คนขับแท็กซี่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเครือวังมยอง ด้วยฝีมือของทีมเลขาที่วังจีโฮเรียกมา
เป็นอีกครั้งที่ฉันได้พบกับเลขาสาวที่มีรอยยิ้มคล้ายสวมหน้ากาก ซึ่งเคยเจอกันมาแล้วในห้องทำงานเสือเหลือง
เธอพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นนัยว่าจำฉันได้
ดูเหมือนทีมเลขาทุกคนจะรู้ตัวจริงของวังจีโฮ ดูท่าคงไม่ได้เป็นแค่เลขานุการธรรมดา
เท่าที่ได้ทราบข่าว เผ่าหมีที่ถูกจับมายังมีชีวิตอยู่
ก็แค่ตอนนี้
‘พวกมันคือหนูทดลองที่จะช่วยครูคิมชินรกวิจัย ‘วิธีทรมานอย่างสร้างสรรค์’ ’
ฉัน เผ่าเสือทั้งสาม และลูกหลานเสือเงิน เพิ่งมาถึงคฤหาสน์ส่วนตัวของประธานวังมยองโฮ
ไม่แน่ใจว่ามีใต้ดินกี่ชั้น แต่ตึกหลังนี้สูงห้าชั้น
‘กำแพงทองคำกับสวนเขาวงกต… ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นของจริง เคยเห็นแต่ฉากหลังไกลลิบๆ จากในเกม’
หลังจากผ่านด่านตรวจความปลอดภัย ฉันถูกนำทางเข้าไปในตัวบ้าน
เมื่อเดินผ่านกรอบประตู บางสิ่งพุ่งตรงมาหาฉันทันที
บ๊อก! บ๊อก!
บนพื้นหินอ่อนธรรมชาติสีขาว
ลูกสุนัขสีขาวโพลนเหมือนกับหินอ่อน วิ่งเข้าหาฉันพร้อมกับกระดิกหาง
มันพยายามตะกุยเท้าสุดแรงด้วยท่าวิ่งแปลกๆ
หางกระดิกแรงจนฉันกลัวว่าจะเสียหลักล้ม
‘ขาข้างหนึ่งใส่แผ่นรอง… เพิ่งบาดเจ็บที่ขามาหรือไง’
ทันใดนั้น ความรู้สึกเดจาวูพลันท่วมท้นสมอง
ลูกสุนัขขนปุย
ขากะเผลกหนึ่งข้าง
ฉันเผลอตะโกนเรียนชื่อในเกมของมัน
“เจ้าก้อนสำลี!”
เจ้าก้อนสำลีคงสนิทกับแบคโฮกุนมาก เพราะมันเอาแต่เดินคลอเคลียรอบขาเขา
“เจ้าก้อนสำลี?”
แบคโฮกุนตอบด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรสักเท่าไร พลางยกกอดเจ้าก้อนสำลีขึ้นมาอุ้ม
ดูเหมือนเจ้าของลูกสุนัขที่อันดาอินเคยเห็น จะไม่ใช่ใครนอกจากแบคโฮกุน
แบคโฮกุนเป็นอีกหนึ่งคนที่วิ่งขึ้นลงเขาปีกสวรรค์เป็นประจำ
คงเก็บเจ้าก้อนสำลีได้ระหว่างนั้น
“มันชื่อบ่วงต่างหาก”
แบคโฮกุนพูดพลางลูบหัวเจ้าก้อนสำลี
เป็นความอบอุ่นที่ดูไม่เข้ากับสีหน้าเย็นชาเลยสักนิด
เจ้าก้อนสำลีคงชอบให้ทำแบบนี้ เพราะมันเอาแต่กระดิกหางเหมือนมอเตอร์
ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า เสือตัวที่กำลังกอดน่ากลัวเพียงใด
แบคโฮกุนคงดูแลมันอย่างดี แบบนั้นค่อยโล่งใจหน่อย
“บ่วง?”
ปลอกคอของเจ้าก้อนสำลีมีป้ายเขียนว่า ‘บ่วง’ เป็นภาษาเกาหลี
บ่วงที่มีอีกความหมายว่ากับดัก
ตั้งชื่อเจ้าก้อนสำลีตามกับดักล่าสัตว์เนี่ยนะ?
“ใช่”
เมื่อเห็นฉันไม่ละสายตาจากเจ้าบ่วง แบคโฮกุนยื่นมันมาทางฉัน
เจ้าบ่วงแลบลิ้นเล็กน้อยเพื่อโปรยความน่าลุ่มหลง
ราวกับกำลังอ้อนวอนให้ฉันกอด
‘ก็ได้ ฉันจะกอดแกเอง!’
ฉันรับเจ้าบ่วงไว้แล้วลูบหัวอย่างทะนุถนอม
หางอันนุ่มฟูและอบอุ่นตีแขนฉันเป็นระยะ
‘เข้าใจแล้วว่าทำไมอันดาอินถึงหลงเสน่ห์นัก’
น่ารักขนาดนี้ ฉันไม่สนแล้วว่าจะชื่อเจ้าก้อนสำลีหรือบ่วง
“เจ้าบ่วง! ยินดีที่ได้รู้จักนะ~”
บ๊อก! บ๊อก!
ขณะฉันเล่นกับเจ้าบ่วง ทั้งสามคนหันมามองด้วยสายตาประหลาดใจ
เสือขาวอาจดูสงบ แต่เสือแดง เสือเหลืองและลูกหลานเสือเงินกำลังเบิกตากว้าง
“โชอึยชิน…”
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้าบ่วงเล่นกับมนุษย์…”
“เขาเป็นมนุษย์แน่หรือ…?”
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์? เจ้าก้อนสำลี… เจ้าบ่วงคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์?
ลูกสุนัขที่ตายเพราะกินยาฆ่าแมลงในเกม แท้จริงแล้วเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์?
ใช่ความหมายเดียวกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์ไหม?
เหตุใดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถึงตายเพราะกินยาฆ่าแมลง?
เราเคยคิดมาตลอดว่า เพราะมีเสือเหลืองคอยปกป้องเขตอึนกวางอยู่แล้ว ที่นี่จึงไม่ต้องการสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ชอบวิ่งเล่นบนภูเขาตามลำพัง แต่เสือขาวไปพบว่ามันกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่ จึงไม่อยากปล่อยเอาไว้… ตอนนี้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์แทบไม่หลงเหลือจิตวิญญาณเดิมแล้ว อ่อนแอจนจะถูกมนุษย์ฆ่าตายตอนไหนก็ไม่แปลก ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว”
เสือแดงอธิบายด้วยใบหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อ
“ปกติแล้วสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในเขตอึนกวางจะไม่เป็นมิตรกับมนุษย์ ถึงตอนนี้จะสูญเสียจิตวิญญาณไปก็เถอะ แต่นี่เป็นครั้งแรก…”
ฉันไม่ใช่คนแรกในหมู่มนุษย์สักหน่อย
เพราะในเกม ความน่ารักของเจ้าก้อนสำลีละลายหัวใจที่เย็นชาของอันดาอินได้
“พวกเราสืบจนพบทราบสาเหตุที่มันอ่อนแอแล้ว… เส้นเลือดของภูเขาปีกสวรรค์กำลังถูกบางสิ่งก่อกวน ตอนนี้เรากำลังดำเนินการสืบสวนเชิงลึก… ในระหว่างนี้ หากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เสียชีวิต ดินบนภูเขาปีกสวรรค์ก็จะเสื่อมสภาพลง และเส้นเลือดภูเขาจะตายอย่างสมบูรณ์ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังปกป้อง”
อย่างนี้นี่เอง
ภายในเกม เมื่อเวลาผ่านไป ต้นไม้บนเขาปีกสวรรค์จะค่อยๆ เหี่ยวเฉาและแห้งตาย แผ่นดินทยอยเน่าเปื่อย
ฉันเคยเข้าใจว่ามันคือเซตติ้งของเกมเพื่อเพิ่มอรรถรสความโศกา
แต่ในความจริง ภูเขาเหี่ยวเฉาเพราะเส้นเลือดถูกทำลาย ต้นเหตุมาจากการตายของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถูกเด็กเปรตที่สอบเข้าอย่างผิดกฎวางยาฆ่าแมลง
“ถ้าตั้งชื่อให้มันและคอยดูแลเป็นอย่างดี ไม่นานจิตวิญญาณจะหวนกลับมา และกลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้อีกครั้ง”
ฉันลูบหัวเจ้าบ่วงขณะฟังคำพูดเสือขาว
‘เส้นเลือดบนภูเขาปีกสวรรค์… ภูเขาตั้งอยู่ในเขตโรงเรียน และในโรงเรียนก็มีบาเรียล้อมรอบ… แล้วคนร้ายตัดเส้นเลือดได้ยังไง?’
ในฐานะผู้เล่นเดนตายของเกมกากแห่งชาติ ฉันพอจะเดาสาเหตุได้
บ๊อก! บ๊อก!
“ไปกันเถอะเจ้าบ่วง~”
“…สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เข้ากับโชอึยชินได้ดีจริงๆ”
เจ้าบ่วงไม่ยากลงจากอ้อมกอดฉัน จึงต้องอุ้มเดินไปทั้งอย่างนั้น
จนกระทั่งพวกเรามาถึงห้องรับแขกของชั้นหนึ่ง
เป็นห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราจนน่าประทับใจ โทนสีของเครื่องเรือนถูกทำให้หมองลงเล็กน้อยจะได้ไม่แสบตาเกินไป ทั้งที่ส่วนใหญ่มีสีทองเป็นส่วนประกอบ
มองผิวเผินจะคล้ายกับห้องทำงานท่านประธานบนตึกเงินจรัส
เสือเฒ่ารายนี้มีรสนิยมดีทีเดียว…
ขณะชื่นชม ฉันนั่งลงบนโซฟาหนังยัดนุ่นที่มีขาเป็นทองเหลืองขัดเงา
วี๊!
เมื่อหย่อนก้นลงบนโซฟาแสนสบาย หุ่นยนต์สาวใช้ล้ำสมัยทำการนับจำนวนแขก แล้วเสิร์ฟชากับเครื่องดื่มอัตโนมัติ
‘เอาของแบบนี้มารับแขกเลยหรือ’
ชาเอิร์ลเกรย์รมควันจากซัพพลายเออร์ของราชวงศ์อังกฤษ และเค้กแคร์รอตแฮนด์เมดที่มีท็อปปิ้งเป็นแยมส้ม
ชุดถ้วยชาจีนเพนต์มือขลิบทอง 22k
หรือแม้แต่แท่นวางเค้กก็ยังเป็นงานเลี่ยมทอง
‘สมแล้วที่เป็นห้องรับแขกของคฤหาสน์วังมยองโฮ หรูหราว่าห้องประธานใหญ่อีก’
แต่ไม่มีใครหยิบขึ้นมาดื่ม
‘เราเปิดให้เอง’
ฉันยกชาขึ้นมาจิบโดยไม่มีเสียง
เจ้าบ่วงคอยชูคอราวกับต้องการให้ลูบหัว
ลำบากฉันต้องใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวลูกสุนัข และอีกข้างถือถ้วยชา พลางใช้ความคิดอย่างใจเย็น
‘เผ่าแท้และลูกหลานเผ่าแท้สามารถจดจำกันและกันได้… หมายความว่าลูกหลานเสือเงิน ไม่เคยเจอกับเผ่าเสือสามคนนี้มาก่อน’
เหตุใดเผ่าเสือถึงไม่ล่วงรู้การมีอยู่ของลูกหลานเสือเงิน?
แล้วเผ่าหมีไปเอาข้อมูลมาจากไหน?
ในหัวฉันเต็มไปด้วยคำถาม
“โชอึยชิน นายคาดเดาอุบัติเหตุได้ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเผ่าหมีและลูกหลานเผ่าเสือสินะ”
วังจีโฮเปิดประเด็นด้วยการยิงคำถาม
“ใช่… ถ้าฉันรู้คงขอความช่วยเหลือจากเผ่าเสือแต่แรกแล้ว”
ผู้จู่โจมคือเผ่าหมีห้าคน
ถ้าคิดจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ก็คงต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดต่อสู้อย่างดุเดือดกลางถนน
เหนือสิ่งอื่นใด ซาวอลเซอึมที่มาโรงเรียนสายก็จะถูกลากมาพัวพันด้วย
“นายรู้อนาคตในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ละเอียดนัก… อาจด้วยพลังของแสงประทานหรือสกิล หรือปัจจัยที่ฉันคิดไม่ถึง…”
วังจีโฮมองหน้าฉันพลางพึมพำ
ต้องไม่ลืมว่าฉันเป็นคนสนับสนุนให้เขา ‘ลองเดาดูเอง’
“ขอบใจมาก โชอึยชิน หากไม่มีนาย ลูกหลานเผ่าเสือคงไม่รอดแน่”
นึกว่าเขาจะซักไซ้มากกว่านี้ ผิดคาดพอสมควร
วังจีโฮที่สัมผัสถึงความคิดฉัน เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
สีหน้าอาจดูซุกซน แต่บรรยากาศรอบตัวสุขุมลุ่มลึกกว่าปกติ
“ฉันอายุห้าพันปีแล้ว รู้ว่าเส้นไหนควรข้ามและไม่ควร”
นี่รู้แล้วจริงหรือ?
คำพูดดังกล่าวคาอยู่ที่คอ แต่ฉันตัดสินใจไม่เปล่งออกไปเพื่อรักษาบรรยากาศ
วังจีโฮหันไปทางลูกหลานเสือเงิน
น้ำเสียงที่ใช้คุยกับเด็กม.ต้น ฟังดูค่อนข้างเย็นชา
“มาหาข้าสินะ แล้วต้องการอะไรล่ะ”
“ข้าพูดต่อหน้าเขาได้หรือ”
ลูกหลานเสือเงินชำเลืองมาทางฉัน
ฉันเป็นมนุษย์คนเดียวที่นี่
คงลำบากใจที่จะพูดบางเรื่อง
ฉันควรจึงออกไปก่อน รอให้เขาคุยกันเสร็จแล้วกลับเข้ามาใหม่
“ตกลง เสร็จแล้วเรียกด้วยล่ะ…”
ทันใดนั้น ใครบางคนจับไหล่ฉันที่เตรียมลุกจากโซฟา แล้วก็กดให้นั่งลงไปตามเดิม
แหมะ!
เมื่อมองไปตามท่อนแขน ฉันพบเสือขาว
“โชอึยชิน นี่คือเรื่องราวของเด็กที่เจ้าช่วยชีวิตไว้ เจ้ามีสิทธิ์ได้ฟัง”
คิดไม่ถึงว่าจะถูกเสือขาวหยุดไว้
เมื่อหันไปมอง ทั้งเสือเหลืองและเสือแดงต่างพยักหน้ารับ
ดูเหมือนว่าเผ่าเสือทั้งสามจะยินยอมให้ฉันฟัง
ได้เห็นปฏิกิริยาของเผ่าเสือ ลูกหลานเสือเงินเปิดปากทันที
“…ก็ตามที่ท่านเสือเหลืองดูออก ข้าคือลูกหลานของเสือเงิน ซึ่งเป็นผู้นำเผ่าเสือร่วมกับท่านเสือเหลือง เสือขาว และเสือแดงตั้งแต่เมื่อห้าพันปีก่อน”
ผู้ปกครองคาบสมุทรเกาหลีในตอนนั้นคือเทพมนุษย์ และผู้ปกครองเผ่าเสือคือเสือเงิน
ถ้าจะเปรียบก็คงทำนอง เทพมนุษย์คือกษัตริย์ ส่วนเสือเงินคือหัวหน้าอัศวิน
“ท่านแม่ของข้าสืบเชื้อสายโดยตรงจากเสือเงิน ปีนี้ข้าอายุสิบหก และยังมีน้องอีกสองคน”
ลูกหลานของเผ่าเสือสามคน? ไม่สิ สี่คน
สี่คนหากนับรวมแม่เข้าไปด้วย
เคยได้ยินว่าเผ่าแท้มีลูกยากมาก เด็กทั้งสามคนถือเป็นกรณีหายากสุดๆ
“พวกเราถูกฝากฝังให้เผ่ากระต่ายแห่งพันธมิตรสิบสองจักรราศีดูแล แต่ไม่รู้ว่าข้อมูลรั่วไหลได้อย่างไร จึงถูกเผ่าหมี เผ่าแท้ไม่ทราบชื่อ และเอนามีลอบจู่โจม”
เผ่ากระต่ายคอยปกป้องลูกหลานเสือเงิน?
เผ่ากระต่ายคือเจ้าของร้านขนมต็อกหรูหรานามว่า ‘ขนมต็อกกระต่ายจันทร์’
‘มีเผ่าแท้นอกจากเผ่าหมีร่วมโจมตีด้วยสินะ… คงเป็นคนทรยศจากพันธมิตรสิบสองจักรราศี’
ในเวลาเดียวกัน เสือแดงกับวังจีโฮที่ได้ฟังเรื่องราวจากปากลูกหลานเสือเงิน เผยความโกรธโดยไม่ปิดบัง
“เจ้าพวกกระต่ายเก็บความลับเก่งนักนะ…”
“ทุกปีในช่วงเทศกาล พวกเขาจะคอยส่งขนมต็อกกระต่ายจันทร์มาให้ตรงเวลาเสมอ ตอนแรกคิดว่าเป็นน้ำใจ ที่แท้ก็ทำไปเพราะรู้สึกผิดสินะ”
ฉันสัมผัสถึงความโกรธจากวังจีโฮกับเสือแดงได้ชัดเจน
เป็นฉันก็คงโกรธถ้าถูกปิดบังเรื่องสำคัญมานานขนาดนั้น
ลูกหลานเสือเงินเล่าต่อ
“ข้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน… ก่อนหน้านี้ได้รับความช่วยเหลือจาก ‘เบื้องบน’ ในการสร้างบาเรียก็จริง แต่บาเรียอาจทนได้ไม่ถึงพรุ่งนี้ ลูกหลานอย่างเราสามคนจึงต้องแยกย้ายกันไปซ่อนตัวที่อื่น แต่ข้าตัดสินใจหนีออกโดยไม่บอกเผ่ากระต่าย”
“…แล้วทำไมเพิ่งจะมาขอความช่วยเหลือ?”
ได้ยินวังจีโฮกัดกรามถาม ลูกหลานเสือเงินรีบก้มหน้าคำนับ
“แม่ของเราที่ตายไปหลังจากให้กำเนิดน้องเล็ก คอยย้ำเตือนเราเสมอว่า อย่าทำตัวอ่อนแอด้วยการไปขอความช่วยเหลือจากเหล่าพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์… ท่านแม่บอกว่าพวกท่านจะคอยปกป้องเราก็จริง แต่เราจะกลายเป็นจุดอ่อนของพวกท่านแทน… นั่นคือเหตุผลที่ข้ากับน้องๆ เอาแต่ซ่อนตัว”
โครม!
เครื่องเรือนและพื้นใกล้ๆ กับเก้าอี้หัวโต๊ะของวังจีโฮพังยับเยินทันที
‘ไม่เคยเห็นวังจีโฮแสดงอารมณ์รุนแรงขนาดนี้มาก่อน’
คนแม่ที่เป็นลูกสาวของเสือเงินตายไปแล้ว?
หมายความว่าตอนนี้เหลือหลานสามคนสินะ
“ลูกสาวของเสือเงิน… ไม่อยากจะเชื่อว่าข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้”
ถ้าเป็นลูกสาวของบุคคลที่เสือเหลืองเคารพ เขาคงมองไม่ต่างจากลูกในไส้ตัวเอง
ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ ย็อมจุนยอลที่เป็นลูกหลานเผ่ามังกร ได้รับการปกป้องราวกับไข่ในหินโนเวลกูดอทคoม
“ข้าพยายามติดต่อกับท่านเสือเหลืองผ่านอุปกรณ์แล้ว แต่เป็นเรื่องยากที่เข้าหาท่านประธานได้โดยตรง ข้าจึงต้องมาพบด้วยตัวเอง”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กม.ต้นจะติดต่อประธานมูลนิธิวังมยอง
ฉันเองก็คงทำไม่ได้ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากจูเก่อแจกอล
ดูเหมือนว่าเผ่ากระต่ายจะทำได้แค่ซ่อนตัวอยู่หลังบาเรีย คงออกมาติดต่อกับเสือเหลืองโดยตรงไม่ได้เช่นกัน
‘นี่คือเหตุผลที่เขาต้องเสี่ยงชีวิตออกมาขอความช่วยเหลือ แต่สำหรับในเกม ภารกิจลงเอยด้วยความล้มเหลว’
ในเพลเมโก เผ่ากระต่ายถูกพรรณนาไว้ว่าเสื่อมโทรมลงอย่างมาก
จริงอยู่ CEO ของขนมต็อกกระต่ายจันทร์ซึ่งเป็นผู้นำเผ่ากระต่าย อาจรอดชีวิตไปได้อีกนาน
แต่เผ่ากระต่ายส่วนใหญ่คงตายเรียบในเหตุการณ์นี้
‘…ถ้าวังจีโฮไม่เคลื่อนไหว เห็นทีเราต้องลงมือเอง’
ขณะฉันเริ่มกังวล วังจีโฮข่มเสียงพูด
“บอกมาว่าเผ่ากระต่ายอยู่ไหน ข้าจะส่งร่างแบ่งภาคไปพร้อมกับเสือแดง รวมถึงเผ่าเสือทุกคนในมูลนิธิวังมยอง”
“ท่านเสือเหลือง…!”
“เจ้า เสือขาว และโชอึยชินอยู่ที่นี่ไปก่อน บางทีอาจยังมีหน่วยไล่ล่าหลงเหลืออยู่”
โดยไม่พูดอะไรต่อ วังจีโฮลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกห้องพร้อมกับเสือแดง
น่าเสียดายที่ฉันไม่มีส่วนร่วม แต่ก็เข้าใจได้ เพราะนั่นอาจไปขัดขวางทีมเวิร์คของเผ่าเสือ
จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรออยู่ที่นี่ตามคำแนะนำของวังจีโฮ
ในห้องเหลือแค่ฉัน เสือขาว ลูกหลานเสือเงิน และเจ้าบ่วง
‘เกร็งฉิบ’
ไม่มีทางที่แบคโฮกุนผู้เงียบขรึมจะชวนคุยเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
ลูกหลานเสือเงินก็กำลังกลัว
‘ถึงจะไม่ใช่มนุษย์ แต่เขายังอายุแค่สิบหก’
ตลอดทางที่เสี่ยงชีวิตมาจนถึงโรงเรียน หัวใจคงเต็มไปด้วยความกลัว
ร่างกายและจิตใจคงกำลังอ่อนล้าสุดขีด
หมับ
ฉันเผลอเกร็งมือโดยไม่รู้ตัว
เจ้าบ่วงในอ้อมแขนดิ้นแผ่วเบา
ลูกหลานเสือเงินจ้องสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในมือฉัน
“เอ้า”
ฉันพูดกับเขา
“ลองอุ้มดูไหม”
ฉันยื่นเจ้าบ่วงไปทางลูกหลานเสือเงิน
มันคงชอบความรู้สึกขณะกำลังลอย เจ้าบ่วงแลบลิ้นพร้อมกับส่ายหาง
ลูกหลานเสือเงินจ้องเจ้าก้อนสำลีไม่วางตาก่อนจะพยักหน้า
“ถ้าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อนุญาต…”
เมื่อฉันยกมันเข้าไปใกล้ เจ้าบ่วงกะพริบตาพลางจ้องหน้าลูกหลานเสือเงิน
มันอาจไม่ได้ทำตัวเป็นมิตรเท่ากับตอนอยู่ต่อหน้าฉันหรือแบคโฮกุน แต่ก็สื่อเป็นนัยว่า ‘จะยอมให้จับก็ได้’
ลูกหลานเสือเงินกอดเจ้าบ่วงทันที
“อ..อุ่นจัง”
เขาลูบหัวเจ้าบ่วงด้วยความทะนุถนอม ราวกับกำลังจับแก้วราคาแพง
ลูกสุนัขหลับตาลงพลางยอมรับการสัมผัสจากทายาทเสือเงิน
‘ดูยังไงก็เหมือนกับเด็กม.ต้นทั่วไป’
เป็นเรื่องยากที่จะจำแนกระหว่างมนุษย์กับลูกหลานเผ่าแท้
แม้แต่ในเกม เหตุการณ์ในวันนี้ก็ยังลงรายละเอียดว่าผู้เสียชีวิตคือ ‘เด็กมัธยมต้น’ ไปจนกระทั่งถึงบทสุดท้าย
‘จากคำพูดของลูกสาวเสือเงิน… จริงอยู่ ถ้าเหล่าพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ต้องคอยปกป้องเด็กๆ พวกเขาอาจต่อสู้ได้ลำบากกว่าเดิม แต่ฉันไม่คิดว่าการขอความช่วยเหลือคือการทำตัวอ่อนแอ’
นับตั้งแต่ถูกส่งมายังโลกใบนี้ ฉันปกป้องไปแล้วหลายชีวิต
สิ่งนี้สร้างคุณค่าให้กับตัวฉัน ที่เคยทำได้แค่นับวันรอความตาย
“การยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเผ่ากระต่ายและน้องๆ … ฉันไม่ได้มองว่านั่นคือความอ่อนแอ”
ลูกหลานเสือเงินมองฉันด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“นายทำได้ดีแล้ว ถ้านายไม่รวบรวมความกล้าหนีออกมา ทั้งน้องๆ และเผ่ากระต่ายอาจถึงจุดจบในไม่ช้า”
ลูกหลานเสือเงินเม้มปากพลางก้มหน้า
หลังจากนั้น ไม่มีใครพูดอะไรอีก
เจ้าบ่วงถูกลูกหลานเสือเงินสวมกอดอย่างอ่อนโยน
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา
วังจีโฮส่งข้อความ
[วังจีโฮ] สถานการณ์สิ้นสุดแล้ว ทุกคนปลอดภัยดี
* * *
รู้ตัวอีกที พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเต็มที
ฉันออกจากคฤหาสน์ของเสือเหลือง โดยฝากลูกหลานเสือเงินไว้กับคิมชินรก
แบคโฮกุนกำลังจะไปที่ตึกเงาเงินซึ่งเป็นสถานที่คุมขังเผ่าหมี ในเมื่อจะกลับโรงเรียนเหมือนกัน พวกเราจึงเดินออกมาพร้อมกัน
“ฉันมีคำถาม”
แบคโฮกุนเป็นคนบอกเองว่า ฉันมีสิทธิ์ได้ฟังเรื่องราว
‘ถ้าเป็นแบคโฮกุน เขาคงยอมฟังสิ่งที่เราพูด แล้วค่อยตัดสินว่าจะตอบหรือไม่ตอบ’
กรุงโซลของโลกปัจจุบันแทบไม่ต่างไปจากโลกของฉัน
แล้วทำไมเขตนี้ถึงถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็นเขตอึนกวาง?
“เขตอึนกวาง โรงเรียนแสงเงิน ตึกเงินจรัส ตึกเงาเงิน ทุกชื่อตั้งเพื่อเชิดชูเสือเงินใช่ไหม”
โดยเฉพาะเสือเหลืองที่ดูจะนับถือเสือเงินเป็นพิเศษ
ถึงกับออกแบบตึกเงินจรัสด้วยตัวเอง
‘เสือเงินหายตัวไป แถมยังซ่อนทายาทไม่ให้เผ่าเสือรับรู้… หลังจากเสือเหลืองกลายเป็นผู้พิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์ เขาตัดสินใจสร้างตึกเงินจรัสเพื่อระลึกถึงเสือเงิน’
นั่นคือการคาดเดาของฉัน
“ใช่”
เดาถูกสินะ
“แปลว่าเสือเงินตายไปแล้ว?”
“ไม่… แต่ลืมตาไม่ได้”
หลับลึก? กลายเป็นผัก?
เฉกเช่นแปดเซียนแห่งหมีแท้บางส่วนที่ต้องหลับลึกเพราะแผนการล้มเหลว
เป็นเหตุผลที่ไม่เคยโผล่มาในเกมเลยสินะ…
ยังเหลือคำถามสุดท้าย
“การที่ลูกหลานเสือเงินขอความช่วยเหลือจากเผ่าเสือ นายมองว่าเป็นความอ่อนแอหรือไม่”
“…ทั้งเสือเหลือง เสือแดง และข้าล้วนเคยเกือบต้องตายเพราะปกป้องเสือเงิน ข้าเข้าใจเหตุผลที่เขาสอนลูกหลานแบบนั้น”
แบคโฮกุนเว้นวรรคแล้วมองฉันด้วยสายตาเย็นชา
“แต่ว่านะ โชอึยชิน ข้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้าพูดกับเด็กคนนั้น”
ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง มุมปากเสือขาวยกขึ้นราวกับกำลังหัวเราะ
แบคโฮกุนพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องโลกและมนุษย์
ฉันเคยกังวลเล็กน้อยที่เขาทำตัวต่างไปในจากในเกม แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไร
‘เขาไม่ได้เปลี่ยนไป’
ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายกำลังอารมณ์ดี
ฉันถือโอกาสถามเรื่องสำคัญ
“เอ่อ… ฉันขอแวะไปเยี่ยมเจ้าก้อน… เจ้าบ่วงเป็นครั้งคราวได้ไหม”
“ตามสบาย”
พูดเองนะ
ทุกครั้งที่คิดถึงความน่ารักของเจ้าบ่วง ฉันจะแอบเข้าบ้านเสือเหลืองไปกอดมัน
* * *
เขตหวงห้ามของโรงเรียนแสงเงิน
เขตที่เต็มไปด้วยอาคารเรียนเก่าๆ ซึ่งมีกำหนดรื้อถอน
เนื่องจากทางโรงเรียนกำลังเร่งมือสืบสวนหาสาเหตุที่สภาพดินบนภูเขาเริ่มเสื่อมโทรม จึงยังไม่มีเวลารื้อถอนเตาเผาขยะกับอาคารหลังเก่า
เอพริลฟูลของฉันยังไม่จบ แม้จะเสียเวลาไปมากกับลูกหลานเสือเงิน
‘พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ยังทันเวลา’
สำหรับวันที่ 1 เมษายน พระอาทิตย์จะตกประมาณหนึ่งทุ่ม
ตอนนี้ยังแค่หกโมงสี่สิบ
‘จากในคำอธิบาย พวกมันจะลงมือหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว’
แต่ว่า
เมื่อครู่กลับมีเด็กปีหนึ่งสองคน กำลังวิ่งออกจากอาคาร
พวกมันคือสองคนที่ฉันนำชื่อไปถามกับอูซังฮุน
แย่ล่ะสิ
‘พวกมันลงมือเร็วกว่าในเกม!’
〈ท่านใช้แสงประทาน ‘เส้นทางเพลเยอร์’ 〉
การ์ดตัวละครที่ฉันเลือก คือบุคคลที่มีสกิลสำหรับจับกุม
ปัจจุบันเป็นนักเรียนปีสามของโรงเรียนแสงเงิน และยังดำรงตำแหน่งประธานนักเรียน
‘ลิ่มเหล็กกล้า’ โดวอนอู
〈ท่านใช้แสงประทานของเป้าหมาย ‘โซ่เหล็กกล้าพันธนาการ’ 〉
ชิ้งชิ้งชิ้ง—
ปึด!
โซ่วิเศษนับสิบนับร้อยเส้นพุ่งออกจากร่างกายฉันไปจับพวกมันสองคน
“อ…อะไร! ใครวะ! หือ…? ซูเปอร์โนว่าไร้นาม!”
“เฮ้ย…! คิดจะทำอะไร!”
ฉันไม่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์
เขตหวงห้ามไม่มีกล้องวงจรปิด
และฉันก็ไม่รังเกียจที่จะเผยใบหน้าให้พวกเดนมนุษย์เห็น
‘เพราะอีกเดี๋ยวพวกมันก็ลืมหมดแล้ว’
ฉันลากทั้งสองคนไปกับพื้นตามทางเดินอาคารเรียนเก่า
พวกมันพยายามหนี แต่ไม่มีทางที่เด็กซึ่งต้องจ่ายใต้โต๊ะถึงจะสอบผ่าน จะดิ้นหลุดจากอำนาจของประธานนักเรียนคนปัจจุบัน
พวกมันกรีดร้องทุกครั้งที่หัวโขกกับบันไดหรือธรณีประตู
“หยุดเห่าสักที ไอ้พวกลูกหมา”
〈ท่านใช้สกิลของตัวละครเป้าหมาย ‘กระแสไฟฟ้าบางจุด’ 〉
เปรี้ยะ!
“อ๊ากกกก!”
“อั่ก…!”
เดิมที โดวอนอูไม่มีพรสวรรค์ด้านไฟฟ้า
แต่เพื่อให้แสงประทานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เขาทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักจนกระทั่งได้มาครอบครอง
สกิลแขนงของศาสตร์แห่งไฟฟ้า
เป็นสกิลที่สามารถปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าเฉพาะจุดที่ต้องการ
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
“ทำไม…!”
ฉันคอยจ่ายกระแสไฟฟ้าทุกครั้งที่พวกมันเห่า จนกระทั่งไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ไม่ว่าจะร้องดังแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีใครมาช่วย
เหมือนกับเด็กนักเรียนที่ถูกพวกมันรังแก
‘ทำไมถึงลงมือเร็วกว่าในเกมล่ะ…’
ทันใดนั้น ฉันนึกถึงครูประจำชั้นปีหนึ่งห้องหนึ่ง คิมชินรก
เขาเลิกคาบเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อมาพบลูกหลานเสือเงินที่คฤหาสน์เสือเหลือง
‘เมื่อไม่มีครูประจำชั้น พวกมันก็เลยโดดคาบเร็วกว่าปกติ’
แผนลอบสังหารของเผ่าหมีหน้าประตูโรงเรียนแสงเงิน
การมาโรงเรียนวันแรกของซาวอลเซอึม
การดำรงอยู่ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
ลูกหลานเสือเงิน
วันนี้ในหัวฉันเต็มไปด้วยข้อมูล ก็เลยเผลอมองข้ามรายละเอียดเล็กน้อยไป
ตอนนี้คงต้องเร่งมือแล้ว
ในที่สุดก็เดินมาถึงห้องน้ำชั้นสี่ของตึกเรียนเก่า
‘เขตที่ปิดตายมีแค่ด้านในสุดเท่านั้น’
โครม!
ฉันกระแทกประตูห้องน้ำเข้าไป
ด้วยพละกำลังของประธานนักเรียนโดวอนอู กับแค่การพังประตูห้องน้ำไม่ใช่เรื่องยาก
และด้านหลังประตู นักเรียนคนหนึ่งกำลังนั่งบนโถส้วม
ปากถูกพันด้วยเทปสีฟ้า ร่างกายถูกพันธนาการด้วยอุปกรณ์รัดเกรด SR
—
MasterGU.edited = ยกเจ้ากอด, สู้แล้วอย่าง, ความข้าม->ควรข้าม, เรื่องจากที่->เรื่องยากที่