พอเห็นสีหน้าว่างเปล่าของเฉินคังทั่ว เผยเชียนก็อดรู้สึกดีขึ้นมาไม่ได้
ใครใช้ให้ตีความสิ่งที่ฉันพูดไปผิดๆ ล่ะ
ไปทบทวนตัวเองในบ้านผีสิงซะ!
ถึงเฉินคังทั่วที่เป็นคนออกแบบจะรู้รายละเอียดบ้านผีสิงดีกว่าคนที่จะมาเข้าเล่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่กลัว
ก็เหมือนกับผู้พัฒนา Outlast 2 ที่ลองเล่นเกมตัวเองแล้วกลัวจนทำจอยตกนั่นแหละ
แน่นอนว่านักออกแบบบางคนอาจจะเชี่ยวชาญเมกคานิกเกมมากและเล่นผ่านฉากสยองไปได้สบายๆ เหมือนเวลาเล่นมาริโอ้ แต่คนพวกนั้นก็เป็นคนมีความสามารถที่หาตัวจับได้ยากมาก
คนทั่วไปน่าจะกลัวกันขี้หดตดหาย
ถ้าให้แผนผังบ้านผีสิงที่กาจุดน่ากลัวเอาไว้แล้วให้จำทุกจุดที่กาให้ได้ คิดว่าคนคนนั้นจะเข้าไปเล่นโดยไม่กลัวรึเปล่า
อย่างมากคนคนนั้นก็น่าจะเตรียมใจไว้พร้อมและพอจะลดทอนความกลัวลงได้บ้าง แต่ก็ไม่มีทางที่จะไม่ตื่นกลัว
ภาพ เสียง และจังหวะตุ้งแช่ต่างๆ… ถึงจะเตรียมใจไว้พร้อมแล้วก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะข่มความกลัวไว้ได้เมื่อรู้สึกอินไปกับสถานที่จริงๆ
แน่นอนว่าถ้าไอ้เจ้าคนนั้นเป็นคนที่ไม่กลัวห่าเหวอะไรเลยก็เป็นอีกเรื่อง
แต่ชัดเจนว่าเฉินคังทั่วไม่ใช่คนแบบนั้น สีหน้าของเขาตอนนี้ยืนยันได้ชัดเจน
พอได้ยินบอสเผยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าของเฉินคังทั่วก็เปลี่ยนจากว่างเปล่าเป็นอึ้ง จากอึ้งเป็นตกใจ ก่อนจะแทบล้มทรุดทั้งยืน
บอสเผยตั้งใจจะฆ่าผมเหรอครับ!
เฉินคังทั่วออกแบบบ้านผีสิงเองโดยปรับตามสไตล์ของตัวเอง เขาตรวจสอบตอนสร้างเกือบเสร็จมาก่อนและรู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
เอาเข้าจริง หลังจากโปรเจ็กต์สามของโฮสเทลเขย่าขวัญสร้างเสร็จ เขาก็ไม่เคยเข้าไปอีก ต่อให้ไม่มีพนักงานมาแสดงเป็นผีก็ตาม
แค่เดินดูบรรยากาศรอบๆ ก็กลัวจนฉี่จะราดแล้ว!
แต่เมื่อกี้บอสบอกว่าไงนะ อยากให้เขาเข้าไปเก็บทุกรายละเอียด?
มีพลังใจขนาดไหนก็ทำไม่ได้หรอกนะ!
แต่เผยเชียนไม่เปิดโอกาสให้เฉินคังทั่วได้คัดค้าน เขาโบกมือปัดแล้วพูดต่อ “โอเค เริ่มเดินชมต่อได้”
เฉินคังทั่วได้แต่เดินนำทุกคนไปยังที่ต่างๆ
กิจการอย่างร้านอาหารและโรงแรมนักลงทุนที่ลงทุนในกิจการนั้นๆ จะเป็นคนอธิบายเอง
นอกจากนี้ก็มีการรายงานรายละเอียดอื่นๆ อย่างการจ้างพนักงานมาดูแลการดำเนินงานทั้งหมดของโฮสเทลเขย่าขวัญ
โฮสเทลเขย่าขวัญไม่ได้ถือว่าเล็กหรือใหญ่ แต่ก็ต้องมีพนักงานเสิร์ฟ พนักงานขายตั๋ว พนักงานทำความสะอาด ช่างที่ดูแลอุปกรณ์ต่างๆ ช่างแต่งหน้า ช่างทำอุปกรณ์ประกอบฉาก และนักแสดงที่รับบทภูตผีปีศาจ
นักแสดงที่รับบทภูตผีปีศาจนั้นจ้างมาได้พักใหญ่แล้วเพื่อมาอบรมก่อน
เพราะการแสดงนั้นไม่ได้ใช้แรงกายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีทักษะเฉพาะทางด้วย
ถ้าพวกเขาอยู่ไกลเกินไป ลูกค้าก็จะไม่กลัวเพราะข้างในมืดมากและไม่น่าจะมีผลอะไร
ถ้าใกล้เกินไปก็อาจจะไปกระตุ้นอารมณ์จนได้รับบาดเจ็บจากลูกค้าได้
แค่โผล่พรวดมาหลอกลูกค้าให้สะดุ้งโหยงอย่างเดียวนั้นไม่พอ
สั้นๆ คือ พวกนักแสดงต้องรู้วิธีการเล่นกับความรู้สึกในรูปแบบต่างๆ เพื่อหลอกลูกค้าหลายแบบให้ได้ผลดีที่สุด
ขณะเดียวกันนักแสดงกลุ่มนี้ก็ต้องรู้จักทางออกฉุกเฉินในบ้านผีสิงเป็นอย่างดี เพื่อที่จะได้พาลูกค้าออกไปได้เมื่อจำเป็น และต้องมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วย
สรุปแล้วเป้าหมายในการอบรมก็เพื่อให้พนักงานหลอกลูกค้าในระดับพอดีด้วยจังหวะที่ไม่พรวดพราดเกินไปเพื่อปกป้องตัวเอง บ้านผีสิงจะได้ให้บริการไปได้อย่างราบรื่น
เฉินคังทั่วเสนอ “ทุกคนอยากแวะเข้าไปดูโปรเจ็กต์บ้านผีสิงทั้งสามโปรเจ็กต์เพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมมั้ยครับ”
เผยเชียนยิ้ม “ไม่เป็นไร”
คิดจะหลอกฉันเข้าบ้านผีสิงเหรอ ฝันไปเถอะ!
เผยเชียนสบายใจขึ้นมากแล้ว เขากังวลแค่ว่าวงกตทองคำจะทำกำไรได้ ส่วนโฮสเทลเขย่าขวัญนั้น…ยังไม่ใช่โปรเจ็กต์ที่เขาต้องเป็นห่วงที่สุด
โปรเจ็กต์แรกค่าใช้บริการถูกมากและรับผู้เข้าเล่นได้จำกัด เพราะงั้นถึงจะเต็มทุกวันก็ไม่น่าจะทำเงินได้มาก
ส่วนโปรเจ็กต์ที่สองกับสาม ถ้าไม่น่ากลัวเท่าไหร่ คนก็คงมาเล่นไม่เยอะ แต่ถ้าน่ากลัวมาก เขาก็จะเอาไว้ใช้จัดการกับพวกที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีหนังหมา
จะทางไหนก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น
เผยเชียนตั้งมั่นชัดเจนมากว่า พูดให้ตายยังไงฉันก็ไม่เข้าบ้านผีสิงเด็ดขาด ฉันเป็นผู้รากมากดีรสนิยมสูง แถมยังยุ่งกับงานมาก ไม่มีเวลามาเสพความบันเทิงดิบเถื่อนแบบนี้หรอก
เฉินคังทั่วหันไปมองนักลงทุนคนอื่นๆ “แล้วคนอื่นๆ ล่ะครับ…”
บอสหลี่รีบตอบ “ไม่เป็นไรครับ!”
“น้องเฉิน อย่าเข้าใจพี่ผิดนะ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เชื่อใจน้อง แต่เป็นตรงข้ามเลยต่างหาก เราเชื่อใจน้องมากจนไม่กล้าเข้าไป แขนขาพวกพี่ก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง เล่นอะไรตื่นเต้นขนาดนี้ไม่ไหวหรอก”
เฉินคังทั่ว “…”
โอเค ไม่มีใครยอมเข้าเลย แสดงว่ามีแค่ฉันคนเดียวที่ต้อง ‘สัมผัสประสบการณ์อย่างครบครัน’ สินะ
ในเมื่อเดินดูจนครบแล้วและไม่มีใครอยากลองเล่นโปรเจ็กต์โฮสเทลเขย่าขวัญ งั้นก็จบแค่นี้เลยแล้วกัน
พวกนักลงทุนเบิกบานใจกันสุดๆ ปัญหาของโฮสเทลเขย่าขวัญได้รับการแก้ไขแล้ว โอกาสที่โปรเจ็กต์นี้จะทำกำไรได้จึงเพิ่มขึ้นมากทีเดียว
เฉินคังทั่วพาทุกคนกลับไปที่ทางเข้า ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เขากลับรู้สึกสลดหดหู่
เผยเชียนกับพวกนักลงทุนทยอยขึ้นรถเตรียมตัวมุ่งหน้ากลับ
ตอนนั้นเองเฉินคังทั่วก็นึกอะไรขึ้นได้
“บอสเผยครับ! จางวั่งแวะมาขอให้เอาเครื่องทะเลาะอัตโนมัติขายในวงกตทองคำ ตู้โทรศัพท์ให้เช่าของเขาช่วยโปรโมตโฮสเทลเขย่าขวัญด้วย เพราะงั้นผมคิดว่าคำขอนี้ก็สมเหตุสมผล…”
สีหน้าของเผยเชียนเปลี่ยนไปทันทีขณะที่กำลังจะปิดประตู
“ห้ามเด็ดขาด!”
ถึงเครื่องทะเลาะอัตโนมัติจะเป็นเครื่องอะไรก็ไม่รู้ซึ่งไม่มีประโยชน์ในการใช้งาน แต่ก็ทำออกมาสวยงาม ถ้าเอามาตั้งในวงกตทองคำแล้วมีคนบ้าซื้อไปจริงๆ จะทำไง
เผยเชียนซ่อนเครื่องทะเลาะอัตโนมัติไว้ไม่ต่างจากสมบัติราชาโจรสลัด จะให้ใครหาเจอไม่ได้เด็ดขาด
เฉินคังทั่วผงะไป เขาไม่คิดว่าบอสเผยจะปฏิเสธ
เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากตอนที่จางวั่งแวะมาขอ มันก็แค่ของเล็กน้อย ถึงจะขนาดใหญ่หน่อยและขนไปมายาก แต่ในวงกตทองคำก็มีร้านมากมาย แค่หาร้านวางขายให้ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร
อีกอย่างจางวั่งก็ช่วยโปรโมตโฮสเทลเขย่าขวัญผ่านตู้โทรศัพท์ให้เช่า ช่วยตอบแทนน้ำใจแค่นี้น่าจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แต่บอสเผยกลับปฏิเสธเด็ดขาด
“แต่บอสเผยครับ…”
เฉินคังทั่วพยายามจะอธิบาย แต่เผยเชียนยกมือขึ้นปราม
“ไม่ได้เด็ดขาด
“เดี๋ยวผมไปคุยกับจางวั่งเรื่องนี้เอง สรุปคือเดี๋ยวจะจัดการอย่างอื่นแทน แต่ที่วงกตทองคำจะไม่วางขายเครื่องทะเลาะอัตโนมัติเด็ดขาด!”
พอเห็นว่าบอสเผยแน่วแน่ขนาดไหน เฉินคังทั่วก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ ทำได้แค่พยักหน้ารับโนlวลกูดอทคoม
เผยเชียนปิดประตูแล้วถอนหายใจ
เกือบไปแล้ว!
โชคดีที่เฉินคังทั่วไม่ทำอะไรไปก่อนโดยไม่บอกและมาเตือนเผยเชียนก่อน ไม่อย่างนั้นต้องเกิดเรื่องแย่ขึ้นแน่
ดูเหมือนว่าจางวั่งจะไม่ได้จริงจังกับคำพูดของเผยเชียนและพยายามแอบหาช่องทางขาย
ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องย้ำจางวั่งให้เร่งผลิตอย่างเต็มที่ก่อน แล้วค่อยไปสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้ทีหลัง
เมล็ดพันธุ์ชั้นดีอย่างเครื่องทะเลาะอัตโนมัติต้องได้รับการสงวนไว้!
อีกฝั่งหนึ่ง บอสหลี่กำลังปิดประตูรถเตรียมกลับ
ถึงจะได้ยินสิ่งที่เฉินคังทั่วกับบอสเผยพูดไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ก็พอจับใจความได้ว่าเป็นเรื่อง ‘การขายเครื่อง XX’ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการลงทุนบางอย่าง
แต่ในเมื่อบอสเผยไม่ได้พูดอะไร บอสหลี่ก็ไม่กล้าถาม
เขาจดบันทึกของชิ้นนี้ไว้เงียบๆ ในใจคิดว่าคงจะมีประโยชน์ในอนาคต
…
…
วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม
เผยเชียนมาออฟฟิศตามปกติ
ตอนนี้กิจการส่วนใหญ่เริ่มรู้กันว่าถ้าอยากให้บอสตัดสินใจอะไรให้ไปเสนอวันจันทร์ เพราะบอสเผยมักจะเข้าออฟฟิศทุกวันจันทร์
ส่วนเวลาอื่นๆ ให้ติดต่อทางโทรศัพท์
การประชุมผู้ปัดงานฝึกผลาญจัดไปเมื่อเสาร์ที่แล้วตามกำหนดการ
นอกจากข้อมูลที่เผยเชียนรู้อยู่แล้ว ก็มีสองเรื่องที่เรียกความสนใจจากเขาได้
เรื่องแรกคือ สือเหอ แบรนด์ไฮเอนด์ใหม่ของโมหยูเดลิเวอรี่ที่กำลังอยู่ในช่วงเตรียมการเต็มขั้น
ผู้ปัดงานฝึกผลาญประจำโมหยูเดลิเวอรี่รายงานสถานการณ์โดยละเอียด แนวคิดแบรนด์ไฮเอนด์นี้คือการหยิบเอาเมนูจากภัตตาคารไร้ชื่อมาทำเป็นเวอร์ชันที่ถูกลงและใช้เพกเกจจิ้งเป็นกล่องข้าวสวยๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์กินอาหารเดลิเวอรี่แบบไฮเอนด์
พอได้ฟังรายงาน เผยเชียนก็คิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นข่าวดี
โมหยูเดลิเวอรี่ติดตัวแดงเพราะราคาที่สูง
ถ้าเพิ่มราคาขึ้นไปอีกจะไม่ขาดทุนยิ่งกว่าเก่าเหรอ
แบรนด์ใหม่นี้ต้องใช้เชฟที่ผ่านการเทรน ใช้บรรจุภัณฑ์แบบสั่งทำ และการจัดส่งแบบพิเศษ ไม่ว่าจะขายได้เท่าไหร่ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ยาก
ถ้าขายได้เยอะก็เป็นไปได้ที่จะทำกำไรได้ แต่ถ้าขายได้น้อยก็จะยิ่งแย่กว่าโมหยูเดลิเวอรี่
ไม่มีเหตุผลอะไรไปหยุดกลยุทธ์ผลาญเงินดีๆ แบบนี้
เรื่องที่สอง ผู้ปัดงานฝึกผลาญประจำฝ่ายเกมเถิงต๋ารายงานเรื่องจางจู่ถิงเข้ามาช่วยกำกับการแสดง
เรื่องนี้เป็นภัยที่ชัดเจนมาก แต่ก็จัดการอะไรไม่ได้เพราะเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เผยเชียนทำอะไรไม่ได้อีก
จะเสกคาถาลบความจำให้นักแสดงลืมสิ่งที่จางจู่ถิงสอนก็ไม่ได้
เขาได้แต่จดชื่อจางจู่ถิงลงสมุดเล่มเล็ก เตรียมส่งอีกฝ่ายไปสั่งสอนตอนโฮสเทลเขย่าขวัญเปิด
เผยเชียนนั่งในห้องทำงานได้ห้านาที เป็นไปตามคาด มีคนมาเคาะประตูจริงๆ
เขาเงยหน้าขึ้นมองแล้วพบว่าเป็นเสี่ยวเผิง
“บอสเผยครับ ดูแล้วร้านเพื่ออีสปอร์ตของโมหยูเดลิเวอรี่ 3.0 น่าจะถือว่าเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จใช่มั้ยครับ งั้น…ผมขอเปิดสาขาเพิ่มตามที่บอสเคยบอกไว้ได้มั้ยครับ”
ใบหน้าของเสี่ยวเผิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ตอนวางแผนเปิดร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 บอสเผยเคยบอกไว้ว่า ถ้าร้านทำเงินได้อีกก้อนก็ให้เปิดสาขาเพิ่ม รีโนเวต ซื้อคอมพิวเตอร์ ใช้เงินไปให้หมดอย่าให้เหลือ
ถึงตอนที่พูดบอสเผยจะดูมีท่าทีแปลกๆ แต่เสี่ยวเผิงก็เข้าใจว่าคำพูดนี้แสดงถึงความเชื่อใจที่บอสเผยมีต่อเขา
แต่ถึงจะรับคำมาแบบนั้น เขาก็รู้สึกว่าต้องยืนยันแนวทางกับบอสอีกครั้งหนึ่ง
อำนาจที่ได้มานั้นยิ่งใหญ่ แต่เสี่ยวเผิงก็กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาดจึงมายืนยันให้แน่ใจอีกครั้ง
ถ้าตอนนั้นบอสเผยพูดเล่นๆ ไม่ได้จริงจังล่ะ
เกิดเขาใช้เงินไปเต็มที่แล้วบอสเผยมาโกรธเอาทีหลัง เขาจะหันหน้าไปพึ่งใคร
ยืนยันให้ชัดเจนอีกรอบไว้ก่อนน่าจะดีกว่า
เผยเชียนพูดอะไรไม่ออก
อย่ามาย้ำข่าวดีกับฉันได้มั้ย!
เผยเชียนโบกมืออย่างช่วยไม่ได้ “ผมเคยผิดคำพูดที่ไหน เปิดสาขาเพิ่มให้ได้มากที่สุด อย่าลืมผลาญเงินที่มีไปให้หมด แล้วก็ไม่ต้องรายงานเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ซ้ำๆ”
เพราะยังไงร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูก็ใช้เงินลงทุนจำนวนมากในช่วงแรก ถึงจะทำเงินได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะคืนทุน เขาไม่น่าจะทำกำไรได้ถ้าผลาญเงินได้ไวพอ