วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม
เผยเชียนมาที่บริษัท OTTO อีกครั้งเพื่อตรวจตราดูการแบตเทิลซึ่งๆ หน้า!
ความจริงแล้วมาจับตาดูแบบนี้โคตรจะไร้ประโยชน์ แต่ถ้าได้ทำก็จะรู้สึกดีขึ้น
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ก็จริง แต่ยอดขายมือถือเป็นเรื่องสำคัญมากดังนั้นทุกคนจึงทำโอทีกัน แน่นอนว่าทุกคนได้ค่าโอทีกันอย่างเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยว
ฉางโหยวรู้สึกกดดันสุดๆ
บอสเผยอุตส่าห์มาด้วยตัวเอง แปลว่าเขาให้ความสำคัญกับยอดขายของ OTTO E1
แต่เห็นได้ชัดว่ายังไงวันนี้ยอดสต๊อกก็ไม่มีทางขายหมด!
ยอดที่พรีออเดอร์เข้ามามีแค่ 5,000 เครื่อง แต่พวกเขาสต๊อกของไว้ทั้งหมด 9,000 เครื่อง
หนำซ้ำพวกที่พรีออเดอร์ไว้ก็มีเวลาจ่ายเงินภายในสองถึงสามวัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เร่งรีบอะไร
และคนอื่นๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบซื้อเหมือนกัน เพราะคนที่สนใจมือถือรุ่นนี้ได้สั่งพรีออเดอร์กันหมดแล้ว
สรุปคือยอดขายมือถือของวันนี้ไม่น่าจะเป็นอะไรที่น่าดูชมนัก
ยากมากที่เขาจะแก้ตัวอะไรได้ถ้าบอสเผยเกิดโมโหใส่หลังจากนั้น
แต่ฉางโหยวก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อเรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้แล้ว เขาได้แต่กัดฟันทนรอให้เวลาเปิดขายมือถือมาถึง
ตอนสิบโมงเช้า มือถือเริ่มขายอีกครั้ง!
ยอดขายพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในตอนแรกแล้วก็ช้าลงทันที เห็นได้ชัดว่าไม่มีแรงกระตุ้นใดๆ
อารมณ์ของเผยเชียนดีขึ้นทันตาเห็นเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของยอดขาย
เยี่ยมเลย เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ เอาเข้าจริงอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ!
หลายคนไม่ได้รีบร้อนที่จะจ่ายเงินเพราะพรีออเดอร์ไว้แล้ว ครั้งนี้มือถือมีสต๊อกเพียบ จึงไม่ได้เป็นที่ต้องการเหมือนสองรอบแรก
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ยอดขายวิ่งไปถึง 4,100 เครื่องด้วยความเร็วระดับหอยทากคลาน
เผยเชียนคิดว่าดีสุดก็น่าจะได้เท่านี้ ยากมากที่ยอดขายจะเกิน 5,000 ห้าพันเครื่อง แม้จะยังเหลือเวลาในการขายอีกสองชั่วโมงก็ตาม
น่าจะเหลือค้างสต๊อก 4,000 เครื่องได้สบายๆ!
ฉางโหยวดูกระวนกระวายไม่น้อยเมื่อเห็นบอสเผยลุกขึ้น
เขาเองก็รู้ว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจับตาดูยอดขายสำหรับวันนี้อีก ดังนั้นจึงรีบพูด “บอสเผยไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะจับตาดูยอดขายเอาไว้ และคิดหาวิธีอื่น ผมต้องแก้ปัญหาเรื่องสต๊อกที่เหลือได้แน่นอน!”
ฉางโหยวรีบแสดงความแน่วแน่ให้เห็น
มุมปากของเผยเชียนกระตุก “คิดหาวิธีอื่น?”
หยุดคิดทีเถอะ!
สถานการณ์ตอนนี้สมบูรณ์แบบสุดๆแล้ว! ไม่มีใครอยากซื้อมือถือแล้ว! อย่าพยายามไปเลย ให้พวกมันนอนแห้งอยู่ในคลัง แล้วปล่อยให้มันตกรุ่นไปซะ!
ไม่อายบ้างเหรอที่ต้องเอามือถือน่ารักๆ นี่ไปเร่ขาย
ใช่สิ นายไม่อาย! เพราะนายเอาแต่นึกถึงตัวเอง!
เผยเชียนส่ายหัว “กลยุทธ์ของเราไม่ได้มีปัญหาอะไร ความสนใจแรกของคุณไม่ควรอยู่ที่การทำการตลาด
“คุณควรใส่ใจกับตัวสินค้าก่อน!
“ทุ่มเงินทั้งหมดที่มีไปกับการผลิต ผมอยากเห็นมือถือ OTTO 14,000 เครื่องในคลังก่อนวันพุธหน้า!”
ฉางโหยวอ้าปากหวอ พูดอะไรไม่ออก
ให้สต๊อกของเพิ่มอีกเหรอ
ทั้งๆที่มันขายไม่ได้เนี่ยนะ! ขายไม่ได้แต่จะให้สต๊อกตั้ง 14,000 เครื่อง ขายสี่พันเครื่องที่เหลืออยู่ตอนนี้ให้หมดได้ก็บุญหัวแล้ว หลังจากนั้นค่อยทำเพิ่มก็ยังไม่สาย!
พอเห็นฉางโหยวอึ้งไป เผยเชียนก็ถามขึ้น “คุณทำได้ไหม”
ฉางโหยวรีบตอบกลับทันที “ครับ! ไม่มีปัญหาครับบอส!”
…
เผยเชียนกลับอพาร์ตเมนต์มาด้วยความรู้สึกสบายใจ
ความกดดันที่จะขาดทุนให้ได้ในรอบบัญชีนี้บรรเทาลงอย่างมาก!
เผยเชียนพบว่าการคำนวณกำไรขาดทุนของระบบนั้นเรียบง่ายและคร่าวมากๆ มันคำนวณแค่การเปลี่ยนแปลงของเงินทุนที่มีในระบบเท่านั้น
การแปลงเงินเป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้หรืออสังหาริมทรัพย์จะไม่ถูกเอาไปรวมกับเงินทุนของระบบ มีเพียง 10% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะถูกรวมเข้าไป
เผยเชียนอยากโยกกำไรส่วนเกินที่ได้จากกิจการอื่นไปลงกับมือถือ OTTO ให้หมด
แต่เขาก็พยายามระงับความต้องการนี้ไว้ เขารู้ดีว่าการทำแบบนี้มีความเสี่ยง และเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงซะด้วย
ก็เหมือนที่ก่อนหน้านี้เขาสต๊อกคอมพิวเตอร์ ROF ถ้าจู่ๆ มันเกิดดังขึ้นมา สต๊อกก็จะถูกขายไปหมด เงินที่ผลาญไปก็จะสูญเปล่า…
สถานการณ์ตอนนี้ก็เหมือนกัน มันจะกลายเป็นว่าเผยเชียนกักตุนสินค้าไปเปล่าๆ ถ้ามือถือเกิดขายหมดด้วยเหตุผลบางอย่างที่อธิบายไม่ได้
ดังนั้นเขาเลยตั้งใจที่จะรอดูอีกนิด เขาต้องแน่ใจก่อนว่ามือถือจะขายไม่ได้ ก่อนตัดสินใจสต๊อกของเพิ่ม
สิ่งแรกที่เผยเชียนทำตอนกลับมาถึงอพาร์ตเมนต์คือเปิดแอปโก่วเหยี่ยนเพื่อเช็กรายได้ของ Flying Star Journey
รายได้จนถึงตอนเที่ยงของ ‘Flying Star Journey’ ที่อยู่อันดับหนึ่งทำเงินไป 16.493 ล้านหยวน อันดับสองคือ ‘The Chaser’ ที่ทำเงินไปได้ 3.217 ล้านหยวน
ส่วนวันพรุ่งนี้ที่สดใสอยู่อันดับที่สาม จนถึงเที่ยงทำเงินไปได้ 2.874 ล้านหยวน
เครื่องหมายคำถามสามอันลอยอยู่บนหัวของเผยเชียน ส่วนหัวใจของเขาเย็นเฉียบ
ทำไมสถานการณ์ดูแปลกๆ! nᴏveʟɢu.ᴄᴏᴍ
รายได้ของ ‘Flying Star Journey’ วันนี้ควรทำได้ประมาณ 32 ล้านหยวนซึ่งต้องสูงกว่าเมื่อวาน แต่กลายเป็นว่า รายได้ที่ออกมาตรงตามการคาดการณ์ของแอปโก่วเหยี่ยนหรือไม่ก็บวกลบเล็กน้อย
พูดอีกอย่างก็คือ หนังเรื่องนี้จะทำเงินได้แค่ประมาณ 300 ล้านหยวนในจีนเท่านั้น
แอปโก่วเหยี่ยนพิสูจน์ให้เผยเชียนเห็นแล้วว่าการคาดการณ์ของมันถูกต้องสุดๆ
แต่ตอนนี้เป็นเผยเชียนเองที่รู้สึกสับสนงุนงง
โปรดักชันใหญ่โตแต่ทำไมความนิยมถึงต่ำเตี้ยล่ะ
ถ้าการคาดการณ์เรื่องรายได้เป็นไปตามที่คาดไว้ มันก็แปลว่าหนังเรื่องนี้เจ๊งไม่เป็นท่า รายได้ทั่วโลกอาจจะขาดทุนสี่ถึงห้าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ!
“น่าอิจฉาชะมัด
“เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว
“ฉันไม่สนว่าหนังเรื่องนี้จะขาดทุนเท่าไหร่ แต่ช่วยกดยอดขายของวันพรุ่งนี้ที่สดใสลงมาหน่อยเถอะ!”
พอรู้สึกว่าหวังอะไรกับ Flying Star Journey ไม่ได้แล้ว ความคาดหวังของเผยเชียนที่มีต่อหนังเรื่องนี้ย่อมลดลงเป็นธรรมดา
ก่อนหน้านี้เขาอุตส่าห์หวังว่ามันจะมาแย่งรอบหนังของหนังเรื่องอื่นๆ ไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว
เขารู้สึกโมโหเมื่อหันมอง The Chaser
“แกเป็นบ้าอะไรเนี่ย
“โปรดักชันใหญ่โตนักไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมรายได้ถึงร่วงขนาดนี้ทั้งๆ ที่เพิ่งฉายไปได้สามวัน”
“โคตรน่าผิดหวังเลย!”
จากนั้นเขาก็เปิดดูหน้าวันพรุ่งนี้ที่สดใส รายได้วันนี้ดีกว่าเมื่อวานเสียอีก แถมยังดูฮิตติดเทรนด์!
ดูท่าว่าจะแซง The Chaser แล้วกลับขึ้นมาเป็นอันดับสองได้อีกหน
เผยเชียนอึ้งไป
“นี่มันไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้องสุดๆ!
“ต่อให้ Flying Star Journey จะห่วย แต่ก็ยังเป็นหนังฟอร์มยักษ์จากอเมริกาที่เพิ่งฉายไปได้แค่สองวัน แล้วทำไมรายได้ของวันพรุ่งนี้ที่สดใสถึงพุ่งขึ้น ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ได้สิ!”
ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ทุกอย่างถึงออกมาเป็นแบบนี้ เผยเชียนรีบเข้าไปอ่านกระทู้ภาพยนตร์และซีรีส์ในเว็บไซต์ต่างๆ พยายามหาสิ่งผิดปกติให้เจอ!
ในที่สุดเผยเชียนก็พบคำตอบในรีวิวหนังเรื่อง Flying Star Journey
‘Flying Star Journey: ความรู้สึกของเมล็ดทานตะวันที่เปียกชื้น’
“ได้ยินมาว่าหนังเรื่องนี้ลงทุนไป 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แถมยังทำมาจากนิยายเรื่องดัง และมีดาราดังร่วมแสดงหลายคน ก่อนหนังเรื่องนี้จะฉายก็มีหนังไซไฟต่างประเทศเรื่องดังๆ ฉายหลายเรื่อง ฉันรีบซื้อตั๋วหนังความตื่นเต้น และความรู้สึกเดียวหลังดูจบก็คือ ช่างมหัศจรรย์สุดๆ!
“นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ได้หนึ่งร้อยปีแล้ว ฉันไม่เถียงเลยว่างานต้นฉบับคลาสสิกมากๆ แต่หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาวิทยาศาสตร์เปลี่ยนไปมากแล้ว เพราะงั้นหนังเรื่องนี้จะคลาสสิกสุดๆ ถ้าออกฉายตั้งแต่ 20-30 ปีก่อน แต่ตอนนี้เราอยู่ในปี 2011 กันแล้วนะพวก! ปีที่แล้วฉันเพิ่งได้ดูอวาตาร์มา แต่ตอนนี้กลับกล้าทำหนังแบบนี้ออกมา
“ตัวเอกเดินทางไปยังดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีเอเลี่ยนแบ่งออกเป็นสองฝ่าย พวกมันหน้าตาเหมือนมนุษย์ ผิวสีเขียวสี่มือและดูดุร้าย เอเลี่ยนพวกนี้ไม่มีอาวุธล้ำสมัยแต่ก็ยังไม่สูญพันธุ์ไป ถึงทั้งสองฝ่ายจะมีเทคโนโลยีชั้นสูง แต่พวกมันกลับให้ความสนใจตัวเอกที่สามารถกระโดดได้สูงกว่าคนบนโลกเล็กน้อยเท่านั้น
“แม้แต่เจ้าหญิงเอเลี่ยนก็ยังตกหลุมรักตัวเอกตั้งแต่แรกพบ แถมยังอธิบายเรื่องการเดินทางในอวกาศของหนังเรื่องนี้ได้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ทฤษฎีต่างๆ ในหนังก็ดูอ่อนมากๆ
“แน่นอนว่าฉันไม่ได้วิจารณ์นักเขียนนิยายต้นฉบับ เพราะคนคนนั้นมีชีวิตอยู่เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ผู้กำกับต่างหากที่ควรจะรู้ว่าหนังเรื่องนี้มันตกยุคเอามากๆ
“หลายคนเปรียบเทียบ Flying Star Journey กับวันพรุ่งนี้ที่สดใส ทุกคนอาจมองว่าฉันเข้าข้างหนังประเทศของตัวเอง แต่ฉันต้องขอบอกว่าถึงวันพรุ่งนี้ที่สดใสจะมีจุดที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่ แต่พล็อต มุมมอง รายละเอียด และความเป็นไซไฟของหนังเรื่องนี้ดีกว่า Flying Star Journey!”
“ตัวอย่างเช่น Flying Star Journey ใส่วัตถุดิบลงไปเยอะมากแถมยังเอาไปเคี่ยวไฟด้วย วัตถุดิบทุกอย่างดีหมด แต่รสชาติกลับออกมาทื่อๆ
“ส่วนวันพรุ่งนี้ที่สดใสใช้วัตถุดิบธรรมดาทั่วไปในการปรุงออกมาให้อร่อยอย่างที่ไม่เคยมีใครได้ลิ้มลองมาก่อน วัตถุดิบต่างๆ ไม่ได้ซับซ้อน แต่รสชาติที่สัมผัสได้นั้นกลับมีไม่รู้จักจบสิ้น
“ดังนั้นถ้ายังมีคนที่ไม่ได้ดูวันพรุ่งนี้ที่สดใสและรู้สึกว่า Flying Star Journey ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ฉันแนะนำให้ทุกคนไปดู และแน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเลยถ้าจะไปดูซ้ำกัน”
…
ดูเหมือนเผยเชียนจะพบแก่นของปัญหาแล้ว ตอนแรกเขายังไม่เชื่อเลยลองเสิร์ชกระทู้ต่างๆ ดูอีกหน สุดท้ายเขาก็ต้องยอมเชื่อจนได้
คนมากมายเข้าไปดูวันพรุ่งนี้ที่สดใสเพราะ Flying Star Journey จริงๆ!
หลายคนที่ไม่เคยดูวันพรุ่งนี้ที่สดใสเริ่มรู้สึกสงสัย พอเห็นคนวิพากษ์วิจารณ์หนังเรื่อง Flying Star Journey และออกปากชมวันพรุ่งนี้ที่สดใส พวกเขาจึงซื้อตั๋วเข้าไปดู และมีอีกหลายคนที่ไปดูซ้ำ
แต่ความซวยไม่ได้ตกอยู่ที่ Flying Star Journey ยังไงซะดาราที่เล่นเรื่องนี้ก็มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แถมยังลงทุนไปถึง 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้จะไม่ถึงจุดคุ้มทุนแต่ก็ไม่ได้ถูกหนังเรื่องอื่นกลบ
เป็น The Chaser ต่างหากที่ซวย รอบฉายของหนังเรื่องนี้ถูกเบียด เพราะความนิยมของ Flying Star Journey และวันพรุ่งนี้ที่สดใสที่เพิ่มมากขึ้น…
เผยเชียนอุตส่าห์ตั้งตารอวันออกฉายของ Flying Star Journey เพราะหวังจะให้มันมาตบวันพรุ่งนี้ที่สดใสให้คว่ำ และยกภาระบนบ่าของตนทิ้งไป
เวรเอ๊ย ตอนนี้วันพรุ่งนี้ที่สดใสติดเทรนด์อีกแล้ว! รายได้ก็อาจจะพุ่งขึ้นสูงอีก!
เผยเชียนโยนโทรศัพท์ทิ้งไปข้างๆ ในใจรู้สึกเหมือนโลกถล่ม กำลังเสริมจากนอกประเทศที่เขาตั้งความหวังไว้กลับต่อสู้ไม่เป็น เตะตัดขาตัวเองตายห่าไปตั้งแต่วันแรก! แค่จะถีบวันพรุ่งนี้ที่สดใสลงไปยังทำไม่ได้ แถมผลที่ออกมาก็กลับตาลปัตรด้วยซ้ำ
เขาทำใจยอมรับไม่ไหวจริงๆ!