42. ราคาสำหรับเติมเต็มความปรารถนา (3)
* * *
วังจีโฮคิดจะเล่าเรื่องอะไร… ถึงกับต้องกางบาเรียเชียว?
คำนึงจากประเด็นที่วังจีโฮเพิ่งพูดว่า ‘พลังของเขาไม่สมบูรณ์แบบ’ ฉันรีบตัดบท
“เดี๋ยว”
“มีอะไร”
“นายคิดจะบอกจุดอ่อนหรืออะไรทำนองนั้น?”
“ก็ใช่… เรียกว่าจุดอ่อนก็ได้”
วังจีโฮกล่าวในสิ่งที่น่าตกใจได้หน้าตาเฉย
ด้วยเสียงโทนเดียวกับตอนที่พูดว่า ‘ชาต้าหงเผามีรสชาติยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย รสแทบไม่เปลี่ยนแม้ชงไปเก้าครั้ง สมแล้วที่ถูกจักรพรรดิราชวงศ์หมิงขนานนามให้เป็นไหมแดง’ ระหว่างรับชาจากลูกเรือ
คำนึงจากการที่ยังกางบาเรียก่อนพูด เขาไม่ได้เสียสติขนาดนั้น แต่ก็ไม่สมประกอบเช่นกัน
ตาแก่นี่เริ่มฟั่นเฟือนแล้วหรือไง
‘ไม่ฟังดีกว่า’
ถ้าฉันตกอยู่ในเงื้อมมือของจอมบงการแล้วถูกบังคับให้เผยจุดอ่อนวังจีโฮ นั่นคงกลายเป็นปัญหา
ฉันคิดแบบนั้น แต่ไม่นานก็เปลี่ยนใจ
‘คำนึงจากความเคลื่อนไหวของวังจีโฮในเกม สุดท้ายจอมบงการก็คิดแผนจับกุมวังจีโฮได้อยู่ดี’
ภายในเกม วังจีโฮคือผู้สูญเสีย
ในสถานการณ์ดังกล่าว ตัวเขาที่น่าจะบุ่มบ่ามกว่าปัจจุบันพอสมควร หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา
สามารถอนุมานได้ว่า จอมบงการค้นพบวิธีจัดการกับวังจีโฮแล้ว
‘ถ้าลองฟังดู เราอาจจะได้เบาะแสของ ‘วิธีฆ่าวังจีโฮ’ แล้วหาทางแก้ไข’
ไม่เพียงจะไม่ห้ามตาแก่พูดจุดอ่อน ฉันตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการรวบรวมข้อมูลแทน
วังจีโฮไตร่ตรองอยู่สักพักก่อนจะหันมาทางฉัน
“ขอเปรียบพลังของฉันกับหมากรุก”
“หมากรุก?”
วังจีโฮเปลี่ยนคลื่นพลังวิเศษให้เป็นพลังเวท แล้วสร้างกระดานหมากรุกสีทองตรงหน้าพวกเรา ปิดท้ายด้วยการชี้นิ้วไปยังกระดานเปล่า
กระดิกนิ้วหนึ่งครั้ง คิงสีทองปรากฏขึ้นบนกระดาน
“หลังจากนี้จะขอสมมติให้คาบสมุทรเกาหลี—ดินแดนที่ได้รับพระกรุณาจากเทพสวรรค์ คือกระดานหมากรุก ส่วนร่างหลักของฉันจะเปรียบกับคิง และในทำนองเดียวกัน สิ่งที่ใช้ขับเคลื่อนตัวหมากและวางแผนตาเดินถัดไปคือ ‘จิตใจและวิญญาณ’ …”
วังจีโฮพูดพร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสคิงสีทองบนกระดาน
กระดานและตัวหมากที่เกิดจากพลังเวท ดูราวกับถูกหล่อขึ้นจากทองคำแท้
“และเมื่อองค์เทพสวรรค์ช่วยเติมเต็มความปรารถนา ฉันสามารถเพิ่มจำนวนตัวหมากขึ้นมาบนกระดานในฐานะร่างแบ่งภาค”
เมื่อวังจีโฮดีดนิ้ว ตัวหมากทยอยปรากฏขึ้นจนทั่วกระดาน
เบี้ย ม้า โคน เรือ ควีน… ดูเหมือนจะโผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีรูปแบบตายตัว
สองควีน สี่เรือ สามโคน หกม้า และหนึ่งเบี้ย
แหกกฎการเล่นหมากรุกอย่างสิ้นเชิง
“ตัวหมากพวกนี้ทดแทนบทบาทของคิงไม่ได้ ร่างแบ่งภาคของฉันก็เหมือนกัน เจ้าพวกนั้นมีศักดิ์และตัวตนไม่เท่าร่างหลัก แถมยังใช้แสงประทานไม่ได้”
“แต่ก็ยังใช้สกิลได้ ต่อสู้ได้”
“ก็ใช่ ตราบเท่าที่จิตใจของฉันเอื้ออำนวย”
จึงจะใช้แสงประทานไม่ได้ แต่เท่านี้ก็ฟังดูแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว
“นอกจากนั้น ฉันยังขยับร่างแบ่งภาคพร้อมกันได้ รวมถึงการเพิ่มและลดจำนวน”
เมื่อวังจีโฮขยับนิ้ว หมากสีทองเพิ่มจำนวนขึ้น แต่ละตัวเริ่มขยับพร้อมกัน
ไม่ใช่แค่นั้น ม้ายังสามารถเปลี่ยนเป็นโคน เรือเปลี่ยนเป็นควีน และควีนเปลี่ยนเป็นเบี้ย
หมากสีทองของวังจีโฮ—เจ้าของพลังสุดโกง เดินพล่านไปบนกระดานแบบสุ่มและไม่เรียงคิว
แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งที่ไม่เปลี่ยน
คิง—หมากตัวแรกที่วังจีโฮสร้าง ตัวแทนของร่างหลัก
นับตั้งแต่คิงถูกเสกบนกระดาน มันยังไม่ขยับไปไหนเลย
ฉันชี้ไปที่คิงแล้วถาม
“กำลังจะบอกว่า… คิงคือร่างหลักของนาย—วังจีโฮ ส่วนหมากที่เหลือคือร่างแบ่งภาค?”
“ทั้งถูกและผิด เพราะฉันดำรงอยู่ในทุกที่”
อะไรอีกล่ะนั่น
เมื่อฉันเผยความสับสนบนใบหน้า วังจีโฮดีดนิ้วใส่กระดานหมากรุกอีกครั้ง
เป๊าะ!
เมื่อกระดานเริ่มส่องแสง ฉันเบิกตากว้าง
เพราะหมากทุกตัวบนกระดาษ กะพริบแล้วพร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นคิง
‘บ้าน่า…’
คิงที่เคยมีตัวเดียวบนกระดาน ตอนนี้ไม่มีตัวไหนไม่ใช่คิง
ฉันเดาคำพูดถัดไปของวังจีโฮได้
“…ร่างแบ่งภาคบนคาบสมุทรเกาหลี สามารถเปลี่ยนเป็นร่างหลักได้ทุกเมื่อ?”
“ใช่ นั่นคือความหมายของการดำรงอยู่ในทุกที่ ไม่ใช่แค่เพิ่มจำนวนร่างแบ่งภาค”
ถ้าอย่างนั้นฉันก็คิดถูก
วังจีโฮแข็งแกร่งบรรลัย
“ก็ดูสมบูรณ์แบบดีนี่”
“ฮะฮะฮะ! แต่ไม่ว่าบนกระดานจะมีหมากกี่ตัว พวกมันก็แทนอำนาจของคิงไม่ได้หรอกนะ”
วังจีโฮคว้าคิงแล้วพูดต่อ
“ถ้าคิงตัวจริงไม่อยู่บนกระดาน จะไม่มีหมากตัวใดใช้อำนาจแทนคิงได้ และขีดจำกัดการใช้งานร่างแบ่งภาคก็ลดลง การฝืนขยับร่างแบ่งภาคจากนอกคาบสมุทรเกาหลี ถือเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยง ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพ… มันมอบความรู้สึกคล้ายการเล่นหมากรุกด้วยสมองและมือที่สร้างจากพลังวิเศษ”
ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกนั้น แต่พอจะเห็นภาพว่าร่างแบ่งภาคจะมีประสิทธิภาพลดลงอย่างไร หากวังจีโฮอยู่นอกคาบสมุทรเกาหลี
“ความสามารถในการคิด ความแม่นยำของสกิล และสมาธิจะลดลงมาก ฉันถึงต้องสะสางเรื่องสำคัญให้เสร็จก่อนบิน”
แต่ถ้าพูดในมุมกลับ วังจีโฮก็แทบจะไร้เทียมทานบนคาบสมุทรเกาหลีเลยไม่ใช่หรือ
หลังจากเสือแดงตายในเกม เขาไม่มีทางออกจากคาบสมุทรเกาหลีแน่
แล้วจอมบงการจับตัววังจีโฮได้ยังไง?
“โอ้… เข้าเขตคาบสมุทรเกาหลีแล้วล่ะ ได้เวลาร่างแบ่งภาคกลับมาทำงาน”
ขี้โกงฉิบหาย
กลยุทธ์ที่ใช้ฆ่าวังจีโฮยังคงเป็นปริศนาต่อไป
* * *
หลังจากมาถึงเกาหลี
คนแรกที่ขอปลีกตัวคือซอโดล
“ขอตัวก่อน ข้ามีบางสิ่งที่อยากไปทำ… แต่ถ้าโชอึยชินอยากได้พรคุ้มครอง บางทีข้าอาจจะอยู่ต่อ…”
“รีบไปสักที”
ซอโดลผู้กล่าวคำอำลาที่ไม่เหมือนอำลา อันตรธานหายไป
ฮงกยูบินที่เห็นมกอูรัมถูกส่งตัวด้วยรถพยาบาลติดตรามูลนิธิวังมยอง กล่าวเสียงอ่อนแรง
“ถ้างั้นผมขอตัวกลับสมาคมก่อน… ยังมีเอกสารฝั่งเกาหลีที่ต้องทำต่อ และดูเหมือนมีเรื่องต้องสืบเพิ่ม”
แตกต่างจากตอนที่อยู่ใกล้จูเก่อแจกอล ฮงกยูบินดูซังกะตายขึ้นมา
เดิมที เขาก็มีแผนจะตีเนียนผสมโรงเที่ยวกับชมรมหนังสือพิมพ์เหมือนที่ห้อง 2/0 ทำ แต่เรื่องราวดำเนินไปผิดทิศผิดทาง
‘ถึงกับยอมระเบิดวันพักร้อนของตัวเองเชียวหรือ’
…ลองแนะนำอ้อมๆ ให้จูเก่อแจกอลช่วยปลอบฮงกยูบินดีไหม
ไม่เอาดีกว่า ฉันไม่อยากรบกวนตัวละครที่งานยุ่งแทบไม่ต่างจากฮงกยูบิน
ถ้าอย่างนั้น ต้องทำอย่างไรจึงจะให้กำลังใจฮงกยูบินได้โดยไม่ต้องรบกวนจูเก่อแจกอล?
โชคเข้าข้าง คราวนี้ฉันผุดไอเดียมากมายรวมถึงวิธีทำให้เป็นจริง
“สักประเดี๋ยว ฮงกยูบิน”
วังจีโฮที่เปิดอ่านดีไวซ์ เรียกรั้งหัวหน้าทีมสื่อที่ 1 เอาไว้ก่อน
…หมอนี่เลิกปกปิดตัวตนต่อหน้าฮงกยูบินแล้วหรือไง
วังจีโฮผู้มีใบหน้าของเด็กอายุสิบเจ็ด ใช้ภาษาเป็นกันเองกับอีกฝ่ายที่โตกว่ามาก
ฮงกยูบินจ้องวังจีโฮอยู่สักพัก ก่อนจะเผยสีหน้าตกตะลึงโนเวลกูดอทคฺอม
“ท่านคือ…!”
…รู้ตัวจริงของวังจีโฮแล้วสินะ
วังจีโฮเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนเคยคุยกับฮงกยูบินพอสมควร จึงไม่น่าแปลกที่ทางนั้นจะระบุตัวจริงถูก
“บริษัทรับจ้างทั่วไปที่ถูกนัมกุงกรุปเซ้งกิจการ กำลังข่มขู่นักเรียนโรงเรียนแสงเงิน”
แก๊งอันธพาลที่ซาวอลเซอึมพูดถึง เป็นคนของนัมกุงกรุป?
นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินชื่อของหนึ่งในสี่เครือใหญ่จากคดีนี้
‘…แล้วเขานำมาบอกฮงกยูบินทำไม’
นี่ไม่ใช่งานหลักของสมาคมเพลเยอร์ ใช้อำนาจของวังมยองกรุปไม่ง่ายกว่าหรือ
ขณะสงสัย บทสนทนาระหว่างทั้งสองดำเนินไป
ฮงกยูบินตอบวังจีโฮด้วยสีหน้าประหม่า
“เมื่อสักครู่ท่านพูดว่านัมกุงกรุป?”
“ใช่”
ฮงกยูบินเผยสีหน้าสับสน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงทุ้ม
“ผมจะสืบให้ครับ”
“ดี เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องของมกอูรัมให้เอง ไปดูทางนั้นก่อนเลย”
“…ครับ ผมจะทำทันที”
หลังจากฮงกยูบินก้มศีรษะคำนับ เขาเริ่มจ้ำเท้าเดินจากไป
“เราเองก็ควรเร่งมือ”
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ไถ่ถามเรื่องของฮงกยูบิน วังจีโฮย่นหน้าผาก
“เพราะดูแล้วไม่ใช่แค่ฝ่ายเราที่เคลื่อนไหว”
* * *
ไม่ว่าจะหนแห่งใดในโลก ระบบที่สมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง เช่นเดียวกับรัฐบาล
ต่อให้มีรัฐบาลที่ค่อนข้างขาวสะอาดและโปร่งใส แต่ก็ไม่มีทางหมดจด
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ‘สถานีตำรวจกวางอิล’ ในเขตอึนกวาง ซึ่งรับผิดชอบครอบคลุมไปถึงสถานรับเลี้ยงเด็กประกายแสงเงิน
ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีกวางอิลบ้างก็หลับฟุบโต๊ะ บ้างก็นอนไขว่ห้างบนโซฟาโดยปล่อยให้ประชาชนตาดำๆ นั่งรอ
ตำรวจบางคนไม่มาทำงานด้วยซ้ำ แต่กลับผ่านการประเมินได้หน้าตาเฉย
สัญญาณวิทยุถูกส่งเข้าว. มาเป็นระยะ แต่ก็ไม่มีใครตอบสนองอย่างเป็นงานเป็นการ
สถานีตำรวจกวางอิลซึ่งตั้งอยู่ชายขอบ คือแดนสวรรค์ของพวกตำรวจระยำ เป็นแหล่งมั่วสุมของตำรวจที่มีเส้นสายกับคนใหญ่คนโต
“ครับ ครับ จัดการไปตามที่บอกแล้วครับ ไม่ต้องห่วง”
ร้อยตำรวจโท คิม —ผู้กำกับสน. กวางอิล ตอบกลับพลางโค้งศีรษะให้เครื่องรับวิทยุ
เมื่อวาน พวกมันได้รับรหัส ‘โค้ด 1’ จากห้องยุทธการ 112
โค้ด 1 มีลำดับความสำคัญเป็นรองเพียงโค้ด 0 ต้องตอบสนองโดยการส่งคนไปทันทีเพื่อปกป้องชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินจากอาชญากรรม
อย่างไรก็ดี คนที่ได้รับโค้ด 1 กลับรายงานเท็จไปว่า ‘ส่งคนไปแล้วครับ’ และเอาแต่นั่งกระดิกเท้าอยู่ที่สน.
สี่ชั่วโมงหลังจากได้รับวิทยุ พวกมันค่อยขับรถผ่านจุดเกิดเหตุเพื่อให้ได้มีบันทึกว่า ‘ส่งกำลังพลมาแล้ว’
“หัวหน้าครับ! คืนนี้จะไปกินมื้อค่ำกันที่ไหน”
“ท่านหัวหน้าภาคจองรูม (Room) ไว้แล้ว”
เสียงปรบมือและหัวเราะชอบใจดังมาจากทุกหนแห่ง
ตำรวจใหม่ที่เพิ่งถูกแต่งตั้ง เผยสีหน้างุนงงเพราะไม่เข้าใจว่า ‘รูม’ คืออะไร ตำรวจรุ่นพี่ข้างๆ จึงช่วยกระซิบ
ใบหน้าของตำรวจใหม่พลันตะลึงเมื่อทราบว่ารูมคือ ‘ห้องมั่วสุม’
ยิ่งบทสนทนาทวีความหยาบโลน เขาหันไปถามเกี่ยวกับหน้าที่การงาน เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย
“…จะไม่เป็นไรแน่หรือครับ คำสั่งเมื่อวานมาจากห้องยุทธการโดยตรง…”
“ทำไมเราต้องขัดใจ ‘ท่านผู้นั้น’ ด้วยการส่งกำลังคนไปให้ตรงเวลาด้วยล่ะ? มันจบแล้ว ปล่อยผ่านไปเถอะน่า”
“แต่ถ้าพวกนักเรียนส่งเรื่องร้องเรียน…”
“เราไม่ได้เพิ่งเคยทำสักหน่อย ตอนนี้พวกหล่อนคงจิตตกจนลืมเรื่องร้องเรียนไปหมดแล้ว”
“จ…จิตตก…?”
ทำอะไรกับนักเรียนน่ะ
คำพูดดังกล่าวไหลมาถึงคอของตำรวจใหม่
แต่เขาไม่มีความกล้าที่จะพ่นออกไป จึงเอาแต่นั่งตัวแข็ง
ทันใดนั้น
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
ประตูหน้าของสถานีตำรวจกวางอิลที่ทำจากกระจก ถูกทุบจนแตกเสียงดังสนั่น
ตำรวจคนที่นอนเล่นบนโซฟาใกล้กับทางเข้า ถูกเศษกระจกบาดเข้าที่ใบหน้า
“อ๊าก!”
“ก…เกิดอะไรขึ้น!”
สิ่งที่ทำลายกระจกคือไม้เบสบอลตอกตะปู
กลุ่มคนที่มารวมตัวใกล้ประตู พากันอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นไม้เบสบอลนั่น
“ดูไอ้ลูกหมาพวกนี้สิ ทีตอนแจ้งไปไม่ยักขยับตัว แต่พอรถระเบิด รังถูกทำลายเข้าหน่อย ก็วิ่งหน้าสลอนออกมากันเชียวนะ”
หลังจากได้ยินว่ารถระเบิด ทุกคนรีบหันไปทางลานจอดรถ และเห็นรถตำรวจในสภาพยับเยินจนแทบจำไม่ได้
เด็กสาวที่ถือไม้เบสบอลตอกตะปู เดินดุ่มเข้าไปในสน. กวางอิล
แม้จะร่างเล็กและปกปิดใบหน้า แต่บรรยากาศคุกคามแผ่ออกมาอย่างท่วมท้น
“ไอ้ลูกหมาที่บังอาจก่อเรื่องในถิ่นของฉันเมื่อวาน แฝงตัวอยู่ในหมู่พวกแกอย่างแน่นอน… แดกภาษีของประเทศเข้าไปแล้ว พวกแกไม่มีสิทธิ์ทำตัวแบบนี้! จะให้เวลาแค่ห้าวินาที ถ้านับถึงห้าแล้วยังไม่ออกมาล่ะก็… ห้า…”
เด็กสาวเริ่มนับถอยหลังด้วยเสียงที่ผ่านเครื่องแปลงจนจำรากเหง้าไม่ได้