“จริงสิ… ต้องวิเคราะห์วิธีที่ผู้อำนวยการหลินเคยพูดถึง
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทิศทางอนาคตของบริษัท OTTO ด้วย อุตสาหกรรมมือถือเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก้าวพลาดแค่ก้าวเดียวอาจเจอความผิดพลาดได้นับพัน จะเลินเล่อไม่ได้เด็ดขาด”
ถ้าฉางโหย่วยังเป็นคนเดิมกับตอนที่เพิ่งเข้ามาเถิงต๋าแรกๆ เขาย่อมไม่คิดอะไรมาก เขาจะส่งงานต่อให้ลูกน้องแล้วดูให้แน่ใจว่าทุกคนทำตามที่สั่ง
แต่หลังจากถูกเทรนอย่างเข้มงวดมาหกเดือน ฉางโหย่วก็รู้สึกได้ว่าตนเองเรียนรู้อะไรจากบอสเผยเยอะมาก
หนึ่งในบทเรียนที่สำคัญที่สุดคือต้องมีสายตาเฉียบคมและมีเป้าหมาย
ครั้งหนึ่งผู้ประกอบการชื่อดังคนหนึ่งเคยพูดถึง ‘ทฤษฎีหมูบิน ‘ ซึ่งสื่อได้ว่าถ้าอยากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอันดับต้นๆ สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำคือมองหาจุดที่ใช่ในการออกตัว
อุตสาหกรรมมือถือคือจุดออกตัวที่ถูกต้องในยุคที่อินเทอร์เน็ตพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้กำไรจากจุดออกตัวนี้
ถ้าหลงทางจะถูกบีบออกจากจุดที่ยืนอยู่และอาจตกลงมาแข้งขาหักหรือถึงแก่ชีวิต
พูดอีกอย่างก็คือ ผลลัพธ์เป็นตัวตัดสินว่าเราลงแรงหนักขนาดไหน ส่วนการที่จะไปได้ไกลขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์
ฉางโหย่วเคยคิดว่าตัวเองมีสายตาที่เฉียบแหลมและเป็นผู้เล่นตัวท็อปไม่กี่คนในอุตสาหกรรมนี้
แต่พอได้มาเจอบอสเผย เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองนั้นเหมือนกบที่อยู่ในบ่อลึก แต่ก็ยังทำตัวผยอง!
เขาเห็นแค่โอกาสที่คนอื่นๆ ก็เห็น แม้จะมีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่การแข่งขันก็รุนแรงไม่น้อยทีเดียว ถ้าโอ้เอ้เพียงเล็กน้อยก็อาจสูญเสียทุกอย่างได้ง่ายๆ
ส่วนบอสเผยนั้นตรงกันข้าม บอสมองเห็นโอกาสที่คนอื่นไม่เห็น และโอกาสเหล่านี้ก็หายากและล้ำค่ามาก สิ่งเดียวที่บอสต้องทำคือฉวยโอกาสนั้นไว้ให้มั่น บอสไม่ต้องกังวลใจใดๆ เพราะไม่มีคู่แข่งในสนามตอนนี้
ดังนั้นหลังความสำเร็จของ OTTO E1 ฉางโหย่วก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่ง นั่นคือในเมื่อบอสเผยมีวิสัยทัศน์ดีเยี่ยมและรสนิยมไม่เหมือนใคร เขาก็ควรวางมุมมองที่ตัวเองมีต่ออุตสาหกรรมนี้ลง และทำตามคำสั่งของบอสเผยทุกอย่าง
หากนอนกลิ้งไปกลิ้งมาก็สามารถชนะได้ แล้วจะต้องลุกขึ้นมาทำงานงกๆ เพื่อแข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ ทำไม
แต่ปัญหาเดียวที่เขารู้สึกก็คือพวกอัจฉริยะนี่มีนิสัยประหลาดคนจริงๆ
บอสเผยมีนิสัยแปลกๆ ตรงที่ชอบให้เหล่าพนักงานคาดเดาสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในใจ เหมือนจะเป็นการฝึกให้ทุกคนหัดใช้ทักษะด้านการคิดและวิเคราะห์
ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจปริศนาของบอสเผย ไม่ใช่ทุกคนที่จะโดดเด่นในเรื่องนี้และทำให้บอสเผยประทับใจได้
โชคดีที่ผู้อำนวยการหลินสอนวิธีวิเคราะห์แนวคิดของบอสเผยให้เขา
ฉางโหย่วขมวดคิ้วขณะตกอยู่ในภวังค์ความคิด
“ผู้อำนวยการหลินเคยบอกว่าการจะวิเคราะห์ปริศนาของบอสต้องเริ่มจากจุดที่ดูไม่สมเหตุสมผลที่สุดก่อน
“จุดที่ไม่สมเหตุสมผลสุดๆ ของสถานการณ์นี้คือทำไมบอสเผยต้องอยากใช้มีดฆ่าวัวเชือดไก่ด้วย เห็นๆ กันอยู่ว่าโมหยูเดลิเวอรี่เหมาะจะทำแอปให้กิจการฟิตเนสที่สุด แล้วทำไมเขาถึงส่งงานนี้มาให้ OTTO”
ฉางโหย่วเปิดเอกสารที่กั่วลี่เฉิงเตรียมให้บนคอมพิวเตอร์ เอกสารที่ว่านี้เรียบง่ายมาก มันมีประโยคอยู่แค่ไม่กี่ประโยค
ถ้าจะให้ฉางโหย่วให้คะแนนคนคนนี้เรื่องมาตรฐานของการเป็นผู้จัดการกิจการ กั่วลี่เฉิงต้องได้ไม่ถึงสามคะแนน
และเป็นสามคะแนนจากร้อยด้วย
แต่ฉางโหย่วก็โทษกั่วลี่เฉิงไม่ได้ เพราะกั่วลี่เฉิงเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนส เขาจะรู้เรื่องมาตรฐานของการเป็นผู้จัดการกิจการได้ยังไง
ฉางโหย่ววิเคราะห์ประโยคไม่กี่ประโยคที่ว่าอย่างจริงจัง “กั่วลี่เฉิงเป็นคนดูแลฟิตเนสฝากประจำ แต่ความต้องการที่เขียนมากลับธรรมดาสุดๆ
“ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเขาเพิ่งมาใหม่ยังไม่เข้าใจวิธีการคิดของบอสเผย ยังต้องฝึกอีกมาก
“ถ้าบอสอยากได้แค่อะไรง่ายๆ พวกนี้จริงๆ บอสก็ให้โมหยูเดลิเวอรี่จัดการเรื่องแอปไปแล้ว
“อีกอย่างความต้องการพวกนี้ก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป ให้ใครซักคนออกแบบอินเทอร์เฟซและฟังก์ชันก่อนส่งต่องานไปที่โปรแกรมเมอร์ก็ได้แล้ว
“ออกแบบ…
“ที่บอสเลือกบริษัทเราเพราะทักษะด้านการออกแบบรึเปล่า
“เป็นไปได้ ความสามารถด้านการออกแบบของผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เราดีกว่าของโมหยูเดลิเวอรี่อยู่หลายขุม
“พูดอีกอย่างคือบอสเผยมีความต้องการลับๆ เกี่ยวกับแอปนี้ หรือบอสจะรู้ว่าโมหยูเดลิเวอรี่ทำให้ไม่ได้เลยส่งงานนี้มาให้พวกเราแทน
“แบบนี้ค่อยฟังขึ้นหน่อย!
“แล้วความต้องการลับๆ ที่ว่าจะเป็นอะไรได้…”
ฉางโหย่วรู้สึกว่าเขาทะลวงประตูออกไปได้สำเร็จแล้ว ที่ต้องทำต่อไปคือก้าวเดิน
“ความต้องการที่เขียนมานี่ก็เพียงพอที่จะทำเป็นแอปสำหรับฟิตเนสแล้ว
“แต่ถ้าบอสเผยอยากได้มากกว่านี้ก็แปลว่า…
“ฟิตเนสนี้เพิ่งเริ่มต้น หรือเป้าหมายที่แท้จริงของบอสเผยจะเป็นการทะลวงข้อจำกัดและขอบเขตของอุตสาหกรรมฟิตเนส
“เพราะแบบนั้นบอสถึงได้ให้พวกเราออกแบบแอป บอสอยากให้เราเติมส่วนที่ผู้ประกอบการฟิตเนสทั้งหลายคิดไม่ถึง หรือว่าเราต้องใช้ความรู้ด้านอินเทอร์เน็ตคิดแผนแบบองค์รวมให้กับแอปนี้
“ต้องใช่แน่ๆ!
“แต่… ถ้าบอสอยากให้ธุรกิจมือถือร่วมมือกับแอปฟิตเนส แล้วทำไมบอสไม่ให้ลงแอปฟิตเนสเป็นแอปติดเครื่อง”
ฉางโหย่วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะทะลวงกำแพงจิตใจด่านสุดท้ายได้ เขาทำหน้าราวกับเพิ่งได้ดวงตาเห็นธรรม
“เข้าใจแล้ว
“บอสมองว่าแอปตัวนี้มีเนื้อหาเยอะแยะไปหมด กลัวว่าจะออกแบบยากเลยกังวลเรื่องคุณภาพ
“การลงแอปฟิตเนสเป็นแอปติดเครื่อง ยอดการโหลดอาจดูดีก็จริง แต่ก็จะบอกสถานการณ์การใช้งานที่แท้จริงของแอปนี้ไม่ได้ มันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและส่งผลต่อการวางแผนงานที่จะตามมา
“ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณภาพของแอปไม่ดี ก็อาจกระทบต่อแบรนด์ OTTO ได้
“เพราะงั้นบอสเผยเลยไม่อนุญาตให้ลงแอปนี้เป็นแอปติดเครื่องในมือถือ OTTO
“บอสเผยไม่ได้บอกว่าห้ามเอาลงในร้านค้าแอปแต่บอกว่าห้ามเอาเป็นแอปติดเครื่อง เพราะต้องการทดสอบแอปนี้ในตลาดก่อน หลังจากนั้นผู้ใช้มือถือทุกคนก็สามารถติดตั้งแอปได้เองด้วยความเต็มใจ!”
ปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างแล้ว
เขาทบทวนความคิดทั้งหมดอีกรอบแล้วก็รู้สึกว่าทุกอย่างดูเป็นเหตุเป็นผลกันดี ทุกอย่างดูสอดคล้องกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ ตอนนี้เขามีคำตอบให้กับสิ่งที่ตอนแรกรู้สึกฟังไม่ขึ้นทั้งหมดแล้ว
ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ชอบไขปริศนาของบอสเผย
เพราะทันทีที่ไขปริศนาได้ ความรู้สึกประหนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตและภูมิอกภูมิใจก็พรั่งพรูเข้ามาเต็มเปี่ยม
ฉางโหย่วรีบออกจากออฟฟิศไปหาคนที่รับผิดชอบพัฒนาแอปพลิเคชันฟิตเนสฝากประจำ
“เปลี่ยนแผนงานนิดหน่อยนะ
“ฟังก์ชันที่ระบุไปก่อนหน้านี้มีแต่ฟังก์ชันพื้นฐาน แต่ตอนนี้ผมอยากเพิ่มเติมอะไรหน่อย
“นอกจากความต้องการการใช้งานประจำวันแล้ว ผมอยากใส่ฟังก์ชันเพิ่มอีก
“ตัวอย่างเช่น ตัวคำนวณที่เอาไว้ใช้คู่กับแผนออกกำลังโดยมีน้ำหนักและเปอร์เซ็นต์ไขมันของลูกค้าซึ่งวัดจากฟิตเนสเป็นตัวตั้ง เทรนเนอร์จะได้ใช้ฟังก์ชันนี้ในการอ้างอิงได้
“นอกจากจะใช้แอปจองคิวเข้าใช้งานฟิตเนสแล้ว ลูกค้ายังใช้เพื่อแจ้งเตือนเวลาออกกำลัง เวลาอาหารและเวลาพักผ่อนได้ด้วย ยังไงซะเทรนเนอร์ก็ตามติดชีวิตลูกค้าไม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว เราเลยจะใช้มือถือในการแจ้งเตือนเรื่องพวกนี้แทน
“เราอาจทำหมวดแยกเพื่อเอาไว้ใส่เนื้อหาการออกกำลัง ความรู้เรื่องการกิน ข้อเท็จจริงและเคล็ดลับอื่นๆ แบบนี้ลูกค้าก็จะได้เข้าใจรูปแบบของฟิตเนสฝากประจำมากขึ้น
“คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจองคิวเข้าใช้ฟิตเนสล่วงหน้า และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีอาหารเพื่อสุขภาพพ่วง เพราะงั้นถึงยอมรับโมเดลของฟิตเนสไม่ได้
“ถ้าเราเผยแพร่ศาสตร์นี้ให้โด่งดังยิ่งขึ้น คนที่ยอมรับโมเดลฟิตเนสฝากประจำได้ก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
“นอกจากนี้เราอาจจะทำอินเทอร์เฟซใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ในอนาคตฟิตเนสฝากประจำอัปโหลดวิดีโอตัวอย่างการออกกำลังกาย ลูกค้าจะได้มาดูเพื่อปรับท่าการออกกำลังกายของตัวเองให้ถูกต้อง หรือจะใช้ฝึกฝนเองที่บ้านก็ได้…”
คนที่รับผิดชอบการออกแบบแอปฟิตเนสฝากประจำรีบจดทุกอย่างทันที
หลังจากจดเสร็จ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมสีหน้าสับสนเล็กๆ “บอสฉางครับ สิ่งพวกนี้ไปไกลกว่าความต้องการตั้งต้นเยอะเลยนะครับ จากคำสั่งก่อนหน้านี้ ฟิตเนสฝากประจำแค่อยากให้ทำแอปไว้ให้ลูกค้าจองคิวเข้าใช้ฟิตเนสเองนะครับ ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
“แบบนี้มันจะ…โอเคเหรอครับ ตอนเราส่งมอบแอปให้พวกเขาจะแฮปปี้เหรอ”
ฉางโหย่วยิ้ม “ทำไมล่ะ พวกเขาขอแอปที่เรียบง่าย เราก็ทำให้พวกเขาเรียบร้อยแถมยังใส่ฟังก์ชันที่มีประโยชน์เพิ่มอีกเพียบ แล้วพวกเขาจะโกรธทำไม
“พวกเขาน่าจะต้องขอบคุณเราด้วยซ้ำ!”
คนที่รับผิดชอบการออกแบบแอปเกาหัวพลางพึมพำ “แต่ผมว่ามันไม่จำเป็น…”
ฉางโหย่วยิ้มน้อยๆ “จำเป็นสิ จำเป็นมากๆ เลยแหละ!
“ถ้าคุณมาเป็นผมและได้ทำงานกับบอสเผยบ่อยๆ คุณจะได้ดื่มด่ำกับวิวของโลกนี้ที่สวยขึ้นกว่าเดิม แล้วคุณก็จะเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ…
“คุณยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ!”
…
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม
ประมาณ 4 ทุ่ม หลังส่งแขกกลุ่มสุดท้ายแล้ว หลินชั่นหรงก็สั่งให้พนักงานเสิร์ฟและพนักงานทำความสะอาดจัดเก็บร้านให้เรียบร้อยและเตรียมตัวกับ
ผังระบบงานของครัวส่วนตัวหมิงหยุนตอนนี้เป็นระบบระเบียบดีแล้ว ในฐานะผู้จัดการสาขา หลินชั่นหรงสามารถอู้ได้เล็กๆ น้อยๆ โดยไม่กระทบกิจการ
แต่เขาก็ยังทำงานหนักและละเอียดรอบคอบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
นั่นเพราะเขาเคยเป็นพ่อครัวชื่อดังในเมืองจิงโจว และเมื่อมาทำงานกับบอสเผย เขาก็ได้เป็นผู้จัดการสาขาของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู รวมถึงได้ดูแลโมหยูเดลิเวอรี่ หลังจากมาเป็นผู้จัดการของครัวส่วนตัวหมิงหยุน เขาก็มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับคนดังมากมายในเมืองจิงโจว ทำให้หน้าที่การงานราบรื่นเข้าไปใหญ่
หลินชั่นหรงชมชอบโอกาสที่ตนได้รับมาอย่างมาก เขาคิดอยู่เสมอว่าจะปรับปรุงครัวส่วนตัวให้ดีขึ้นได้ยังไงบ้าง เพราะนอกจากอยากตอบแทนความเชื่อใจที่บอสเผยมีให้แล้ว เขายังอยากขยายเส้นทางอาชีพของตัวเองให้กว้างขึ้นในอนาคตด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ พอเขารู้ว่าโมหยูเดลิเวอรี่ที่รุ่ยยู่เฉินดูแลอยู่ขยายสาขาอย่างบ้าคลั่ง เขาก็เริ่มวิตกขึ้นมา
เขาไปขอบอสเผยให้เปิดสาขาของครัวส่วนตัวหมิงหยุนเพิ่ม แต่บอสกลับปฏิเสธ
หลินชั่นหรงสับสนสุดๆ ทำไมบอสถึงไม่ยอมให้เขาเปิดสาขาใหม่ล่ะ
ผ่านมาไม่กี่วันเขาก็ค่อยๆ เข้าใจ
ที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะเหตุผลสองข้อ ข้อแรกคือพ่อครัวและวัตถุดิบที่ใช้ถือว่าอยู่ระดับต้นๆ ของประเทศ รสชาติก็เลยอร่อยล้ำ อีกข้อคือบรรยากาศของร้านที่ไม่เหมือนใคร ลูกค้าไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูป ทุกคนที่จะมากินต้องโทรนัดหมายก่อน และการมากินตามเหล่าคนรวยเป็นลูกเล่นทางจิตวิทยาที่ทำให้คนมากมายอยากมากินอาหารที่ร้านนี้
พูดอีกอย่างคือเพราะเข้าถึงยากจึงดูล้ำค่า
ตัวอย่างเช่น บางแบรนด์ขายแค่สินค้าเวอร์ชันปกติ ไม่มีทำพวกลิมิเต็ดออกมา สินค้าเหล่านี้จึงไม่ได้ถูกมองว่ามีค่าอะไร
พ่อครัวของครัวส่วนตัวหมิงหยุนคัดมาจากหัวกะทิทั่วประเทศ แต่ละคนมีทักษะเฉพาะเป็นของตัวเอง ถ้าพวกเขาจะเปิดสาขาเพิ่ม จะมั่นใจได้ยังไงว่าอาหารจะรสชาติเหมือนเดิม
ถ้ารสชาติของอาหารไม่เหมือนเดิม มันต้องกระทบต่อความรู้สึกของลูกค้าแน่นอน แบบนี้ชื่อร้านครัวส่วนตัวหมิงหยุนจะไม่สั่นคลอนเหรอ
ถึงแม้การเปิดสาขาใหม่จะทำให้ได้เงินเพิ่ม แต่บอสเผยดูเป็นคนที่สนใจเรื่องเงินเหรอ
เห็นได้ชัดว่าชื่อเสียงของร้านสำคัญกว่ามาก
หลังจากคิดได้ หลินชั่นหรงก็ปัดความคิดที่จะขยายสาขาเพิ่มทิ้งไป แล้วมาคิดเรื่องที่บอสสั่งให้เอากำไรที่ได้มาไปปรับปรุงครัวส่วนตัวหมิงหยุนให้ดีขึ้นแทน
ตอนนี้เขาพอมีไอเดียคร่าวๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจจริงจัง
หลินชั่นหรงขับรถพลางใช้ความคิดไปด้วย
ตอนที่เขาขับออกมาจากประตูทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เขาก็เห็นว่ามีร้านตรงชั้นหนึ่งร้านนึงยังเปิดไฟอยู่ มีคนกำลังทำงานอยู่ในนั้น
รถตู้ขนส่งจอดอยู่ตรงหน้าทางเข้า คนจำนวนหนึ่งกำลังขนอุปกรณ์ฟิตเนสเข้าไปในรถ
ตั้งแต่ที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนโด่งดังขึ้นมา อาคารของหมิงหยุนวิลล่าก็ราคาแพงขึ้นมาก ผู้คนต่างเรียกพื้นที่แถบนี้ว่าเขตการค้าใหม่ของเมืองจิงโจว หลายคนเข้ามาลงทุน ร้านรวงก็มาเปิดให้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกร้านจะไปได้สวย
เท่าที่หลินชั่นหรงจำได้ ร้านที่ยังเปิดไฟอยู่เคยเป็นฟิตเนสหรูหรามาก่อน ลูกค้าเป้าหมายของพวกเขาคือเหล่าเศรษฐีในหมิงหยุนวิลล่า
เขาเคยคิดว่าที่นี่น่าจะรุ่งเรืองคนเต็มทุกวัน แต่พอเวลาผ่านไปสถานการณ์กลับย่ำแย่ลงเรื่อยๆ และไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้ว่าพนักงานของฟิตเนสจะออกแจกใบปลิวทุกวันก็ตาม
แบบนี้ก็แปลว่าฟิตเนสแห่งนี้ไปไม่รอดแล้ว
หลินชั่นหรงจอดรถไว้ตรงถนน ตั้งใจว่าจะไปดูสักหน่อย
ยังไงซะพวกเขาก็ถือเป็นบ้านใกล้เรือนรู้จักมักจี่กันอย่างดี ควรจะไปถามไถ่แสดงความไยดีสักหน่อย
เขาเห็นผู้จัดการสาขาของฟิตเนสแห่งนี้กำลังยืนสูบบุหรี่ชี้สั่งลูกน้องให้ขนอุปกรณ์ฟิตเนส แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับไม่ได้ดูเศร้าหมองจากการที่ฟิตเนสซึ่งตนดูแลต้องปิดตัวเลย
ผู้จัดการสาขาเห็นหลินชั่นหรงเดินมาจึงโบกมือทักทาย “หวัดดีครับบอสหลิน เพิ่งเลิกงานเหรอครับ”
หลินชั่นหรงพยักหน้า “ใช่ครับ แล้วนี่…เลิกกิจการเหรอ”
ผู้จัดการสาขาฟิตเนสระเบิดหัวเราะออกมา “ถูกครับ! มีบางคนมาซื้อกิจการไป! เรื่องวุ่นๆ ทั้งหลายถูกส่งต่อให้คนอื่นเสียที!”