“รองหัวหน้าห้อง…”
เม็งเฮียวทงจ้องบัตรนักเรียนของฉันด้วยสายตาว่างเปล่า
มือเผลอบีบชายเสื้อนอกโดยไม่รู้ตัว
แรงบีบทำให้ชุดนักเรียนที่รีดมาอย่างดีเริ่มมีรอยยับ
“…แล้วไอ้รองหัวหน้าห้องเวรมาทำอะไรที่นี่? แถมหน้าตาก็ยังไม่เหมือนในรูป ไอ้แก่!”
“ก็ต้องปลอมตัวมาอยู่แล้ว… นี่… ไปเรียนเถอะ สัดส่วนการเข้าเรียนของห้องเราต่ำมาก”
ตัวละครที่ฉันเลือกใช้จากเส้นทางเพลเยอร์ในคราวนี้เป็นผู้ใหญ่
ใบหน้าใต้หน้ากากที่เผยมาเกือบครึ่ง บ่งบอกชัดเจนว่าฉันไม่ใช่เด็กม.ปลาย
“โรงเรียนแสงเงินสามารถเรียนจบได้โดยไม่ต้องเข้าเรียน แกจะมาห่วงสัดส่วนการเข้าเรียนไปทำไม?”
“แต่ครูประจำชั้นเป็นกังวล หัวหน้าห้องก็เป็นกังวล”
“แล้วไง? ฉันไม่รู้จักพวกมันด้วยซ้ำ”
“ก็เข้าเรียนสิ จะได้รู้จัก”
“เฮ่อะ! ใครสนกัน”
ยิ่งได้พูดคุย ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่านี่คือบทสนทนาที่เหมาะสมแล้วสำหรับเด็กห้องศูนย์
เม็งเฮียวทงปิดปากเงียบพลางก้มหน้า
“ไสหัวไป”
“ฉันรู้น่า ถ้านายหนีออกไปจะถูก ‘ทีมไล่ล่า’ ตามจับตัวสินะ”
เม็งเฮียวทงสะดุ้ง
“…รู้ด้วย? เป็นรองหัวหน้าห้องที่จมูกดียังกับหมา”
เม็งเฮียวทงยังคงก้มหน้า
ฉันยื่นการ์ดใบหนึ่งให้
“ก่อนจะขึ้นเวที ทำลายหน้าต่างบานใหญ่ที่สุดแล้วกระโดดออกไป การ์ดใบนี้จะช่วยในการร่อนลง”
การ์ดไอเท็มที่ฉันให้ไปคือ ‘ผงปีกภูตลมระดับต่ำ’
มีคุณสมบัติช่วยให้ลอยในอากาศนานห้าวินาที
คนส่วนใหญ่ใช้เพื่อร่อนลงมาจากที่สูง
อย่างไรก็ดี เม็งเฮียวทงไม่ยอมรับการ์ด
“ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไงว่าพวกมันมีทีมไล่ล่า! แถมยังเป็นถึงบริวารของเผ่าแท้… ฉันหนีไปไหนไม่ได้จนกว่าจะใช้หนี้หมด…”
หางเสียงของเขาแผ่วลงเรื่อยๆ
ความดุดันเจือก้าวร้าวในตอนแรกบรรเทาลงไปมาก
“เม็งเฮียวทง”
ฉันแตะบ่าเขา
ถึงจะตัวเตี้ย แต่ไหล่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ สมแล้วที่เป็นยอดนักสู้
ดูเหมือนเขากำลังโหยหาบางสิ่ง
เม็งเฮียวทงที่ฉันเคยควบคุมในเกม เป็นตัวละครที่บุกต่างโลกเคียงบ่าเคียงไหล่กับจูซูย็อกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ฉันไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้
จึงตบไหล่แผ่วเบาหนึ่งครั้ง เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น ฉันฝืนยัดการ์ดใส่ในมือ
“หลังจากร่อนลงถึงพื้น รีบวิ่งไปทางประตูหน้าของโรงเรียนแสงเงิน ที่จะมี…”
หลังจากฟังฉันพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ดวงตาอันก้าวร้าวของเม็งเฮียวทงสั่นไหวเล็กน้อย
ไม่มีคำสบถหรือด่าทอตามมา
“ฉันไม่ได้มาคนเดียว นอกจากนั้นก็ยังมี…”
ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เม็งเฮียวทงเผยสีหน้าตกตะลึงพลางบีบการ์ดในมือไว้แนบแน่น
* * *
เมื่อใกล้เที่ยงคืน ไฟต์คลับบนชั้นเจ็ดเริ่มมีคนพลุกพล่าน
แขกทยอยเพิ่มจำนวนเป็นระยะ พนักงานที่แต่งตัวเป็นเด็กเสิร์ฟเดินถือแก้วแชมเปญกันขวักไขว่
‘ใกล้จะเริ่มแล้วสินะ’
บนโซฟาริมขอบสังเวียน ฉันนั่งปะปนอยู่กับพวกมัน
เมื่อหย่อนก้นถึงพื้น คานาเป้ผลไม้กับแชมเปญถูกเสิร์ฟลงตรงหน้าทันที
ไม่ใช่แค่นั้น สาวสวยในชุดบันนี่เกิร์ลที่เป็นเด็กเสิร์ฟพยายามนั่งลงด้านข้าง ฉันจึงรีบโบกมือไล่กลับไป
‘ใช้เยาวชนเป็นนักสู้ทาสในไฟต์คลับ โดยให้แขกดื่มกินพลางเสพสุขกับสาวๆ ติดขอบเวที?’
ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพราะคำอธิบายในเกมไม่ละเอียดนัก คล้ายกับถูกเซนเซอร์ไว้
งานประมูลมายายังแสร้งสวมหน้ากากเป็นผู้ดี แต่ที่นี่ไม่ใช่เลย
ระยำ… มีแต่พวกระยำเต็มไปหมด ที่นี่คือดินแดนระยำโทเปียรึไง?
โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยพวกขยะ
‘ใกล้ถึงเวลาแล้ว’
เที่ยงคืนตรง
กลายเป็นวันใหม่แล้ว
ลูกบอลดิสโก้บนเพดานเริ่มหมุนทันทีที่เปลี่ยนวัน
เพลงอวยพรวันเกิดสไตล์ EDM ถูกเปิดพร้อมกับแสงไฟที่ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
“วันนี้เป็นวันเกิดของบอส! พวกเรามาฉลอง!”
ผู้คนเริ่มส่งเสียงโห่ร้องเมื่อเห็นพิธีกรเดินขึ้นไปบนสังเวียนในสภาพสวมโบหูกระต่ายชิ้นเดียว
ฉันเกือบตาบอดเพราะชุดเวรนี่
‘เชี่ย… นี่มันเรื่องบ้าอะไร!’
ปกติแล้วต้องมีสัญญาณเตือนก่อนจะโชว์ความอุบาทว์ให้ดูไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงโพล่งขึ้นมาโทงๆ?
ฉันปิดปากสนิทพลางจินตนาการถึงสิ่งสวยๆ งามๆ ในหัว
‘บ้าจริง… คิดอะไรไม่ออกเลย’
ภาพเดียวที่นึกออก คือเม็งเฮียวทงผู้กำการ์ดไว้ในมืออย่างหวงแหนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ขณะสูดลมหายใจยาว ภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่ถูกฉายบนสังเวียน
‘ชเวย็อนทึก…!’
บนโฮโลแกรม ชเวย็อนทึกกำลังสวม ‘แค่’ หน้ากากที่มีเค้กวันเกิดเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งดูอัปลักษณ์ไม่ต่างจากพิธีกรเลยสักนิด
พิธีกรบรรยายต่อทันทีที่เพลงประสานเสียงวันเกิดจบลง
“อาจมีเหตุอื้อฉาวเกิดขึ้นในวันปีใหม่! แต่นั่นไม่มีทางเกิดขึ้นกับเราแน่นอน! ทั้งนี้ต้องขอบพระคุณบอสเป็นอย่างสูง!”
หลายคนที่นี่มีเอี่ยวกับงานประมูลมายา
จริงอยู่ วันนั้นมีผู้ร่วมงานถูกจับคาหนังคาเขาได้นับร้อยคน
แต่ก็มีคนที่หลบหนีออกมาได้เหมือนชเวย็อนทึก รวมถึงคนที่ถูกปล่อยตัวในภายหลังด้วยเหตุผลต่างๆ
‘คราวนี้มันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว’
ภายในตึกหลังนี้ เกือบทุกคนเป็นเพลเยอร์ยกเว้นพนักงานร้าน
อย่างน้อยที่สุด พวกมันจะถูกขับออกจากสถานะเพลเยอร์ถาวร และผู้ที่ไม่มีสถานะเพลเยอร์จะถูกดำเนินคดีทางอาญา
“เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของบอส! วันนี้จะมีศึกหยุดโลกอันน่าตื่นเต้นให้ทุกคนได้รับชม! การต่อสู้มือเปล่าระหว่างเด็กหนุ่มกับสัตว์เลี้ยงของเผ่าแท้!”
เงาของเม็งเฮียวทงปรากฏขึ้นตรงมุมหนึ่งของสังเวียน
ส่วนอีกฝั่ง…
สัตว์อสูรที่มีหน้าตาคล้ายคลึงไลโนเซรอนที่ฉันฆ่าไปในวันสอบเข้า
“มุมน้ำเงิน! สัตว์อสูรของเผ่าหมีผู้เป็นแขกพิเศษของบอสเรา! สัตว์อสูรสัตว์เลี้ยง ไลโนเซรอนหมายเลข 109! กล่าวกันว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเอนามีที่บุกโจมตีโรงยิมในวันสอบเข้าของโรงเรียนแสงเงินเสียอีก!”
ว่ายังไงนะ…?
กำลังจะบอกว่าทุกคนที่นี่รู้อยู่แล้ว เรื่องที่ชเวย็อนทึกมีเอี่ยวกับเผ่าหมี ซึ่งอยู่เบื้องหลังการจู่โจมโรงเรียนแสงเงินในวันสอบเข้า?
มันใช่เรื่องที่ควรนำมาโอ้อวดไหม
“สำหรับคู่ต่อสู้ของสัตว์อสูรตัวนี้… บรรดาลูกค้าผู้มีใจรักไฟต์คลับทุกท่านคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว! เด็กหนุ่มสุดอึดที่เคยเกือบเสียแขนไปหนึ่งข้าง! คนบ้าผู้ยังยืนหยัดบนสังเวียนได้แม้จะถูกทะลวงไส้! หนุ่มคลั่งผู้รอดชีวิตมาได้แม้จะเคยถูกสัตว์อสูรบดขยี้ขาทั้งสองข้าง!”
ทั้งที่เป็นแค่เด็กม.ปลายปีหนึ่ง แต่กลับผ่านอะไรมามากเหลือเกิน
คนบ้าไม่ใช่เม็งเฮียวทงหรอก แต่เป็นพวกแกต่างหาก
“มุมแดง! ยอดนักสู้หัวกะทิ นักเรียนเพลเยอร์จากโรงเรียนแสงเงินอันทรงเกียรติ!”
สปอตไลท์ฉายไปหาเม็งเฮียวทง
แต่เขากลับไม่เดินขึ้นสังเวียน
และไม่ได้ตรงไปทางหน้าต่าง
ท่ามกลางแสงจ้า เม็งเฮียวทงเอาแต่ก้มหน้า
“…”
มัวลังเลอะไรอยู่?
ฝูงชนมองเม็งเฮียวทงด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
‘เร็วเข้าสิ! กระโดด!’
ถ้าเม็งเฮียวทงไม่หนีไป ฉันต้องแก้ไขแผนการทั้งหมดใหม่
ในกรณีเลวร้ายอาจต้องเลื่อนปฏิบัติการไปเป็นวันอื่น
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ชเวย็อนทึกและบรรดาแขก VIP จะมารวมตัวกันพร้อมหน้าเช่นนี้
‘ถ้าต้องเลื่อนออกไป… ครั้งหน้าอาจรอนานถึงครึ่งปี!’
ทันใดนั้น nᴏveʟɢu.ᴄᴏᴍ
เม็งเฮียวทงเงยหน้าพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
เสียงของเขาดังยิ่งกว่า MC ที่พูดผ่านไมโครโฟน จนไม่อยากเชื่อว่าร่างเล็กๆ นั่นจะมีพลังเสียงขนาดนี้
“กูไม่อยู่แล้วโว้ย! ไอ้พวกเวร!”
เม็งเฮียวทงวิ่งปรี่ไปทางหน้าต่างราวกับสัตว์ร้าย
ทั้งที่กำลังอยู่ในตัวอาคาร แต่ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงลมแหวก
เพล้ง!
“กรี๊ดดดด!”
“อ…อะไร!”
“ฮ…เฮ้ย!”
เมื่อเม็งเฮียวทงกระโดดทะลุหน้าต่างที่ติดฟิล์มหนาๆ ออกไป ลมฝนจากภายนอกเริ่มพัดเข้ามา
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมากจนแขกที่นั่งอยู่แถวนั้นถูกเศษกระจกบาดโดยไม่ทันตั้งตัว
‘เยี่ยมมาก! เม็งเฮียวทง!’
ฉันลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม
ถึงเวลาที่ฉันต้องเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน เพื่อตอบแทนความกล้าหาญของเขา
ย่างกรายไปทางสังเวียนอย่างไม่รีบร้อน
ทีละเล็กละน้อย ฉันเข้าใกล้ชเวย็อนทึกที่กำลังโกรธจัดอยู่บนภาพฉายโฮโลแกรม
“กล้าดียังไง… จับมันมาให้ได้! ไอ้เด็กอกตัญญู! ไม่เจียมกะลาหัวบ้างรึไงว่าใครให้ที่ซุกหัวนอน! ส่งทีมไล่ล่าออกไป! การแสดงวันนี้จะเปลี่ยนเป็น นักเรียนม.ปลายถูกสัตว์อสูรกินทั้งเป็น!”
“ครับบอส! พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้!”
สิ้นเสียง MC ที่พูดผ่านเอียร์ริง ฉันเห็นเอนามีนับสิบกรูกันออกไปทางหน้าต่างบานที่แตก
ตัวจริงของเอนามีคือบริวารของเผ่าแท้
หรือจะพูดให้ชัด เจ้าของเอนามีเหล่านี้ คือตัวการที่ทำให้ครูคิมชินรกซึ่งเป็นผู้คุมสอบต้องปางตาย
‘จังหวะนี้แหละ’
ทีมไล่ล่าที่คอยปกป้องอาคารไม่อยู่แล้ว
ทุกสิ่งเป็นไปตามแผน
‘โชอึยชิน ข้าทำตามที่เจ้าบอกแล้ว’
เสียงของเสือแดงดังมาจากเอียร์ริง
ได้ยินแบบนั้น ฉันกระโดดขึ้นสังเวียนทันที
ชเวย็อนทึกมองมาด้วยสายตาตื่นตระหนก
“ค…คุณลูกค้า? ขึ้นมาบนนี้ไม่ได้นะ…”
ฉันที่อมยิ้มอยู่หลังหน้ากาก จ้องหน้าชเวย็อนทึกในชุดอัปลักษณ์
แม้ตาฉันแทบจะเน่า แต่เมื่อจินตนาการถึงช่วงเวลา ‘เซอไพรส์วันเกิด’ ก็มีความสุขขึ้นมาทันที
“บอส… สุขสันต์วันเกิดนะ… ฉันเตรียมเซอไพรส์มาให้ด้วย”
ทั้งภาษากายและคำพูดของฉันดูไม่สอดคล้องกับบริบท
อีกฝ่ายคงเริ่มเดาได้แล้วว่า ฉันคือตัวต้นเหตุที่ทำให้เม็งเฮียวทงกระโดดหน้าต่าง
ชเวย็อนทึกเปิดปากกว้างพร้อมกับคำราม
“ค…คิดจะทำอะไร! ฉันไม่กลัวหรอกนะ! คิดว่าฉันเป็นใครกัน!!”
“เป็นใครน่ะหรือ? ก็ชเวย็อนทึกไง”
เมื่อชื่อชเวย็อนทึกหลุดออกมา ทั้งชั้นตกอยู่ในความโกลาหลทันที
บางคนเริ่มตั้งท่าต่อสู้
“ก…แกกล้าดียังไงถึงเอ่ยชื่อบอสออกมา!”
“บัดซบ!”
การไม่เปิดเผยตัวตนคือกุญแจสำคัญในการทำเรื่องสกปรก
สิ่งที่ฉันทำเมื่อครู่ คือการเปิดโปงสิ่งที่ถูกปกปิด—ชื่อจริงของบอสของที่นี่ ผู้สูงส่งดุจดังท้องฟ้าและมีเส้นสายกับคนใหญ่คนโต
ดูท่าจะแตกตื่นกันไม่น้อยทีเดียว
ทุกคนเปลี่ยนสีหน้าเพียงเพราะชเวย็อนทึกถูกเรียกชื่อ
ใครบางคนเตรียมใช้สกิล
แต่เนื่องจากที่นี่มีกฎห้ามต่อสู้ในตัวอาคาร หลายคนจึงลังเลและทำได้แค่ยืนจ้อง
‘เหตุการณ์ทำนองเดียวกันเคยเกิดขึ้นเมื่อจูซูย็อกในเกมเริ่มอาละวาด’
ฉันพูดกับชเวย็อนทึกผ่านโฮโลแกรม
“ฉันรู้ว่าแกอยู่ชั้นบน ชเวย็อนทึก”
“ยังไม่หยุดเรียกชื่อฉันอีก! แกเป็นใครวะ! แน่จริงก็ขึ้นมา!”
ชเวย็อนทึกที่โกรธจัดลุกพรวดจากที่นั่ง
หากมองผิวเผิน คำว่า ‘แน่จริงก็ขึ้นมา’ อาจฟังดูเหมือนการพูดด้วยอารมณ์ แต่ความจริงแล้วผ่านการไตร่ตรองมาหลายชั้น
‘ห้อง VIP มีระดับความปลอดภัยสูงมาก ต่อให้พึ่งพาควันแดงก็คงแทรกซึมเข้าไปไม่ได้ และที่นั่นคงมีทางหนีฉุกเฉิน ต้องไม่ลืมว่าชเวย็อนทึกลงทุนกับชั้น VIP มากที่สุด’
แน่นอน ฉันไม่คิดจะลุยตรงๆ เข้าไปที่ชั้น VIP ซึ่งเต็มไปด้วยกับดัก
“ชเวย็อนทึก ตึกหลังนี้ถูกสร้างอย่างผิดกฎหมายไม่ใช่รึไง”
สำเนาทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า ตึกหลังนี้สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เป็นห้างสรรพสินค้า ไม่ใช่เพื่อรองรับกิจกรรมของเพลเยอร์
กฎหมายก่อสร้างของโลกนี้แตกต่างจากเกาหลีที่ฉันรู้จักเล็กน้อย
เพื่อให้ทนต่อกิจกรรมของเพลเยอร์ อาคารที่รองรับเพลเยอร์จะต้องถูกสร้างให้แข็งแรงกว่าปกติ
ส่งผลให้ค่าก่อสร้างสูงขึ้นราวสี่ถึงห้าเท่า
‘แต่ถึงอย่างนั้น พลังพิเศษของผู้เล่นก็ทำลายมันได้ง่ายๆ อยู่ดี’
แม้กระทั่งโรงยิมของโรงเรียนแสงเงินที่ถูกสร้างตามมาตรฐานสาวกด้วยเม็ดเงินมหาศาล ก็ยังได้รับความเสียหายอยู่เนืองๆ จากฝีมือเด็กม.ปลาย
‘เหนือสิ่งอื่นใด ชเวย็อนทึกดัดแปลงอาคารหลังนี้อย่างผิดกฎหมาย’
เมื่อเทียบกับพิมพ์เขียวอาคารที่เสือแดงไปสืบมาได้ อาคารตัวจริงแตกต่างออกไปมาก เป็นหลักฐานยืนยันว่าชเวย็อนทึกแอบดัดแปลงเพื่อกอบโกยเงินจำนวนก้อนโต
ประสิทธิภาพในการรับน้ำหนักและแรงปะทะจึงน้อยกว่าปกติหลายเท่า
“บนอาคารผิดกฎหมายที่สร้างอย่างไม่ได้มาตรฐาน… แกกล้าปล่อยให้เอนามีที่หนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งตันหลายสิบตัววิ่งเพ่นพ่านได้ยังไง?”
ฉันอมยิ้มเมื่อเห็นผนังอาคารเริ่มปริ
อีกไม่นานก็คงถล่มลง
ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าละเลยมาตรฐานความปลอดภัยถึงเพียงนี้
‘หรือเพราะเป็นเพลเยอร์ ก็เลยไม่กลัวตาย?’
ชเวย็อนทึกกะพริบตาราวกับเดาได้ว่าฉันจะพูดและทำสิ่งใดต่อ
แน่นอนว่าฉันไม่รอคำตอบ
“ชเวย็อนทึก… รับไปซะ เซอไพรส์วันเกิดของฉัน!”
เมื่อยกมือขึ้นพร้อมกับดีดนิ้ว สายฟ้าสีแดงผ่าทะลุใจกลางอาคารลงมาทันที