วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน
หอพักสาขาจีนโบราณศึกษา มหาวิทยาลัยฮั่นตง
นักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังรัวคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กตัวเอง มีหยุดหาข้อมูลต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตเป็นพักๆ
คนที่ไม่รู้เรื่องจะคิดว่าพวกเขาเขียนวิทยานิพนธ์อยู่
แต่จริงๆ แล้วพวกเขาคือครีเอเตอร์ชุดแรกของแอปโหย่วย่ง ตอนนี้พวกเขากำลังทำงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้ดูแล
นักศึกษาชั้นปริญญาโทกลุ่มนี้รับผิดชอบเนื้อหาคนละเรื่อง หลักๆ เป็นเรื่องกลอน เพลง ร้อยแก้วโบราณ และอื่นๆ พอมีการอัปโหลดเนื้อหาพื้นฐานเพิ่มในรายการของแอปโหย่วย่ง พวกเขาก็มีหน้าที่สรุปและคัดแยกผลงานวิจัยและองค์ความรู้ต่างๆ พร้อมกับปรับปรุงรายการเนื้อหา
แอปโหย่วย่งมีเทมเพลตหลังบ้านแบบพิเศษ ครีเอเตอร์แค่ต้องเพิ่มเนื้อหาลงในเทมเพลต เนื้อหาจะผ่านการตรวจสอบจากครีเอเตอร์ระดับสูงกว่า ปกติแล้วจะเป็นนักเรียนชั้นปริญญาเอกหรืออาจารย์รุ่นเด็ก ซึ่งเนื้อหาในเทมเพลตจะแสดงขึ้นหลังผ่านการตรวจสอบ
นักศึกษาชั้นปริญญาโทกลุ่มนี้มักจะเข้าไปเช็กข้อมูลในเว็บไซต์สารานุกรมและเว็บไซต์ถามตอบ แต่พอเทียบข้อมูลจากทั้งสองเว็บไซต์แล้ว แอปโหย่วย่งมีโครงสร้างที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่า
โครงสร้างของแอปโหย่วย่งคล้ายกันกับเว็บไซต์สารานุกรม แต่นอกจากด้านเนื้อหาแล้ว ยังมีความแตกต่างที่เด่นชัดในเรื่องรายละเอียดการใช้งานด้วย
ว่าง่ายๆ คือ แอปโหย่วย่งพยายามลดทอนและแบ่งลำดับชั้น
เว็บไซต์สารานุกรมแสดงข้อมูลส่วนใหญ่ของรายการเดียวกันในหน้าเดียวกัน ซึ่งดูรกเกินไปและเนื้อหาไม่มีการแบ่งลำดับชั้น ทำให้ตอบสนองต่อความต้องการของแต่ละบุคคลไม่ได้
ตัวอย่างเช่น บางคนอาจจะต้องการแค่ข้อมูลพื้นฐานที่สุด ส่วนอีกคนอยากได้บทวิเคราะห์อย่างละเอียดของคำบางคำหรือประโยคบางประโยค เป็นเรื่องยากมากที่เว็บไซต์สารานุกรมจะตอบสนองความต้องการสุดโต่งสองข้อนี้ได้
แอปโหย่วย่งจริงๆ แล้วมีโครงสร้างหลายชั้น ชั้นแรกเป็นแก่นหลักและบทวิเคราะห์ที่สำคัญที่สุดของรายการนั้นๆ ชั้นที่สองเป็นบทวิเคราะห์แบ่งหมวดหมู่ของรายการ ชั้นที่สามเป็นบทวิเคราะห์เฉพาะและงานวิจัยของคำบางคำ ชั้นที่สี่เป็นแหล่งที่มาของเนื้อหา งานวิจัยที่ยกข้อมูลมา และอื่นๆ ส่วนชั้นที่ห้าเป็นคำถามต่างๆ ที่แตกแขนงออกมาจากรายการนี้
ลำดับชั้นเหล่านี้แสดงด้วยการเปลี่ยนหน้าหรือหน้าต่างป๊อปอัป โดยคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้อย่างเต็มที่
ผู้ใช้งานสามารถหาเนื้อหาที่ต้องการที่สุดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำโดยไม่ต้องอ่านข้อมูลที่ไม่จำเป็น
ตอนนี้แอปโหย่วย่งใช้งานได้ในด้านบทกวีและวรรณกรรม ฟังก์ชันพื้นฐานพัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากแก้บั๊กต่างๆ แล้ว งานหลักตอนนี้ขึ้นอยู่กับครีเอเตอร์ในการอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่เหล่านักศึกษาก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย
ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นวิชาชีพของตัวเองอยู่แล้ว การจำแนกข้อมูลเหล่านี้ก็เหมือนสั่งสมความรู้วิชาชีพตัวเองไปด้วย อีกส่วนก็เพราะเป็นงานที่สามารถอุดหนุนค่าใช้จ่ายประจำวันของนักศึกษาที่ขัดสนด้านการเงินได้เป็นอย่างดี
นักศึกษาชั้นปริญญาโทคนหนึ่งเพิ่งเสร็จงานส่วนของวันนี้ เขาเอาหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับบิดขี้เกียจ
“ไอ้หลี่ ใกล้เสร็จยังวะ”
“ใกล้ละ”
“ใกล้ละคือยังไง อย่ามาหลอกกันซะให้ยาก รอบก่อนแกก็ใช้ธีสิสผิดตัวเลยโดนผู้ดูแลเตือนมา อาจารย์ข่งเจ๋อหมิ่นเป็นคนดูแลเรื่องนี้นะเว้ย ถ้าแกพลาดอีกก็อย่าหวังว่าจะได้จบเลย!”
“ไม่ต้องห่วงน่า รอบก่อนฉันประมาทไปนิด รอบนี้ฉันเช็กเนื้อหาซ้ำตั้งหลายรอบ ฉันจะไม่พลาดเรื่องง่ายๆ แบบนั้นอีก
“แต่ฉันก็งงอยู่นะ ทำไมเถิงต๋าถึงจ้างเราทำอะไรแบบนี้ ถึงจะเก็บค่าบริการ ยังไงก็ไม่น่าจะได้เงินเยอะจากธุรกิจนี้”
“ใครจะไปรู้ พวกเขาอาจจะวางแผนขายต่อให้องค์กรทางการศึกษามั้ง อย่างน้อยในอนาคตก็ค่อนข้างเป็นประโยชน์กับนักเรียนประถมและมัธยมต้นในการใช้แอปโหย่วย่งค้นหาบทกวี”
“แต่ประเด็นคือข้อมูลพวกนี้ค้นเว็บเชียนตู้เอาก็ได้ ฟรีด้วย แถมในหนังสือเรียนกับคู่มือเสริมเพื่อการศึกษาก็ยังมีคำอธิบายบทกวีพวกนี้”
“ว่างั้นไม่ได้นะ เนื้อหาที่ค้นเจอในเว็บเชียนตู้ยุ่งเหยิงยุบยับไปหมด จำแนกได้ยาก ส่วนหนังสือเรียนกับคู่มือเสริมก็อธิบายไม่ได้ลึกเท่าเรา ฉันว่าทำแอปนี้น่าจะต้องผลาญเงินหนักในช่วงแรก คนใช้งานไม่น่าจะเยอะ แต่พอมีเนื้อหาเพิ่มมากขึ้น ผู้คนก็จะยอมจ่ายเงินมากขึ้น”
“ดูจากความไวในการทำงานปัจจุบันของเราแล้ว ฉันสงสัยมากว่าอีกสิบปีจะทำกำไรได้มั้ย…”
นักศึกษากลุ่มนี้ต่างก็มีความเห็นต่อแอปโหย่วย่งเป็นของตัวเอง หลายคนไม่คิดว่าแอปนี้จะประสบความสำเร็จ พวกเขาแค่เอาเวลาว่างมาเพิ่มและปรับปรุงเนื้อหาเพราะเถิงต๋าให้ค่าตอบแทน
หลายคนถึงขั้นเตรียมใจเผื่อไว้ว่าเถิงต๋าอาจจะล้มโปรเจ็กต์นี้ได้ทุกเมื่อ พวกเขาต่างคิดว่าก็ทำงานกินเงินตรงนี้ไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังทำได้
นักศึกษาคนหนึ่งสงสัย “เฮ้ ฉันสงสัยมานานละ ไอ้ฟังก์ชัน ‘วรรคเหมือน’ ‘วรรคตรงข้าม’ ‘วรรคพ้องเสียง’ อะไรพวกนี้ไม่เห็นแสดงบนแอปโหย่วย่งเลย ทำไมเป็นงั้นล่ะ”
‘วรรคเหมือน’ ‘วรรคตรงข้าม’ ‘วรรคพ้องเสียง’ คือสิ่งที่นำมาใช้เชื่อมวรรคหรือบทกวีที่มีความหมายเหมือนกัน ความหมายตรงข้ามกัน และพ้องเสียงกัน
พอค้นบทกวีขึ้นมาก็สามารถเพิ่มวรรคเหมือน วรรคตรงข้าม วรรคพ้องเสียง หรืออื่นๆ เพื่อเชื่อมเนื้อหาระหว่างวรรคหรือบทกวีเข้าด้วยกันได้
เนื้อหาเหล่านี้อยู่ในภาระงานด้วย ซึ่งน้ำหนักงานก็ไม่ใช่น้อยๆ หลังจากจัดเรียงบทกวีเสร็จ ก็สามารถค้นดูออนไลน์ ยืนยัน และเพิ่มบทกวีที่เกี่ยวข้องในหน้าหลังบ้าน
แต่ที่แปลกคือ การเชื่อมโยงพวกนี้ไม่แสดงบนแอปโหย่วย่ง ทุกคนจึงแปลกใจกันเล็กน้อย
“ไม่เห็นเข้าใจเลย สร้างฟังก์ชันขึ้นมาแท้ๆ แต่ไม่ยอมโชว์ ไม่เสียของแย่เหรอ”
“ใครจะไปรู้ บางทีการแสดงผลในหน้าแอปของฟังก์ชันนี้อาจยังพัฒนาอยู่ อาจจะทำในหน้าหลังบ้านก่อนและค่อยแสดงหน้าแอปหลังพัฒนาเสร็จ”
“คงงั้นแหละมั้ง”
นักศึกษาที่ถามขึ้นไม่ได้ใส่ใจอะไรมากและทำงานในหน้าหลังบ้านต่อไป
…
บริษัท OTTO
ฉางโหย่วเชิญหยูผิงอันไปที่ห้องรับรองหลังจากอีกฝ่ายมาถึง
“สักครู่นะครับ”
ฉางโหย่วเดินออกไปแป๊บนึง ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมกับมือถือ OTTO
“ไหนๆ วันนี้คุณก็แวะมาดูเรื่องฐานข้อมูลของแอป รบกวนช่วยดูผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ AEEIS เวอร์ชันแรกหน่อยได้ไหมครับว่าเป็นยังไงบ้าง
“ทีมนักวิจัยของเราทำงานในส่วนนี้มาพักใหญ่แล้ว เราอยากได้ความคิดเห็นจากคนนอกเพื่อที่จะได้มุมมองที่เป็นกลางครับ”
ฉางโหย่วยื่นมือถือให้หยูผิงอันระหว่างที่พูด ɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm
วันนี้หยูผิงอันต้องมาทำงานกับฉางโหย่วเพื่อจัดการเรื่องข้อมูลแอปพลิเคชันที่จะเชื่อมโยงโดยตรงกับผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ AEEIS ในส่วนของการออกแบบมีรายละเอียดหลายอย่างที่ต้องให้คนรับผิดชอบทั้งสองฝ่ายตัดสินใจร่วมกัน
สุดท้ายฉางโหย่วก็กลายเป็นหนูทดลอง AEEIS เวอร์ชันแรก
ถึงหยูผิงอันจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก แต่ก็ยังรับมือถือมาทดสอบดูอย่างจริงจัง
เถิงต๋าคอร์เปอเรชันมีกฎที่เป็นที่รู้กันภายในว่าแต่ละกิจการจะต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่และไม่มีเงื่อนไขเพื่อตอบความต้องการของกิจการอื่น หัวหน้าทุกกิจการต้องปฏิบัติตามกฎนี้เสมอ
กฎที่ว่าตั้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่มีใครรู้
แต่แหล่งที่มาของกฎนี้น่าจะสืบย้อนไปถึงบอสเผย ส่วนหนึ่งเพราะบอสเผยให้ความสำคัญกับการร่วมมือกันระหว่างกิจการมาก อีกส่วนก็เพราะไม่มีแรงกดดันว่าหัวหน้าแต่ละกิจการจะต้องแข่งขันกันเอง ทุกคนทำงานให้กับบอสเผย เงินเดือนก็ไม่ได้ต่างกันมาก โบนัสไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลกำไร แต่ขึ้นอยู่กับชื่อเสียง ดังนั้นจึงไม่มีการแบ่งแยกกันระหว่างกิจการเหมือนบริษัทใหญ่ๆ บางแห่ง
หยูผิงอันสังเกตเห็นว่า OTTO E1 มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเมื่อเทียบกับรุ่นที่ขายอยู่ในตลาด ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือระบบปฏิบัติการ
ตอนแรก ระบบปฏิบัติการของ OTTO นั้นคล้ายกับระบบ Android ดั้งเดิม หน้าอินเทอร์เฟซเรียบง่ายสะอาดตา แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าเรียบเกินไป
แต่ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันนี้มีเนื้อหามากขึ้น การเคลื่อนไหว UI ของระบบต่างๆ ไหลลื่น เป็นธรรมชาติ และมีรายละเอียดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มตัวเลือกมากมายในการตั้งค่าระบบซึ่งสามารถขุดเข้าไปในระบบ Android ได้ดีขึ้น ไอคอนของแอปกล้องเปลี่ยนไป เมื่อกดเข้าไปจะเห็นฟังก์ชันใหม่ๆ เช่น อัลกอริธึมที่ปรับให้เหมาะกับการถ่ายภาพ ฟิลเตอร์ใหม่ และอื่นๆ
นอกจากนั้นยังใส่ฟังก์ชันผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ AEEIS เข้ามาในระบบด้วย สามารถกดปุ่มพาวเวอร์หรือเรียก AEEIS โดยตรงเพื่อให้ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะปรากฏขึ้นมา
หยูผิงอันรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ AEEIS ไม่มาก
เขารู้แค่ว่าผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะตัวนี้ใช้ผลวิจัยเรื่องปัญญาประดิษฐ์ล่าสุดของบริษัทซวิ่นเค่อ ซึ่งก็คล้ายกันกับผู้ช่วยอัจฉริยะและลำโพงอัจฉริยะของบริษัทอื่นๆ จุดแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือรายละเอียดการปรับแต่ง
นอกจากนี้ ฉางโหย่วยังบอกว่าผู้ช่วยตัวนี้เป็นตัวช่วยอัจฉริยะที่สง่างามและง่ายๆ สบายๆ บางครั้งจะจิกกัดแรงหน่อยและมีฟังก์ชันด้านบทกวีด้วย
แต่หยูผิงอันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจริงจังมาก เนื่องจากเทคโนโลยีพื้นฐานทั้งหมดมาจากบริษัทซวิ่นเค่อ ผู้ช่วยเสียงตัวนี้กับผู้ช่วยเสียงตัวอื่นๆ ไม่น่าจะแตกต่างอะไรกันมาก นับประสาอะไรกับเวอร์ชันแรก
หยูผิงอันพูดกับมือถือ “AEEIS”
หลังเสียง ‘ปี๊บ’ หน้าจอสีเทาก็ขึ้นบดบังหน้าจอเดิม สัญลักษณ์คลื่นที่ดูมีความเป็นไซไฟปรากฏขึ้นบริเวณส่วนบนของหน้าจอ
ด้านล่างสัญลักษณ์คลื่นเป็นพื้นที่สำหรับแสดงข้อมูล ด้านล่างมีสัญลักษณ์คลื่นขนาดเล็กอีกอัน
สัญลักษณ์คลื่นขนาดใหญ่ด้านบนคือตัวแสดงหลักของ AEEIS มันจะขยับตามเสียงเวลา AEEIS ตอบ ตอนที่ AEEIS ไม่ได้ตอบคำถาม มันจะขยับในรูปแบบอื่นๆ เช่น ขยับเป็นลักษณะคลื่นและหมุนวน เพื่อแสดงอารมณ์และสถานะปัจจุบันของ AEEIS
ส่วนเครื่องหมายคลื่นขนาดเล็กด้านล่างใช้สำหรับรับข้อความจากโลกภายนอก มันจะขยับเมื่อหยูผิงอันพูด
หน้าจอนี้ดูสะอาดตา ไม่มีข้อความอะไรนอกจากนี้
หยูผิงอันเคยใช้ผู้ช่วยเสียงมาก่อน ปกติจะมีข้อความมากมายปรากฏในหน้านี้ เช่น คำถามที่ถามบ่อยๆ แต่หน้าอินเทอร์เฟซของ AEEIS ดูสะอาดและเรียบง่ายกว่า ซึ่งตรงกับสไตล์ของ OTTO OS
หยูผิงอันมีความประทับใจแรกที่ดีกับ AEEIS