ชุยเกิ่งเข้าใจจุดประสงค์ของบอสเผยทันที
“ตัวอย่างเช่น เกมดิ้นรนจริงๆ เป็นการสะท้อนความแตกต่างที่ฝังรากลึกในสังคมตะวันตกและวิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางสังคมนี้ โดยฉีกภาพอันอบอุ่นและสวยงามของงานตะวันตกทิ้ง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเกมถึงทำให้เกิดการตอบสนองที่ลึกซึ้งได้ขนาดนี้!”
เป็นเวลานานแล้วที่อุตสาหกรรมวัฒนธรรมในประเทศค่อนข้างอ่อนแอ
ไม่ว่าจะเป็นเกม หนัง นิยาย หรือแม้แต่อุดมการณ์ในบางแวดวงล้วนโดนกดทับโดยโลกตะวันตกทั้งสิ้น
เรื่องนี้เกิดจากหลายเหตุผล ที่สำคัญที่สุดคือเป็นเพราะมรดกของประวัติศาสตร์ ถึงจะไม่อยากเต็มใจยอมรับ แต่ปรากฏการณ์นี้ก็มีอยู่จริงและร้ายแรงมาก
มีการส่งออกทางวัฒนธรรมจากโลกตะวันตกมาตลอดและสร้างผลกระทบที่ซับซ้อนมาก
แน่นอนว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวัฒนธรรมตะวันตกนั้นมีองค์ประกอบที่ดีและเป็นบวกอยู่บ้าง อย่าง
ภาพยนตร์บางเรื่องก็มีบทบาทในการสร้างแรงบันดาลจริงๆ
แต่หลายคนมีความคิดผิดๆ ว่าทุกอย่างในวัฒนธรรมตะวันตกเป็นสิ่งที่ดีและสมบูรณ์แบบ พวกเขาชอบทุกอย่างจากตะวันตกเพราะการฉาบหน้าสวยหรูในผลงานทางวัฒนธรรม นี่คือตัวอย่างสุดคลาสสิกของการล้างสมองผ่านความสวยงามทางงานศิลป์
ตัวอย่างเช่น หลายคนคิดว่าทุกคนในสหรัฐอเมริกาอาศัยอยู่ในวิลล่าหลังโตมีสระว่ายน้ำ บ้านราคาถูก บริการทางการแพทย์เข้าถึงฟรี และเครื่องล้างจานช่วยให้ชาวจีนได้มีชีวิตดั่งฝัน เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้คือการตีความผิดๆ
ด้วยความที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว คุณภาพชีวิตของผู้คนในสหรัฐอเมริกาย่อมดีกว่า แต่ก็แค่กับคนรวยในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ชีวิตของชนชั้นกลางและล่างของสังคมยังต้องเผชิญกับความตรากตรำลำบาก
แต่คนจีนให้การยอมรับการส่งออกทางวัฒนธรรมจากสหรัฐอเมริกามาช้านาน เปลือกหุ้มอันสวยหรูและการตกแต่งอันงดงามของผลงานทางวัฒนธรรมเหล่านี้ ทำให้หลายคนมีภาพลวงในหัวว่าโลกตะวันตกคือสวรรค์บนดิน
หนึ่งในเหตุผลหลักที่เกมดิ้นรนประสบความสำเร็จ เป็นเพราะการทำลายภาพลวงและทำให้หลายคนเห็นโลกตะวันตกจากมุมมองที่เป็นกลางมากขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายภาพ ‘ประเทศในอุดมคติ’ ในผลงานวัฒนธรรมฝั่งตะวันตก
ชุยเกิ่งตระหนักขึ้นมาทันที หรือนี่จะเป็นจุดประสงค์ที่บอสเผยให้เขาเขียนงานโดยใช้ตีมซูเปอร์ฮีโร่
แทนที่จะเขียนเรื่องราวซูเปอร์ฮีโร่ที่สอดคล้องกับค่านิยมกระแสหลักของฝั่งตะวันตก ให้เปลี่ยนมาทำลายค่านิยมกระแสหลักของฝั่งตะวันตกแบบที่เกมดิ้นรนทำแทน บอสอยากได้เรื่องราวที่สะท้อนปัญหาเชิงลึกและทำลายภาพลวงในใจใครหลายคน
ชุยเกิ่งตระหนักว่าพอยึดแนวทางนี้ก็สามารถเชื่อมสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันได้ทันที!
ทำไมบอสเผยถึงบอกว่าเขียนให้ซูเปอร์ฮีโร่พวกนี้ตายหรือต้องทุกข์ทรมานก็ได้ไม่เป็นไร
ก็เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องราวซูเปอร์ฮีโร่ตามแบบฉบับดั้งเดิมตั้งแต่ต้น ซูเปอร์ฮีโร่ในเรื่องนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนความเป็นกลาง ความยุติธรรม และความสวยงาม แต่เป็นสิ่งอื่นๆ ดังนั้นการตายของพวกเขาจึงไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกยี้
จู่ๆ ชุยเกิ่งก็เกิดคำถามหนึ่งขึ้นมา ถ้าโลกนี้มีซูเปอร์ฮีโร่จริงๆ พวกเขาจะเลือกทำแบบที่ทำในหนังไหม
แน่นอนว่าความดีความชั่วนั้นฝังอยู่ในธรรมชาติมนุษย์ เมื่อมนุษย์มีพลังเหนือมนุษย์ คนจิตใจดีก็จะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ในขณะที่คนใจทรามจะกลายเป็นสุดยอดวายร้าย
แต่ซูเปอร์ฮีโร่ผู้จิตใจดีจะยึดมั่นได้ตามที่บอกเล่าในเรื่องราวส่วนใหญ่รึเปล่า
สมมติลองจินตนาการให้สุดโต่งดู ถ้าพลังของซูเปอร์ฮีโร่ไม่ได้ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดหรือเกิดจากการกลายพันธุ์ แต่ได้มาจากวิธีการอื่นๆ เรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่จะเป็นยังไง
ก็เหมือนกับที่ฝั่งตะวันตกพยายามนำเสนอเรื่อง ‘อิสรภาพ’ และ ‘ประชาธิปไตย’ อย่างเต็มที่ ระบบที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบนี้เป็นระบบที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เหรอ
ดูเหมือนว่าจุดนี้จะมีความคล้ายคลึงกันอยู่
ชุยเกิ่งพบแรงบันดาลใจที่ต้องการในที่สุด เขาพุ่งไปที่โซนเขียนงาน เปิดไฟล์เอกสาร แล้วเริ่มเขียนเรื่องราวปูมหลังที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว!
…
เรื่องราวเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเหมือนเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ
แต่เรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่คนนี้แตกต่างจากเรื่องของซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ เพราะในเรื่องนี้ซูเปอร์ฮีโร่ไม่ได้เกิดมาพร้อมพลังพิเศษ ไม่ได้พึ่งพาการกลายพันธุ์หรือพลังของเงิน
ประมาณสองร้อยปีก่อนซูเปอร์ฮีโร่คนแรกในพื้นที่ปรากฏตัวในสหรัฐอเมริกา
พลังพิเศษของเขามีแหล่งที่มาจากการสนับสนุนและความเชื่อมั่นของผู้คน เมื่อผู้คนให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นน้อยลง พลังพิเศษของเขาก็จะอ่อนลงหรืออาจหายไปเลยก็ได้
แต่ซูเปอร์ฮีโร่คนนี้มีคุณธรรมมากมาย เช่น ความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ และอื่นๆ ซูเปอร์ฮีโร่คนนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยชีวิตคนนับไม่ถ้วน และเป็นที่รักใคร่จากใจจริงของชาวอเมริกันในทุกเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ novelgu.com
ดังนั้นเขาจึงแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากจะกลายเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณของสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังแบกความรับผิดชอบอันหนักอึ้งในการรักษาสันติภาพของโลก ผู้คนในสหรัฐอเมริกาเรียกเขาด้วยความรักใคร่ว่า ‘กัปตันเวิลด์’ เพราะผู้คนในสหรัฐอเมริกาเชื่อว่าการมีอยู่ของเขาช่วยรักษาสันติภาพของโลกและช่วยให้ไม่เกิดสงครามระหว่างมวลมนุษย์
แต่ไม่ว่าซูเปอร์ฮีโร่จะแข็งแกร่งเพียงใดก็ย่อมแก่ตัวลงและตาย
เจ็ดสิบปีก่อนกัปตันเวิลด์ผู้อายุกว่าร้อยปีแก่ตาย เขายังได้รับการสนับสนุนและความเชื่อมั่นจากผู้คน แม้จะยังมีพลังพิเศษสุดแข็งแกร่ง แต่ร่างกายก็ไม่สามารถสนับสนุนเขาในการใช้พลังได้อีกต่อไป
นักการเมือง สื่อ เศรษฐี และผู้คนมากมายจากทั่วสหรัฐอเมริกาแวะเวียนมาเยี่ยมกัปตันเวิลด์ในโรงพยาบาล พวกเขาหวังว่ากัปตันเวิลด์จะเลือกใครหนึ่งคนจากบรรดาคนมากมายที่คัดเลือกมาเป็นอย่างดี เพื่อรับตำแหน่งผู้สืบทอดพลังพิเศษและตัวตนของกัปตันเวิร์ด
กัปตันเวิร์ดมองทะลุความคิดของพวกเขา ชัดเจนว่ามีกลุ่มต่างๆ อยากได้พลังพิเศษนี้ที่ส่งผลกระทบต่อโลก พวกเขาอยากให้หมากที่ปั้นขึ้นมาได้สืบทอดพลังและตำแหน่งของกัปตันเวิลด์ ทุกอย่างอาจตกสู่หายนะร้ายแรงถ้าพลังนี้ตกไปอยู่ในมือของคนชั่ว
ดังนั้นกัปตันเวิลด์จึงไม่มอบพลังนี้ให้ ‘ผู้สืบทอด’ ที่นักการเมือง เศรษฐี หรือกลุ่มอำนาจอื่นๆ คัดเลือกมาเป็นอย่างดี แต่แบ่งพลังพิเศษให้กระจายไปทั่วประเทศเพื่อให้ประชาชนของสหรัฐอเมริกาทุกคนมีโอกาสเป็นซูเปอร์ฮีโร่
ความแข็งแกร่งของพลังนี้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนและความเชื่อมั่นของชาวอเมริกัน
กัปตันเวิลด์เชื่อมั่นหนักแน่นว่ามีเพียงคนที่มีคุณธรรม รักความยุติธรรม และมีเมตตาเท่านั้นที่จะได้รับการสนับสนุน ความเชื่อมั่น และความรักจากประชาชนชาวอเมริกัน
ถึงจะการันตีไม่ได้ว่าพลังพิเศษทั้งหมดจะไปรวมอยู่กับใครหนึ่งคนที่ได้รับบทบาทยิ่งใหญ่ที่สุด แต่อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าพลังพิเศษส่วนใหญ่จะถูกควบคุมโดยคนที่จิตใจดีและมีคุณธรรม ขณะเดียวกันก็จะไม่ตกอยู่ในมือคนชั่วโดยสมบูรณ์
หลายคนรวมถึงนักการเมือง นักธุรกิจ และสื่อพยายามล่อลวงกัปตันเวิร์ด แต่เขาก็ไม่คล้อยตาม ชัดเจนว่าคำพูดสวยหรูของคนพวกนี้มีจุดมุ่งหมายเดียวคือเก็บพลังของกัปตันเวิลด์ไว้กับตัว เชื่อถืออะไรไม่ได้เลย
กัปตันเวิลด์เชื่อว่าชาวอเมริกันทุกคนจะเลือกได้อย่างถูกต้อง
หลังการเสียชีวิตของกัปตันเวิลด์ผู้คนในสหรัฐอเมริกาต่างระลึกถึงความทรงจำที่ติดตรึงในใจ และสร้างรูปปั้นกับอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่เพื่อรำลึกถึงซูเปอร์ฮีโร่คนแรกผู้เป็นที่เคารพนับถือมากที่สุด
นี่คือเรื่องราวปูมหลัง จุดเริ่มต้นจริงๆ ของเรื่องคือเจ็ดสิบกว่าปีต่อมาหลังการตายของกัปตันเวิลด์
ตัวเองของเรื่องชื่อฟีล ซิมมอนส์ เขาเป็นทายาทตระกูลร่ำรวยที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวลและโปรยเงินทิ้งเล่นทุกวันๆ
ไรอัน ซิมมอนส์พ่อของฟีล ซิมมอนส์คือชายผู้ร่ำรวยอันดับหนึ่งร้อยห้าสิบของสหรัฐอเมริกา เขามีความมั่งคั่งส่วนบุคคลสูงถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐโดยเริ่มสร้างอาณาจักรจากอสังหาริมทรัพย์ มีเครือโรงแรมและอาคารสำนักงานมากมายในเมืองต่างๆ ทั่วโลก
ฟีล ซิมมอนส์เป็นเหมือนทายาทตระกูลร่ำรวยคนอื่นๆ ซึ่งคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ปีนี้เขาอายุสามสิบเอ็ดแล้วและยังไม่ได้แต่งงาน สูง 192 เซนติเมตร ผิวขาวตามมาตรฐาน หล่อเหลา และรูปร่างดีเหมือนนายแบบ
เขาจบนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตและปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตำแหน่งปัจจุบันคือ CEO ของ Simmons Media และยังติดอันดับ ‘บุคคลทรงอิทธิพลอายุต่ำกว่าสี่สิบปี’ ของนิตยสาร Fortune
ถึงปริญญาจากฮาร์วาร์ดจะได้มาเพราะครอบครัวทุ่มเงินบริจาคก้อนใหญ่ แต่ก็ไม่ถือเป็นเรื่องน่าขายหน้าสำหรับครอบครัวร่ำรวยอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากด้วยซ้ำ
ฟีล ซิมมอนส์ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลยนอกจากสามารถขับรถซูเปอร์สปอร์ตด้วยมือข้างเดียว ถึงจะมีพนักงานระดับมืออาชีพหลายคนช่วยบริหารบริษัท แต่ก็ยังอยู่ในสภาพจวนล้มละลาย
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่สำคัญ เพราะบริษัทสื่อของฟีล ซิมมอนส์เป็นแค่น้ำหยดเดียวในมหาสมุทรเมื่อเทียบกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลซิมมอนส์ ถึงบริษัทของเขาจะล้มละลายสิบหนก็ไม่กระทบกับรากฐานของซิมมอนส์คอร์เปอเรชัน
ทายาทตระกูลร่ำรวยมีหลายประเภท แต่เห็นได้ชัดว่าฟีล ซิมมอนส์ไม่ใช่ประเภทขยันทำงานอย่างขันแข็ง
เขาเปิดบริษัทและขยายเครือข่ายสังคมก็จริง แต่ส่วนใหญ่ก็เอาแต่ใช้ชีวิตหรูหรากินดื่มปาร์ตี้บนเรือยอชต์
เขาไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเป็นห่วง เพราะแค่ธุรกิจครอบครัวก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวลแล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่งชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปเพราะซูเปอร์ฮีโร่
ดังนั้นฟีล ซิมมอนส์จึงตัดสินใจว่าเขาจะต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่ให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร เขาอยากเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดและกำจัดซูเปอร์ฮีโร่ทุกคนที่เข้ามาขวางทาง
…
ชุยเกิ่งรีบเขียนตอนเปิดของเรื่อง
เขาสรุปปูมหลังของเรื่องอย่างรวดเร็วรวมถึงนิสัยของตัวเอกด้วย ทุกอย่างเขียนได้ไหลลื่นมาก
แต่ชุยเกิ่งไม่รู้ว่าทำไมฟีล ซิมมอนส์ถึงตัดสินใจเป็นซูเปอร์ฮีโร่หรือจะเป็นได้ยังไง
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้รีบเพราะใช้สัญญาระบบซื้อลิขสิทธิ์ ชุยเกิ่งไม่รู้สึกกดดันในการรังสรรค์ผลงาน ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือค่อยๆ รวบรวมข้อมูลและเขียนงานอย่างพิถีพิถัน
ต่อจากนี้ชุยเกิ่งวางแผนไว้ว่าจะดูหนัง ซีรีส์ การ์ตูน และผลงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับซูเปอร์ฮีโร่รวมถึงผลงานที่สะท้อนถึงการเมืองของสหรัฐอเมริกา
ผลงานเหล่านี้มีเนื้อหามากมาย ถึงจะเสพผลงานต่อเนื่องแปดชั่วโมงต่อวันก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์กว่าจะเสพผลงานส่วนใหญ่ได้ แถมระหว่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะรวบรวมแรงบันดาลใจเพื่อเขียนโครงเรื่องดีๆ ได้รึเปล่า
แต่ไม่รู้ทำไมชุยเกิ่งกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจเพราะบอสเผยเป็นคนเลือกตีมให้!