เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
ณ สำนักงานทีมทะเลสาบนิรันดร์ในประเทศอังกฤษ
ภายในหอแสดงที่ควอนเจอินตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยตัวเอง – ‘for JANE’ *
(เจอิน อ่านรวบเสียงได้ว่า ‘เจน’ และเป็นชื่อภาษาอังกฤษของควอนเจอิน)
โถงแสดงคอนเสิร์ตขนาดความจุสามร้อยที่นั่งมักถูกใช้เป็นห้องซ้อมส่วนตัวของควอนเจอิน
ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในวันนั้น บางทีเธอก็ชวนเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงมาเป็นผู้ชม บางวันก็เป็นเด็กจากสถานรับเลี้ยง คนไร้บ้านริมถนน ศิลปินร่วมสมัย เป็นต้น
แต่สำหรับวันนี้ ควอนเจอินอยู่ตามลำพัง
ไวโอลินถูกพาดแนบลำคอ แต่มือขวามิได้ถือคันชัก
ควอนเจอินครุ่นคิดพลางใช้นิ้วมือซ้ายกดสายเส้นต่างๆ บนคอไวโอลิน
‘…วันนี้เล่นด้วยพิซซิคาโต้น่าจะดี…’ (เทคนิคการดีดไวโอลินแทนการสี)
เมื่อแรงบันดาลใจผุดขึ้น ควอนเจอินวางคันชักลงแล้วนำมือขวาวางลงบนสาย D พร้อมกับหลับตา
ขณะหญิงสาวตั้งสมาธิอยู่กับทุกโน้ตที่ดังกังวานภายในโถงแสดง
แกร่ก!
เสียงเปิดประตูดังผสมผสานกับเสียงไวโอลิน
“เจน ผมเคาะประตูเป็นร้อยครั้งแล้ว ทำไมคุณถึงไม่ยอมตอบ? มีคนโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย”
(หลังจากนี้ถ้าเรียกว่า ‘เจอิน’ เฉยๆ ขอเปลี่ยนเป็น ‘เจน’)
เธอไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูอะไรทั้งสิ้น
ควอนเจอินที่ถูกทำลายสมาธิย่อมรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็มิได้ถือสา
หลังจากมีบทเรียนหลายครั้ง เธออนุญาตให้จาเร็ด·ลีเข้ามารบกวนการฝึกได้โดยพลการ
“เข้าใจแล้ว”
เมื่อลองเปิดเครื่องดีไวซ์ที่ต้องปิดเพราะการซ้อม
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
ดีไวซ์ส่งเสียงเตือนไม่ขายสาย
มีตัวเลขแจ้งเตือนว่ายังเหลือข้อความที่ไม่ได้อ่านอีกหลักพัน
ควอนเจอินรู้สึกอยากปิดดีไวซ์กลับไปทันที
‘คงเป็นสายสำคัญมาก… จาเร็ดถึงกับขัดจังหวะเรา’
ขณะพยายามไล่รายชื่อสายที่ไม่ได้รับ โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
[ผู้โทร: ครูยงเจกอน]
ชื่อที่ไม่ได้เห็นมานาน
ครูเผ่ามังกรที่ค่อนข้างแปลก แต่ก็น่าประทับใจ
อีกฝ่ายเคยสอนเธอสมัยยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนแสงเงิน
‘ไม่แปลกใจว่าทำไมจาเร็ดมีท่าทีแบบนั้น… สายจากครูนี่เอง’
ควอนเจอินรับสายทันที
[สวัสดี เจน]
ได้ยินเสียงยงเจกอนที่ไม่เปลี่ยนไปเลย เธอรู้สึกเหมือนได้กลับไปเรียนม.ปลายอีกครั้ง
เกาหลี, โรงเรียนมัธยมปลายแสงเงิน, เพื่อนเก่า และครอบครัวที่ยังหลงเหลือ
เธอพยายามระงับความคิดถึงบ้านซึ่งกำลังเอ่อล้น
ควอนเจอินเคยสาบานกับตัวเองว่า จะไม่กลับไปเหยียบเกาหลีจนกว่าจะพบ ‘ผีเสื้อ’
“ครูยงเจกอนโทรมามีอะไรหรือคะ”
[ได้ยินข่าวหรือยัง ว่าที่เกาหลีมีรอยแยก SR++ เกิดขึ้นสามจุดโดยไม่มีลางบอกเหตุ]
“เห็นจากในข่าวแล้วค่ะ ได้ยินว่าเผ่ามังกรของครูกับทีมของรุ่นพี่ย็อมบังยอลจัดการได้อย่างหมดจด”
[ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ]
ยงเจกอนไล่เรียงเหตุร้ายที่เกิดกับเกาหลีและเผ่ามังกร
มายาเกต
จอมโจรผาแดงผู้เปิดโปงความจริง ซึ่งถูกสงสัยว่าอาจเป็นย็อมจุนยอล
ย็อมจุนยอลตัดสินใจกลับเกาหลีเพื่อสืบหาตัวจอมโจรผาแดง
แต่อยู่ๆ เขาก็หยุดสืบ และขออาสาเป็นคนขว้างเปิดสนามในแมตช์สำคัญ
ณ สนามเบสบอลที่ย็อมจุนยอลขว้างลูก รอยแยกต่างโลกโผล่ขึ้นโดยไม่มีลางบอกเหตุ
[ข้าไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ… เธอยังตามหา ‘ผีเสื้อ’ อยู่ใช่ไหม]
น้ำเสียงของยงเจกอนเคลือบรอยยิ้ม
‘…ตอนนี้คงทำหน้าตาน่ากลัวอยู่แน่ๆ’
เธอเคยได้ยินเสียงนี้ของยงเจกอนมาก่อน
สมัยควอนเจอินยังเรียนอยู่ม.ปลาย
รุ่นพี่ของเธอ – ย็อมบังยอล – ประกาศขอลูกหลานเผ่ามังกรแต่งงานต่อหน้ามังกรครามอย่างห้าวหาญ
ยงเจกอนที่ได้เห็นภาพนั้น เคยทำเสียงแบบเดียวกัน
[เผ่ามังกรของเราอาจกำลังถูกบางสิ่งดึงดูดเข้าหา… เหมือนกับที่ผีเสื้อคอยชี้นำทีมทะเลสาบนิรันดร์เมื่อครั้งรอยแยกแมนเชสเตอร์]
แม้น้ำเสียงจะฟังดูเจ้าเล่ห์ แต่เนื้อหาเล่าถึงเบาะแสของผีเสื้อที่ควอนเจอินตามหามานานกว่าสิบปี
[นอกจากนั้นยังมีเผ่าแท้ที่สามารถตรวจจับรอยแยกที่ปราศจากลางบอกเหตุ… พวกเขาเพิ่งเกือบถูกกวาดล้างเมื่อไม่นานมานี้ ปัจจุบันกำลังร่วมมือกับเผ่าเสือ… จะว่าไป พักหลังเผ่าเสือก็พัวพันกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นรอบๆ โรงเรียนแสงเงินบ่อยครั้ง]
หากเป็นเรื่องที่เขาสนใจ ยงเจกอนจะเซนส์แรงมาก
ย้อนกลับไปในตอนที่ย็อมบังยอลถูกถล่มด้วยเปลวไฟของมังกรครามจนมีสภาพยับเยิน ลูกหลานเผ่ามังกรสาวสวยได้ตบหน้าเขาหนึ่งฉาด ตามด้วยชกท้องจนย็อมบังยอลลอยไปตกในทะเลสาบสีคราม
ยงเจกอนที่เห็นภาพนั้นพูดขึ้นว่า ‘อีกเดี๋ยวสองคนนั้นก็คงแต่งงานกัน’
ในท้ายที่สุด ย็อมบังยอลกับลูกหลานมังกรเกิดชอบพอกัน และแต่งงานทันทีที่เรียนจบจากโรงเรียนแสงเงิน ในภายหลังได้ให้กำเนิดบุตรหนึ่งคน
กล่าวคือ ลางสังหรณ์ของยงเจกอนแม่นยำมาก
[เจน ลองมาที่โรงเรียนแสงเงินดูสิ… ข้าเชื่อว่ามีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ เผ่าเสือของโรงเรียนแสงเงิน… อยากลองคุยกับเผ่าเสือดูไหม? พวกเขาเป็นแฟนคลับเดนตายของเธอ บางคนขาดเพลงของเธอไม่ได้… คราวก่อนที่เธอจัดคอนเสิร์ตที่แมนเชสเตอร์อารีน่า พวกเขาถูกรัฐบาลเตะถ่วงจนเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ ผลก็คือรัฐมนตรีของสองกระทรวงถูกเด้งทันที… ถ้าเจนติดต่อไปด้วยตัวเอง ทางนั้นต้องยอมคุยด้วยแน่]
“ขอบคุณค่ะ ไว้จะลองคิดดูนะคะ”
[ตกลง เจอกันที่เกาหลี]
ถึงจะบอกว่าขอคิดดูก่อน แต่ยงเจกอนมั่นใจว่าควอนเจอินจะกลับเกาหลีแน่นอน
“เจน?”
“ฉันจะกลับเกาหลี”
ไม่ผิดจากที่ยงเจกอนทำนาย เธอไม่อยากพลาดเบาะแสของผีเสื้อ
“ทำไมอยู่ๆ ถึง…? คุณยงพูดอะไรกับเธอกันแน่!”
ขณะจาเร็ด·ลีเตรียมพูดบางสิ่ง ควอนเจอินเริ่มวางแผนเตรียมจัดคอนเสิร์ต
ในเมื่อเผ่าเสือชอบเสียงเพลงของเธอมาก ถ้าอย่างนั้นก็ต้องจัดคอนเสิร์ตแล้วส่งตั๋วฟรีไปให้พวกเขา
การจัดคอนฯ ที่หอพยัคฆ์สง่าอาจจะสะดวกกว่า แต่ในหอพยัคฆ์สำแดงนั้นมีความทรงจำอัดแน่นอยู่มากกว่า
“เจน… เจน? ฟังผมอยู่ไหมเนี่ย!”
“ถ้าคุณไม่อยากไป ฉันจะไปคนเดียว”
“ผมจะปล่อยให้คุณไปคนเดียวได้ยังไง… จะปรับตารางเวลาเดี๋ยวนี้แหละ แล้วจะไปเมื่อไร? อีกครึ่งปี? หรือกระชั้นชิดอย่างสามเดือน?”
“ไม่… เร็วกว่านั้น… สัปดาห์หน้า”
“…เจน เพื่อนร่วมทีมที่คอยดูแลตารางงานจะร้องไห้เอานะ”
“งั้นก็ไม่เป็นไร ฉันจะไปคนเดียว”
“…ผมผิดไปแล้ว อย่าไปคนเดียวเลยนะ”
จาเร็ด·ลีหลั่งน้ำตาขณะเดินออกจากโถงซ้อม
‘เกาหลีสินะ…’
มีหลายคนที่เธออยากเจอเมื่อกลับถึงเกาหลี
‘อาจส่งบัตรคอนฯ ได้ไม่ครบทุกคน… คงต้องเตรียมของขวัญแยกต่างหาก’
ถึงจะแจกบัตรคอนฯ ให้ทั้งหมดไม่ได้ แต่ก็อยากเจอหน้าให้ครบทุกคน
ด้วยความคิดดังกล่าว หญิงสาวหยิบไวโอลินน้ำเงินขึ้นมา
* * *
ในตอนที่เกิดเหตุร้าย ณ สนามเบสบอลจัมชิลในวันเด็ก ดูเหมือนยงเจกอนจะเอะใจกับบางสิ่งระหว่างการพูดคุยกับอ๊กโทยอน
การมาเยือนเกาหลีอย่างกะทันหันของควอนเจอิน ก็เกิดจากการชักชวนของยงเจกอน
อ้างอิงจากคำพูดของเสือเหลืองในร่างสามสิบ เธอพยายามติดต่อกับเผ่าเสือ
ควอนเจอินบอกว่ามาตามหาผีเสื้อ
สมมติฐานทยอยถูกสร้างขึ้นตามเบาะแสที่มี
‘…ควอนเจอินมาที่นี่เพื่อตามหาเผ่าผีเสื้อ?’
ยังมีข้อมูลไม่มากพอที่จะด่วนสรุปเช่นนั้นโน!วลกูดoทคอม
“นี่…”
ควอนเจอินที่จ้องกิ๊บติดผมรูปผีเสื้อของคิมยูรีมาได้สักพัก พูดพลางขมวดคิ้ว
“ฉันกลับมาที่เกาหลีเพื่อตามหาผีเสื้อ… แต่ไม่ได้ชอบผีเสื้อ”
แล้วเราต้องทำยังไง?
คิมยูรีไปไม่ถูกเมื่อได้ยินคำพูดประหลาดๆ จากปากควอนเจอิน
อีกฝ่ายพูดในสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิม
“อย่าติดกิ๊บอันนี้ตอนที่ฉันกำลังเล่น… ฉันไม่ชอบผีเสื้อ”
“คะ?”
ดูท่าจะไม่ชอบผีเสื้อจริงๆ
นิสัยในเกมว่าแปลกแล้ว เจอของจริงแปลกยิ่งกว่า
“ฉันจะให้อันนี้แทน คงเหมาะกับเธอมากกว่า”
ควอนเจอินถอดกิ๊บติดผมที่เธอกำลังใช้ จากนั้นก็ยื่นให้คิมยูรี
กิ๊บติดผมดอกแมกโนเลีย
ส่วนกลีบดอกทำจากทองคำขาว และเกสรตัวผู้ทำจากบุษราคัม
เครื่องประดับที่นักไวโอลินระดับโลกเตรียมไว้ใช้ในการแสดง ถูกมอบให้คิมยูรีอย่างไร้เหตุผล
‘ให้กันง่ายๆ แบบนี้เลย? แค่เพราะไม่ชอบกิ๊บติดผมรูปผีเสื้อ?’
ขณะคิมยูรีอ้ำอึ้งกับพฤติกรรมที่คาดไม่ถึง
ฟุ่บ
ควอนเจอินโยนกิ๊บติดผมให้คิมยูรีที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยิบไป
“อ…เอ๋! ด…เดี๋ยวก่อนค่ะ รุ่นพี่ควอนเจอิน…!”
คิมยูรีอาศัยสัญชาตญาณรับไว้ได้
ถ้าเป็นเพลเยอร์ของโรงเรียนแสงเงิน เรื่องแค่นี้สบายมาก
ควอนเจอินคงรู้ก่อนโยนแล้ว
เธอทำหน้าพึงพอใจเมื่อเห็นกิ๊บอยู่ในมือคิมยูรี
“เปลี่ยนก่อนเริ่มแสดงนะ”
“ร…รุ่นพี่ควอนเจอิน… ล้อกันเล่นใช่ไหมคะ?”
ควอนเจอินส่ายหน้าหนักแน่นเป็นนัยว่าจริงจัง
คราวนี้เธอหันไปมองอีเรนา
ดวงตาอีเรนาพลันเบิกกว้างทันทีที่ถูกจ้อง
“…เธอเล่นไวโอลินด้วยหรือ”
สายตาควอนเจอินหยุดอยู่ที่เข็มกลัดรูปไวโอลินบนชุดนักเรียน
มีเพียงมือไวโอลินของชมรมเครื่องสายเท่านั้นที่จะติดมันได้
“ค…ค่ะ! ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังฝึกการไล่สเกลของชราดีก*ยังไม่จบ…” (Henry Schradieck)
“หือ…? นั่นบทฝึกการไล่สเกลกับฝึกนิ้วไม่ใช่หรือ ทำไมต้องกลับไปฝึกพื้นฐาน?”
“ฉันเพิ่งหัดเล่นไวโอลินหลังจากเข้าเรียนที่นี่… จ…จำเป็นต้องฝึกอีกมากเพื่อให้เล่นเพลงที่รุ่นพี่แต่งได้ค่ะ…”
อีเรนาพูดกับควอนเจอินด้วยลมหายใจติดขัด
“ใช้ไวโอลินรุ่นไหนอยู่”
“ไวโอลินของโรงเรียนค่ะ… รุ่นเดียวกับที่รุ่นพี่เคยใช้…”
ไวโอลินรุ่นที่วังมยองกรุปจัดหามาให้นักเรียน คือแบรนด์ที่เชี่ยวชาญการผลิตเครื่องดนตรีซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อห้าสิบปีก่อน
เป็นรุ่นที่มีราคาไม่ต่ำกว่าสิบล้านวอน
กล่าวกันว่าชมรมเครื่องสายได้รับงบประมาณมหาศาลในทุกปี
จากบรรดาทั้งหมด ไวโอลินคือเครื่องดนตรีประเภทไม้ที่มีราคาสูงที่สุด รุ่นที่เธอใช้จึงไม่ถือว่าแพงหากเทียบราคากับไวโอลินด้วยกัน
เหมาะที่จะให้อีเรนาซึ่งเพิ่งหัดเล่นได้ใช้ฝึกซ้อม
‘ถ้าเป็นเรื่อง ‘เสียง’ วังจีโฮทุ่มไม่อั้นจริงๆ’
ราวกับมูลนิธิวังมยองมีเงินไร้ขีดจำกัด
อย่างไรก็ดี ควอนเจอินจ้องอีเรนาด้วยใบหน้าประหลาดใจ
“เธอเป็นเพลเยอร์ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่ใช้ไวโอลินที่สร้างจากพลังพิเศษ?”
ได้ยินคำถามดังกล่าว อีเรนาและคิมยูรีอ้าปากค้าง
ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม?
จะมีช่างฝีมือสักกี่คนที่ใช้พลังพิเศษสร้างไวโอลินได้?
และเหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้บนโลกเหลือแค่คนเดียวที่สามารถทำแบบนั้น
‘…ได้ยินว่าไวโอลินที่สร้างจากพลังพิเศษ จะแพงกว่าเพลเยอร์คาร์หลายเท่าตัว’
ต่อให้มูลนิธิวังมยองรวยล้นฟ้า แต่ก็คงยากที่จะจัดหาไวโอลินราคาหลักพันล้านวอนมาให้นักเรียนใช้
ไม่สิ… ที่จริงมันก็มีอีเวนต์ที่เผ่าแท้ซื้อเครื่องดนตรีวิเศษให้นักเรียน
‘เมื่อลองมานึกดู ในเกมก็เคยบรรยายไว้ว่า เผ่าแท้ที่พึงพอใจกับการแสดงคอนเสิร์ตวันสิ้นปีของนักเรียน ได้ซื้อเครื่องดนตรีวิเศษให้เป็นของขวัญ’
เป็นเนื้อเรื่องที่เคยอ่านเจอในบทสนทนาระหว่างนักเรียน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดอีเวนต์ที่ทำให้แฟนเดนตายของเกมเพลเมโกจิตใจแตกสลายไปตามๆ กัน ความทรงจำเกี่ยวกับเครื่องดนตรีจึงเลือนรางมาก
ขณะฉันกำลังอึ้งเพราะได้ยินคำถามเหนือความคาดหมาย
อีเรนาตอบโดยเลียนแบบสไตล์การพูดของควอนเจอิน ที่อีกฝ่ายมักใช้ตอนให้สัมภาษณ์กับสื่อ
“ฉันเพิ่งหัดเล่นไวโอลินเองค่ะ… แต่หลังจากนี้จะตั้งใจฝึกอย่างหนักเพื่อให้มีโอกาสได้เล่นไวโอลินวิเศษนะคะ!”
“…ไม่เลว”
ทำได้ดีมาก อีเรนา
อีเรนาเอาชนะบรรยากาศเครียดๆ ได้อย่างงดงาม
แต่พฤติกรรมสุดพิสดารของควอนเจอินยังไม่จบ
“รับไว้สิ”
ควอนเจอินยื่นไอเท็มการ์ดให้อีเรนาหนึ่งใบ
ภาพบนการ์ดคือไวโอลินทองคำขาว
‘ไวโอลินวิเศษ…!’
ดูจากขอบการ์ด เกรดของมันคือ SSR
อาจจะมีคำขยายเป็น (+) หรือ (-) ก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ของขวัญที่รุ่นพี่โรงเรียน จะมอบให้รุ่นน้องชมรมเครื่องสายที่เพิ่งเคยเจอหน้ากัน
‘ก็ทำใจไว้แล้วว่าควอนเจอินเป็นคนแปลกๆ แต่นี่มัน… แปลกกว่าที่คิดไว้เยอะเลย!’
ท่ามกลางความตกตะลึงของพวกเรา ควอนเจอินยื่นการ์ดให้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
—
MasterGU.edited = ไม่ใช่ไวโอลิน->ไม่ใช้ไวโอลิน