เฮ่อเต๋อเซิ่งมองเผยเชียนด้วยสีหน้าขมขื่นหลังวางสายโทรศัพท์
“บอสเผยครับ ยังมีอีกสามบริษัท ให้ผมโทรต่อมั้ยครับ
“แป๊บเดียวเราเสียเงินลงทุนไปอย่างน้อยสองล้านหยวนแล้ว…”
เฮ่อเต๋อเซิ่งรู้สึกอึ้งสุดๆ มีคนเอาเงินมากองให้ตรงหน้าขนาดนี้ ไม่อยากได้เหรอ
บอสเผยคิดอะไรอยู่นะ
เผยเชียนไม่ได้มีท่าทีอะไรถึงจะรู้ว่าเงินสองสามล้านหยวนเพิ่งจะปลิวไปกับสายลม เขายังดื่มชาอย่างใจเย็น แถมยังผุดยิ้มมุมปากอีกด้วย
“โทรต่อ!” เผยเชียนคิดว่าวิธีนี้ได้ผล!
ไล่ทุกคนออกไป จะได้ไม่มาสร้างปัญหาให้!
เฮ่อเต๋อเซิ่งทำได้แค่ต่อสายหาบริษัทถัดไป
“บอสเฉิน! ใช่ครับ ผมเฮ่อเต๋อเซิ่ง พอดีจะโทรมาคุยเรื่องแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ครับ…”
เฮ่อเต๋อเซิ่งพูดตามที่ได้รับคำสั่งมา เขาถามถึงมุมมองที่อีกฝ่ายมีต่อโปรเจ็กต์แล้วเล่าปัญหาของโปรเจ็กต์กับความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นในการลงทุนให้อีกฝ่ายฟัง
บอสเฉินรับฟังเงียบๆ มีตอบ ‘อืม’ และ ‘อ่า’ บ้างเป็นพักๆ
เฮ่อเต๋อเซิ่งรอฟังคำตอบหลังอธิบายจบ
อธิบายไปขนาดนี้ บอสเฉินก็น่าจะกลับไปคิดเรื่องการลงทุนในโปรเจ็กต์นี้ใหม่เหมือนบริษัทอื่นๆ
ในที่สุดบอสเฉินก็ตอบกลับหลังเงียบไปครู่หนึ่ง
“โอเค ถ้างั้น… ผมอยากเพิ่มเงินลงทุน ตอนแรกผมวางไว้หนึ่งล้าน แต่ตอนนี้ขอเพิ่มเป็นสามล้านหยวน!”
“พรืด!”
เผยเชียนแทบสำลักชาที่ดื่มอยู่
เรื่องบ้าอะไรเนี่ย!
บอสเฉินคิดอะไรอยู่ อธิบายไปขนาดนี้ยังขอลงทุนเพิ่มอีก
เฮ่อเต๋อเซิ่งเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
บอสเฉินยิ้ม “ทำไมเหรอครับ ไม่โอเคที่ผมอยากเพิ่มงบลงทุนเหรอ”
เฮ่อเต๋อเซิ่งรีบตอบกลับ “เปล่าครับๆ เราดีใจมาก! แต่ทำไมถึงเพิ่มล่ะครับ…”
บอสเฉินหัวเราะ “ผมได้ยินจากบอสหลี่ว่าบอสเผยของเถิงต๋าเป็นคนน่าสนใจมาก ชอบทำอะไรที่คนอื่นไม่ทำกัน ผมว่าเป็นอะไรที่น่าชื่นชมมาก
“รอบนี้ก็เหมือนกัน บริษัทอื่นจะอวดอ้างโปรเจ็กต์ตัวเอง ผลลัพธ์เล็กน้อยก็เอามาโม้หมด เรื่องปัญหาและความเสี่ยงดันปิดมิด คิดไม่ซื่อ จะได้ดึงคนมาลงทุนเยอะๆ
“แต่บริษัทของคุณแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง คุณบอกสภาพก่อนการลงทุนชัดเจน จะได้ให้อีกฝ่ายตัดสินใจว่าจะยอมรับความเสี่ยงได้หรือเปล่า
“ผมคิดว่าคุณบริหารโปรเจ็กต์นี้อย่างมีความรับผิดชอบมากภายใต้แนวคิดนี้! สมเป็นสไตล์ของบอสเผยจริงๆ!
“เพราะงั้นผมเลยอยากลงทุนเพิ่มเป็นสามล้านหยวน จริงๆ ผมไม่ได้เชื่อมั่นในตัวโปรเจ็กต์แต่เป็นตัวคนมากกว่า คนซื่อสัตย์แบบพวกคุณทำอะไรก็ประสบความสำเร็จแน่!
“ถึงเจ๊งขึ้นมาก็ไม่เป็นไร ยังไงบริษัทลงทุนก็ต้องเจอกับความเสี่ยงตลอดอยู่แล้ว ฮ่าๆ”
เฮ่อเต๋อเซิ่งตื้นตันใจมาก “โอเคครับบอสเฉิน! บอสเผยต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ได้ยินคุณบอกแบบนี้!”
เผยเชียนเหม่อมองฟ้า ในมือถือถ้วยชา เขาพูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง
แม่งเอ๊ย ที่ไล่ตะเพิดไปได้คืนจากบอสเฉินแทนหมดเลย!
เฮ่อเต๋อเซิ่งมีกำลังใจขึ้นมา เขาโทรหาบริษัทลงทุนถัดไป
หลังจากบริษัทบอสเฉิน บริษัทถัดไปก็ยังจะลงทุนเหมือนเดิม ส่วนอีกบริษัทจะเพิ่มเงินลงทุนด้วย!
สุดท้ายแล้วพวกเขาได้เงินลงทุนจากบริษัทนี้เพิ่มมาจากเดิมแปดแสนหยวน!
เฮ่อเต๋อเซิ่งยกนิ้วให้อย่างเบิกบานใจหลังวางสาย “กลยุทธ์ให้อีกฝ่ายตัดสินใจเองว่าพร้อมรับความเสี่ยงรึเปล่าของบอสเผยเปิดโลกผมมากครับ!”
เผยเชียน “…”
เขาโบกมือปฏิเสธแล้วถามอย่างอ่อนแรง “โปรเจ็กต์ได้ทุนเพิ่มมาเท่าไหร่แล้วตอนนี้”
เฮ่อเต๋อเซิ่งคำนวณดู “ประมาณเจ็ดล้านหยวนครับบอสเผย!”
เผยเชียนมองฟ้าอย่างท้อแท้ รู้สึกหมดคำจะพูดจริงๆ
อะไรกันวะเนี่ย!
ฉันอุตส่าห์ช่วยไล่ด้วยความเมตตา แต่พวกแกกลับดื้อด้าน!
แถมมีคนอยากเพิ่มเงินลงทุนอีก นี่มันบ้าไปแล้ว!
มีทางเดินไปสวรรค์กลับไม่ไป รนหาทางมานรกกัน…
อย่ามาว่าฉันใจมารก็แล้วกัน!
เผยเชียนวางถ้วยลงบนโต๊ะแล้วกัดฟันพูด “โอเค ถ้าอยากลงทุนนักก็จัดไป!
“ใช้เงินให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่หยวนเดียว!”
…
เผยเชียนหงุดหงิดมากระหว่างทางกลับออฟฟิศ
ไม่มีอะไรเป็นใจสักอย่าง!
สถานการณ์ของตู้โทรศัพท์ให้เช่ากลับตาลปัตร
อนาคตโปรเจ็กต์เด็กหัวกะทิให้เช่าก็ไม่น่ารอด
ช่วงที่ผ่านมาหม่าหยางยุ่งกับการสอบไม่ต่างจากเผยเชียน
แต่พอพิจารณากระแสความนิยมเกม IOI ในฝั่งตะวันตกและเงินสามสิบห้าล้านหยวนที่เหมือนได้มาฟรีๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผลงานของหม่าหยาง เผยเชียนก็คิดว่าตอนนี้ยังเรียกความเชื่อใจในตัวไอ้หม่ากลับมาไม่ได้
เผยเชียนรู้สึกใจสลายที่ไม่สามารถหาใครที่ไว้ใจได้ในบริษัทใหญ่อย่างเถิงต๋าที่มีพนักงานเป็นพันๆ คน
“หืม จริงด้วย ชุยเกิ่งเป็นไงบ้างนะ”
เผยเชียนนึกถึงจอมอู้ขึ้นมาได้ แล้วก็คิดว่าตัวเองยังมีเชือกเส้นสุดท้ายให้ยึดอยู่!
เขารีบหยิบมือถือขึ้นมาเข้าแอปเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน แล้วเข้าไปดูความคืบหน้าของนักเขียนในคอร์ส
หลังจากเลื่อนๆ ดู เขาก็พบว่านักเขียนมีแนวโน้มลงงานน้อยลง!
คนที่ลงงานน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดที่สุดคือหมิงอวี่ที่เป็น ‘คนขยันผู้น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง’ เมื่อวานเขาลงงานแค่สี่พันกว่าคำ ซึ่งเท่ากับหนึ่งส่วนสามของที่ลงเป็นประจำทุกวัน!
นักเขียนคนอื่นๆ ก็ลงงานน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะลงงานน้อยลงประมาณพันสองพันคำ
นอกจากนั้นแล้ว ชุยเกิ่งเองก็ลงงานแค่วันละเจ็ดพันคำ จากแต่ก่อนที่ลงวันละแปดพันถึงหนึ่งหมื่นคำ
ลงงานน้อยลงวันละพันคำดูไม่ได้เยอะ แต่ถ้าเอามารวมทั้งเรื่องก็ถือว่าเยอะมาก!
วันนี้ลงน้อยลงพันคำ พรุ่งนี้อีกพันคำ ผ่านไปปีหนึ่งจะน้อยลงขนาดไหน
อีกอย่างพวกนักเขียนถูกขังอยู่ในโซนคุก ไม่มีความบันเทิงใจอย่างอื่นนอกจากการเขียน
การลดจำนวนคำได้หนึ่งพันคำในสถานการณ์แบบนี้ แถมยังเป็นบุคคลต้นแบบอย่างหมิงอวี่อีก ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าชุยเกิ่งทำผลงานได้ดีมาก!
เผยเชียนอดดีใจขึ้นมาไม่ได้ เขามองคนไม่ผิดจริงๆ!
ชุยเกิ่งกลับไปที่คอร์สพร้อมเมล็ดพันธุ์ ‘ความขี้เกียจ’ จากนั้นก็ฝังให้นักเขียนคนอื่นๆ ในคอร์สอย่างรวดเร็ว
ได้ผลทันตาเห็น! пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ
“ผลงานดีแบบนี้ต้องเรียกใช้งานอีก!”
เผยเชียนอดใจรอให้ชุยเกิ่งแพร่จิตวิญญาณนี้ให้กิจการต่างๆ ในเถิงต๋าแทบไม่ไหว!
…
คอร์สอบรมเว็บไซต์จงเตี่ยนจงเหวิน
“เป็นไงบ้างหมิงอวี่ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณของเถิงต๋ามั้ย” นักเขียนคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัยกลางโต๊ะกินข้าว
นักเขียนคนอื่นๆ หันมามองตาม เห็นได้ชัดว่ารู้สึกสนใจไม่แพ้กัน
หมิงอวี่พยายามเต็มที่ตลอดสองวันที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ไปเรียนรู้จิตวิญญาณของเถิงต๋าที่สำนักงานใหญ่
เขาใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงในการเขียนงานให้ได้สี่พันคำ แล้วใช้เวลาที่เหลืออีกหกชั่วโมงปรับเค้าโครงกับเซตติ้งเรื่อง
ความพยายามของเขาส่งผล ในที่สุดเขาก็ได้สิทธิ์ไปอบรมที่สำนักงานใหญ่เถิงต๋า
นักเขียนส่วนใหญ่ที่ยังไม่เคยเข้าอบรมรู้สึกสงสัยเรื่อง ‘จิตวิญญาณของเถิงต๋า’ ซึ่งเป็นปริศนามาก
หมิงอวี่วางตะเกียบลงชั่วคราว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววความถวิลหา “จะว่าไงดี คือมันแตกต่างจากที่ฉันคิดเอาไว้ลิบลับเลย
“พอไปถึงก็มีคนจากฝ่าย HR พาเข้าห้องนันทนาการแล้วปล่อยให้ฉันนั่งเล่นเกม
“ในห้องมีอะไรหลายอย่างเลย ทั้งคอมพิวเตอร์สเป็กสูง เครื่องเกม มังงะ นิยาย…”
เหล่านักเขียนงงไปตามๆ กัน “แค่นั้นเหรอ”
หมิงอวี่ส่ายหน้า “ไม่ใช่สิ! ห้องนันทนาการไม่ใช่ประเด็นหลัก!
“ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว ห้องนันทนาการเป็นเหมือนกระจก เป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง!
“พวกเขาจะวิเคราะห์ลักษณะนิสัยและต้นตอของปัญหาของเราผ่านบททดสอบ จากนั้นก็จะแนะนำแนวทางให้เราเข้าใจจิตวิญญาณของเถิงต๋าในแบบฉบับของตัวเอง!”
เหล่านักเขียนไม่ค่อยเชื่อที่เขาพูด
“เป็นแบบนั้นเหรอ ฉันนึกว่าจะให้เรียนทฤษฎีล้วนๆซะอีก…”
“ฟังดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของเถิงต๋าจะมีความหมายลึกล้ำ ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้ในแบบที่เหมาะกับตัวเองเหรอ”
“หมิงอวี่ รีบเล่าต่อเร็ว แล้วนายทำยังไง”
หมิงอวี่เล่าต่ออย่างตื่นเต้น “ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก ฉันก็หยิบหนังสือมานั่งอ่านบนโซฟาสองสามเล่ม พอผ่านไปสิบนาทีก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
“ก็เลยออกไปหาพนักงานฝ่าย HR ที่พาเข้ามาในห้อง
“เราคุยกันอยู่นาน เขาชี้ปัญหาของฉันหลายจุด แล้วก็บอกว่าฉัน ‘เหมือนจะขยันทำงาน แต่จริงๆ ไม่ได้ทำงานหนักอะไรเลย’ ต้องรีบยอมรับการเปลี่ยนแปลงด้วยจิตวิญญาณของเถิงต๋า”
หมิงอวี่ตกอยู่ในห้วงความคิด เหมือนกำลังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น “ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าแหวกเมฆดำลงมาจนทำให้ตื่นจากฝัน!
“พอมาคิดดูก็จริงอย่างที่เขาพูด ฉันลงงานจำนวนคำเยอะกว่าคนอื่นทุกวัน แต่ผลตอบรับกลับไม่ดีขึ้นเลย นั่นก็เพราะฉันใส่ใจเรื่องปริมาณ แล้วมองข้ามความสำคัญของคุณภาพ!
“ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาฉันจงใจลดความเร็วในการเขียนลง จำนวนคำของฉันน้อยลง แต่นักอ่านให้การตอบรับดีขึ้นมาก!
“นี่แหละคืออิทธิพลที่ฉันได้รับจากจิตวิญญาณของเถิงต๋า!”
เหล่านักเขียนมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป
“สุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ”
“พอพี่ชุยกับหมิงอวี่เข้าใจจิตวิญญาณของเถิงต๋าก็ดูจะเอามาใช้ประโยชน์ได้มากเลย!”
“ทำไมฉันคิดว่าส่วนใหญ่น่าจะคิดเยอะกันไปเอง เถิงต๋าเป็นบริษัทเกม จิตวิญญาณของเถิงต๋าก็ต้องเป็นเครื่องส่งเสริมการทำงานให้พนักงานสิ จะมาช่วยอะไรเรื่องงานเขียนได้”
บางคนไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด
หมิงอวี่ส่ายหน้า สีหน้าของเขาดูจริงจัง “ตอนแรกฉันก็นึกว่าตัวเองคิดไปเองเหมือนกัน แต่พอมานั่งคิดดูดีๆ ก็มองว่าไม่ใช่อย่างนั้น!
“จิตวิญญาณของเถิงต๋าแตกต่างจากของบริษัทอื่น ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่คติกลวงๆ ดูสวยหรู จุดประสงค์หลักก็เพื่อล้างสมองให้พนักงานขยันทำงานให้ได้มากที่สุด
“แต่จิตวิญญาณของเถิงต๋าไม่ใช่แบบนั้นเลย
“จิตวิญญาณของเถิงต๋าส่งเสริมให้พักผ่อนและเล่นสนุก พวกเขาเชื่อว่าการพักผ่อนกับเล่นสนุกสำคัญกว่าการทำงาน ถึงขนาดมีนโยบายบังคับให้พนักงานที่ทำงานหนักเกินไปได้พักผ่อน
“อีกอย่างจิตวิญญาณของเถิงต๋าก็ไม่ได้มีเนื้อหาชัดเจนที่จะเอามาฝังสมองเรา เป็นเหมือนปรัชญาและวิถีเซนที่เน้นนำทางให้ทุกคนเข้าใจด้วยตัวเอง! วิธีนี้ช่วยให้มีมุมมองที่ถูกต้องมากขึ้นและเปลี่ยนความเชื่อผิดๆ ที่คิดไปเอง มันช่วยเปลี่ยนวิธีคิดของเราจริงๆ นะ!
“เพราะจิตวิญญาณของเถิงต๋าให้ความสำคัญกับการผลักดันและพัฒนาศักยภาพของพนักงาน มากกว่ารีดเค้นเอาศักยภาพของพนักงานออกมา!
“หลักการนี้เอามาใช้กับการเขียนเว็บโนเวลได้ หรือจะบอกว่าใช้ได้กับทุกอย่างก็ไม่ผิด!
“เอาไปใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตก็ยังได้! อาจจะลึกล้ำถึงขั้นเป็นปรัชญา!”
เหล่านักเขียนขมวดคิ้วคิดตามหลังได้ยินที่หมิงอวี่อธิบาย
ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีคนร้องขึ้นมา “มีเหตุผลสุดๆ!”
“โอเค ฉันอยากไปสัมผัสดูเองว่ามันลึกลับขนาดนั้นจริงๆ เหรอ!”
“ฉันก็อยากไปบ้าง!”
“จิตวิญญาณของเถิงต๋าคืออะไร ต้องได้ไปสัมผัสถึงจะรู้ได้เอง!”
ตอนนี้เหล่านักเขียนตระหนักแล้วว่า สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการมาจิงโจวครั้งนี้ไม่ใช่ห้องดำเล็กๆ นี่
แต่เป็นความมั่งคั่งทางจิตใจที่ได้จากบริษัทเถิงต๋า!