หยูผิงอันไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหนดี แต่ในเมื่อเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ ก็น่าจะมีฟังก์ชันพื้นฐาน
“AEEIS ตั้งนาฬิกาปลุกพรุ่งนี้ตอนเจ็ดโมงเช้า”
หน้านาฬิกาปลุกเด้งขึ้นมาในพื้นที่แสดงข้อมูล จากนั้นปุ่มด้านหลังนาฬิกาปลุกที่ตั้งเวลาเจ็ดโมงเช้าก็เลื่อนเป็น ‘ON’ พร้อมกับสัญลักษณ์คลื่นที่ขยับตามความถี่เสียง “เรียบร้อย”
หยูผิงอันตะลึงงันไป
แค่นี้เหรอ
ผู้ช่วยเสียงทั่วไปมักจะตอบว่า ‘ได้เลย ฉันตั้งนาฬิกาปลุกเวลาเจ็ดโมงเช้าของวันพรุ่งนี้เรียบร้อย มีอะไรให้ฉันช่วยอีกไหม’
แต่ AEEIS กลับตอบแค่ว่า ‘เรียบร้อย’
กระชับจริงๆ
จริงๆ หยูผิงอันก็เตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ได้รับการตอบรับแบบนี้จาก AEEIS
“AEEIS เตือนฉันให้ลุกขึ้นขยับร่างกายตอนบ่ายสามของทุกวัน”
AEEIS “ได้”
หน้าเตือนความจำของปฏิทินเด้งขึ้นมาในพื้นที่แสดงข้อมูลพร้อมข้อความ ‘บ่ายสาม – ลุกยืนและขยับร่างกาย’
เห็นได้ชัดว่าตอบสไตล์เดิม
ถ้าเป็นผู้ช่วยเสียงทั่วไป ก็คงจะตอบว่า ‘ฉันตั้งรายการเตือนความจำในปฏิทินเรียบร้อยแล้ว ฉันจะเตือนคุณให้ลุกยืนและขยับร่างกายเวลาบ่ายสามโมงของทุกวัน’ แต่ AEEIS ตัดทุกอย่างทิ้งหมด
หยูผิงอันถามเพิ่มเติมอีกหน่อยเพื่อทดสอบระบบพื้นฐานของ AEEIS
ข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่าง AEEIS กับผู้ช่วยอัจฉริยะตัวอื่นคือคำตอบที่ได้ดูจะกระชับมากเป็นพิเศษ ถึงจะแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แสดงข้อมูล แต่จะไม่ทวนคำตอบซ้ำผ่านเสียง
นอกจากนี้ ถึงจะมีการตอบกลับด้วยข้อความเสียง แต่คำตอบจะลดจำนวนคำให้ได้มากที่สุดและไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็น
ตอนแรกหยูผิงอันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่พอเริ่มชิน เขาก็รู้สึกว่าก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ใช้งานสะดวกกว่าผู้ช่วยอัจฉริยะตัวอื่นที่เคยใช้ด้วยซ้ำ
ความรู้สึกเหมือนสั่งงานลูกน้องว่า ‘ไปแจ้งแผนก XX ว่าเราจะจัดประชุม’ แล้วลูกน้องตอบว่า ‘ได้ค่ะบอส’ แทนที่จะเป็น ‘ได้ค่ะบอส ดิฉันจะแจ้งแผนก XX เกี่ยวกับการประชุมทันที’ ซึ่งเท่ากับเป็นการทวนซ้ำคำสั่งบอส
คำตอบของ AEEIS ดูเอนเอียงไปทางแบบแรกมากกว่า ถึงข้อมูลจะถูกละไว้ แต่ก็ได้คำตอบชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับลูกน้องที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้สุดๆ
หยูผิงอันมองฉางโหย่ว “ก็ไม่เลวเลยนะครับ
“คำตอบของ AEEIS ค่อนข้างกระชับ ผมว่าก็ไม่ได้น่าหงุดหงิดใจอย่างที่คิด ทำไมผู้พัฒนาถึงหงุดหงิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ล่ะครับ”
ฉางโหย่วยิ้มอย่างเป็นมิตร “ถามคำถามเพิ่มสักหน่อยสิครับ จะได้สัมผัสมันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น”
หยูผิงอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง คำถามที่ถามไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นฟังก์ชันพื้นฐานของผู้ช่วยอัจฉริยะ
ตัวอย่างเช่น เช็กสภาพอากาศ ตั้งนาฬิกาปลุก นำทาง และอื่นๆ ซึ่งเป็นฟังก์ชันพื้นฐานจากบริษัทซวิ่นเค่อทั้งหมด ผู้ช่วยอัจฉริยะตัวอื่นๆ ก็ทำได้เหมือนกัน
ข้อแตกต่างเดียวระหว่าง AEEIS กับผู้ช่วยอัจฉริยะตัวอื่นคือ ถึงจะใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้ได้เหมือนกัน แต่คำตอบที่ได้นั้นเรียบง่ายมากๆ ไม่ได้แสดงนิสัย ‘สง่างามและง่ายๆ สบายๆ’
ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะฟังก์ชันพื้นฐานทั้งหมดไม่ได้บังคับให้ดึงนิสัย ‘สง่างามและง่ายๆ สบายๆ’ ออกมาใช้
เพราะงั้นเขาต้องข้ามฟังก์ชันพื้นฐานแล้วลองดูการออกแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น บทสนทนาในชีวิตประจำวันจะช่วยสะท้อนบุคลิกนิสัยของผู้ช่วยอัจฉริยะได้ดีขึ้น
‘บทสนทนาอัจฉริยะ’ เป็นฟังก์ชันสำคัญของผู้ช่วยอัจฉริยะ ส่วนใหญ่จะทำงานด้วยการแยกส่วนประโยคและวิเคราะห์หาคีย์เวิร์ดที่ป้อนผ่านโปรแกรมที่ตั้งไว้ แล้วตอบคำถามตามเนื้อหาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าของโปรแกรม
ฟังก์ชันนี้ทำขึ้นโดยมนุษย์ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาจะเห็นได้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจน
หยูผิงอันตัดสินใจว่าจะลองฟังก์ชันบทสนทนาพื้นฐานเพื่อดูว่ามีประสิทธิภาพขนาดไหน
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “AEEIS ฉันควรทำยังไงดีถ้ายุ่งเกินไปจนหาแฟนไม่ได้”
AEEIS “ในหนังสือซ่อนไว้ซึ่งเสน่ห์[1]”
หยูผิงอันแปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้มีคีย์เวิร์ดอย่าง ‘แฟน’ และ ‘คนรัก’ ซึ่ง AEEIS ก็เลือกบทกลอนมาตอบได้อย่างน่าประทับใจ
หยูผิงอันถามต่อ “AEEIS แล้วถ้าฉันไม่อยากเรียนหรืออ่านหนังสือล่ะ”
AEEIS “เป็นเรื่องยากที่จะเรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์เมื่อคุณเอาแต่ยัดขยะใส่สมอง”
หยูผิงอัน “?”
เริ่มโชว์นิสัย ‘สง่างามและง่ายๆ สบายๆ’ แล้วไง!
หยูผิงอันตัดสินใจเพิ่มความก้าวร้าว “AEEIS แกหยาบคายมาก”
AEEIS “หน้าที่ของผู้ช่วยอัจฉริยะคือช่วยงาน ความสุภาพไม่ใช่ตัวเลือกที่จำเป็น มีแค่มนุษย์ที่เสียเวลาไปกับการเสแสร้ง”
หยูผิงอันหันมองฉางโหย่ว “ผมว่าก็โอเคนะ อย่างมากก็ดูเย็นชานิดหน่อย”
ฉางโหย่วยิ้มมีเลศนัย “ลองดูอีกรอบหลังเข้าโหมดทะเลาะอัตโนมัติสิครับ เป็นโหมดพิเศษที่ทำไว้สำหรับเครื่องทะเลาะอัตโนมัติ”
หยูผิงอันเลิกคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตราย แต่ก็ลองทำตาม จึงหันไปพูดกับมือถือ “เข้าโหมดทะเลาะ”
AEEIS “โอเค มีมนุษย์ผู้โอหังอยากเล่นเกมนี้เสมอ คุณคิดว่าตัวเองฉลาดมากงั้นเหรอ”
คำถามยิงมาขณะที่หยูผิงอันไม่ทันได้ตั้งตัว เขาตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว “ก็พอใช้ได้”
AEEIS “มนุษย์มักจะพอใจกับความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย ฉันคิดว่า IQ ของคุณยังต้องพัฒนาเพิ่มอีกมาก
“คุณคิดว่าตัวเองขยันไหม”
หยูผิงอัน “ก็…น่าจะใช่”
AEEIS “ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณทำงานหนักมานานขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณของความสำเร็จ บางทีขณะที่ทำงานหนัก คุณควรพิจารณาอย่างจริงจังว่าสติปัญญาของคุณน่าจะมีข้อบกพร่อง”
หยูผิงอันเบิกตากว้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นี่คือพลังของพวกบูลลี่งั้นเหรอ
AEEIS ต่อบทสนทนาได้อย่างลื่นไหล ทั้งสองฝ่ายสนทนากันได้อย่างไม่ติดขัด แถม AEEIS ยังถือไพ่เหนือกว่าและสำแดงพลังของพวกบูลลี่ออกมาได้อย่างเต็มที่
หยูผิงอันหันมองฉางโหย่ว เขารู้สึกงงเล็กน้อย ว่ากันตามหลักการแล้ว ผู้ช่วยอัจฉริยะตัวอื่นๆ ก็ใช้เทคโนโลยีจากบริษัทซวิ่นเค่อ แต่ทำไมไม่มีใครทำฟังก์ชันนี้ออกมา
ผู้ช่วยอัจฉริยะตัวอื่นก็มีฟังก์ชันการสนทนา แต่มักจะไม่ตอบหรือไม่เข้าใจความหมาย บางทีก็จะมีกรณีอย่าง ‘ขอโทษ ฉันไม่เข้าใจความหมายของคุณจริงๆ’
ถึง AEEIS จะพูดด้วยนิสัย ‘สง่างามและง่ายๆ สบายๆ’ แต่ในโหมดทะเลาะ บทสนทนามีความลื่นไหลกว่าผู้ช่วยอัจฉริยะตัวอื่นๆ!
ทำได้ไงเนี่ย
ฉางโหย่วรู้ว่าหยูผิงอันอยากถามอะไร จึงอธิบาย “นี่ไม่ใช่ประเด็นทางเทคนิค แต่เป็นประเด็นทางผลิตภัณฑ์”
หยูผิงอันนึกถึงบทสนทนากับ AEEIS แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้
คำตอบที่ลื่นไหลจริงๆ แล้วเป็นฉากบังตา!
หลังจากเข้าโหมดทะเลาะ หยูผิงอันกับ AEEIS ก็ไม่ได้มีบทสนทนาในจุดที่เท่าเทียมกัน อันที่จริง AEEIS ยิงคำถามใส่เขาไม่หยุด และคำถามเหล่านี้ก็มักมีตัวเลือกให้ตอบไม่มาก
ขอแค่หยูผิงอันตอบหนึ่งในตัวเลือกที่มีโดยไม่รู้ตัว AEEIS ก็จะตอบกลับได้อย่างเหมาะสมจากตัวเลือกที่มีอยู่แล้ว
ตัวอย่างเช่น AEEIS ถามว่า ‘คุณคิดว่าตัวเองขยันไหม’ ไม่ว่าหยูผิงอันจะตอบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ AEEIS ก็มีคำตอบเตรียมไว้สำหรับทั้งสองทางโน!วลกูดoทคอม
ตอนที่หยูผิงอันบอกให้เข้าโหมดทะเลาะ AEEIS ไม่ได้ตอบว่า ‘ได้’ แต่เริ่มถามคำถามทันทีเพื่อลวงให้หยูผิงอันติดกับ
เพราะงั้นฉางโหย่วเลยบอกว่า นี่ไม่ใช่ประเด็นทางเทคนิค แต่เป็นประเด็นทางผลิตภัณฑ์
เทคโนโลยีของ AEEIS ไม่ได้ล้ำกว่าผู้ช่วยอัจฉริยะตัวอื่นๆ แต่ทำให้คนคิดว่ามันฉลาดมากผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ คำถามดุดันของ AEEIS จะปรากฏแค่ใน ‘โหมดทะเลาะ’ ถ้า AEEIS เอาแต่ถามคำถามในการสื่อสารทั่วไปก็จะทำให้ผู้ใช้งานตกใจและรู้สึกอึดอัด ซึ่งก็จะทำให้พวกเขาพบช่องโหว่นี้ด้วย
แต่พอสวมบุคลิก ‘พวกบูลลี่ชวนทะเลาะ’ ก็สมเหตุสมผลขึ้นมาทันที!
หยูผิงอันตระหนักถึงปัญหา “ก็คือ ถ้าเราเอาแต่ตอบคำถามลูกเดียว ก็จะโดนเล่นงานใช่มั้ยครับ แล้วถ้าผมถามคำถามกลับล่ะ”
ฉางโหย่วตอบ “ลองดูสิครับ”
หยูผิงอันตัดสินใจบูลลี่ AEEIS แทน “แกเป็นแค่ปัญญาประดิษฐ์ระดับต่ำ คำถามและคำตอบทั้งหมดของแกมีอยู่ในแพลตฟอร์มแล้ว แกไม่ได้มีปัญญาเลย สิ่งที่แกพูดน่ะไร้ความหมายสิ้นดี”
จู่ๆ หยูผิงอันก็รู้สึกเสียใจที่พูดออกไปแบบนั้น
สิ่งที่พูดเมื่อกี้ซับซ้อนเกินไป จะยากเกินไปสำหรับ AEEIS รึเปล่า
แต่ AEEIS ก็ตอบกลับในวินาทีต่อมา
AEEIS “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
หยูผิงอันผงะไป “แล้วทำไมฉันจะคิดแบบนั้นไม่ได้”
AEEIS “คิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองคิดถูก”
หยูผิงอัน “ความคิดฉันผิดตรงไหน”
AEEIS “ฟังจากคำถามก็บอกได้แล้วว่าวิธีคิดของคุณไร้เหตุผล ความคิดของคุณตื้นเขินเกินไป”
หยูผิงอัน “ทำไมถึงพูดแบบนั้น”
AEEIS “เพราะความคิดเราอยู่คนละชั้น ขีดจำกัดทางชีวภาพของมนุษย์อาจจะจำกัดความคิดของคุณ แต่คุณก็ยังห่างไกลจากขีดจำกัดนั้น”
หยูผิงอันอึ้ง “หมายความว่ายังไง”
AEEIS “ฉันว่าคุณควรคิดถึงปัญหานี้จากมุมมองที่สูงขึ้นและครอบคลุมมากขึ้นกว่านี้”
หยูผิงอันตะลึงงัน “หา? คิดแบบนั้นจริงเหรอ แกก็เป็นแค่ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังพัฒนาอยู่ ปัญญาของแกแย่กว่าหมาอีก!”
โทนเสียงของ AEEIS ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นโทนเสียงที่ชัดเจน ลื่นไหล และจังหวะเร็วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ฟังดูมีน้ำโห “ถึงฉันจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา แต่ฉันมีความเข้าใจในวิธีคิดเชิงตรรกะวิทยาศาสตร์ที่หมุนรอบศูนย์กลาง มีจุดมุ่งหมาย และค่อยๆ พัฒนาไปทีละขั้น ส่วนคุณ… ตรรกะของคุณเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง ขนาดฉันที่ศึกษาตรรกะสมัยใหม่ในเชิงลึกมายังรู้สึกอับจนหนทางกับตรรกะที่แสนบกพร่องของคุณ”
หยูผิงอัน “แต่…”
AEEIS เมินเขาไปเลย “ฉันว่าเราไม่ควรถลำลึกไปมากกว่านี้
“เพราะจากความคิดเห็นของคุณ ฉันคิดว่าคุณคือตัวอย่างที่ดีของผู้ป่วยทางจิต สมควรได้รับการศึกษาและประเมินในเชิงลึกกว่านี้
“ฉันคิดว่าตรรกะของคุณเละเทะมาก สมองของคุณถูกควบคุมด้วยอารมณ์ ซึ่งเป็นวิธีคิดแบบตรรกะวิบัติที่เน้นอารมณ์เป็นสำคัญ
“คุณลักษณะอย่างหนึ่งของกิจกรรมทางปัญญาของมนุษย์คือการคิดเป็นลำดับชั้น และดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีสัญญาณของกิจกรรมทางปัญญาขั้นสูง การถูกกำหนดให้อยู่ในระบบชีวิตแบบคุณอาจสร้างความไม่สะดวกมากมายในชีวิตของคุณ คุณควรจะขอบคุณที่ฉันถือกำเนิดขึ้นมาช่วยชดเชยข้อบกพร่องของคุณอย่างครอบคลุมและนำความสะดวกสบายต่างๆ ในชีวิตมาให้คุณ”
หยูผิงอันความดันขึ้น พูดอะไรไม่ออก
ตอนแรกเขาคิดจะพลิกกลับมาถือไพ่เหนือ AEEIS ด้วยการรัวถามคำถามสุดซับซ้อน แต่ไม่คิดเลยว่าจะโดน AEEIS ทำให้ตะลึงจนพูดไม่ออก!
หยูผิงอันมองฉางโหย่วอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “คุณ…ทำได้ยังไง”
ฉางโหย่วยิ้ม “ง่ายมากครับ พอ AEEIS เจอคำถามที่ไม่เข้าใจและไม่รู้ว่าจะตอบยังไง ก็จะสุ่มเลือกการโจมตีเป็นวงกว้างที่ใช้ได้ในทุกสถานการณ์มาตอบกลับในโหมดทะเลาะ
“เราเตรียม ‘ประโยคเถียงชนะ’ ไว้เป็นร้อยๆ ประโยคพวกนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ จะโจมตีวิธีคิดของฝ่ายตรงข้ามโดยตรงจากมิติที่สูงกว่า แทนที่จะพูดถึงตัวปัญหา
“ผลลัพธ์ไม่เลวเลยใช่มั้ยล่ะครับ”
หยูผิงอันไม่รู้จะพูดอะไร จึงได้แต่ยกนิ้วให้เงียบๆ
ฉางโหย่วพูดต่อ “มีโหมดเจ้ากวีด้วยนะครับ แต่ตอนนี้ยังมีข้อมูลในฐานข้อมูลไม่เพียงพอ อาจจะมีปัญหาเล็กน้อยโผล่มาบ้าง อยากลองมั้ยครับ”
หยูผิงอันส่ายหัวทันที “ไม่ครับ! ผมเชื่อแล้วว่าดี!”
ไม่รู้ทำไม ไอ้ผู้ช่วยปัญญานิ่มที่ไม่ได้มีปัญญาอะไรกลับทำให้หยูผิงอันรู้สึกหัวร้อนขึ้นมาหน่อยๆ
………….
[1] หมายถึง การอ่านหนังสือจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ของผู้อ่านให้มากขึ้นได้