เม็งเฮียวทงรู้สึกคิดผิดทันทีที่กระโดดถึงพื้น
‘ไอ้รองหัวหน้าเวร!’
ทีมไล่ล่าที่เป็นบริวารเผ่าหมีสแตนบายรออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อหน้าต่างบานใหญ่แตก พวกมันไล่กวดเม็งเฮียวทงทันทีที่มีสั่ง
เพลเยอร์ SAT-K ตอบสนองต่อเอนามีทันทีก็จริง แต่ดาวเทียมของสมาคมเพลเยอร์นั้นไม่
‘กว่าจะฆ่าได้สักตัวก็แทบรากเลือดแล้ว!’
ทีมไล่ล่าคือเอนามีประเภทเดียวกับที่เม็งเฮียวทงต้องสู้บนสังเวียนไฟต์คลับ
คราวก่อนเขาเกือบตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป
ที่รอดมาได้ก็เพราะไอเท็มฟื้นฟู แต่เขากลับต้องซื้อมันในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดหลายเท่า จนต้องเป็นหนี้ก้อนโตไม่จบสิ้น
ลงเอยด้วย เม็งเฮียวทงต้องขึ้นชกในแมตช์เสี่ยงชีวิตมากขึ้น และยิ่งพอกหนี้ขึ้นจากเดิม
ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งถลำลึกไปลงในบ่อโคลน
“โฮก!”
เอนามีตัวหนึ่งกระโจนใส่โดยเล็งไปที่แขนของเม็งเฮียวทง
เขาหลบพ้นอย่างหวุดหวิด แต่ก็มิอาจวิ่งหนี
เพราะรู้ตัวอีกที เม็งเฮียวทงถูกเอนามีล้อมไว้ทุกทิศ
“ชิ…!”
เอนามีตัวอื่นไม่รีบร้อนกระโจนใส่เม็งเฮียวทง
พวกมันเอาแต่จ้องเขาเป็นเวลานาน
ราวกับกำลังเย้ยหยันสถานการณ์ที่น่าอดสูของยอดนักสู้ร่างเล็ก
“เห็นเป็นของเล่นรึไง! ไอ้พวกเอนามีเวร!”
เปรี้ยง!
เสียงตะโกนของเม็งเฮียวทงดังผสมปนเปกับเสียงสายฟ้า
‘อย่างน้อยก็ต้องฆ่าให้ได้มากที่สุด!’
เม็งเฮียวทงกัดกรามแน่นเพื่อเตรียมทำศึก
ท่ามกลางสถานการณ์ที่สิ้นหวังและคาดเดาอะไรไม่ได้
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ลูกธนูจำนวนมากถูกยิงมาจากทิศทางหนึ่ง
พวกมักเสียบทะลุขาเอนามีแล้วปักยึดไว้กับพื้น
ราวกับเป็นการยิงเพื่อช่วยเหลือเม็งเฮียวทง
‘ใคร…!’
เมื่อลองตั้งใจมอง เขาพบว่าลูกศรถูกยิงมาจากประตูทางเข้าหลักของโรงเรียนแสงเงิน
‘…ฝนตกหนักขนาดนี้ มืดขนาดนี้ ลมแรงขนาดนี้ ยิงหลายสิบนัดโดยไม่พลาดเป้าเลยได้ยังไง!’
สภาพแวดล้อมมืดมาก และฝนตกหนักจนผิวหนังระคายเคือง ลมแรงจนต้นไม้สั่นไหว
เป็นสกิลที่เหนือจินตนาการเกินไปต่อให้คำนึงว่าเป็นผลจากพลังพิเศษ
จนอดสงสัยไม่ได้ว่า
นี่เรากำลังเห็นภาพหลอนรึไง?
[วิ่งไปที่ประตูหน้าของโรงเรียนแสงเงิน]
คำพูดรองหัวหน้าห้องผุดขึ้นมาพร้อมกับคำถาม
เสียงของโชอึยชิน รองหัวหน้าห้องที่ปลอมตัวเป็นชายสูงวัย ดังก้องอยู่ในหัวเป็นเวลานาน
เม็งเฮียวทงลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพื่อวิ่งท่ามกลางสายฝน
แฉะ! แฉะ!
ฟ้าวฟ้าว! ฟ้าว!
ระหว่างเม็งเฮียวทงกำลังวิ่ง ศรแห่งแสงยังคงกระหน่ำใส่ฝูงเอนามี
ศรแสงที่อัดแน่นไปด้วยพลังพิเศษ แหวกอากาศราวกับมิติแห่งนี้ปราศจากพายุฝน สายลม หรือสายฟ้าโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งพุ่งเสียบร่างบริวารเผ่าหมีอย่างแม่นยำ
ได้ยินเสียงทะลุทะลวงของลูกศร
ตามด้วยเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของเอนามี
เสียงฉากหลังที่ดังผสมกับเสียงฝนตก ดังพอๆ กับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นของเขา
ตึกตัก!
เอนามีตัวที่ถูกศรทะลวงร่างนับสิบหนจนกลายเป็นเม่น ในที่สุดก็ล้มลง
กระทั่งตัวที่บาดเจ็บเล็กน้อยก็ยังไล่ตามเม็งเฮียวทงไม่ทัน เพราะมันถูกยิงที่ขา
บริวารเผ่าแท้ไม่มีอำนาจในการไล่ล่าเม็งเฮียวทงอีกต่อไป
เด็กหนุ่มค่อยๆ ก้าวเท้าออกจากนรก
‘เป็นไปไม่ได้… ทำไมกัน…’
ด้วยทัศนวิสัยที่ไม่สมบูรณ์ เขามองเห็นประตูทางเข้าโรงเรียนแสงเงินที่อยู่ห่างออกไป
ท่ามกลางพายุฝน เม็งเฮียวทงมองเห็นหอนาฬิกาสีขาวที่กำลังส่องแสงสลัว
ด้านบนหอนาฬิกามีมือธนูกำลังกระหน่ำยิงศรแสงลงมา
“วิ่งเข้ามาเร็ว! เม็งเฮียวทง!”
มือธนูในเสื้อกันฝนสีดำตะโกนบอกเม็งเฮียวทง
เด็กหนุ่มเค้นพละกำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อสปรินต์
จนในที่สุดก็ข้ามเขตประตูรั้วโรงเรียนแสงเงินสำเร็จ
ตึง!
เม็งเฮียวทงที่เป็นนักเรียนของโรงเรียนแสงเงินสามารถผ่านเข้ามาได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่ใช่กับเอนามี
เพียงพริบตาเดียว มือธนูในเสื้อกันฝนสีดำทยอยปลิดชีพเอนามีที่ ‘เป็นอัมพาต’ ชั่วขณะจากผลของบาเรีย
กึก!
หลังจากเอนามีตัวสุดท้ายล้มลง
มือธนูในชุดกันฝนกระโดดลงจากหอนาฬิกาแล้วเดินไปทางเม็งเฮียวทง
เม็งเฮียวทงทรุดตัวนั่งบนแอ่งน้ำขังอย่างไร้เรี่ยวแรง
‘เข้ามาแล้ว… เราเข้ามาในโรงเรียนแสงเงินแล้ว…!’
ความรู้สึกปลอดภัยเอ่อล้นไปทั้งร่าง
เม็งเฮียวทงโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เป็นความรู้สึกที่ห่างหายไปนานมาก
“ครูได้ยินจากโชอึยชินแล้ว”
เม็งเฮียวทงตระหนักได้ทันที
ว่ามือธนูในชุดกันฝนสีดำคนนี้คือฮัมกึนยอง—ครูประจำชั้นปีหนึ่งห้องศูนย์ที่รองหัวหน้าห้องพูดถึง
“เม็งเฮียวทง… เพิ่งเคยมาโรงเรียนใช่ไหม”
ฮัมกึนยองถอดเสื้อกันฝนสีดำที่มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนออก แล้วนำมันไปคลุมตัวเม็งเฮียวทง
เด็กหนุ่มไม่กล้าเงยศีรษะ เพราะแม้จะคลุมด้วยเสื้อกันฝนแล้ว แต่ใบหน้าของเขายังมีฝนตกไม่หยุด
คำพูดของรองหัวหน้าห้องโชอึยชินดังกังวานอีกครั้ง
[ฉันไม่ได้มาคนเดียว นอกจากฉันแล้วยังมีฮัมกึนยอง ครูประจำชั้นของเรา… เขารอช่วยนายอยู่]
“ครูครับ…”
นานแล้วที่เม็งเฮียวทงไม่ได้เรียกใครว่า ‘ครู’
“เม็งเฮียวทง บาดเจ็บตรงไหนไหม”
แต่ไหนแต่ไร เขาเคยรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ใต้น้ำตลอดเวลา
แต่ละวันต้องพยายามอย่างหนักเพื่อสนองปัจจัยสี่
ในหัวเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้
ความรุนแรงในครอบครัวมีแต่จะยิ่งเพิ่มขึ้น
ไฟต์คลับเปรียบดังนรกที่คอยเพิ่มยอดหนี้
ความจริงอันหนักอึ้งกดทับเม็งเฮียวทงในทุกวันจนหายใจได้ลำบาก
‘ทำยังไงดี… เราควรทำยังไง…’
โลกของเด็กหนุ่มเม็งเฮียวทงมีแค่พ่อและโรงเรียน แต่เขาไม่มีเพื่อนหรือครูที่สนิท
เม็งเฮียวทงไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์และหนังสือเรียน รวมถึงไม่มีเงินสำหรับทัศนศึกษา
เด็กที่ไม่มีเงินอย่างเขา เด็กร่างเล็กที่สู้เก่งอย่างเดียว ท้ายที่สุดแล้วจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เขาจินตนาการภาพที่ตัวเองต้องกินอาหารกลางวันคนเดียวออก
‘…ครู’
ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ครูประจำชั้นตอนม.ต้นปีสามเป็นคนดีมากๆ
เขาคือคนทุ่มเทที่ลงทุนไล่อ่านเงื่อนไขการสมัครสอบเข้าแบบพิเศษเป็นหมื่นๆ ฉบับ จนกระทั่งเจอคุณสมบัติที่ตรงกับเม็งเฮียวทง ส่งผลให้ยอดนักสู้ที่คิดจะเลิกเรียนต่อม.ปลายคนนี้ พบโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนแสงเงินแบบพิเศษได้โดยไม่ต้องชำระค่าเทอม
เมื่อโรงเรียนแสงเงินประกาศผลสอบ ครูคนนั้นถึงกับหลั่งน้ำตา
เขาเป็นคนที่ซื่อตรงและอ่อนไหว ถ้าได้รู้เรื่องราวในปัจจุบันของเม็งเฮียวทง คงทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยใช้หนี้
นั่นคือเหตุผลที่เม็งเฮียวทงไม่กล้าเล่าสถานการณ์ของตัวเองให้ฟัง
‘เราชินกับการไม่มีใครให้พึ่งพิง…’
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เม็งเฮียวทงรู้สึกว่ามีคนสามารถช่วยเหลือตนได้อย่างแท้จริง
โชอึยชิน รองหัวหน้าห้องที่บุกเข้าไปในนรกแห่งนั้น
และฮัมกึนยอง ครูประจำชั้นที่ช่วยปกป้องเขาจากสัตว์อสูรนับสิบ
บางที ถ้าเป็นสองคนนี้อาจช่วยได้
เม็งเฮียวทงอ้าปากโดยไม่รู้ตัว
“…ช่วยผมด้วย”
จากนั้นก็ปิดปากสนิท
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
“ได้สิ”
ฮัมกึนยองตอบรับในทันที
ได้ยินเช่นนั้น เม็งเฮียวทงไม่ยอมลุกขึ้นเป็นเวลานาน ทั้งที่กำลังนั่งบนแอ่งน้ำขังอันชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝน
ครูประจำชั้นของเขา ฮัมกึนยอง เป็นฝ่ายยืนรอให้นักเรียนลุกขึ้นมาเอง
* * *
ท่ามกลางสายฟ้าและหมอกสีแดงที่ปกคลุมอาคาร ฉันเห็นลูกศรแสง
แสงประทานของฮัมกึนยอง ‘เนตรและธนูแสงของนักลอบยิง’ เกิดจากการหยิบยืมสายตาและธนูศักดิ์สิทธิ์จาก ‘เบื้องบน*’ ที่โด่งดังด้านการลอบยิง
(ขอเปลี่ยนจาก ‘ตัวตนอันสูงส่ง’ → เบื้องบน)
‘ฮัมกึนยองต้องปกป้องเม็งเฮียวทงได้แน่’
โรงเรียนแสงเงินคือสถานศึกษาของเพลเยอร์ระดับหัวกะทิจากทั่วทั้งประเทศ
และที่นั่น ‘หัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียน’ ต้องคอยดูแลและให้คำแนะนำการใช้ชีวิตกับนักเรียน
จึงเป็นธรรมดาที่ครูที่เก่งกาจที่สุด จะถูกคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียน
คงไม่ใช่เรื่องดีนักถ้าครูแนะแนวเพลเยอร์ จะมีฝีมืออ่อนแอกว่านักเรียน
‘เขาคือตัวละครที่ควบคุมได้ที่อายุขัยค่อนข้างยืนยาวหากเทียบกับคนอื่น และนั่นไม่ใช่เพราะโชคช่วย’
ฉายาเพลเยอร์ของฮัมกึนยองคือ ‘ศรสวรรค์’
‘นักลอบยิงที่มีสายตาราวกับส่องลงมาจากสวรรค์’
นั่นคือที่มาของฉายา
ฮัมกึนยองถือเป็นคลาสโจมตีระยะไกลที่ยิงได้หนักหน่วงติดระดับท็อป
เขาคอยประคองชีวิตตัวเองให้รอด พลางมอบความช่วยเหลือแก่กลุ่มตัวละครหลัก
‘อาคารหลังนี้อยู่ห่างจากรั้วโรงเรียนไม่ถึงสองร้อยเมตร ไม่ว่าจะมืดหรือลมแรงแค่ไหน แต่ฮัมกึนยองที่อยู่บนหอนาฬิกา สามารถปกป้องเม็งเฮียวทงได้ไม่ยาก’
เม็งเฮียวทงต้องปลอดภัยแน่
ตอนนี้ถึงตาของฉันแล้ว
ทันทีที่เสือแดงได้รับสัญญาณและลงมือระเบิดสายฟ้าสีแดงไปทั่วอาคาร ฉันเริ่มงัดสกิลออกมาใช้ท่ามกลางอาคารที่กำลังถล่มเพราะสายฟ้า
〈ท่านใช้สกิล ‘บิน’ ของตัวละครเป้าหมาย〉
〈ท่านใช้สกิล ‘ควบคุมมิติ’ ของตัวละครเป้าหมาย〉
ทันทีที่ฉันลอยตัวขึ้นท่ามกลางซากอาคารพังถล่ม บาเรียแสงเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างรอบกาย
สกิล ‘ควบคุมมิติ’ มีพลังในการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของมิติ หรือตรึงธรรมชาตินั้นให้อยู่ในสถานะที่ต้องการ
‘ควบคุมมิติ’ คือสกิลแขนงของ ‘ศาสตร์แห่งมิติ’ หนึ่งในคุณสมบัติหลักคือการสร้างบาเรีย
‘พลังของทายาทคนโปรดของราชันเทพมังกร…’
ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในร่างของ ‘ยงเจกอน’ ด้วยพลัง ‘เส้นทางเพลเยอร์’
ยงเจกอนมีชื่อเล่นว่า ‘ครูยง’ —เผ่ามังกรนิสัยประหลาดที่มาเป็นครูในโรงเรียนแสงเงินเพียงเพราะความบันเทิง
‘ขนาดว่านี่เป็นเวอร์ชันลดเลเวลที่เกิดจากการทำสัญญากับเสือเหลือง…’
ยงเจกอนยอมทำพันธสัญญาลดเลเวลตัวเอง เพื่อให้ได้เป็นครูในโรงเรียนแสงเงิน
ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว เขาต้องตายไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้แสดงพลังที่แท้จริง ระหว่างเนื้อเรื่องช่วงที่ทำให้แฟนเดนตายของเพลเมโกพากันเลิกเล่น
‘มีผู้เล่นไม่น้อยหงุดหงิดกับการตายของเขา เพราะครูยงได้รับความนิยมพอๆ กับเสือแดง’
ยงเจกอนเป็นตัวละครควบคุมได้เพียงหนึ่งเดียวที่มีสกิลบิน ป้องกัน และจับในคนเดียว ถึงแม้จะอายุค่อนข้างมากแล้วก็ตาม
แสงประทานของเขาจะสูบพลังงานอย่างมาก ดังนั้นถ้าไม่จำเป็น ฉันจะใช้แค่สกิลไปก่อน
‘ห้ามใช้แสงประทานพร่ำเพรื่อเด็ดขาด’
แผนทำลายอาคารดำเนินไปอย่างราบรื่น ระหว่างนั้นฉันก็ปิดกั้นมิติด้วยพลังของยงเจกอน
‘เสือแดงทำงานได้ดีมาก’
ระหว่างที่ฉันติดต่อกับเม็งเฮียวทง เสือแดงแอบไปเตรียมการเบื้องต้นเพื่อถล่มตึก
เมื่อฉันส่งสัญญาณ สายฟ้าสีแดงผ่าลงมายังจุดที่กำหนดไว้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะต้นเสา คาน หรือเหล็กเส้น จนตึกทั้งหลังพังถล่มอย่างเลือดเย็น
การทำลายตึกที่สร้างอย่างผิดหลักการและไม่ได้มาตรฐานตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องยากเย็นแต่อย่างใดโนlวลกูดอทคoม
เสือแดงบรรจงล้อมอาคารด้วยควันแดง เพื่อไม่ให้คนในหนีออกไปได้ และป้องกันมิให้ซากอาคารถล่มใส่ตึกข้างเคียง
เปรี้ยง! บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม ครืนนน!
อ๊าากกก!
‘เป็นพวกนักทำลายสินะ’
เสือแดงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก
ดีจนน่ากลัว
ตึกทั้งหลังถล่มเร็วกว่าที่ฉันเคยคำนวณไว้
ตอนแรกคิดว่าจะถล่มเสร็จภายในสิบห้านาที แต่นี่ยังไม่ถึงสิบนาทีก็ใกล้เสร็จแล้ว
ประหนึ่งว่าตั้งใจทุบตึกหลังนี้มาก
‘ก็เผ่าเสือล่ะนะ’
อาคารหลังนี้ถือเป็นหลักฐานความเสื่อมทรามที่ชเวย็อนทึกและสมาชิก VIP นำพาเข้ามา
ถ้าจะจับก็ต้องคาหนังคาเขา ก็ต้องลงมือจับกุมภายในตึกหลังนี้
แต่ถ้าถล่มเข้ามาตรงๆ โดยไม่ลอบแทรกซึม เม็งเฮียวทงจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย และอาจต้องเสียเวลาปะทะกับครูฝึกสัตว์เผ่าหมีและบริวารอีกหลายสิบของมัน
‘และถ้าลงเอยแบบนั้น คงยากที่จะจับกุมเพลเยอร์ทุกคนได้’
แผนของฉันก็คือ
ขั้นแรก เล็งลงมือในวันเกิดของเจ้าของตึก—ชเวย็อนทึก ซึ่งมีบุคคลสำคัญและแขก VIP มารวมตัวกันพร้อมหน้า
ขั้นที่สอง ช่วยให้เม็งเฮียวทงหนีรอด
ขั้นที่สาม ขจัดทีมไล่ล่าซึ่งเป็นบริวารของเผ่าหมี
ขั้นที่สี่ ปิดตายอาคารแล้วถล่มทิ้งเพื่อจับกุมแขกทั้งหมด
เสือแดงมีหน้าที่แค่ผนึกและทำลายอาคารทั้งหลัง ส่วนงานอื่นๆ เป็นของฉัน
“กรี๊ดดดด!”
“หลบไป! หลบไป!”
“ถล่มแล้ว! ถล่มแล้ว!”
“ช่วยด้วย!”
บรรดาลูกค้าและพนักงานบางคนที่แต่งตัวอนาจาร เผ่นหนีพลางงัดสกิลส่วนตัวออกมาใช้
จริงอยู่ที่ลูกค้าทุกคนเป็นเพลเยอร์ แต่พวกเขาก็ยังอ่อนแอกว่านักเรียนของโรงเรียนแสงเงิน แถมยังเป็นพวกขี้เหล้าเมายา
ย่อมมิอาจสำแดงฤทธิ์เดชใดได้ต่อหน้าสายฟ้าของเผ่าเสือ
‘ดีล่ะ’
หมอกสีแดงคอยปกคลุมด้านนอกหน้าต่างจนไม่มีใครหนีออกไปได้ ขณะเดียวกัน กระแสไฟฟ้าสีแดงไหลไปทั่วพื้นอาคารที่กำลังพังถล่ม
แหล่งอบายมุขเสื่อมโทรมที่โสมมราวกับนรก ถูกเปลี่ยนให้เป็นนรกสายฟ้าของจริง
‘นี่สินะ ความรู้สึกของการได้ทำลายสิ่งที่น่ารังเกียจ’
ฉันสนุกสนานไปกับความโกลาหลและสิ้นหวังของพวกเขา
โดยเฉพาะเมื่อประตูและบันไดเสียหายจนใช้การไม่ได้ ความอลหม่านยิ่งเพิ่มทวีคูณ
“อย่าตื่นตระหนกนักสิ ทุกคนเป็นเพลเยอร์ไม่ใช่รึไง”
ฉันมอบคำแนะนำที่ไม่มีใครสนใจจะฟัง
ก่อนหน้านี้ฉันขอร้องให้เสือแดงใช้ควันห่อหุ้มจุดสำคัญของคนที่ไม่ได้เป็นเพลเยอร์ เพื่อไม่ให้คนเหล่านั้นตายไปอย่างไร้ค่า
‘แน่นอนว่าเพลเยอร์ไม่มีสวัสดิการนี้’
ซนมินกิที่เป็นแค่เด็กม.ต้น ยังรอดชีวิตมาได้แม้แขนขาจะถูกบดขยี้
ต่อให้ตึกหลังนี้ถล่มโดยสมบูรณ์ แต่ก็จะไม่มีเพลเยอร์คนใดตาย
แต่ก็คงเจ็บปวดเจียนตาย จนบางครั้งความตายอาจรู้สึกสบายกว่า
“ชเวย็อนทึก นายไม่คิดแบบนั้นบ้างหรือ”
ฉันพูดกับชเวย็อนทึกที่ถูกตรึงไว้ด้วยศาสตร์แห่งมิติ
แผนขั้นที่ห้า ทำลายชั้นเจ็ดและชั้นแปดเพื่อจับตัวชเวย็อนทึก
สิ่งแรกที่ต้องเล็งทำลายคือพื้นของชั้นแปด ‘ห้อง VIP’ ซึ่งเป็นเพดานของชั้นเจ็ด ‘ไฟต์คลับ’
ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับเป็นชเวย็อนทึกให้ได้
“ก…แกรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นใคร! ฉ…ฉัน!”
ดูเหมือนชเวย็อนทึกจะยังไม่ได้สติ
เขาลองใช้พลังพิเศษของตัวเองทำลายศาสตร์แห่งมิติ แต่พลังที่อยู่ในมือฉันตอนนี้เป็นของเผ่ามังกร
ไม่ใช่สิ่งที่เพลเยอร์ต่ำทรามจะทำลายได้โดยปราศจากอาวุธชั้นเลิศ
‘ไอ้เวรนี่อ่อนแอกว่านักเรียนบางคนอีก แต่ที่ยังรอดอยู่ในโรงเรียนได้เพราะเส้นสาย ธุรกิจสีเทา และการปลอมแปลงเอกสาร’
ยิ่งเห็นความชั่วชัดเจนเมื่อนำไปเทียบกับครูดีๆ อย่างจูเก่อแจกอลและฮัมกึนยอง
“ชเวย็อนทึก หลังจากนี้ฉันทำในสิ่งที่แกไม่ชอบเอามากๆ”
ฉันบินขึ้นไปยังห้องลับบนชั้นแปดที่เคยเห็นจากในเกม
เป็นการนัดแนะกับเสือแดงไว้ล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เขาเผลอทำลายห้องนี้เข้า
“ม…มะ…หมายความว่ายังไง… อั่ก…!”
ระหว่างที่กำลังบิน ฉันใช้สกิลควบคุมมิติจับเขาทุ่มใส่เศษซากอาคารที่พังถล่ม
สกิลบินช่างสะดวกดีจริงๆ
‘น่าจะอยู่แถวๆ นี้’
ระหว่างนั้น ฉันลากชเวย็อนทึกกลับขึ้นมาและพาไปยังส่วนลึกสุดของห้อง VIP
เมื่อเห็นบานประตูลับ เขาออกท่าทางลนลานทันที
“ค…คิดจะทำอะไร! ไอ้ปีศาจ!”
“ยังจะมีอะไรอีก? ฉันจับศัตรูได้ ก็ต้องได้รับรางวัลสิ”
ศีรษะของชเวย็อนทึกถูกกระชากขึ้นมาเพื่อใช้สแกนม่านตา
บี๊บ!
บานประตูที่ดูธรรมดาค่อยๆ เปิดออก
ด้านในเป็นพื้นที่ประมาณสิบพยอง
กล่องขุมทรัพย์ที่เต็มไปด้วยเงินสดและการ์ดไอเท็ม วางเรียงรายจนเกือบเต็มห้อง
“คงเหนื่อยมามากเลยสินะ… ขอบใจมาก”
ฉันจับหัวของชเวย็อนทึกกดลงกับพื้นด้วยศาสตร์แห่งมิติ พลางยื่นมืออีกข้างไปทางกล่อง
จากนั้น กล่องอันตรธานหายไปในหน้าต่างไอเท็มของเมนูพิเศษ
เมื่อเห็นกล่องขุมทรัพย์หายไปต่อหน้าต่อตา ชเวย็อนทึกกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด
ฉันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็น ‘ไอเท็มที่ครอบครอง’ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น เสียงข้อความระบบดังขึ้น
〈ท่านครอบครองอาวุธครบ 500 ชนิด〉
เกิดอะไรขึ้น?
〈เลเวลของสกิล ‘สรรพภัณฑ์’ เพิ่มจาก 1 เป็น 2〉
“ฮะ…”
ทำไมกันล่ะ?
ฉันไม่ได้ใช้อาวุธสักหน่อย
สิ่งที่ใช้มีแค่เส้นทางเพลเยอร์ที่จำแลงกายเป็นยงเจกอน
ถ้าอย่างนั้น เหตุผลที่เลเวลสกิลเพิ่ม…
“ฮะฮะฮะ!”
ดูเหมือนเลเวลสกิลจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนอาวุธที่ครอบครอง
โบนัสที่ไม่คาดฝันทำให้ฉันอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
ชเวย็อนทึกจ้องหน้าฉันด้วยความเจ็บปวดและโกรธที่ถูกปล้นทรัพย์สิน
“ท…ทำไมกัน… ทำไม!”
ชเวย็อนทึกถูกลงโทษเพราะก่อกรรมทำชั่ว แต่กลับทำหน้าตกตะลึงเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
จริงสิ หมอนี่ถูกสายฟ้าของเสือแดงผ่าเข้าจริงๆ …
ฉันที่กำลังมีความสุขเพราะพัฒนาการของสกิล ตัดสินใจมอบคำใบ้
“แกไม่รู้จักฉัน?”
“ฉ…ฉันต้องรู้จักแกด้วยรึไง? จะสูงส่งสักแค่ไหนกันเชียว!”
“เห็นหน้ากากนี่แล้วยังจำไม่ได้อีกหรือ”
ขณะตอบ ฉันจ้องรอยแผลเป็นบนฝ่ามือชเวย็อนทึก
ในงานประมูลมายา ฉันเคยสลักตราประทับของซีเดเลนเที่ยมรูปอีกาไว้บนฝ่ามือชเวย็อนทึก
“คนที่สลักรูปอีกาลงบนมือแกยังไงล่ะ”
ชเวย็อนทึกเผยสีหน้าประหลาดใจสุดขีด
“จ…จอมโจรผาแดง…!”
ชื่อที่น่าอับอายแบบนั้น อย่าพูดเสียงดังจะได้ไหม
ผลั่ก!
ฉันสับท้ายทอยของชเวย็อนทึกทันที
ฝ่ายหนึ่งไม่ดูแลร่างกาย ส่วนอีกฝ่ายคือเผ่ามังกร เดาได้ไม่ยากว่าผลลัพธ์จะลงเอยเช่นไร
ใบหน้าชเวย็อนทึกกระแทกกับพื้นอย่างแรง และเมื่อเงยกลับขึ้นมา ฉันพบว่าฟันหน้าแตกไปสองซี่
ภาพดังกล่าวไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกสงสารแม้แต่น้อย
ฉันมีความแค้นกับชเวย็อนทึกมาตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว
“แกรู้ไหมว่ามีผู้เล่นเพลเมโกเลิกไปกี่คนเมื่อต้องเจอกับระบบฝึกสอนเวรนั่น!”
“พ…พูดเรื่องอะไร…!”
“ไม่ต้องเข้าใจหรอก เป็นแค่ไอ้ลูกหมาโง่ๆ ต่อไปดีแล้ว”
ผู้เล่นเดนตายของเกมกากแห่งชาติเป็นพวกแค้นฝังลึก
ภายใต้หน้ากาก ฉันหัวเราะอย่างมีความสุขเป็นเวลานาน
มนุษย์มักกลัวภัยพิบัติที่ตัวเองไม่เข้าใจ รวมถึงความรุนแรงที่ไม่ทราบสาเหตุ
ชเวย็อนทึกที่หวาดกลัวเพราะเห็นฉันทำตัวเหมือนคนบ้า ตัดสินใจปิดปากเงียบสนิท
ถึงจะเห็นว่ายิ้มอยู่ แต่สมองของฉันยังคงประมวลผลอย่างมีระเบียบแบบแผน
‘ไม่ควรจับส่งตำรวจเหมือนกับซนมินกิหรือบยอนซุนโฮ’
ชเวย็อนทึกไม่ควรถูกตัดสินด้วยกฎหมาย
ฉันไม่คิดจะปล่อยให้มันดำรงชีวิตอยู่ในโลกด้านสว่าง
‘ชเวย็อนทึกมีเส้นสายที่เหนือกว่าสองคนนั้นหลายขุม อย่างดีก็ติดคุกหลายปีแล้วออกมาเสพสุขกับทรัพย์สินที่ฉ้อโกงมา’
ปล้นมาขนาดนั้น มันไม่มีทางซ่อนทรัพย์สินทั้งหมดไว้ในที่เดียวแน่
‘ให้เสือแดงจัดการก็แล้วกัน’
ใจกลางแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเสือ ชายคนนี้แอบใช้ตำแหน่งครูเพื่อร่วมมือกับเผ่าหมี
บุคคลที่เสือแดงอยากระบายอารมณ์มากที่สุดในเวลานี้ คงไม่ใช่ใครนอกจากชเวย็อนทึก
‘มันคงหายตัวไปตลอดกาลหลังเหตุการณ์จบลง… ตามที่คนอื่นเข้าใจล่ะนะ’
ครุ่นคิดอยู่สักพัก ฉันเตรียมกลับไปสมทบกับเสือแดง
ฟ้าว!
ประสาทสัมผัสของฉันจดจ่ออยู่กับกระแสลมที่พุ่งเข้ามาใกล้ทันที
ใครบางคนคิดจะจู่โจมฉัน
ฉันได้กลิ่นกระแสลมชั่วร้ายที่ลอยปลิวไปตามซากอาคาร
ระบบไม่ได้แจ้งเตือน
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่เอนามี
ศัตรูคือเผ่าแท้
‘คนฝึกสัตว์ของเผ่าหมีมาแล้วสินะ!’
เผ่าแท้ผู้เป็นเจ้าของสัตว์อสูรสัตว์เลี้ยงที่โจมตีเด็กสอบเข้า รวมถึงเป็นเจ้าของพวกที่กระโจนออกไปนอกหน้าต่าง
ฉันเดาว่าพวกมันจะต้องมาชื่นชมสัตว์เลี้ยงที่ฟูมฟักอย่างยากลำบากแน่
นี่คือหนึ่งในบุคคลที่ต้องจับให้ได้วันนี้
‘ถึงจะไม่มีเสือแดง แต่แค่ยื้อเวลาไปจนถึงตึกถล่มคงไม่ใช่เรื่องยาก’
แม้ระยะเวลาการใช้ ‘เส้นทางเพลเยอร์’ จะลดลงมาก แต่ฉันตัดสินใจงัดแสงประทานของเผ่ามังกรออกมาปกป้องตัวเอง
ขณะกำลังกระตุ้นแสงประทานของยงเจกอน
ฟ้าว!
บุคคลที่ทั้งฉันและผู้ฝึกสัตว์เผ่าหมีคาดไม่ถึง พุ่งเข้ามาแทรกกลางพร้อมกับดาบใหญ่ในมือ
แผ่นหลังของชายคนหนึ่งสะท้อนบนกระจกตาฉัน
แผ่นหลังที่เห็นมาตลอดสิบปี
‘มาทำอะไรที่นี่…!’
แบคโฮกุน
ตรงหน้าฉัน แบคโฮกุนกำลังเผชิญหน้ากับเผ่าหมีด้วยดาบ ‘ตัดสายฟ้าผ่าเมฆา’
—
MasterGU.edited = เป็นไม่ได้->เป็นไปไม่ได้, ประจำฉัน->ประจำชั้น, อยู่ในขี้เหล้า->เป็นพวกขี้เหล้า, จูกัดแจกอล->จูเก่อแจกอล