สมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลี, สำนักงานทีมสื่อที่ 1
สำนักงานแห่งนี้ประสบภาวะตึงเครียดมาหลายวันแล้ว
ลูกน้องต่างพากันสั่นกลัวเมื่อเห็นเจ้านายของตนนั่งทำงานหลังขดหลังแข็ง
“หัวหน้าทีมฮง ยังไม่กลับบ้านอีกหรือครับ”
“พระเจ้า… ทำโอทีติดกันมากี่วันแล้วเนี่ย”
“หัวหน้าทีมอิมก็ดูเพลียไม่ต่างกัน สงสัยช่วงนี้จะงานเยอะ”
เหล่าบุคลากรที่สังกัดทีมสื่อที่ 1 (หน้าฉาก) ซึ่งควบตำแหน่งฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย (หลังฉาก) ต่างก็สวมสีหน้าเห็นใจ
มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบว่า ซงแดซอก หลานชายของมหาบุรุษแขนเหล็กและอัจฉริยะด้านวิศวกรรมดาวเทียม เพิ่งออกจากโรงพยาบาลแล้วถูกบรรจุเข้าสำนักงานวิจัยในสังกัดแผนกจัดการดาวเทียม
ลำพังงานประจำของทีมสื่อที่ 1 ก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว นี่ยังต้องตามไล่ลบและดัดแปลงข้อมูลเกี่ยวกับอัลกอริทึมและซอร์ซโค้ด ที่ซงแดซอกโพสต์ไว้บนเว็บไซต์สาธารณะอีก
เนื่องจากเวลาในการลบย่อมนานกว่าการเผยแพร่ เจ้าหน้าที่ของทีมสื่อที่ 1 จึงเผชิญงานหนักจนแทบรากเลือด
ในบรรดาพนักงานที่ใกล้ตาย บุคคลที่ทำงานหนักกว่าใครคือฮงกยูบิน
ปั่ก!
ทันใดนั้น เสียงที่ชวนให้เย็นถึงกระดูกดังมาจากมุมหนึ่งของสำนักงาน
“โอ้ย! ตีผมทำไม!”
“ทำงาน”
เป็นเสียงของเจ้าหน้าที่จอง และผู้ช่วยยุน
เจ้าหน้าที่จองซึ่งถูกผู้ช่วยยุนตีหน้าผาก พยายามประท้วง
“ตอนนี้เป็นเวลาพักไม่ใช่หรือครับ พวกเราควรพักผ่อนบ้าง เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดนะครับ!”
“นายเพิ่งพักไปเมื่อสิบนาทีก่อน”
“ผมทำงานหนักมาสิบนาทีแล้วนะครับ! และการรับชมวิดีโอของควอนเจอินถือเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่คนเราควรทำทุกวัน!”
คงประเมินแล้วว่าพูดไปสองไพเบี้ย ผู้ช่วยยุนกดปิดวิดีโอของเจ้าหน้าที่จอง
เมื่อภาพของบลูไวโอลินิสต์ที่กำลังบรรเลงปาฏิหาริย์ต่อหน้ากำแพงสมุทรหายไป เจ้าหน้าที่จองชักสีหน้าอย่างไม่ปิดบัง
“ยังหัวเสียเรื่องที่ถูกแฟนเก่าทิ้งอยู่อีกหรือครับ คุณไม่ควรมาลงกับผมที่เป็นรุ่นน้องมหา’ ลัยและผู้ใต้บังคับบัญชา… ฮัดช่า!”
เจ้าหน้าที่จองเพิ่งตระหนักได้กลางประโยค ว่าตนกำลังพูดจาเรียกร้องการทุบตี
จึงตะโกนพลางใช้มือบังหน้าผากเพื่อป้องกันการโจมตี
แต่การโจมตีไม่ได้พุ่งไปทางนั้น
ผู้ช่วยยุนคว้าคอเจ้าหน้าที่จอง
“ออกไปข้างนอกกันเถอะ”
“ไม่เอาครับ! ผมรู้ว่าคุณจะเอาผมไปทิ้งไว้ในรอยแยก! เราไม่ควรออกไปไหนในตอนที่งานยุ่งนะครับ!”
“มีงานที่ต้องทำข้างนอกอยู่”
เจ้าหน้าที่จองพยายามโต้เถียงและขัดขืน แต่ท้ายที่สุดก็ถูกผู้ช่วยยุนลากตัวออกไป
“ช่วงนี้ผู้ช่วยยุนเข้มงวดมากเลย แต่เจ้าหน้าที่จองก็ติดเล่นเกินไปเหมือนกัน”
“อันนี้ข่าวยังไม่กรองนะ แต่ดูเหมือนแฟนเก่าที่ทิ้งเขาไป จะไปคบกับหัวหน้าทีมพัคจากทีมสื่อที่ 2 แทน”
“หา… เธอทิ้งผู้ช่วยยุนไปคบกับหัวหน้าทีมพัค? ผู้ช่วยยุนอาจเป็นคนแข็งกระด้าง แต่เขาหล่อกว่าและมีอนาคตมากกว่าตาพัค…”
“อะไรก็เกิดขึ้นได้กับความรัก หัวหน้าทีมพัคอาจจะมีเสน่ห์ในแบบของเขาก็ได้… เสน่ห์ที่ฉันมองไม่เห็น”
รู้ตัวอีกที บุคลากรของทีมสื่อที่ 1 ก็ซุบซิบนินทาถึงทีมสื่อที่ 2
ครืด!
เสียงเก้าอี้ลากพื้นดังก้องไปทั่วห้อง
เป็นเสียงที่คล้ายกับทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“ไม่มีงานมีการทำกันหรือ”
เสียงเคร่งขรึมของฮงกยูบินดังไปทั่วชั้น ปิดปากทุกคนจนเงียบสนิท
ฮงกยูบินยังคงแต่งตัวประณีตเหมือนทุกที
ชุดสูทของเขาไม่มีรอยยับแม้แต่หนึ่งจุด แต่วงกลมสีดำใต้ตาดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
ได้เห็นสภาพอันอิดโรยของหัวหน้า ทีมสื่อที่ 1 รีบก้มศีรษะทำงาน
เมื่อสภาพแวดล้อมกลับมาเงียบ ฮงกยูบินนั่งกลับลงไป
‘วันหยุด… ตารางการเดินทาง… อาจไม่ทันแล้ว… คุณครู…’
ฮงกยูบินมองนาฬิกาโฮโลแกรมด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
ชมรมหนังสือพิมพ์ของโรงเรียนแสงเงินใกล้ออกเดินทางแล้ว แต่เขาดันมีงานเพิ่ม และความผิดพลาดของหัวหน้าทีมพัคแห่งทีมสื่อที่ 2 ก็คอยฉุดรั้งความคืบหน้า
อย่างไรก็ดี ฮงกยูบินยังไม่ยอมแพ้
‘ยังไม่สายเกินไป!’
ด้วยจิตตั้งมั่นที่ต้องการไปเที่ยวให้ได้ ฮงกยูบินกลับมาจดจ่ออยู่กับงาน
ภาพที่เขากำลังนั่งจ้องโฮโลแกรม ดูราวกับมีความมุ่งมั่นอันไร้ขีดจำกัดแผ่ออกมารอบตัว ทำเอาผู้ใต้บังคับบัญชาต่างพากันกลั้นหายใจ
* * *
สิ่งใดทำให้ศิษย์ของฉันคิดมาก?
[ฉัน] ว่ามาสิ
[ย็อมจุนยอล] ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์!
ฉันแค่บอกให้เขาพูด แต่ย็อมจุนยอลกลับตอบมาอย่างร่าเริง
[ย็อมจุนยอล] ผมได้รับข้อเสนอให้เป็นพิธีกรสมทบในรายการวาไรตี้
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สตาร์เพลเยอร์อย่างย็อมจุนยอลจะถูกเสนอให้ทำงานในตำแหน่งพิธีกรสมทบ
แต่ไหนแต่ไร ย็อมจุนยอลมักจะปฏิเสธการถ่ายรายการที่อาจรบกวนเวลาการเรียนและฝึกซ้อมของเขา
เขาออกทีวีบ่อยก็จริง แต่นั่นคือในรูปแบบโฆษณา สัมภาษณ์ และแขกรับเชิญ
[ย็อมจุนยอล] ตามปกติแล้วผมจะปฏิเสธทันที แต่จุดประสงค์ของรายการทำให้ผมลังเล
ย็อมจุนยอลอธิบายสั้นกระชับเกี่ยวกับภาพรวมของรายงานที่เสนองานเข้ามา
คอนเซปต์เหมือนกับการ ‘โอเพ่นออดิชัน’ ตามปกติ เป็นรายการที่จะรวบรวมคนธรรมดาซึ่งไม่เคยเดบิวต์มาก่อน มาจัดแข่งกันและหาผู้ชนะผ่านการโหวตจากคนดู
อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าออดิชันถูกกำหนดว่าต้องมี ‘พรสวรรค์ของเพลเยอร์’ เท่านั้น
เรียกได้ว่าผิดไปจากธรรมเนียมเดิมที่นิยม ‘คัดเพลเยอร์ออก’ ในขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารโuเวฺลกูดอทคอม
[ย็อมจุนยอล] เกาหลีมีประชากรเพลเยอร์ราว 15% ของทั้งหมด และคนเหล่านี้แทบไม่มีโอกาสได้เติมเต็มความฝันที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพเพลเยอร์
[ย็อมจุนยอล] หากไม่ใช่เพราะรุ่นพี่ควอนเจอินมีฝีมือไวโอลินระดับโลก เธอก็คงหมดสิทธิ์ย่างเท้าเข้าสู่วงการดนตรี และทำได้แค่สนุกกับมันในฐานะงานอดิเรก
ย็อมจุนยอลพูดถูก
เพลเยอร์ที่ต้องคอยรับมือกับรอยแยก แทบไม่มีโอกาสได้ทำตามฝัน
จริงอยู่ หากความฝันคือการเป็นครู พวกเขาสามารถเป็นครูตามศูนย์ฝึกอบรมเพลเยอร์ หากความฝันคือทหารหรือตำรวจ ก็สามารถสมัครเข้าทีมโปรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แต่เรื่องราวจะต่างออกไปสำหรับวงการศิลปะหรือกีฬา
เพลเยอร์เป็นนักกีฬาอาชีพไม่ได้ และจะถูกสังคมตำหนิหากเบนเข็มมาร้องเพลงหรือแสดงภาพยนตร์
เมื่อเพลเยอร์คนใดตบเท้าเข้าสู่วงการบันเทิง พวกเขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศที่ละทิ้งพรสวรรค์หายากในการเผชิญหน้ากับเอนามี และตกเป็นจำเลยของสังคม
ถ้าไม่ใช่เพราะควอนเจอินเคยสร้างชื่อในฐานะนักไวโอลินอัจฉริยะตั้งแต่อายุยังน้อย และถ้าคนรอบข้างไม่คอยอุทิศตัวเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอ เราก็คงไม่ได้เห็นควอนเจอินอย่างทุกวันนี้
‘แม้กระทั่งในโลกเก่า นักกีฬาตัวแทนประเทศจะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์หากหันมาจับไมค์ร้องเพลงหรือแสดงหนัง… พอยิ่งเป็นโลกนี้ที่เผชิญปัญหาด้านความมั่นคง การต่อต้านจากสังคมก็ยิ่งรุนแรง… ในเมื่อเพลเยอร์สามารถสร้างชื่อเสียงและทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำอยู่แล้ว คนทั่วไปจึงมองว่าสิ่งเหล่านี้ชดเชยความฝันได้’
คงจะมีเพลเยอร์อยู่ไม่น้อยที่ไม่พึงพอใจ เมื่อความฝันของตนเป็นได้แค่งานอดิเรก
ยิ่งย่างเข้าสู่ยุคใหม่ ทัศนคติที่สังคมมีต่อเพลเยอร์ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยน
เพลเยอร์อย่างซองกุกอุนได้รับเลือกให้เป็นส.ส. แม้ต้องคอยรักษาสัญญาว่าจะเข้าร่วมรอยแยกอย่างต่อเนื่อง
และยังมีเพลเยอร์นักดนตรีชื่อก้องโลกอย่างควอนเจอินและมิสเตอร์กริกก์
เมื่อมนุษย์เริ่มได้ชีวิตประจำวันกลับมา เพลเยอร์ก็เริ่มมีโอกาสได้ฝัน
‘…ในเกมไม่เห็นมีรายการนี้ คงถูกล้มเลิกไปก่อน’
ในโลกของเพลเมโก ไม่มีทางที่รายการทีวีแบบนี้จะได้ฉาย โดยเฉพาะหลังจากจอมบงการก่อโศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย
ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพ ก็คงเหมือนกับการดันทุรังฉายรายการออดิชันนักดับเพลิงทันทีหลังจากเกิดเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ ถ้ามีใครพยายามผลักดัน ชะตากรรมเดียวคือการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
‘เดี๋ยวนะ… ในบรรดา NPC ของห้อง 1/0 ที่เริ่มเข้าเรียนในเทอมสอง มีเด็กคนหนึ่งพูดถึงรายการออดิชัน’
ขณะฉันพยายามนึกถึงเด็กห้อง 1/0 ที่ยังไม่เข้าเรียน ย็อมจุนยอลส่งข้อความมาเพิ่ม
[ย็อมจุนยอล] ผมคิดว่าเป้าหมายของการออดิชันค่อนข้างน่าสนใจ คงมีเพลเยอร์อยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้ฝันอยากเข้าร่วมโปรทีมเหมือนกับผม
[ย็อมจุนยอล] ผมรู้สึกเสียใจกับเหล่าคนที่มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง เต้น หรือการแสดงที่ต้องละทิ้งความฝัน ผมอยากคอยสนับสนุนพวกเขา ผมสามารถเคลียร์รอยแยกให้มากขึ้นเพื่อทดแทนการขาดหายไปของพวกเขา
ศิษย์ของฉันมีชุดความคิดที่น่ายกย่องจริงๆ
‘ในหมู่สตาร์เพลเยอร์ที่โลดแล่นในวงการบันเทิง ย็อมจุนยอลเป็นที่นิยมมากกว่าใคร คงเป็นเหตุผลที่ทางรายการเสนองานให้’
เข้าใจแล้วว่าทำไมทางรายการถึงอยากให้ย็อมจุนยอลเป็นพิธีกรสมทบ
รวมถึงเหตุผลที่ย็อมจุนยอลยังคิดไม่ตก
[ฉัน] แล้วเธอคิดยังไงล่ะ
[ย็อมจุนยอล] ผม…
ด้วยนิสัยของย็อมจุนยอล เขาต้องอยากร่วมรายการแน่ ต่อให้ต้องลดเวลานอนลงก็ตาม
แต่สาเหตุที่ยังลังเลจนต้องส่งข้อความมาหา เพราะเขาเพิ่งพูดบางอย่างเอาไว้กับฉัน ในตอนที่ส่งรูปถ่ายแบบฤดูหนาวมาให้ดู
—ตอนนี้ผมถ่ายแบบเสร็จหมดแล้ว จะตั้งใจฝึกให้หนักขึ้นครับ!
ถ้าอยู่ดีๆ กลายเป็นพิธีกรสมทบในรายการบันเทิง มันคงจะไม่เข้าทีสักเท่าไร
เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้ศิษย์ผู้โอบอ้อมอารีของฉัน
[ฉัน] ไม่ต้องรีบทำการบ้านนักหรอก ฉันจะช่วยสอนเพิ่มเติมในตอนที่มีเวลา
[ย็อมจุนยอล] ท่านอาจารย์…! ขอบคุณที่เข้าใจครับ!
[ฉัน] เป็นกำลังใจให้นะ
[ย็อมจุนยอล] ผมจะเป็นพิธีกรสมทบอย่างสุดฝีมือเลยครับ!
[ย็อมจุนยอล] (สติกเกอร์)
ย็อมจุนยอลส่งสติกเกอร์มังกรแดงกำลังถือไมโครโฟนอย่างมีความสุข
ขณะอวยพรให้ศิษย์ประสบความสำเร็จกับความท้าทายใหม่ ฉันปิดหน้าต่างดีไวซ์
ไม่นานนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้สำหรับมื้อเช้าก็ดังขึ้น สมาชิกชมรมหนังสือพิมพ์ทยอยตื่น ส่วนนักรบที่ยังไม่นอนต่างก็ย้ายไปยังห้องอาหารพลางยืดเส้นยืดสาย
* * *
หลังจากปะทะกับต่างมิติ คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยพลังใต้ดินมากที่สุด
เผ่าแท้เกือบทั้งหมดอพยพมายังคาบสมุทรเกาหลี แต่ก็ยังมีบางเผ่าที่รักษาขนมธรรมเนียมเดิมอยู่ด้านนอก
บนแผ่นดินจีนยังหลงเหลืออีกสี่เผ่าแท้
นับตั้งแต่โบราณกาล พวกเขาคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มักถูกขนานนามว่า ‘เทพสี่ทิศ’ หรือ ‘สี่สัตว์เทพ’
หนึ่ง – มังกรทอง ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งจักรพรรดิ
แม้เผ่ามังกรเกือบทั้งหมดจะย้ายไปยังคาบสมุทรเกาหลี แต่มังกรทองยังคงอยู่บนแผ่นดินใหญ่เพื่อปกป้องทางเข้าวังมังกรพร้อมกับเหล่านางทรง
‘มังกรทองแวะมาหาย็อมจุนยอลกับแม่ที่คาบสมุทรเกาหลีบ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ย้ายถิ่นฐานตามมา’
สอง – กิเลน ซึ่งเป็นตัวแทนของยุคสมัยแห่งความสงบสุข
สัตว์ร้ายที่ลำตัวเป็นกวาง หางเป็นวัว กีบเท้าและแผงขนเหมือนม้า
สาม – ฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของอำนาจราชัน
เนื่องจากถูกพรรณนาไว้แตกต่างกัน รูปลักษณ์ของฟีนิกซ์จึงไม่ตายตัว กล่าวกันว่าเป็นส่วนผสมระหว่างไก่ นกนางแอ่น กวาง นกกระเรียน ปลา และมังกร โดยลำตัวจะเปล่งแสงห้าสี
‘กิเลนกับฟีนิกซ์จะมีแค่ชายหญิงหนึ่งคู่’
แม้จำนวนจะน้อยนิด แต่ทั้งกิเลนและฟีนิกซ์ถือว่ามีบทบาทสำคัญในช่วงท้ายของเรื่องราว
แต่ยังอีกนานกว่าพวกเขาจะปรากฏตัว ตอนนี้จึงอ่านไม่ออกว่ากำลังทำอะไรอยู่
‘และเผ่าที่สี่…’
สุดท้าย – เต่า สัญลักษณ์ของชีวิตอันยืนยาวและการทำนายอนาคต
เต่าแทบเคยไม่ปรากฏตัวในเกม
ถึงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลัก แต่ควรพึงระลึกไว้ว่าในจีนมีเต่า
ขณะไล่อ่านข้อมูลจากหนังสือเล่มเล็กที่ประธานชมรมแจกให้ เครื่องบินถึงเวลาร่อนลงสู่จุดหมายปลายทาง
“ตรวจสอบสัมภาระเรียบร้อยอีกครั้ง!”
“ครับ!”
“ค่ะ!”
ขณะชมรมหนังสือพิมพ์โยกย้ายสถานที่ตามคำสั่งจูเก่อแจกอล—ครูที่ปรึกษาผู้ตามมาสมทบที่สนามบินในตอนเช้า
ด้านหน้าสนามบินนานาชาติเฉิงตูในมณฑลเสฉวน
กลุ่มคนชาวเกาหลีที่พวกเราคุ้นหน้าเป็นอย่างดีปรากฏตัว
“ครูแจกอล!”
“บังเอิญจังเลย!”
“คิดถึงครูจัง!”
กึมชานซอลและวังชานซอลตะโกนโหวกเหวก
นักเรียนห้อง 2/0 กำลังจับกลุ่มรอพวกเราอยู่อย่างพร้อมหน้า