42. ราคาสำหรับเติมเต็มความปรารถนา (4)
* * *
โรงเรียนแสงเงิน, ตึกเงินจรัส
เมื่อยืนยันได้ว่าบริษัทรับจ้างทั่วไปในเครือนัมกุงกรุป มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขู่กรรโชกนักเรียนในเขตอึนกวาง
เสือเหลืองในร่างประธานใหญ่วังมยองโฮ ลุกขึ้นจากเก้าอี้
ย่ำเท้าลงไปบนพื้นหินอ่อนแวววาว เสือเหลืองหยุดยืนใจกลางห้องทำงานประธานใหญ่ แล้วทำการโคจรคลื่นพลังวิเศษ
ทันใดนั้น
ก๊อก ก๊อก
“ท่านประธาน ขอเข้าไปนะคะ”
ผิดไปจากวิสัยปกติ เลขานุการเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาโดยไม่รอให้ประธานอนุญาต
บานประตูที่แกะสลักภาพพยัคฆ์ทองคำ ถูกผลักเข้ามาในทันที
สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ฝ่ามือของเลขาฯ ผู้สวมสีหน้าราวกับหน้ากาก คือการ์ดไอเท็มอาวุธ
“ใจเย็นก่อน ไม่มีผู้บุกรุก ข้าเพิ่งกลับมา เลยแวะมาทางนี้”
เลขาฯ ที่ตอบสนองกับกระแสคลื่นพลังวิเศษของเสือเหลือง เผยสีหน้าโล่งใจเมื่อได้ยิน
หากเสือเหลืองที่น่าจะอยู่นอกคาบสมุทรเกาหลี รีบร้อนใช้คลื่นพลังวิเศษ นั่นสื่อได้ว่ากำลังเกิดเรื่องใหญ่
หลังจากเก็บไอเท็มการ์ด เลขาฯ ก้มศีรษะ
“ต้องขออภัยด้วย… ระบบสื่อสารของเราน่าจะขัดข้อง”
“ข้ารีบร้อนกลับมาเอง ไม่ต้องใส่ใจนักหรอก”
กล่าวจบ เสือเหลืองปลดปล่อยพลัง
เรือนผมและนัยน์ตาถูกย้อมด้วยสีทอง คลื่นพลังงานไหลเวียนไปรอบตัว
‘ส่งร่างต้นมาที่นี่ด้วยตัวเอง…! หรือว่า ‘วังจีโฮ’ ที่ไปต่างประเทศยังอยู่นอกเขตอึนกวาง?’
ขณะเลขาฯ ได้ข้อสรุปเช่นนั้น เสือเหลืองพึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าคือผู้พิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์ ตราบเท่าที่ข้าต้องการ จักไม่มีความลับใดซ่อนอยู่ในเขตอึนกวาง”
สิ้นเสียงพูดที่คล้ายคาถา วงกลมและแรงดันสีทองแผ่ออกจากร่างกายเสือเหลือง
ซ่า…!
อนุภาคสีทองกระจายลงไปใต้พื้นห้อง จนกระทั่งปกคลุมทั่วทั้งเขตอึนกวาง
ผู้พิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์ เสือเหลือง
หากร่างต้นอยู่ในเขตอึนกวาง เขามีอำนาจตรวจตราทุกซอกมุมของมิติ
ได้เห็นเสือเหลืองสำแดงพลังในฐานะผู้พิทักษ์หลังจากห่างหายไปนาน เลขาฯ เฝ้าดูด้วยความชื่นชม
“หืม…”
ย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เสือเหลืองเบือนศีรษะไปทางเลขา
เลขาหัวไวรีบเปิดโฮโลแกรมแล้วเตรียมจดบันทึกคำสั่ง
“เชิญรับสั่ง”
หลังจากเสือเหลืองมอบคำสั่งให้เลขา และเธอกลับออกไป
ร่างแบ่งภาคที่ใช้รูปลักษณ์ของวังมยองโฮ นั่งลงแล้วกลับไปทำงานเอกสารตามปกติ
* * *
ขณะการนับถอยหลังดำเนินไป ตำรวจรีบมองหน้ากันเองอย่างเลิ่กลั่ก
ตำรวจสน. กวางอิลที่ผลาญภาษีประชาชนมานานนับสิบปี ถึงจะทุจริต แต่พวกมันไม่ได้โง่หรือไร้ฝีมือ
ตรงกันข้าม ข้าราชการมือเก๋าที่รอดพ้นการตรวจสอบมาเนิ่นนาน อีกทั้งยังปกป้อง ‘รังผึ้ง’ ได้ปลอดภัยมาตลอดรอดฝั่ง เป็นพวกดวงแข็งและหัวไวในสถานการณ์ฉุกเฉิน
แม้จะเป็นครั้งแรกที่นังเด็กบ้าบุกเข้ามาก่อความวุ่นวายในสถานีตำรวจ แต่พวกมันก็ตอบสนองอย่างใจเย็น
“…สาม! ใครใช้ให้กลอกตาและขยับมือ!”
เคร้ง!
หญิงสาวหวดบางสิ่งด้วยไม้เบสบอล
ก้อนอะลูมิเนียมปริศนาพุ่งกระแทกมือของตำรวจที่เตรียมจะกดปุ่มฉุกเฉิน ซึ่งเชื่อมต่อไปยังสถานีตำรวจใกล้เคียง
ปั่ก!
“อ๊าก! อ๊าาาา…!”
ก้อนอะลูมิเนียมที่ตกพื้นแล้วกลิ้ง ตัวจริงของมันคือกระป๋องน้ำอัดลมที่ถูกบีบอัดจนเล็กกะทัดรัด
ได้เห็นกระป๋องน้ำอัดลมถูกบีบเหลือก้อนแค่นี้ก็น่าทึ่งแล้ว แต่ที่ควรตกตะลึงยิ่งกว่า คือข้อเท็จจริงที่ว่าก้อนเล็กๆ นั่นสามารถทำให้ผู้ชายโตเต็มวัยทรุดลงไปคุกเข่า
‘เพลเยอร์…!’
‘พรสวรรค์ไม่ธรรมดา!’
ปั่ก! ปั่ก! เปรี้ยง!
ในขณะที่ตำรวจเกือบทุกคนแน่นิ่ง พลางวินิจฉัยฝีมือเด็กสาวอย่างใจเย็น ยังมีบางคนที่กล้าหาญชาญชัยเอื้อมมือไปจับดีไวซ์ และนั่นทำให้พวกเขาถูกกระหน่ำด้วยก้อนอะลูมิเนียม
เคร้ง! ปั่ก!
“อ๊าก!”
“คั่ก!”
หลังจากตำรวจสามคนล้มลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น เด็กสาววิ่งไปเตะตำรวจที่ยืนใกล้ปุ่มฉุกเฉินอย่างคล่องแคล่ว
มองผิวเผินอาจดูเหมือนเธอทำตัวบ้าบิ่นโดยไม่คิด ความจริงแล้วกำลังเคลื่อนไหวอย่างมีแบบแผน
ความพยายามในการป้องกันปุ่มฉุกเฉินและดีไวซ์อย่างแข็งขัน คือเครื่องยืนยันเรื่องนั้น
‘หรือว่านังนี่จะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับพวกเรา!’
‘อุปกรณ์บันทึกภาพในสถานีก็ดันปิดอยู่ทุกชิ้น…’
ตามปกติแล้ว สถานีตำรวจจะติดตั้งอุปกรณ์บันทึกภาพหลายสิบตัวที่ทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
อย่างไรก็ดี แม้สถานีกวางอิลจะมีอุปกรณ์บันทึก แต่หากอยู่ระหว่างทำงาน พวกตำรวจจะแอบปิดตัวที่บันทึกภาพด้านในสน.
ในสถานการณ์ปกติ สน. กวางอิลจะปล่อยวิดีโอปลอมที่ดูเหมือน ‘กำลังทำงานตามปกติ’ ทับของจริง และคอยสลับมาเป็นโหมดภาพจริงในตอนที่ถูกร้องเรียนเข้ามา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เด็กบ้าคนนี้บุกเข้ามาไม่สนใจเสียงสัญญาณเตือน
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง การอาละวาดของเธอไม่ถูกบันทึกไว้แม้แต่วินาทีเดียว
“ที่พวกนายต้องทำมีแค่… ส่งไอ้เวรที่เข้ามาทำกร่างในถิ่นของฉันมา! หรือว่าอยากตายพร้อมกัน? หืม… ที่แท้ก็ลงเรือลำเดียวกันหมดนี่เอง ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังคิดจะช่วยกันปกปิด”
ตำรวจต่างหันมองหน้ากัน
‘ไอ้เวรที่เข้ามาทำกร่างในถิ่นของฉัน’ ซึ่งเป็นเป้าหมายของเด็กสาว
ตัวจริงของบุคคลนั้นก็คือ สารวัตรคิม ผู้กำกับสน. กวางอิลที่เป็นเพลเยอร์
สารวัตรคิม ผู้กำกับหนุ่มไฟแรง ศิษย์เก่าโรงเรียนเพลเยอร์ตำรวจ
มันอาสาทำงานสกปรกเช่นการขู่กรรโชกนักเรียน เพื่อบรรเทาความเครียดจากการทำงาน
หากเป็นสมัยอดีต นักเรียนที่จบจากโรงเรียนเพลเยอร์ตำรวจ อาจถูกบรรจุในตำแหน่งผู้กำกับสน. กันเป็นปกติ
แต่ไม่ใช่กับปัจจุบัน ส่วนใหญ่เพลเยอร์ที่เพิ่งจบจะต้องผ่านงานลงพื้นที่สักระยะก่อน เช่นงานลาดตระเวน ยืนยาม หรือสายสืบ
ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ว่า สารวัตรคิมถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้กำกับสน. กวางอิลทันทีแม้จะมีสันดานต่ำทราม สื่อได้ว่ามีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังอยู่
“จะนับต่อล่ะนะ เหลือสามวินาทีสินะ… สาม… สอง…”
เด็กหญิงที่ทำลายมือของตำรวจไปแล้วหลายคน นับถอยหลังอย่างเยือกเย็น
ไม่ว่าจะเป็นการขอกำลังเสริม หรือปราบปรามเด็กสาวที่เหนือกว่าพวกตนอย่างสิ้นเชิง หรือเปิดโปงว่าคนที่เธอกำลังตามหาคือสารวัตรคิม ล้วนไม่ใช่ตัวเลือกที่พวกตำรวจจะทำได้
ทันใดนั้น
ผ่อก!
“…เอ๋?”
ตำรวจหน้าใหม่ที่กำลังเหงื่อโชกในท่าพร้อมชักปืน อยู่ดีๆ ก็เสียหลักล้มลง
เขาที่ถูกถีบจนหน้าคะมำรีบหันหลังกลับไปมอง และเห็นใบหน้าของตำรวจรุ่นพี่ที่นั่งคุยกันจนถึงเมื่อครู่
รอยพื้นรองเท้าประทับอยู่บนเครื่องแบบตำรวจใหม่อย่างเด่นชัดโuเวลกูดอฺทคอม
“ไอ้หมอนี่แหละ คุณหนู”
ได้ยินคำพูดของตำรวจรุ่นพี่ เด็กสาวหยุดนับเลขทันที
“หมอนี่ใช่ไหม”
เด็กสาวชี้ไม้เบสบอลตอกตะปูไปทางตำรวจใหม่ ผู้กำลังคุกเข่าตัวแข็งทื่อด้วยอาการงกๆ เงิ่นๆ
ทุกคนเอาแต่มองหน้ากันโดยไม่ตอบ
“ฉันถามว่าเป็นหมอนี่ใช่ไหม!”
ก๊อง!
ขณะเด็กสาวข่มขู่ด้วยการใช้ไม้เบสบอสกระแทกพื้น ทุกคนรีบพยักหน้ารีบพร้อมกับพึมพำทำนอง “ถ้าจำไม่ผิด เมื่อวานเขาไม่ได้มาทำงานครับ” หรือ “เด็กใหม่ทำผิดไปแล้วครับ… พวกเราต้องขอโทษแทนด้วย คุณหนู!”
ตำรวจใหม่ที่เพิ่งถูกใช้เป็นเครื่องเซ่น ทำได้เพียงคุกเข่าหน้าซีด ร่างกายสั่นกลัวโดยมิอาจเอ่ยคำโต้เถียง
ในฐานะบุคลากรลำดับชั้นล่างสุด ขององค์กรที่ลำดับชั้นคือทุกสิ่ง ตำรวจใหม่ทำอะไรไม่ได้นอกจากสั่นกลัวต่อความรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล
เด็กสาวยืนนิ่งไปสักพัก ก่อนจะยกไม้เบสบอล
ผลั่ก!
“คั่ก!”
ด้วยความคล่องแคล่วราวกับสายฟ้า เธอหวดอาวุธใส่ตำรวจรุ่นพี่ที่ใส่ร้ายตำรวจใหม่
ตำรวจที่ขายรุ่นน้องเสร็จแล้วย่ามใจ หลับกลางอากาศในสภาพน้ำลายฟูมปาก
“ขายพวกเดียวกันเพื่อรักษาหน้า… ฉันเห็นเต็มสองตาว่าไอเวรนั่นห้อมล้อมไปด้วยนักเลงหัวไม้ แล้วจะให้เชื่อว่าพ่อไก่อ่อนคนนี้คือตัวการ? จะถามเป็นครั้งสุดท้าย ใครคือคนที่เข้าไปก่อเรื่องในถิ่นของฉันเมื่อวาน”
ไม่มีใครเปิดปาก
สายตาของเด็กสาวที่กวาดไปทั่วสน. ในที่สุดก็หยุดลงบนบ่าที่ติดเครื่องหมาย ‘ดอกมูกุงฮวา*’ สองดอก—บั้งยศของสารวัตรคิม
(ดอกมูกุงฮวา — ดอกไม้ประจำชาติเกาหลี คล้ายกับดอกชบาจีน)
เด็กสาวกล่าวด้วยความมั่นใจ
“อ้อ… ที่แท้ก็หัวหน้าใหญ่นี่เอง”
เมื่อเสียงสังเคราะห์ของเธอ ซึ่งเปรียบดังประกาศิตโทษประหาร ดังกังวานไปทั่วสน. สารวัตรคิมรีบเสกปืนวิเศษจากด้านในเสื้อ
ขณะสารวัตรคิมรวบรวมคลื่นพลังวิเศษเพื่อเตรียมยิงใส่เด็กสาว
“ตายซะ! อ๊าก!”
พั่ก!
บึ้ม!
กระสุนยังไม่ทันพุ่งจากปากกระบอก ไม้เบสบอลของเด็กสาวกระแทกลำกล้องปืนวิเศษจนบิดงอ เป็นเหตุให้ขัดลำกล้องจนระเบิด
ปากกระบอกปืนวิเศษที่ทำจากโลหะต่างโลก โค้งงอเข้าหาคนยิงราวกับแท่งลูกกวาด ด้วยฝีมือของไม้เบสบอลที่น่าจะทำจากวัสดุชนิดเดียวกัน
“อ๊าก…!”
สารวัตรคิมที่มือโชกเลือดเพราะปืนวิเศษระเบิด ทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“ฆ่ามัน! ฆ่านังสารเลวให้ได้!”
ตำรวจที่ลังเลในทีแรก รีบพุ่งเข้าไปรุมเด็กสาวตามคำสั่งของสารวัตรคิม
ไม่ใช่แค่เพราะมียศต่ำกว่า แต่พวกมันก็เคยมีเอี่ยวกับความวุ่นวายรอบสถานรับเลี้ยงเด็กประกายแสงเงิน ซึ่งเด็กสาวอ้างว่าเป็นถิ่นของตน
ทุกคนล้วนเคยถูก ‘ประธานชเว’ แห่งนัมกุงกรุปพาไปสังสรรค์
ในหัวตอนนี้มีเพียงคิดทำนองว่า ‘ถ้าไม่รีบจัดการนังนี่ ทุกคนจะซวยกันหมด’
ทว่า
ปั่ก! เปรี้ยง! ก๊อง!
“อ๊าก!”
“อ๊ากก!”
เรียกว่าเป็นการรังแกอยู่ฝ่ายเดียว
กลุ่มตำรวจที่ถูกเด็กสาวทุบตี ส่งเสียงครวญครางดังระงมจากทุกทิศ
บางคนดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยการไม่สนใจกฎระเบียบ เล็งยิงกระสุนจริงหรือไม่ก็ปืนเทเซอร์ (Taser Gun) แต่ก็ถูกจัดการอย่างง่ายดาย
(Taser Gun – ปืนช็อตไฟฟ้า ไว้สำหรับจับคนร้าย)
กระสุนตะกั่วถูกปัดด้วยไม้เบสบอล และแม้จะถูกปืนช็อตยิงใส่ แต่เธอยังเคลื่อนไหวและเหวี่ยงอาวุธได้ตามปกติ
เด็กสาวเล็งฟาดใส่จุดอ่อนของตำรวจที่พยายามทำร้ายเธอ ด้วยไม้เบสบอลตอกตะปูสนิมเกาะ
เกือบทั้งหมดหลับกลางอากาศโดยไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้อง
กับคนที่อ้อนวอนขอความเห็นใจ เด็กสาวกล่าวเสียงเรียบ
“ถ้าบังอาจก่อเรื่องในถิ่นของฉันอีก คราวหน้าพวกแกจบเห่แน่”
ไม่ถึงสิบนาที เด็กสาวที่ทำลายสถานีตำรวจจนพังพินาศ เดินลากไม้เบสบอลโชกเลือดไปกับพื้น
เสียงโลหะเสียดสีแผ่วเบา ฟังแล้วน่าขนลุกขนพอง
“ลุงน่ะ หลังจากนี้ก็เป็นคนดีเข้าไว้ล่ะ ไม่งั้นจะมีจุดจบแบบเดียวกัน”
ตำรวจใหม่ที่แข้งขาไร้เรี่ยวแรงเพราะความตื่นตระหนก รีบพยักหน้างกๆ ให้กับเด็กสาว
หลังจากทำลายทุกสิ่งในสน. กวางอิลยกเว้นตำรวจใหม่ เธอเดินจากไปด้วยท่าทีผ่อนคลาย
* * *
ภายในแอร์ชัตเทิลที่มุ่งหน้าสู่เขตอึนกวาง
คำถามที่ถามในสนามบินไม่ได้ ถูกหยิบยกขึ้นมาถาม
“นายบอกว่าไม่ใช่แค่ฝ่ายเราที่เคลื่อนไหว หมายความว่ายังไง”
“ฉันเพิ่งเปลี่ยนให้ ‘วังมยองโฮ’ ที่ตึกเงินจรัสเป็นร่างหลัก จากนั้นก็ใช้อำนาจของผู้พิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบทั่วเขตอึนกวาง”
อำนาจของผู้พิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์?
แม้จะไม่ได้มาพร้อมคำอธิบาย แต่ฉันนึกถึงสกิลหนึ่งที่วังจีโฮเคยใช้ต่อหน้า
‘พลังที่ใช้ในวันเอพริลฟูล…’
วันที่ลูกหลานเสือเงินถูกช่วยเอาไว้
วังจีโฮที่รายล้อมด้วยอนุภาคสีทอง จะมองเห็นทุกสิ่งในเขตอึนกวาง
พวกเรายังไม่เข้าเขตอึนกวาง ดังนั้นเพื่อที่จะใช้พลัง เขาต้องสลับให้ร่างแบ่งภาคในเขตอึนกวางกลายเป็นร่างหลัก
“หมายถึงพลังที่นายใช้ในวันเอพริลฟูล?”
“ใช่ พลังนั้นทำให้ฉันค้นพบเรื่องที่น่าสนใจ”
วังจีโฮเปิดดีไวซ์ ฉายโฮโลแกรมตรงหน้าฉัน
บนโฮโลแกรมคือภาพของเด็กสาวผมยาว ที่ย้อมผมสองสีไล่เฉดชมพูหม่นกับชมพูสด
‘เด็กคนนี้…’
ฉันรู้จักเธอ
ถ้าเป็นในเกม เธอคือ NPC ที่มาโรงเรียนพร้อมกับฮันอีในช่วงต้นเทอมสอง
‘แต่ในเกมผมดำไม่ใช่หรือไง…’
อย่างไรก็ดี ชื่อของเธอตรงกับข้อมูลของฉัน
สีผมฉูดฉาดและใบหน้าร่างเริงของเด็กสาว ดูไม่เข้ากับชื่อ ‘ด๊กโกมีโร’ ที่เขียนอยู่ใต้รูปแม้แต่น้อย
วังจีโฮพูดด้วยตาเป็นประกาย
“นักเรียนที่ชื่อด๊กโกมีโรคนนี้คือหนึ่งในเด็กห้อง 1/0 ที่ยังไม่เคยมาเรียน เธอเพิ่งลงมือโจมตีสถานีตำรวจในเขตอึนกวาง… ตามรายงานที่ฉันได้รับจากลูกน้องในละแวกนั้น ดูเหมือนเธอจะทำลายสถานีตำรวจจนพังพินาศแล้วหนีไปได้”