📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 409

บทที่ 409 - เมล็ดบัวสุกเต็มที่
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

‘โครม!’

ก่อนที่หมัดทั้งสองจะปะทะกัน ดวงตาของเฉาชิงหยางก็เปล่งประกายอย่างชื่นชม

เสียงหมัดกระทบกันดังชัดเจน ร่างของสวี่ชีอันเอนลงไปข้างหลัง หากใช้ตามองก็คือล้มลงไปกับพื้น แต่ทันใดนั้น…เอวและกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาก็สั่นราวกับคลื่นน้ำ ดูเป็นวิธีออกแรงแบบไม่ถูกหลักเพื่อใช้ดึงร่างเขากลับมา

เฉาชิงหยางก้าวถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า พลางออกแรงสกัดและสะบัดแขนที่เจ็บปวดไปด้วย

บรรยากาศตึงเครียดอันรุนแรงที่ลานด้านนอกก็หยุดนิ่งลง

หลังจากที่ฉู่หยวนเจิ่นและหลี่เมี่ยวเจินเลี่ยงดาบแหลมออกไป พวกเขาก็หยุดชะงัก แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยเหลือแต่ก็ไม่ได้โต้กลับเช่นกัน มองไปที่สวี่ชีอันด้วยความประหลาดใจ

‘คงไม่ใช่หรอกนะ…’

เทียนจีและเทียนซูทั้งตกใจและโกรธ ทั้งสองคนจ้องมองที่สวี่ชีอัน จ้องมองทุกท่าทุกการเคลื่อนไหว จ้องมองการเปลี่ยนแปลงท่วงท่าทั้งร่างกายแขนขาของเขาอย่างละเอียดอ่อน

ความคิดหนึ่งที่ยากจะเชื่อผุดขึ้นมาในใจของพวกเขา

เต๋ามารแห่งนิกายปฐพีหรี่ตาลง จ้องไปที่สวี่ชีอันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท ดวงตาของนักบวชหลานเหลียนประกายไปด้วยความชั่วร้าย พลางพูดเย้ยหยัน “เฉาชิงหยาง เจ้ายังจะเล่นอีกนานแค่ไหน?”

ในสายตาของระบบบำเพ็ญธรรมลัทธิเต๋าของพวกเขา เฉาชิงหยางผู้นี้มีทั้งความเมตตา ทั้งการให้อภัย และได้อ่อนข้อให้อย่างที่สุดแล้ว

“เมื่อครู่…หมัดนั้นเมื่อสักครู่นี้…”

เหล่ายอดฝีมือกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ต่างได้แต่มองหน้ากัน

ในฐานะจอมยุทธ์ระดับสูง พวกเขามีความรู้มากกว่านักบวชของนิกายปฐพีอยู่มาก

การเคลื่อนไหวของหมัดนั้น การถอยกลับอย่างรุนแรงของเฉาเหมิงจู่ และการปัดป้องไม่หยุดนั้น ทุกคนยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้แสดง เป็นการกระแทกกลับโดยหมัดของสวี่ชีอันจริงๆ

ฮู่ว…

สวี่ชีอันถอนหายใจเสียงหนัก ข่มอารมณ์ลิงโลดแทบบ้าไว้ภายในใจ ไม่จำเป็นต้องแสดงอารมณ์ดีใจให้ปรากฏออกทางสีหน้า ยังคงรักษาท่าทางเย็นชาเอาไว้ พลางพูดช้าๆ

“ข้าบรรลุขั้นห้าแล้ว!”

อันที่จริง ประโยคที่เขาคิดอยากจะพูดจริงๆ ก็คือ ข้านั้นบรรลุเป็นเทพเซียนของแผ่นดินแล้ว!

แต่ประโยคนี้ก็ยังคงสร้างเสียงดังสะท้านในหมู่ ‘คนดู’ อย่างใหญ่โต

เขาอยู่ขั้นห้าจริงๆ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นขั้นห้า…

อารมณ์ภายในใจของหลี่เมี่ยวเจินนั้นซับซ้อนมาก ทั้งมีความสุขทั้งผิดหวัง

นางเป็นถึงเทพธิดาแห่งนิกายสวรรค์ เทพธิดาคืออะไรน่ะหรือ? บรรดาคนรุ่นเดียวกันในนิกายสวรรค์ ผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นล้ำเลิศที่สุด และมีศักยภาพสูงสุดเท่านั้น จึงจะมีสถานะเป็นถึงเทพธิดา’

อีกทั้งสถานะของนิกายสวรรค์ในยุทธภพก็คือยืนอยู่เหนือมวลชน ทุกครั้งที่ผู้คนมองขึ้นไปก็จะมองเห็นเสมอ ลูกศิษย์ของนิกายสวรรค์ทุกท่านที่อยู่ในยุทธภพล้วนเป็นที่โปรดปรานของสวรรค์

หลี่เมี่ยวเจินก็เป็นหนึ่งในเทพธิดาอันเป็นที่โปรดปรานของสวรรค์

ตอนนางเพิ่งจะอายุได้ยี่สิบต้นๆ ก็บรรลุขั้นสี่แล้ว หากรอจนเมื่อนางเติบโตถึงอายุที่กลายเป็นดอกไห่ถังที่อุดมสมบูรณ์ การฝึกบำเพ็ญนั้นจะสามารถบรรลุได้ถึงระดับใด?

ผู้นำเต๋านิกายสวรรค์เคยกล่าวไว้ว่า เทพบุตรและเทพธิดารุ่นนี้มีความหวังอย่างมากที่จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นขั้นสาม และมีลำดับขั้นเหนือกว่าชาวบ้านธรรมดา

หลี่เมี่ยวเจินภูมิใจในเรื่องนี้มายี่สิบปี จนกระทั่งได้พบกับสวี่ชีอัน นางถึงค้นพบได้ทันใดว่าพรสวรรค์ที่ตนเองภาคภูมิใจนักหนา เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วเหมือนนับได้ว่าพอใช้เพียงเท่านั้น

“อัจฉริยะ พรสวรรค์อัจฉริยะ”

หยางซุยเสวี่ยแสดงสีหน้าตื่นเต้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนถอนหายใจ “ชายหนุ่มรูปงามผู้มีคุณธรรมและสติปัญญาสูงที่คนแก่อย่างข้าเคยได้พบนั้ นมีมากเหมือนดั่งปลาที่ว่ายข้ามแม่น้ำ ฆ้องเงินสวี่นับว่าโดดเด่นที่สุดในคนเหล่านั้น พรสวรรค์ส่วนนี้ทำให้คนตื่นตะลึง”

“บุกทะลวงและเข้าร่วมรบด้วยตนเอง จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นขั้นห้า ฆ้องเงินสวี่นั้นช่างพิเศษและโดดเด่นจริงๆ ข่าวลือในยุทธภพที่บอกว่าปัญญาของเขานั้นไม่แพ้อ๋องสยบแดนเหนือ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย” เซียวเยว่หนูกล่าวออกจากใจจริง

นางปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมของสตรี จึงมองเห็นสีหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก เห็นแค่เพียงแค่น้ำที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตาคู่นั้น เปล่งประกายคล้ายกับแสงดาวระยิบระยับ

หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้าราชสำนักเมื่อปลายปี เพียงแต่ว่าในขณะนั้นเขายังอยู่ในหลอมจิตขั้นสูงสุด ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี กลับได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากทหารขั้นเก้าระดับสูงสุด ไปเป็นสลายแรงขั้นห้า…

เทียนจีและเทียนซูสองสายลับระดับสวรรค์ ในหัวนั้นผุดข้อมูลของสวี่ชีอันขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

‘พรสวรรค์ส่วนนี้ เมื่อเทียบกับฉู่หยวนเจิ่นแล้วกลับเหนือชั้นยิ่งกว่า’

ปีนั้นฉู่หยวนเจิ่นลาออกจากการเป็นขุนนางเพื่อฝึกวรยุทธ์ และเขาก็ผ่านช่วงวัยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับฝึกวรยุทธ์ไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จและสร้างผลงานได้ในทางวิทยายุทธ์

ความสามารถของเขาเป็นที่ประจักษ์ชัดขึ้นมาอย่างฉับพลัน เทียบเท่าการลุกขึ้นมาตบหน้าทุกๆ คน

ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี ก็ได้ท้าประลองกับฆ้องทองคำขั้นสี่อย่างเปิดเผย ณ เวลานั้น พรสวรรค์ส่วนนี้ทำให้เกิดแรงสะท้านสะเทือนอย่างยิ่งใหญ่ไปทั่วทั้งเมืองหลวง อีกทั้งเว่ยเยวียนก็ยกย่องเขาในฐานะนักดาบอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

เหตุผลก็เป็นเช่นนี้

ไม่น่าเชื่อว่าความสามารถของสวี่ชีอันจะแข็งแกร่งกว่าฉู่หยวนเจิ่นในทุกด้าน

ถ้าหากคนเช่นนี้ไม่ตายไปเสีย ในอนาคตจะต้องเกิดปัญหาอันใหญ่หลวงแน่นอน

จมูกของชิวฉานอีแดงก่ำ ดวงตาของนางก็แดงก่ำเช่นกัน น้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มยังเปียกชื้น ณ เวลานี้ นางเผยอริมฝีปากเล็กน้อย ตกอยู่ในความตะลึงอย่างมาก

“ขอบคุณเฉาเหมิงจู่อย่างมากที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์”

สวี่ชีอันกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อมและจริงใจ

เฉาชิงหยางพยักหน้า พลางพูด “ร่างทองของเจ้านั้นดูท่าจะถึงคราวเข้าตาจน หากไม่มีพลังเทพคุ้มกายานี้แล้ว แม้ว่าเจ้าจะเข้าสู่สลายแรงขั้นห้าก็ตาม สำหรับข้าก็เป็นเพียงแค่เรื่องของหมัดหนึ่งหมัด ยอมรับความพ่ายแพ้เสียเถอะ”

การป้องกันร่างเนื้อเป็นรากฐานของการต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวของจอมยุทธ์ หากไม่มีกระดูกเหล็กผิวทองแดง เขาจะต้านทานการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร

สวี่ชีอันไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ “หากไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรล่ะ?”

เฉาชิงหยางกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เช่นนั้นครั้งนี้ ข้าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว”

เสียงล่องลอยอยู่ในอากาศ ร่างกายของเขาราวถูกลมพัดฉีกแหลกสลาย แต่นั่นเป็นเพียงแค่ภาพติดตาเท่านั้น เฉาเหมิงจู่ในชุดสีม่วงปรากฏตัวต่อหน้าเขา ออกหมัดโจมตีเข้าโดยตรงที่ใบหน้า

ร่างของสวี่ชีอันสลายหายไป ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นทางด้านซ้ายของเฉาชิงหยาง

“หรือเฉาเหมิงจู่ลืมเคล็ดลับทักษะพิเศษของข้าไปเสียแล้ว?”

สวี่ชีอันพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว หมัดของเขาต่อยกระทบร่างของเฉาชิงหยางเสียงดังกังวานและเต็มไปด้วยพลังโนiวลกูดอทคอม

เขาหายตัวไปอีกครั้ง โดยหลบไปอยู่ด้านหลังของเฉาชิงหยาง ต่อด้วยปรากฏตัวขึ้นอีกด้านหนึ่งของเฉาเหมิงจู่ กำลังจะเริ่มต้นการต่อสู้โจมตีระยะประชิดอีกรอบ

แต่สัญชาตญาณชาวยุทธจักรของเฉาชิงหยางก็เฉียบแหลมและว่องไวไม่แพ้กัน เขาพลิกมือไปคว้าข้อมือของสวี่ชีอันไว้ พลางเอนตัวลง ทำให้ตนเองกลายเป็นเสาหินที่ถล่มลงมา

สวี่ชีอันดึงมือของเขาออกก่อนแล้วออกหมัดสลับรัวๆ เพื่อโจมตีกลับเสาหินที่ถล่มลงมาเสานี้

‘ปัง ปัง ปัง!’

‘เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!’

ทั้งสองประลองร่างกายกันอย่างเข้มข้น เกิดเป็นฉากที่น่าตื่นตะลึงต่อเหล่าผู้คนที่ล้อมชมอยู่ การต่อสู้ของพวกเขาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังรุนแรงและดุดัน

หากเปลี่ยนเป็นระดับเดียวกันของระบบอื่น การต่อสู้ประชิดตัวที่ดุเดือดรุนแรงเช่นนี้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคงถูกทุบตีจนตายเป็นร้อยครั้งพันครั้งไปตั้งนานแล้ว

ผู้คนด้านนอกลานค้นพบว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง ทว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฆ้องเงินสวี่เกือบจะต้านทานเฉาเหมิงจู่ไว้ไม่อยู่

ดูเหมือนว่าฆ้องเงินสวี่จะสามารถทำนายอนาคตได้ล่วงหน้า เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีจากอีกฝ่ายได้ทุกครั้งไป หรือไม่ก็สามารถตัดการโจมตีของเฉาเหมิงจู่ได้ จากนั้นก็โจมตีกลับอย่างดุดัน

แม้ว่าเฉาเหมิงจู่กำลังต่อสู้กับร่างกายที่แข็งแกร่งยากจะตีแตก ถึงกระนั้นก็ไม่สนใจ มองข้ามการโจมตีของฆ้องเงินสวี่ แต่การที่เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบนั้นคือเรื่องจริง

นี่อาจเป็นเพราะเป็นพลังเทพวชิระที่เกือบจะพังทลายของฆ้องเงินสวี่ ถ้าหากสภาวะพัฒนาไปจนถึงสุดขีด เกรงว่าเฉาเหมิงจู่อาจทำได้เพียงสกัดกั้นจนตอบโต้กลับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย…หลายคนอดคิดไม่ได้

ในเวลานี้ ใบหน้าของสวี่ชีอันแดงก่ำขึ้นทุกขณะ แม้แต่ท่าทางก็เริ่มติดขัด จุดอ่อนสำคัญเช่นนี้ไม่ถูกอีกฝ่ายมองข้าม เฉาชิงหยางฉวยโอกาสออกหมัดต่อยเข้าที่หน้าอกสวี่ชีอัน จนทำให้เขาเดินโซเซถอยกลับ

จากนั้นก็ทำการจู่โจมแบบไร้ช่องว่าง หลังจากออกหมัดก็ตามด้วยลูกเตะที่ลอยมา ต่อยซ้ำๆ ตามด้วยสับศอกและฟาดแข้งที่คมเสมือนแส้ จากนั้นก็ดึงร่างอีกฝ่ายกลับมาอีกครั้ง ตามด้วยการโจมตีอันทรงพลังอีกชุด

‘โครม!’

แสงสีทองกะพริบอย่างรุนแรง ก่อนจะสลายไปอย่างสมบูรณ์

พลังเทพวชิระถูกทำลายลงแล้ว

สวี่ชีอันตบหน้าอกของเฉาชิงหยางด้วยฝ่ามือ ข้อมือพลิกคว่ำลง ฝ่ามือหงายขึ้น พลางปัดขึ้นไปตามหน้าอกที่แข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ แล้วตบเข้าที่คางของเฉาชิงหยาง

‘ตุบ ตุบ ตุบ’…เฉาเหมิงจู่ถอยหลังไปสองสามก้าว รู้สึกว่ากรามของเขาเกือบจะหลุดออกมา

สวี่ชีอันจบสิ้นการแข่งขันอันหนักหน่วงนี้แล้ว ป้องมือโค้งคำนับ “ข้าแพ้แล้ว”

ดูเหมือนว่าฝีมือของเฉาเหมิงจู่ยังคงเหนือกว่า…ทันทีที่ทุกคนคิดเช่นนั้นในใจ พวกเขาก็ได้ยินเฉาชิงหยางตอบกลับ

“ร่างกายเจ้าบาดเจ็บ ถ้าหากถึงสภาวะสุดขีดแล้วละก็ ข้าอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า”

ความหมายของเฉาเหมิงจู่ คือเขาไม่สามารถเอาชนะสวี่ชีอันได้ด้วยการอาศัยทักษะทางกายภาพเพียงอย่างเดียวได้งั้นหรือ?

สายตาแปลกๆ เหล่านั้นจ้องมองไปที่สวี่ชีอัน

ขณะเดียวกันนั้น กลางสระน้ำ ดอกบัวเก้าสีพลันเปล่งประกายสีสันสวยงาม ราวกับแสงอาทิตย์ที่ส่องแสงผ่านกลุ่มเมฆลงมาจากท้องฟ้าโดยตรง

หลังจากหายใจเข้าไม่กี่อึดใจ ลำแสงนั้นก็หายไป ดอกตูมเก้าสีที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำค่อยๆ ผลิบานทีละดอก

ตาของพวกเขาละจากสวี่ชีอันแล้วมองไปที่ดอกบัว เพียงชั่วพริบตาเดียว ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่หายใจเร็วและแรงขึ้นมาทันที

หว่างคิ้วของนักบวชหลานเหลียน จู่ๆ ก็มีหมอกสีดำขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาเหมือนน้ำตก

หมอกสีดำรวมตัวกันเป็นรูปร่างมนุษย์ที่มีใบหน้าเลือนราง ดูเหมือนช้าแต่รวดเร็ว ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบสนอง เงานั้นก็พุ่งไปทางสระน้ำ ปลายทางคือดอกบัวเก้าสี

ไม่น่าเชื่อว่าร่างอวตารของผู้นำเต๋าแห่งนิกายปฐพีหลบซ่อนอยู่ในร่างของนักบวชหลานเหลียนมาโดยตลอด ปิดบังหลอกลวงทุกคน

เขาคิดจะแย่งดอกบัวแบบสายฟ้าแลบโดยไม่ให้ใครตั้งรับทัน ก่อนที่ยอดฝีมือซึ่งเคยปรากฏตัวที่ฉู่โจวจะกลับมามีปฏิกิริยาตอบสนอง ป่านนั้นเขาก็หลบหนีไปอย่างรวดเร็วแล้ว

ใช่แล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้นำเต๋าแห่งนิกายปฐพีเข้าใจว่าบุคคลผู้แข็งแกร่งและลึกลับผู้นั้นต้องซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ตนเองอย่างแน่นอน

เฉาชิงหยางตั้งรับ ฟาดฝ่ามือออกมาตัดผ่านหมอกสีดำไปเบาๆ ได้อย่างง่ายดาย ทว่าหมอกสีดำรวมตัวกันได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง จึงไม่ได้รับความเสียหายอะไรมากนัก

ข้างสระน้ำ นักบวชเต๋าจินเหลียนซึ่งนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา

“เฮยเหลียน รอเจ้าอยู่ตั้งนานแล้ว”

ขณะที่พูด คิ้วของนักบวชเต๋าจินเหลียนก็กดต่ำลงราวกับหลุมดำ พายุหมุนที่ถือกำเนิดขึ้น ณ ที่นั้น จ้องจะกลืนกินร่างของนักบวชเต๋าเฮยเหลียนเข้าไป

นักบวชเต๋าจินเหลียนหลับตาลงทันที เหมือนรูปปั้นหินที่อยู่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน

พวกเขาต้องต่อสู้กันอีกคำรบหนึ่ง ต่อสู้กับร่างอวตารของผู้นำเต๋าแห่งนิกายปฐพี

นักบวชเต๋าจินเหลียนใช้อำนาจจัดการปัญหา เสนอเมล็ดบัวเก้าสีให้กับกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์

นักพรตเหลียนฮวาแห่งนิกายปฐพีและสายลับของไหวอ๋องต่างร่วมมือกันต่อสู้เพื่อชิงเมล็ดบัว

สำหรับภัยคุกคามของเหล่า ‘ตัวประกอบ’ พวกนี้ เฉาชิงหยางเพียงแค่พลิกฝ่ามือเพียงฝ่ายเดียว ก็กวาดปัญหาทั่วทุกสารทิศในลานนี้ให้ราบเป็นหน้ากลอง

“ฟู่…”

นอกเหนือจากยอดฝีมือขั้นสี่ที่อยู่กลางลาน ทุกคนต่างก็กระอักเลือดจากการกวาดล้างของฝ่ามือนั้น

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้ายืนหยัดอยู่ต่อหน้าเขา

เฉาชิงหยางหรี่ตาลง จ้องไปที่ชายหนุ่มไม่รู้จักพอผู้นี้ พร้อมกับพูดอย่างเย็นชา

“ฆ้องเงินสวี่ การพนันต่อสู้ของพวกเราจบลงแล้ว ครั้งนี้ข้าคงไม่สามารถอ่อนข้อให้ได้อีกแล้ว เกียรติของเจ้าที่ควรได้รับ ข้าก็ได้มอบให้ไปหมดแล้ว ต่อไปนี้ แม้ว่าข้าต้องตีเจ้าให้ตาย ในยุทธภพนี้ก็คงไม่มีใครสามารถพูดว่าข้านั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป”

เทียนจีและเทียนซูที่กำลังตกใจและโกรธแค้นอยู่นั้น เมื่อเห็นฉากนี้ ก็รู้อย่างฉับพลันว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ปรากฏว่าตรงกันกับสิ่งที่พวกเขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด

ทั้งสองกังวลว่าสวี่ชีอันคงไม่อาจถูกสังหารได้โดยง่าย เพราะยังมีพวกคฤหาสน์เยวี่ยจือคอยถือหางให้ท้าย และยังมีกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ที่ประกาศตนว่ามีจิตใจกล้าหาญ รักความยุติธรรม คอยปกป้องคุ้มกันอีก

ทันใดนั้น เรื่องราวต่างๆ ก็กลับตาลปัตร

เฉาชิงหยางมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเพื่อดอกบัวเก้าสี เขายอมถอยให้แล้วเมื่อครู่ ทั้งเห็นแก่หน้าและให้เกียรติสวี่ชีอันมากพอแล้ว ตอนนี้ถ้าสวี่ชีอันไม่เห็นแก่หน้าเขาบ้าง ทั้งยังหาทางกีดกันเขาในทุกทาง ถึงแม้ว่าเฉาชิงหยางจะลงมือทำร้ายคนหรือถึงขนาดฆ่าคน โลกภายนอกก็คงไม่สามารถตำหนิหรือต่อว่าเขาได้

เหล่าลูกศิษย์พรรคฟ้าดินต่างเร่งรีบตะโกน

“คุณชายสวี่ ท่านทำอย่างสุดความสามารถแล้ว ไม่จำเป็นต้องปกป้องเมล็ดบัวอีกต่อไป”

“คุณชายสวี่ ท่านรีบถอยไป รีบถอยไปเร็ว”

พวกเขารู้สึกว่าทั้งหมดนี้เพียงพอแล้ว ฆ้องเงินสวี่พยายามอย่างเต็มที่และใช้พลังอย่างสุดความสามารถแล้ว เหล่าลูกศิษย์พรรคฟ้าดินตระหนักดีว่า เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของฆ้องเงินสวี่ เมล็ดบัวก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

สวี่ชีอันไม่สนใจ พลางมองไปที่เฉาชิงหยาง และพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ว่าข้าอยากขัดขวางเจ้า แต่ว่ายังมีคนอื่นอีก”

เขาเอื้อมมือไปหยิบชิ้นส่วนยันต์คุ้มกายาสีเหลืองออกมาจากในอก แล้วใช้พลังปราณที่แทบจะไม่เหลืออยู่เพื่อจุดไฟเผามัน

ตะโกนเสียงดัง “ท่านราชครู ช่วยข้าด้วย… ข้าคือ… สวี่ชีอัน”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset