โรงเรียนแสงเงิน, กลุ่มย่อยหมากรุก – สเทลเมต
(เกร็ดความรู้ – ในเกมหมากรุก stalemate หมายถึงสถานการณ์ที่ผู้เล่นฝ่ายหนึ่งไม่ได้ถูกรุกอยู่ แต่ไม่สามารถเดินหมากได้อีก ส่งผลให้ต้องจบเกมแบบเสมอ)
กลุ่มย่อยสเทลเมตมียงเจกอนเป็นครูที่ปรึกษา
ย็อมจุนยอลจึงเล่นหมากรุกภายใต้อิทธิพลของยงเจกอน
“ท่านอาจารย์ รู้ด้วยหรือว่าผมมีแข่งหมากรุกที่กลุ่มย่อยสเทลเมตจัดขึ้น”
ได้ยินคำพูดฉัน ย็อมจุนยอลฉีกยิ้มกว้าง
“ตอนแรกก็ว่าจะลงแข่งโดยไม่คิดอะไร แต่ถ้าท่านอาจารย์คอยจับตามองเช่นนี้… เห็นทีต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้!”
ไม่ใช่แค่คอยจับตามอง แต่เราอาจได้นั่งเผชิญหน้ากันระหว่างทัวร์นาเมนต์
“พยายามเข้าล่ะ”
“ครับ! น่าเสียดายที่ความเข้มข้นในการฝึกวันนี้ลดลง… แต่ถ้าผมได้ผลการแข่งที่ดีในทัวร์นาเมนต์ ท่านอาจารย์ก็จะยิ่งยอมรับในตัวผมสินะครับ!”
ย็อมจุนยอลอมยิ้มพลางพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น
ได้เห็นรอยยิ้มของเขา ฉันอยากจะถ่ายทอดทุกสกิลที่มีให้ทันที
แต่ก่อนหน้านั้นมีบางสิ่งต้องถามให้แน่ใจ
“ถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามาเลยครับอาจารย์!”
“เธอจะเข้าร่วมงานปาร์ตี้บนเรือที่จูโอกับ TC กรุปจัดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ไหม”
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีงานปาร์ตี้ร่วมระหว่างสองกรุปยักษ์ใหญ่
บัตรเชิญที่ทางสมาคมส่งมาระบุว่า เพลเยอร์ทุกคนในเหตุการณ์สนามเบสบอลจัมชิลจะได้รับเชิญ
‘นั่นย่อมรวมถึงย็อมจุนยอลกับทีมสิงโตแดงด้วย… หรือแม้กระทั่งเผ่ามังกร’
โดยส่วนใหญ่แล้ว ปาร์ตี้บนเรือจะถูกจัดขึ้นกลางทะเล หรือไม่ก็แม่น้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น หัวหน้าเผ่าหมู – ตือหงอเหนง (ตือโป๊ยก่าย) – ตามตำนานแล้วเป็นแม่ทัพสวรรค์ผู้คอยดูแลลำน้ำสวรรค์
เฉกเช่นย็อมบังยอลและย็อมจุนยอล ศาสตร์แห่งเพลิงหรือแสงประทานประเภทไฟ คงใช้แทบไม่ได้ผลกับตือหงอเหนงที่สู้บนน้ำ
‘แต่อย่างไรก็ดี สิงโตแดงและเผ่ามังกรยังคงเป็นภัยคุกคามที่น่าหวาดหวั่น’
เหมือนกับยงเจกอนที่ใช้ศาสตร์แห่งมิติ ยังมีอีกหลายคนที่มีสกิลและแสงประทานเป็นธาตุอื่น
ถ้าทั้งทีมสิงโตแดงและเผ่ามังกรเข้าร่วม ก็คงยากที่จะมีใครก่อความวุ่นวายในงานสำเร็จ
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ‘จอมบงการ’ ต้องหาทางกีดกันพวกเขาออกจากปาร์ตี้บนเรือแน่
“ตอนแรกผมก็ได้รับเชิญ… แต่ภายหลังถูกชวนไปกินมื้อค่ำกับพวกเขาในคืนวันศุกร์แทน เห็นว่าเป็นเพราะสมาชิกทีมหลายคนติดธุระช่วงสุดสัปดาห์ และหลายคนก็ไม่อยากอยู่บนน้ำเป็นเวลานาน”
ทั้งย็อมจุนยอล สิงโตแดง และเผ่ามังกร ไม่มีใครเข้าร่วมปาร์ตี้บนเรือแม้แต่คนเดียว
ทันทีที่ยืนยันเรื่องนั้นได้ เผ่าหมูคงเริ่มดำเนินแผนอย่างรัดกุม
“ใครเป็นคนแนะนำให้ทำแบบนั้น”
ใครกันที่คอยกีดกันสิงโตแดงและเผ่ามังกรออกจากปาร์ตี้บนเรือ
มีโอกาสสูงที่บุคคลดังกล่าวจะได้รับคำสั่งมาจากจอมบงการ
“ผมเองก็ไม่แน่ใจ… แต่ได้ยินว่าทางจูโออยากให้พวกเราที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของทีมเบสบอลเข้าร่วม… คงเป็นทางฝั่ง TC ครับ”
TC กรุปสินะ
ในบรรดาสี่ยักษ์ใหญ่ ฝั่ง TC กรุปน่าสงสัยที่สุดแล้ว
‘แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่’
ภายในเกม หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมสนามเบสบอลจัมชิล ผู้นำตระกูลรุ่นถัดไปของ TC กรุปต้องก้าวลงจากตำแหน่ง
แถม TC กรุปยังเอาแต่ปิดปากเงียบ ในตอนที่จูโอกรุปถูกกล่าวหาว่าพยายามลอบสังหารและก่อการร้าย
นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่โดซีฮู – หลานของประธานใหญ่ TC กรุปรุ่นปัจจุบัน – ถูกลอบสังหารท่ามกลางสงครามความขัดแย้งของสี่ยักษ์ใหญ่
“จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีกแล้วสินะครับ… ผมต้องเข้าร่วมปาร์ตี้บนเรือด้วยไหม”
“ไม่ต้อง”
“ถึงไปก็คงไม่มีประโยชน์สินะครับ”
ย็อมจุนยอลทำหน้าเศร้า
ถ้าให้พูดตรงๆ ก็ตามนั้น
ย็อมจุนยอลแพ้ทางตือหงอเหนงเต็มประตู
และถ้าสิงโตแดงกับเผ่ามังกรยกโขยงตามย็อมจุนยอลไปร่วมปาร์ตี้บนเรือ ก็มีโอกาสสูงที่เผ่าหมูจะล้มเลิกแผน
‘หากเป็นแบบนั้น ข้อมูลสำคัญที่เสือแดงอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตรวบรวมมาได้ก็จะสูญเปล่า’
ฉันเล่าความจริงไม่ได้ จึงตัดสินใจเปลี่ยนประเด็น
“ถ้าครั้งที่ผ่านมาไม่ได้เธอช่วยไว้ คงมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย ฉันรู้สึกขอบคุณจากใจจริง แต่ว่า… หนนี้พักผ่อนไปก่อนนะ”
“…ครับ ถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้ อย่าเกรงใจที่จะเรียกใช้งานนะครับ”
ย็อมจุนยอลยิ้มให้กับคำขอบคุณของฉัน แต่สีหน้ายังคงเจือความผิดหวัง
ฉันชักจะกังวลกับนิสัย ‘ว่านอนสอนง่ายเกินไป’ ของเด็กคนนี้แล้ว
“อย่าหลงเหลี่ยมคนแปลกหน้าในมื้อค่ำคืนวันศุกร์ก็พอ”
“พูดเหมือนพ่อเลยครับ”
ย็อมจุนยอลทำหน้าเขินๆ
แต่ก็แค่ครู่เดียว ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความโล่งใจ
“ผมดีใจที่ท่านอาจารย์คอยห่วงใยไม่แตกต่างจากคุณพ่อ!”
คำตอบนี้ยิ่งทำให้ฉันกังวล
เข้าใจแล้วว่าทำไมย็อมบังยอลและเผ่ามังกร ถึงหวงแหนย็อมจุนยอลราวกับไข่ในหินขนาดนั้น
* * *
ฝึกกับย็อมจุนยอลเสร็จ
หลังออกจากเขตห้วงห้ามด้วยแสงประทาน ‘ห้วงเวลาไร้เงา’ ของ ‘ผู้ไร้สี จอนมูยอง’ ฉันตรงดิ่งกลับห้องเรียนปี 1/0 ทันที
‘สุดท้ายก็ยังฮุบกลืนเปลวไฟขนาดเท่าฝ่ามือไม่ได้’
จนถึงตอนนี้ ย็อมจุนยอลยังไม่สามารถ ‘ฮุบกลืนพลังวิเศษ’
‘แต่ถือว่าดีกว่าคราวก่อนมาก มีหลายครั้งที่เกือบจะทำสำเร็จ น่าเสียดายจริงๆ’
ฉันคาดหวังกับพัฒนาการของลูกศิษย์
ขณะเปิดประตูห้องเรียนปี 1/0 พลางออกแบบหลักสูตรการสอนให้กับย็อมจุนยอล
“มาแล้วหรือ โชอึยชิน”
ในห้องเรียนปี 1/0
มีวังจีโฮ
วังจีโฮที่กำลังนั่งหมิ่นเหม่บนขอบโต๊ะนักเรียน ยืนขึ้นพร้อมกับทำตาเป็นประกาย
“นายมาทำอะไรที่นี่”
ฉันค่อนข้างประหลาดใจ แต่แสร้งทำเป็นสุขุม
วังจีโฮเดินเข้ามาเผชิญหน้าโดยไม่พูดไม่จา
เพียงใช้ดวงตาเป็นประกายนั่น สำรวจใบหน้าฉันอย่างละเอียด
‘มองไปทางไหนน่ะ… ใบหู?’
วังจีโฮชะโงกหน้าเพื่อดูใบหูของฉัน
หูของฉันมันทำไม?
‘เดี๋ยวนะ…’
กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว
“ตอนนี้นายสวมเอียร์ริงอยู่สินะ”
หมดกัน
“โชอึยชิน ถึงนายจะเมินข้อความจากฉันมาสักพักแล้ว แต่ว่า… มันแปลกเกินไปที่จะเพิกเฉยข้อความจากประธานชมรมหนังสือพิมพ์ ฉันก็เลยลองติดตามตำแหน่งดู เพราะคิดว่าอาจเกิด ‘เหตุร้าย’ ขึ้นกับนาย”
ไอ้เวร
อย่างที่คิด ดีไวซ์ของโรงเรียนมีไว้เพื่อระบุตำแหน่งนักเรียน
อำนาจของประธานใหญ่ถูกนำมาใช้ในทางมิชอบอีกแล้ว
คำนึงจากสีหน้าของวังจีโฮ ดูท่าเขาจะเคืองเรื่องที่เราอ่านข้อความแล้วไม่ตอบพอสมควร
จิตใจคับแคบไม่สมกับคนอายุห้าพันปีเลยนะ
“ดีไวซ์โรงเรียนของนายแจ้งตำแหน่งว่าอยู่ในห้องเรียน หรือระบุให้ชัดคือในล็อกเกอร์… เท่ากับว่าเอียร์ริงที่นายกำลังสวม คือของส่วนตัวที่ซื้อมาใช้เอง”
แย่แฮะ ดันถูกตัวน่ารำคาญจับได้ว่าใช้ดีไวซ์สองอัน
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตำแหน่งของนายกับตำแหน่งของดีไวซ์อาจไม่ตรงกันเสมอไป… เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว”
นอกจากวันเอพริลฟูล หมอนี่ยังแอบแกะรอยตำแหน่งฉันในวันอื่นด้วย?
คงพยายามขุดหาตัวตนของฉันลับหลัง
“ปราณมังกรจางๆ … นายไปไหนมา โชอึยชิน”
วังจีโฮสัมผัสถึงกลิ่นอายของมังกร
แน่นอน ฉันรู้ดีว่าย็อมจุนยอล – ลูกหลานมังกร – มีกลิ่นอายมังกรติดตัว แต่จะเบาบางกว่าเมื่อเทียบกับเผ่าแท้
‘โชคดีที่เก็บดอกคาร์เนชั่นไฟของย็อมจุนยอลไว้ในหน้าต่างไอเท็ม’
ถ้าเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อนักเรียน ป่านนี้คงโป๊ะแตกไปแล้ว
คราวหน้าคราวหลัง เห็นทีต้องระวังตัวให้มากขึ้นหลังจากฝึกเสร็จ
“ก็แค่จางๆ” nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm
“ไม่คิดจะเล่าสินะ”
“สรุปแล้วนายมาทำอะไร”
“มีเรื่องราวน่าสนใจมาจากทางฝั่งประธานใหญ่… และฉันก็อยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชมรมหนังสือพิมพ์ให้นายฟังด้วย แต่เห็นว่าไม่ยอมตอบข้อความสักที ก็เลยลองตามหาดู”
แกะรอยดีไวซ์ของนักเรียนแค่เพราะไม่ตอบข้อความเนี่ยนะ!
วังจีโฮทำหน้าพึงพอใจเมื่อได้เห็นฉันเริ่มหัวเสีย
“แล้วทางชมรมมีอะไร”
“วันนี้ปี 2/0 บุกเข้าไปในห้องชมรมหนังสือพิมพ์”
อะไรอีกล่ะนั่น
ที่แท้ ประธานชมรมหนังสือพิมพ์เรียกระดมสมาชิกเพื่อรับมือกับการจู่โจมจากปี 2/0 นี่เอง
“นายยังจำได้ใช่ไหมว่าชมรมหนังสือพิมพ์เราผลิต ‘นิตยสารฉบับพิเศษของจูเก่อแจกอล’ ในวันครู… ชมรมของเราส่งฉบับดิจิทัลให้ครูจูเก่อแจกอลไปแล้วในวันครู และวันนี้เพิ่งพิมพ์ฉบับรูปเล่มเสร็จ ปี 2/0 จึงบุกเข้ามาเพราะต้องการนิตยสารพวกนั้น”
ปี 2/0
ขอกันดีๆ ไม่ได้รึไง ไม่เห็นต้องบุกจู่โจมเลย
“ถ้ายอมเจรจาประธานชมรมอย่างสันติ พวกรุ่นพี่คงพิมพ์ให้เพิ่มแล้ว”
“พวกเขาอยากได้ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก ไม่ใช่ล็อตที่สอง และประธานชมรมปฏิเสธเรื่องนั้น ปี 2/0 จึงไม่รามือ”
เป้าหมายคือฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกสินะ
สมกับเป็นแฟนคลับเดนตายของจูเก่อแจกอล
‘ถ้าเป็นแฟนคลับเดนตาย ก็เข้าใจได้ที่จะหมกมุ่นกับฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก’
ในโลกของฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก อุปสงค์จะมากกว่าอุปทานเสมอ
หนังสือสุดจะธรรมดาบางเล่ม มีราคาแพงหูฉี่เพียงเพราะมันคือฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก
จึงไม่ต้องพูดถึงนิตยสารฉบับพิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งจัดทำโดยชมรมหนังสือพิมพ์เนื่องในโอกาสมอบให้จูเก่อแจกอลเป็นของขวัญวันครู
ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกจะแจกจ่ายให้เฉพาะตัวครูและเด็กในชมรมเท่านั้น
ก็พอจะเข้าใจพฤติกรรมได้อยู่ล่ะนะ
“แต่ความจริงแล้วควรใช้คำว่า ‘ท้าประลอง’ มากกว่าจู่โจม หากชมรมหนังสือพิมพ์เป็นฝ่ายชนะการแข่งขัน ทางนั้นจะมอบสิทธิ์ในการเข้าพักที่โรงแรมลอยฟ้า ‘อีคารัส’ … แต่ถ้าชมรมหนังสือพิมพ์พ่ายแพ้ อีกฝ่ายจะได้นิตยสารฉบับพิเศษของจูเก่อแจกอลรุ่นตีพิมพ์ครั้งแรกไปครอง”
ปี 2/0 คงมั่นใจมาก
ว่าจะเอาชนะได้แน่ และถ้าทางชมรมไม่ยอมรับคำท้า พวกเขาก็จะสร้างปัญหาด้วยวิธีต่างๆ นานา
ประธานชมรมปีสามคงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงยอมรับคำท้าทั้งน้ำตา
“การแข่งถูกจัดขึ้นในโรงยิมฯ ของอาคารสหภาพชมรม แต่ละทีมคัดเลือกสมาชิกมาสามคนแล้วแข่งกันแบบแท็กทีม… ฝ่ายเรามีประธานชมรมหนังสือพิมพ์ รองประธาน และฉัน… ตอนแรกประธานชมรมเลือกมุนแซรอน แต่เจ้าตัวปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าอยากเป็นผู้สื่อข่าวมากกว่า รองประธานก็เลยเลือกฉัน”
มุนแซรอนเชื่อว่าเธอจำเป็นต้องแข็งแกร่งเพื่อให้ได้เป็นผู้สื่อข่าวสายทหาร
จึงหมั่นฝึกฝนอย่างหนักจนสามารถต่อสู้ได้ค่อนข้างดี ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะประธานชมรมจะเสนอชื่อเธอทั้งที่ยังอยู่ปีหนึ่ง
“ฉันเองก็สนใจเด็กห้อง 2/0 อยู่บ้าง จึงต่อสู้โดยไม่ออมมือมากนัก… ทางนั้นสู้ได้ดีทีเดียว แต่ก็ยังไม่พอที่จะเอาชนะฉัน”
ฮะฮะฮะ! วังจีโฮหัวเราะเสียงดังขณะเล่าวีรกรรมการโค่นปี 2/0 ได้โดย ‘ไม่ออมมือมากนัก’
ถัดจากนี้คือบทสรุปที่เขาเล่าให้ฟัง
วังจีโฮออกไปสู้เป็นไม้แรก และโค่นปี 2/0 อย่างสบายมือ
เมื่อวังจีโฮจัดการกับวังชานซอล – รองหัวหน้าห้อง 2/0 – ซึ่งเป็นคนสุดท้ายและได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ หัวหน้าห้องปี 2/0 อย่างกึมชานซอลได้ยื่นข้อเสนอ
‘ถ้าทางชมรมหนังสือพิมพ์ยอมมอบนิตยสารฉบับพิเศษรุ่นตีพิมพ์ครั้งแรกให้สักหนึ่งเล่ม พวกเขาจะยกห้องสวีทของโรงแรมอีคารัสให้พักฟรีในช่วงไฮซีซั่น’
ได้ยินแบบนั้น วังจีโฮยอมสละนิตยสารฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกของตนให้ทันที เพื่อแลกกับสิทธิ์เข้าพักห้องสวีทของโรงแรมอีคารัส
เขาเล่าว่าหลังจากนั้น ปี 2/0 ยังคงเข่นฆ่ากันภายในเพื่อแย่งชิงนิตยสารเล่มดังกล่าว
“ถ้าไม่ได้จองล่วงหน้า ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่ได้พักในห้องสวีทของโรงแรมอีคารัสในช่วงไฮซีซั่น… ชมรมหนังสือพิมพ์จึงตกลงกันว่า ในช่วงวันหยุดยาวฤดูร้อน ทางชมรมจะออกค่ายกันที่ห้องสวีทนั่น”
“ฉันคงไปไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”
ช่วงหยุดฤดูร้อนมีอีเวนต์ที่ฉันต้องไปสะสาง
วางแผนล่วงหน้าไม่ได้ด้วย เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบวันเวลาที่แน่ชัด
แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องเข้าร่วม เพราะมันเกี่ยวข้องกับอนาคตของเด็กในห้องเป็นอย่างยิ่ง
“แล้ว… เรื่องราวน่าสนใจจากฝั่งประธานใหญ่คืออะไร”
เมื่อเห็นฉันเปลี่ยนเรื่องคุยหน้าด้านๆ วังจีโฮตอบด้วยน้ำเสียงเจือความไม่พอใจ
“ปี 2/0 เพิ่งประสบความสำเร็จในการ ‘ปกครอง’ รอยแยก”
ปกครองรอยแยก
คำนี้สื่อถึงการแทรกแซงรอยแยกด้วยพลังวิเศษ จนทำให้รอยแยกและเอนามีด้านในยอมศิโรราบ
เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ
“พวกเขาคิดจะเปลี่ยนมันเป็น ‘สวน’ และยกให้จูเก่อแจกอลเป็นของขวัญ”
ของขวัญวันครูที่ห้อง 2/0 เตรียมไว้คือ ‘สวน’ ต่างโลกนี่เอง
* * *
สมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลี
สำนักงานฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย
ที่นี่ใกล้เคียงกับหลุมหลบภัยมากกว่าสำนักงาน
ฮงกยูบินผู้ต้องรับมือกับคดีใหญ่ในพักหลัง เลือกใช้ห้องนี้แทนสำนักงานทีมสื่อ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเป็นหลัก
“กยูบิน… เมื่อคืนได้นอนกี่ชั่วโมง”
อิมจีฮวา – หัวหน้าทีมจัดการดาวเทียมเพื่อสนับสนุนการจู่โจมรอยแยก – ผู้เป็นรุ่นพี่ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของฮงกยูบิน ถามด้วยสีหน้าอิดโรย
ฮงกยูบินผู้แต่งกายได้อย่างไร้จุดตำหนิ ตอบด้วยดวงตาแดงก่ำ
“สองชั่วโมงครับ”
“…น่าอิจฉาจัง ฉันชักจะอยากย้ายแผนกแล้วสิ”
อิมจีฮวาที่ไม่ได้นอนเลย ตะโกนคำว่า ‘ย้ายแผนก’ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับติดเป็นนิสัยไปแล้ว
“รุ่นพี่เป็นคนริเริ่ม ‘โปรเจกต์นั่น’ ขึ้นมาเองนะครับ ย้ายแผนกไม่ได้หรอก”
“รู้แล้วล่ะน่า…”
อิมจีฮวานั่งโงนเงนพลางมองโฮโลแกรมกว่าสิบหน้าจอ
“ไหนจะรอยแยกแช่แข็งที่เพลเยอร์ SAT-K ตรวจไม่พบ… ไหนจะพิกัดของ ‘สวน’ ที่ถูกลบไป… แล้วนี่ยังมีเรื่องเด็กโรงเรียนแสงเงินมาอีก…”
โฮโลแกรมของอิมจีฮวาแสดงรายชื่อเพลเยอร์ห้อง 2/0 ของโรงเรียนแสงเงินที่ถูกลงทะเบียนไว้กับทางสมาคม
“เด็กนักเรียนอายุแค่สิบแปด แถมยังเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เผ่าแท้ ประสบความสำเร็จในการ ‘ปกครองรอยแยก’ … ตอนแรกฉันตกใจแทบแย่ นึกว่าเพลเยอร์ SAT-K บันทึกข้อมูลผิดพลาดอีกแล้ว ฮะฮะ!”
นี่คือบันทึกอย่างเป็นทางการครั้งแรก ที่มนุษย์ประสบความสำเร็จในการปกครองรอยแยกและสร้างสวนขึ้น
นั่งฟังเสียงหัวเราะอันแหบแห้งของอิมจีฮวา ฮงกยูบินช่วยเสริม
“ถ้าเผ่าแท้สามารถนำวิธีของเด็กๆ ไปประยุกต์ใช้ พวกเขาจะยิ่งปกครองรอยแยกได้ง่ายขึ้น และคงทำให้จำนวนรอยแยกแช่แข็งเพิ่มขึ้น”
สิ้นเสียงฮงกยูบิน บรรยากาศในหลุมหลบภัยเงียบสงัดทันที
หลังจากตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ทางสมาคมตัดสินใจลบประวัติการปกครองรอยแยกของนักเรียนปี 2/0 และคอยประสานงานกับโรงเรียน
‘มีวิธีนำทฤษฎีการปกครองรอยแยกของเด็กๆ มาใช้ประโยชน์ได้บ้างไหมนะ’
ขณะฮงกยูบินดำดิ่งในความคิด
บี๊บ
เขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความขาเข้า
เมื่อเปิดอ่าน มันคือข้อความจากเผ่าแท้ผู้สร้างความรำคาญใจให้ฮงกยูบินด้วยการมอบพรคุ้มครอง
ใบหน้าฮงกยูบินพลันแข็งกระด้างหลังจากอ่านข้อความจนจบ
‘จะให้สืบข้อมูลนักเรียนปี 1/0 ของโรงเรียนแสงเงิน?’
หนึ่งในรายชื่อนักเรียนที่เผ่าแท้ระบุมา ถือว่าค่อนข้างสนิทสนมกับฮงกยูบิน
‘…อึยชิน!’
หนึ่งในนักเรียนที่เผ่าแท้กำหนดให้เป็นเป้าหมาย ไม่ใช่ใครนอกจากซูเปอร์โนว่าไร้นาม