ไหล่เขา สองมือนางเริ่มฉีกชุดของเขาออกอย่างดุเดือด เพียงไม่ช้า เพลิงปรารนาที่ลุกลามเผาร่างก็ทำให้นางเริ่มครางออกมา ลมเย็นพัดสะท้อนลมหายใจที่หนักหน่วง ร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองแทบพัวพันประสาน จับจูบลูบไล้กัดกันไม่ละวาง ไร้เวลาเปิดปากเอ่ยวาจาพูดคุย ในช่วงกระหวัดฟัดเหวี่ยง ยามนี้ไม่ต้องการการเล้าโลมอีกต่อไป เย่หวูเฉินสอดลึกเข้าไปในกายนาง ปักแดนยุทธศาสตร์หวงห้ามให้เป็นของเขาเพียงผู้เดียว…

เย่ฉุ่ยเหยาน้ำตาร่วงอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด กอดกระหวัดรัดแน่นกับบุรุษที่อยู่บนร่างนาง จากนั้นกดร่างตนเองลงลึกอีกครั้ง… สตรีที่เย็นชาและยโสผู้นี้ เมื่อนางร้องครางออกมาก็ราวกับสัตว์ตัวน้อยๆที่บาดเจ็บ หอบหายใจกระเส่า เจ็บปวดแต่ก็น่าพึงพอใจ หอบกระชั้นสูงสุดอยู่ 1-2 ครั้ง จนเกือบจะเหมือนเสียงร้องไห้ หากผู้ใดได้ยินเสียงครวญครางอันรัญจวนนี้ ย่อมไม่อาจห้ามเพลิงตัณหาให้ลุกโชน

………………………………….

หนิงเสวี่ยและทงซินนั่งรอคอยเป็นเวลานาน เมื่อถูกความง่วงจู่โจม หนิงเสวี่ยก็เริ่มหาว จากนั้นกล่าวอย่างเกียจคร้าน “พี่ทงซิน ข้ารู้สึกง่วงจัง ขอข้าพิงร่างท่านงีบหน่อยได้ไหม….เอ๋? พี่ทงซิน ทำไมตัวท่านถึงได้เย็นขนาดนี้… พี่หญิงทงซิน เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”

ทงซินกำลังมองไปที่ท้องฟ้าไกลห่าง ร่างของนางกำลังสั่นสะท้าน สองมือกำแน่น ดวงตาทมิฬคู่นั่นเปล่งแสงน่าหวาดกลัว เมื่อได้ยินเสียงของหนิงเสวี่ย ทงซินยื่นมือหนึ่งวางบนไหล่นาง มืออีกข้างยื่นออกขีดเขียนบนพื้นอย่างรวดเร็ว

ตัวอักษรบิดเบี้ยวสองพยางค์…รอข้า สองคำที่เย่หวูเฉินสอนให้หนิงเสวี่ยรู้จัก และหนิงเสวี่ยก็สอนให้ทงซินต่อ ทุกๆครั้งที่เย่หวูเฉินสอนคำใหม่ให้นาง เขาจะให้นางสอนทงซินต่อเพื่อให้จำได้ขึ้นใจ

เมื่อเขียนคำเสร็จ นางบินขึ้นฟ้ากะทันหัน ใช้ความเร็วสูงสุดพุ่งตรงไปทางทิศใต้

ปกติแล้วทงซินไม่มีวันทิ้งหนิงเสวี่ย เพราะนางจำเป็นต้องปกป้องคุ้มครองนาง แต่ขณะนี้กำลังมีศัตรูที่ทรงพลังยิ่งยวดใกล้เข้ามา เมื่อนางไม่อาจปกป้องหนิงเสวี่ยได้ นางจึงใช้ความเร็วสูงสุดหนีออกไป… เหตุผลเดียวที่นางต้องทิ้งหนิงเสวี่ยไว้ คือฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่านางอย่างมาก พวกนางย่อมไม่อาจหนีทัน และกลิ่นอายของศัตรูนั้นบอกนางว่าเป้าหมายของมันคือนาง ฉะนั้นเพื่อไม่ให้หนิงเสวี่ยต้องเกี่ยวข้อง นางจึงรีบหนีไปให้ไกลยิ่ง ล่อให้มันออกห่างจากหนิงเสวี่ย ขณะเดียวกันนางไม่กล้าปลดปล่อยกลิ่นอายให้เย่หวูเฉินรู้ตัว ไม่เช่นนั้นหากเขาตามนางมา เขาย่อมเกี่ยวข้องพัวพันกับเหตุการณ์นี้

สตรีเทพพิโรธมีชีวิตอยู่เพื่อเย่หวูเฉิน นางไม่มีวันยอมปล่อยให้เขาตกอยู่ในอันตราย

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset