ย้อนกลับไปตอนที่เสือแดงกลับถึงบ้าน หลังจากถูกคราดของตือหงอเหนงทะลวงร่าง วังจีโฮเคยกล่าวไว้ว่า
—คนที่วังมยองกรุปสามารถจ้างได้ในทันที คือเพลเยอร์ชาวจีนเจ้าของแสงประทาน ‘จักรพรรดิเพลิง·เทพกสิกรรม’ ผู้เป็นเทพแห่งกสิกรรม การแพทย์ และสมุนไพรของจีน—หนึ่งในสามจักรพรรดิฟ้าและห้าเทพ
สามจักรพรรดิฟ้าและห้าเทพสื่อถึง ‘แปดราชันสวรรค์’ ในเทพนิยายจีนโบราณ
ถูกกล่าวขานว่าเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมจีนก่อนราชวงศ์เซี่ย และยังเป็นรากศัพท์ของคำว่า ‘จักรพรรดิ’ ซึ่งภายหลังเป็นบรรดาศักดิ์ของผู้รวมจีนเป็นหนึ่งเดียวสำเร็จ
ในบรรดาแปดตัวเอกของเทพนิยาย ‘จักรพรรดิเพลิง·เทพกสิกรรม’ ถูกยกย่องให้เป็นต้นตระกูลของชาวจีน ซึ่งเทียบได้กับ ‘เทพซุส’ (Zeus) ของตำนานเทพนิยายกรีก
‘ตามเนื้อเรื่องในเกม สามจักรพรรดิฟ้าและห้าเทพแทบไม่เข้ามาแทรกแซง…’
เนื่องจากมีการกล่าวถึงจักรพรรดิเพลิง·เทพกสิกรรมน้อยมาก จึงแทบไม่มีข้อมูลของเพลเยอร์ชาวจีนผู้เป็นเจ้าของแสงประทาน
การไปพบเพลเยอร์ฝีมือดีโดยไม่มีข้อมูลล่วงหน้านั้นค่อนข้างเสี่ยง แต่ถ้ามีวังจีโฮอยู่ด้วยก็คงไม่อันตราย
“ไปสิ”
ได้ยินฉันตอบ วังจีโฮเขย่าถ้วยชาด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“นายเคยเจอเพลเยอร์คนนั้นมาก่อนไหม”
“ไม่ ฉันไม่ได้ออกจากคาบสมุทรเกาหลีนานแล้ว แค่รู้ว่ามีตัวตนอยู่ และรู้วิธีติดต่อ”
…วังจีโฮแทบไม่เคยออกจากคาบสมุทรเกาหลีเลยสินะ
มันคงเป็นปัญหาแน่ถ้าผู้นำเผ่าเสือออกจากคาบสมุทรเกาหลีเป็นประจำ
“ด้วยสภาพร่างกายของเสือแดง มันคือสายสัมพันธ์ที่จำเป็น ฉันจึงรักษาการติดต่อกับคนผู้นี้ไว้”
เสือแดงได้รับทัณฑ์สวรรค์ที่เหมือนคำสาป จำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษเพื่อรักษาบาดแผลให้เขา
สิ่งเดียวที่จะเอาชนะบทลงโทษของเทพสวรรค์ได้ คือแสงประทานสายรักษาที่หยิบยืมพลังจากเบื้องบน
ย่อมเป็นธรรมดาที่เผ่าเสือจะสร้างสายสัมพันธ์กับบุคคลที่ใช้แสงประทานของจักรพรรดิเพลิง·เทพกสิกรรม ซึ่งยังเป็นเทพแห่งสมุนไพร
คำพูดของวังจีโฮทำให้ฉันเกิดคำถาม
คำนึงจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขา เดาได้ไม่ยากว่าหมอนี่รักเพื่อนแค่ไหน ไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงที่ทำตัวเฉยชา
แต่แล้วทำไม วังจีโฮถึงหายหน้าไปในเกมหลังจากเสือแดงตาย?
‘นอกจากวังจีโฮ เผ่าเสือคนอื่นก็เงียบไม่ต่างกัน ทำไมถึงไม่มีใครช่วยแบคโฮกุน? หรือว่าวังจีโฮหายตัวไป ตาย หรือถูกทำให้ขยับไม่ได้?’
ฉันลองขบคิดหาวิธีการ หากตัวเองเป็นจอมบงการและอยากเอาชนะผู้นำเผ่าเสือ
วังจีโฮคือเทพนิยายเผ่าเสือที่ไม่ถูกบั่นทอนพลัง และยังมีร่างแบ่งภาคอยู่ทั่วคาบสมุทรเกาหลี การจัดการกับเขาไม่ใช่เรื่องง่าย
อย่างไรก็ดี มันคุ้มค่าหากจะยอมเสียสละชีวิตจำนวนหนึ่งเพื่อจับตัววังจีโฮให้ได้
‘ถ้าได้วังจีโฮมาไว้ในกำมือ… มันก็ง่ายที่จะควบคุมเผ่าเสือและบริหารโรงเรียนแสงเงิน’
ตำแหน่งบริหารของวังจีโฮจะถูกแทนที่ด้วยหนอนบ่อนไส้ที่ส่งเข้าไปล่วงหน้า ขณะเดียวกันก็ใช้ความเป็นความตายของวังจีโฮเพื่อข่มขู่ให้เผ่าเสือเคลื่อนไหว
นั่นสินะ ถ้าเราเป็นจอมบงการ ก็คงจะเล็งจัดการวังจีโฮก่อนใคร
‘วังจีโฮจะต้องลงมือแก้แค้นจอมบงการที่ฆ่าเสือแดงแน่ ถ้าลองใช้โอกาสจากตรงนั้น…’
แต่การจับตัววังจีโฮก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี
อ้างอิงจากช่วงเวลาที่เสือแดงตายในเกม จอมบงการยังออกโรงเองไม่ได้
กลยุทธ์จะถูกจำกัดแค่ในวงแคบ
แล้วเจ้านั่นใช้วิธีไหนจับตัววังจีโฮได้อย่างเงียบเชียบ จนไม่ปรากฏในเส้นเรื่องหลัก?
หากวังจีโฮเริ่มต่อสู้ด้วยพรคุ้มครองและพลังใต้ดินของเทพสวรรค์ อย่างน้อยก็ต้องมีหนึ่งเมืองถูกลบหายไปจากแผนที่ แต่กลับไม่มีสัญญาณดังกล่าวทั้งก่อนและหลังการหายไปของวังจีโฮ
“คิดมากเรื่องไหนอยู่หรือ จักรพรรดิเพลิง·เทพกสิกรรมทำให้เจ้าลำบากใจขนาดนั้นเชียว”
ฉันลืมการมีอยู่ของจักรพรรดิเพลิง·เทพกสิกรรมไปชั่วขณะ
ในหัวคิดแต่วิธีฆ่าวังจีโฮ
เนื่องจากเล่าไปตรงๆ ไม่ได้ และการขบคิดต่อก็ไม่ช่วยให้ได้คำตอบ ฉันตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย
“เป็นถึงเพลเยอร์ที่ผู้นำเผ่าเสือมาพบด้วยตัวเองทั้งที ฉันต้องอยากรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนแบบไหน”
“เป็นคนฝีมือดี แต่ฉันไม่ได้สนใจใครเพราะคนนั้นเป็นเพลเยอร์ที่เก่ง… พอดีว่ามีบางสิ่งอยากจะตรวจสอบ”
“สิ่งที่อยากตรวจสอบ?”
“ทุกวันนี้เพลเยอร์เดินทางเข้าจีนได้ยากมาก สงสัยไหมว่าทำไม”
ก็พอจะรู้อยู่
ในจีนมีกรณีแบบคิมยูรีเกิดขึ้นบ่อย
มีหลายเหตุการณ์ที่แสงประทานคลุ้มคลั่งเพราะเพลเยอร์เชื่อมต่อกับเบื้องบนมากเกินไป
เกือบทั้งหมดเป็นเพลเยอร์ชาวจีน แต่มีสองครั้งที่เกิดกับชาวต่างชาติข้ามพรมแดน
นับแต่นั้น จีนเริ่มคัดกรองนักท่องเที่ยวเข้มงวดขึ้น
“เพราะคดีแสงประทานอาละวาด?”
“ใช่ ส่วนใหญ่แล้วคนที่แสงประทานอาละวาดจะตายหรือไม่ก็สูญเสียพลัง แต่มีเพลเยอร์อยู่หนึ่งคนควบคุมมันได้อย่างชำนาญขณะอาละวาด”
มีเพลเยอร์แบบนั้นด้วยหรือ
ฉันลองนึกทบทวน แต่เท่าที่สืบข้อมูลก่อนออกเดินทาง จำไม่ได้เลยว่ามีคดีทำนองนั้นอยู่
“ในจีนมีการปิดข่าวยิ่งกว่าญี่ปุ่น แม้แต่สมาคมเพลเยอร์ก็ทำอะไรมากไม่ได้… ในเมื่อการรั่วไหลของข้อมูลเพลเยอร์ ร้ายแรงเทียบเท่ากับการรั่วไหลข้อมูลกองทัพ เป็นธรรมดาที่เรื่องสำคัญจะถูกปิดไว้”
ในเกาหลี มีคดีที่เกี่ยวข้องกับพลังวิเศษจำนวนไม่น้อยถูกรัฐบาลหรือสมาคมอำพรางไว้ แต่ดูเหมือนญี่ปุ่นกับจีนจะรุนแรงกว่านั้นมาก
“ฉันอยากติดต่อกับเพลเยอร์คนนั้นโดยตรง ถ้าไปได้สวยก็อาจมีคำแนะนำดีๆ กลับไปให้คิมยูรี”
ไม่อยากเชื่อว่าวังจีโฮจะเป็นห่วงเพื่อนร่วมชั้นขนาดนี้
แต่ก็เข้าใจได้ เพราะอีกฝ่ายคือตัวละครของฉัน หัวหน้าห้องผู้มากพรสวรรค์ คิมยูรี
“เอาล่ะ กลับไปกินมื้อเย็นกับคนอื่นดีกว่า ในเมื่อมาถึงถิ่นทั้งที ฉันอยากกินไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของต้นตำรับ”
“ได้ยินว่าที่เฉิงตูก็ดังเรื่องกระต่ายผัดหม่าล่านะ”
“ก็ใช่ว่าจะกินไม่ได้… แต่ฉันไม่อยากกินอาหารที่มีวัตถุดิบเกี่ยวข้องกับนังกระต่ายจันทร์”
คือกินขนมต็อกที่นังกระต่ายจันทร์ทำได้ แต่ไม่กินเนื้อกระต่าย?
วังจีโฮพูดเสริมราวกับอ่านใจฉันออก
“มีเนื้อหลายอย่างแทนเนื้อกระต่ายได้ แต่ไม่ใช่กับขนมต็อก”
หลังจากนั้นฉันก็ต้องทนฟังทฤษฎีขนมต็อกจากวังจีโฮ
เมื่อได้เรียนรู้ว่าเผ่าแท้มองขนมต็อกต่างจากมนุษย์อย่างไร พวกเราเดินกลับไปรวมทีมกับชมรมหนังสือพิมพ์และห้อง 2/0
* * *
คฤหาสน์วังมยองโฮ
กลางดึกสงัด เสือขาวเดินกลับจากตึกเงาเงินพร้อมกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
เสือแดงที่ได้กลิ่นเลือดเข้มข้นจากตัวเสือขาว เปิดปากถาม
“เสือขาว เจ้าสอบปากคำจอมลอกเลียนอีกแล้วหรือ”
“ใช่”
“เจ้าดูจะสนใจมันเป็นพิเศษ… เกี่ยวกับเรื่องที่จอมลอกเลียนคอยกวนใจเจ้ามาตลอดหลายปีไหม”
“เปล่า”
เสือขาวปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เสือแดงยังไม่หยุดสงสัย
ในช่วงวันเอพริลฟูล เผ่าเสือจับตัวเผ่าหมีกลับมาได้จำนวนหนึ่ง
และตลอดช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งอันยาวนาน ไม่ได้มีแค่ครั้งหรือสองครั้งที่เผ่าหมีถูกเผ่าเสือจับตัวมาทรมาน
เสือขาวเข้าร่วมกระบวนการจับกุมอย่างขันแข็งก็จริง แต่แทบไม่เคยยุ่งกับขั้นตอนหลังจากนั้น
‘ต้องมีเหตุผลที่เขาทำแน่…’
ไม่ว่าจะเค้นสมองหนักแค่ไหน เสือแดงก็ไม่พบคำตอบ
บางครั้งก็ยากจะหยั่งถึงความคิดของสหายพูดน้อยคนนี้
“แล้วสอบปากคำได้ผลไหม”
“ยัง”
ดูเหมือนเสือขาวจะอารมณ์ไม่ดี
การถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เลียเท้าอาจช่วยให้สีหน้าเสือขาวดีขึ้น แต่ดวงตายังคงเย็นชากว่าปกติ
“มันเอาแต่พล่ามเรื่องไร้สาระอีกแล้ว?”
“ใช่… แล้วเจ้ากับลูกชายล่ะ คืบหน้าบ้างไหม”
“มันไม่เคยเปิดปากกับเราเลย แค่จะร้องก็ยังไม่”
ได้ยินคำตอบเสือแดง เสือขาวเงียบไปหลายวินาที
เสือขาวยังคงมีสีหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยน แต่เสือแดงที่เป็นเพื่อนกันมานานพอจะอ่านอารมณ์ได้เล็กน้อย
‘เขาลังเลอะไร…’
เสือขาวยังเงียบ แต่ท่าทีคล้ายมีบางสิ่งอยากจะพูด
ปัจจุบันอาจกลายเป็นเสือที่อ่อนโยนขึ้นตามอายุ แต่เขายังเป็นเสือขาวคนเดิมที่ ‘ป่าเถื่อน’ ไม่ด้อยไปกว่าเสือเหลือง
เสือแดงที่สังเกตเห็นความลังเลเล็กๆ ในแววตาอีกฝ่าย เผยสีหน้าตกตะลึงโนเวลกูดอทคฺอม
“เสือแดง ข้ารบกวนสักเรื่องสิ”
“ว่ามา”
จะรบกวนเรื่องแบบไหนกันนะ
เสือแดงซ่อนความกระวนกระวายขณะจ้องหน้าเสือขาว
“วินาทีที่คำว่า ‘ชื่อแท้’ หลุดออกจากปากเจ้านั่น”
ราวกับสลัดความลังเลทั้งหมดทิ้งไปด้วยจิตใจอันแน่วแน่ เสือขาวกล่าวเสียงเย็น
“ฆ่ามันซะ”
* * *
หลังมื้อเย็น สมาชิกชมรมหนังสือพิมพ์และเด็กห้อง 2/0 ที่กำลังคึก เริ่มเผชิญหน้ากันในแง่มุมที่แปลกประหลาด
เป็นการแข่งเกม ซึ่งพวกปีสองชมรมหนังสือพิมพ์เล่นโต้รุ่งกันถึงเช้า
“พวกนายดูถูกฝีมือชมรมหนังสือพิมพ์ที่โต้รุ่งกันมาทั้งคืนเกินไปแล้ว!”
“บทพูดแบบนี้มันคือการปักธงแพ้ไม่ใช่หรือไง”
“ไม่ใช่คำพูดของหัวหน้าวายร้ายด้วยนะ แต่เป็นพวกกี้ๆ ปลายแถว”
“พวกห้องศูนย์พูดถูกแล้ว หุบปากแล้วต่อสายคอนโซลสักที”
นักเรียนห้อง 2/0 เช่าเหมาทั้งชั้นของโรงแรม และด้วยความร่วมมือของชมรมหนังสือพิมพ์ พวกเขาเปลี่ยนให้เลานจ์กลายเป็นห้องเล่นเกมขนาดใหญ่
แม้สมาชิกชมรมและเด็กห้อง 2/0 เกือบทั้งหมดจะประชันฝีมือด้านเกมกัน แต่ก็มีบางส่วนที่ปลีกตัวออกมา
“ขอไปพักก่อนนะ”
“ฉันด้วย! รุ่นพี่สู้เค้านะคะ!”
มุนแซรอนที่เตรียมทำข่าวอย่างจริงจังในวันพรุ่งนี้ และอีกสองสามคนที่เหนื่อยจากการเที่ยวในช่วงกลางวัน กล่าวเช่นนั้นแล้วแยกย้ายเดินเข้าห้อง
ฉันยังมีพลังงานเหลืออยู่ แต่เมื่อคืนโต้รุ่งยันเช้า และมีแผนต้องออกไปกับวังจีโฮคืนนี้ด้วย เลยตัดสินใจงีบจนกว่าจะถึงเวลานัด
“ฮะฮะฮะ! ฉันขออยู่ดูพวกเขาก็แล้วกัน”
“จีโฮ นายเล่นเกมเก่งไหม”
“ก็เคยดูคนอื่นเล่นอยู่ พอดีที่บ้านมีเด็กชอบเล่นเกม”
หมายถึงลูกหลานเสือเงินกับวิญญาณภูเขา?
วังจีโฮคงอยากดูฝีมือของคนอื่นเพื่อเปรียบเทียบกัน
ปลีกตัวจากเลานจ์ที่เอะอะมะเทิ่ง ฉันเดินเข้าห้องพักเดี่ยวที่ถูกจัดไว้ให้
‘ตอนนี้คงต้องนอนก่อน… ไว้กลับจากข้างนอกพร้อมวังจีโฮค่อยมาดูแข่งเกม’
พอคิดได้แบบนั้น ฉันปิดตาและผล็อยหลับไปโดยไม่ฝัน
ผ่านไปสักพัก ท่ามกลางสติอันพร่ามัว เสียงกรีดร้องของตัวละครดังขึ้น
—กรี๊ดดดดดด!
ฉันลุกพรวดจากเตียงทันที
เป็นเสียงของมุนแซรอนที่ถูกจัดให้พักในห้องติดกัน
คิดได้แบบนั้น ฉันวิ่งออกไปที่ทางเดินในชุดวอร์ม
และดูเหมือนไม่ได้มีแค่ฉันที่ได้ยิน วังจีโฮกับจูเก่อแจกอลกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องมุนแซรอน
“แซรอน เกิดอะไรขึ้น”
จูเก่อแจกอลที่ตรวจจับสัญญาณด้านหลังประตู เปิดปากถามหลังจากยืนยันว่าไม่มีอันตราย
ไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียงบานพับเสียดสี
สภาพของเธอดูงัวเงียราวกับเพิ่งตื่นจากหลับลึก ตามเนื้อตัวไม่มีบาดแผล
ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน มุนแซรอนกล่าวกับกลุ่มคนที่ยืนหน้าประตู
“แหะแหะ… ขอโทษค่ะ เมื่อวานฉันได้ยินเรื่องน่ากลัวมามาก ก็เลยเก็บมาฝัน”
“ฝันร้ายสินะ ให้เรียกหมอไหม”
จูเก่อแจกอลถามด้วยความห่วงใย ดูเขาเป็นกังวลกับนักเรียนที่เพิ่งฝันร้าย
“สบายมากค่ะ! ฉันไม่กลัวเลยสักนิด… อา… ในเมื่อตอนนี้ตื่นแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากรวมกลุ่มกับคนเยอะๆ! รุ่นพี่ห้อง 2/0 ยังตื่นอยู่ไหมคะ รุ่นพี่ชมรมหนังสือพิมพ์ก็ด้วย ถ้าได้อยู่เล่นเกมกับทุกคนคงสนุกน่าดู… ดีล่ะ ฉันจะโต้รุ่งยันเช้า! ไปเล่นเกมด้วยกันไหมคะ?”
ไม่รู้ว่าฝันถึงอะไร แต่มุนแซรอนออกอาการกลัวชัดเจน
เธอชำเลืองไปทางเลานจ์ที่ยังมีคนสวมเฮดเกียร์อยู่เพียบ ราวกับต้องการไปรวมกลุ่มกันคนหมู่มาก
“เอาสิ อยากดื่มอะไรไหม”
“แค่น้ำเปล่าก็พอ! เดี๋ยวสิ ครูจูเก่อจะไปไหนหรือคะ ไปดูเกมด้วยกันเถอะนะ!”
หลังจากความวุ่นวายที่เกิดจากฝันร้ายของมุนแซรอนจบลง
เนื่องจากตาสว่างแล้วเช่นกัน ฉันตัดสินใจไปรวมกลุ่มในเลานจ์
คงเพราะเพิ่งมีใครบางคนฝันร้าย หัวข้อการพูดคุยของกลุ่มที่ยืนมุงเกม ยังคงเกี่ยวกับเรื่องความฝัน
“ฉันเคยฝันน่ากลัวมากหลังจากได้ลงรอยแยกเป็นครั้งแรก”
“นั่นสินะ เพลเยอร์ทุกคนคงเคยฝันว่าตัวเองถูกเอนามีไล่ล่า”
“ฉันไม่เคยฝันน่ากลัว เคยแต่ฝันว่าได้ไอเท็มหายากจากการเคลียร์รอยแยก”
เนื่องจากไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับฝันเลย ฉันเอาแต่ยืนฟังโดยไม่พูดไม่จา
นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ฉันมักทำตัวไม่ถูกเวลาคนอื่นคุยกันเรื่องฝัน
อาจมีบางคนฝันไม่บ่อย แต่คนที่ไม่ฝันเลยนั้นหายาก
‘ซองฮอนก็เหมือนกันเรา’
ลักษณะการฝันนั้นคล้ายคลึงกัน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยฝันเลย แต่ได้ยินว่าฝันน้อยมาก และทุกครั้งจะเป็นความฝันเดิมเสมอ
“ได้เวลาแล้ว โชอึยชิน”
ขณะที่ทุกคนเริ่มเบื่อกับหัวข้อความฝันและเตรียมกลับไปคุยเรื่องเกม วังจีโฮหรี่เสียงแล้วหันมาพูด
“เตรียมตัวให้พร้อมแล้วตามมา”