วันศุกร์ที่ 28 มกราคม
ชุยเกิ่งขึ้นไปชั้นสิบเจ็ดของตึกเฉินฮว่าแกรนด์วิวที่เป็นออฟฟิศของฝ่ายพัฒนาเกมเถิงต๋าด้วยความประหม่า
ตำแหน่งของเขาในตอนนี้คือ ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’
บอสเผยให้สิทธิ์เขาหลายอย่างมาก
ในฐานะ ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’ ชุยเกิ่งเข้าออกกิจการต่างๆ ของเถิงต๋าได้ตามสบาย แม้แต่ผู้จัดการกิจการต่างๆ ก็ไม่สามารถห้ามเขาได้
ชุยเกิ่งจัดตารางงานได้ตามใจชอบ ไม่จำเป็นต้องรายงานใคร
เขาได้สิทธิประโยชน์และการดูแลทุกอย่างเหมือนพนักงานในบริษัท
ทุกกิจการจะต้องทำตามที่เขาขอโดยไม่มีข้อแม้
อำนาจที่ได้มาทำให้ชุยเกิ่งนึกถึงราชทูตถือดาบอาญาสิทธิ์ในช่วงยุคมืด แค่ได้ยินว่าได้อำนาจอะไรบ้างก็ทำให้รู้สึกเหนือชั้นแล้ว
ถึงอำนาจต่างๆ จะฟังดูดี แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วจะเป็นยังไง
เขาเองก็ไม่แน่ใจ
ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่รู้ว่าทำไมบอสเผยถึงเชื่อมั่นในตัวเขาและให้ตำแหน่งสำคัญขนาดนี้กับเขา
อีกส่วนก็เพราะกังวลว่าผู้คนในกิจการต่างๆ จะไม่ให้การยอมรับเขาในฐานะ ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’
ก็เหมือนเวลาพวกราชทูตถือดาบอาญาสิทธิ์เดินทางผ่าน แม้เหล่าทหารจะให้ความเคารพในเบื้องหน้า แต่ในใจกลับกำลังประณาม
ยกตัวอย่างเช่น การมาฝ่ายพัฒนาเกมในวันนี้
ฝ่ายพัฒนาเกมของเถิงต๋าเป็นกิจการที่เก่าแก่และมีประสบการณ์มากที่สุดในเถิงต๋ากรุ๊ป ผู้ดูแลส่วนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ยังยืนหยัดท่ามกลางกิจการต่างๆ ได้อย่างเข้มแข็ง
นอกจากนี้ยังมีพนักงานรุ่นเก่าแก่อยู่หลายคน พนักงานกลุ่มนี้ทำงานกับเถิงต๋ามาตั้งแต่ตอนเปิดบริษัทและสนิทกับบอสเผยมาก
กิจการเกมของเถิงต๋าเป็นกิจการที่ทำกำไรได้มากที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในตอนนี้ ทั้งยังมีหน้าที่สำคัญในการปั้นพนักงานเก่งๆ ให้กิจการอื่นๆ
ทุกคนในฝ่ายเกมอาจจะมั่นใจในตัวเองมากๆ
พอมี ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’ ที่ไม่มีใครคุมได้เข้ามา นอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ยังจะต้องทำตามที่หมอนั่นบอกทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ด้วย
จะให้คาดหวังว่าทุกคนจะทำตัวดีด้วยได้ยังไง
เพราะงั้นชุยเกิ่งเลยรู้สึกประหม่า อยากจะหนีไปที่อื่นแทน
แต่พอคิดได้ว่ามีหน้าที่ต้องทำและต้องเขียนเกมผีเสื้อออกมาให้ได้ เขาก็กัดฟันเดินเข้าไป
ชั้นสิบเจ็ดจัดวางผังคล้ายชั้นสิบหก แตกต่างกันตรงที่ชั้นนี้พนักงานดูจริงจังกับงานมากกว่า
ชั้นสิบหกเป็นชั้นของฝ่าย HR ฝ่ายธุรการ และฝ่ายการเงิน นอกจากพนักงานฝ่ายการเงินที่ดูจะงานยุ่งกว่าฝ่ายอื่นแล้ว คนอื่นๆ ก็ดูว่างงานมาก บรรยากาศผ่อนคลายกว่า หลายคนถ้าไม่ดูซีรีส์ก็จะงีบหลับ
ส่วนพนักงานฝ่ายเกมที่ชั้นสิบเจ็ดกำลังง่วนอยู่กับการค้นคว้าและพัฒนาเกม GOG พวกเขาเพิ่งจะปล่อยตัวเกมเวอร์ชันทดสอบออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้มีบั๊กมากมายให้ต้องแก้
ดังนั้นทุกคนจึงยุ่งมากจนไม่มีใครหันมองชุยเกิ่ง
หลี่หย่าต๋าลุกมาต้อนรับเขา
“คุณชุยเกิ่งใช่มั้ยคะ สวัสดีค่ะ ดิฉันหลี่หย่าต๋า เป็นคนดูแลฝ่ายเกมตอนนี้”
หลี่หย่าต๋าจับมือกับชุยเกิ่งแล้วนำทางเขาไปที่โต๊ะ
โต๊ะตัวนี้ว่างตั้งแต่หร่วนกวางเจี่ยนกลับจนชุยเกิ่งได้มาใช้งานต่อ
ชุยเกิ่งไม่พบการต่อต้านหรือท่าทีไม่พอใจแบบที่คิดไว้ ทุกคนในฝ่ายเถิงต๋าให้การต้อนรับ ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’ ดีทีเดียว
แน่นอนว่านั่นก็แค่สิ่งที่ชุยเกิ่งเห็นในเบื้องหน้า
พอนั่งลงที่โต๊ะ ชุยเกิ่งก็รู้สึกว่าตัวเองต้องพูดอะไรสักอย่างออกไป “เราคุยกันเรื่องขอบเขตงานของตำแหน่งผมแล้ว ผมหวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือทุกอย่างถ้าผมต้องการรวบรวม…”
ชุยเกิ่งยังพูดไม่ทันจบ หลี่หย่าต๋าก็พยักหน้าแล้วยิ้มให้ “ได้อยู่แล้วค่ะ เราทุกคนจะให้ความร่วมมือกับ ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’ ทุกเมื่อที่คุณต้องการ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเราทุกคนคือครอบครัวเถิงต๋ากรุ๊ป ในเมื่อบอสเผยแต่งตั้งคุณเป็น ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’ ก็แสดงว่าคุณจะต้องทำเรื่องที่มีความหมายมากๆ ให้กับเรา พวกเราทุกคนจะช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่”
พอได้ยินที่หลี่หย่าต๋าพูด ชุยเกิ่งก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เหมือนว่าเขาจะคิดมากไปเองตอนที่คิดว่าทุกคนจะต่อต้านเขา!
กิจการทั้งหมดของเถิงต๋าใกล้ชิดกันมากเพราะเชื่อมกันด้วยจิตวิญญาณของเถิงต๋า ในระดับหนึ่ง พวกเขาเป็นคู่แข่งที่เป็นมิตร ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีหรือวางแผนร้ายใส่กันเอง
นอกจากนั้นเจตนารมณ์ของบอสเผยยังเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสำคัญที่สุดในเถิงต๋ากรุ๊ป แม้จะมีคนนอกเข้ามา ขอแค่คนคนนั้นแต่งตั้งโดยบอสเผย ทุกคนก็จะเชื่อใจอย่างเต็มที่
ชุยเกิ่งอดรู้สึกทึ่งขึ้นมาไม่ได้ บอสเผยดูแลกิจการตัวเองได้ยอดเยี่ยมจริงๆ!
เรื่องทักษะกับความสามารถอื่นๆ ยังไม่ต้องพูดถึง แค่ความสามารถด้านการจัดการของบอสอย่างเดียวก็เหนือกว่าผู้ประกอบการคนอื่นหลายขุม บรรยากาศนี้ส่งผลต่อชุยเกิ่งด้วย ทำให้ไฟในการทำงานของเขาลุกโชน
“กลับไปทำงานก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมขอวางแผนอะไรให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะเริ่มเก็บข้อมูล” ชุยเกิ่งบอก
หลี่หย่าต๋ายิ้มแล้วพยักหน้า “ได้ค่ะ ดิฉันมอบหมายให้พนักงานเก่าคนนึงคอยตอบคำถามคุณ เขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เถิงต๋ารับพนักงานกลุ่มแรก เราเรียกเขาว่า ‘ตำนานที่ยังมีลมหายใจ’ ถ้ามีคำถามอะไรก็ถามเขาได้ทุกเรื่องเลยนะคะ”
ชุยเกิ่งกดเปิดคอมพิวเตอร์ เตรียมใช้เวลาตอนเช้าเขียนนิยายตอนใหม่ของเรื่องเก่าและจัดระเบียบโครงเรื่องนิยายเรื่องใหม่ เขาจะไปคุยกับเปาซวี่ที่ได้สมญานามว่าเป็น ‘ตำนานที่ยังมีลมหายใจ’ ตอนบ่ายเพื่อถามเกี่ยวกับประวัติฝ่ายเกมของเถิงต๋า
“มีเรื่องให้ทำหลายเรื่อง ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด
“ตามแผนเดิมฉันต้องเผยแพร่เรื่องใหม่ช่วงตรุษจีน หมายความว่าต้องแต่งเรื่องเก่าให้จบภายในสองสามวันนี้ แล้วก็ต้องวางโครงเรื่องนิยายใหม่ให้เรียบร้อยให้เร็วที่สุด
“อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้โครงเรื่องคร่าวๆ กับเนื้อเรื่องย่อของช่วงหนึ่งแสนคำแรก ถ้าไม่ทำแบบนั้น ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะต้องเทนิยายกลางทางอีก
“เปิดคอมพ์สร้างไฟล์ใหม่แล้วค่อยเริ่มพิมพ์”
ชุยเกิ่งวางแผนไว้เรียบร้อย เขาไม่ยอมเช็กสเป็กคอมพิวเตอร์ ไม่อย่างนั้นจะไปลงเอยที่การเล่นเกมแทน
คอมพิวเตอร์เปิดติดเร็วมาก ชุยเกิ่งกำลังจะคลิกขวาที่หน้าจอเพื่อสร้างโฟลเดอร์ใหม่ แต่ก็ต้องชะงักไปก่อนจะทันได้ทำแบบนั้น
บนหน้าจอมีไอคอนเกมเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
ทุกเกมที่มีอยู่ในตลาด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ออนไลน์หรือออฟไลน์มีพร้อมอยู่บนหน้าจอ!
แค่มองผ่านๆ ชุยเกิ่งก็เห็นเกมขนาดใหญ่สองสามเกมที่อยากเล่นมาตลอด แต่คอมพิวเตอร์ของเขาสเป็กไม่สูงพอที่จะเล่นโuเวลกูดoทคoม
ชุยเกิ่ง “…เชี่ย!”
จะทำให้งานฉันยากขึ้นเหรอ
บนหน้าจอเต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุขนาดนี้ ใครมันจะไปต้านไหว
ชุยเกิ่งระแวงขึ้นมาทันที “หรือพวกหลี่หย่าต๋าตั้งใจวางกับดักเอาไว้ พยายามจะหาเรื่องกันเหรอ”
เขาเหลือบไปมองหน้าจอของหลี่หย่าต๋าด้วยความสงสัย
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าบนหน้าจอของอีกฝ่ายก็มีเกมอยู่เพียบเหมือนกัน!
แต่หลี่หย่าต๋าไม่ได้สนใจเกมพวกนั้นแล้วคลิกเปิดไฟล์ขึ้นมาแก้งาน ดูเธอมีสมาธิมาก ไอคอนเกมพวกนั้นทำอะไรเธอไม่ได้เลย
“ฉันคิดมากไปเอง!”
ชุยเกิ่งอดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ ดูเหมือนว่าพนักงานทุกคนในเถิงต๋าจะทำงานโดยยึดจิตวิญญาณของเถิงต๋าเป็นหลัก
พวกเขาสร้างสมดุลระหว่างการเล่น การพักผ่อน และการทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครเสียสมาธิเลยแม้จะมีสิ่งยั่วยุมากมายอยู่ตรงหน้า
“เหมือนว่าฉันจะยังมีวินัยไม่มากพอ”
เขาเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากจิตวิญญาณของเถิงต๋า จึงตัดสินใจเมินเกมบนหน้าจอแล้วเปิดไฟล์ใหม่ขึ้นมาทำงาน
เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดของชุยเกิ่งดังประสานกับเสียงพิมพ์งานของคนอื่นๆ ในออฟฟิศได้เป็นอย่างดี
ช่วงบ่าย ชุยเกิ่งเดินไปที่โต๊ะทำงานของเปาซวี่แล้วถามถึงเรื่องราวแปลกๆ หรือเรื่องที่เป็นที่น่าจดจำของฝ่ายเกมเถิงต๋า
เปาซวี่นึกย้อนไป “เรื่องมันยาวมากครับ ตอนนั้นผมเป็นเด็กติดเกมสิงตัวอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตทั้งวัน…”
…
…
วันเสาร์ที่ 29 มกราคม
วันนี้เป็นวันทำงานชดเชยและวันสุดท้ายของการทำงานก่อนหยุดตรุษจีน วันตรุษจีนปี 2011 ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ และเริ่มหยุดวันที่ 2 กุมภาพันธ์
แต่พอคิดว่าหลายคนน่าจะอยากไปเที่ยวกัน เผยเชียนเลยให้ทุกคนหยุดเพิ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แล้วให้วันที่ 29 มกราคมเป็นวันทำงานแทนวันที่ 31 มกราคม
ทำแบบนี้ วันหยุดของพนักงานก็จะยาวขึ้นกว่าของบริษัทอื่นสามวัน
เผยเชียนเลื่อนวันทำงานแบบไม่จำกัดไม่ได้ ตัวอย่างเช่น เขาจัดให้ทำงานสองวันแล้วหยุดห้าวันได้ในหนึ่งสัปดาห์ไม่ได้ แต่จะไม่มีปัญหาอะไรถ้าให้ทำงานแค่สองสามวันในช่วงวันหยุดประจำชาติ
ถึงวันนี้จะเป็นวันทำงานสุดท้ายก่อนหยุดตรุษจีน แต่ก็ยังมีงานให้ทำเยอะแยะอยู่ดี
ผู้ชนะการแข่งขัน Zero OT และพนักงานดีเด่นที่จะต้องเลือกวันที่ 1 กุมภาพันธ์จะเลื่อนมาเลือกวันนี้แทน
พอประกาศผลการคัดเลือกช่วงเช้าเสร็จ ทุกคนก็กลับบ้านไปฉลองตรุษจีนได้ตามใจชอบ
ตลอดช่วงที่ผ่านมา นอกจากเรื่องเตรียมการสำหรับการคัดเลือกแล้ว ฝ่ายธุรการกับฝ่าย HR ก็ไม่ได้มีงานอะไรมากมาย
เหล่าพนักงานหลักและผู้จัดการของแต่ละกิจการมารวมตัวกันที่โรงแรมใกล้ๆ ตึกเฉินฮว่าแกรนด์วิวก่อนจะนั่งประจำที่กันจนเต็มสถานที่จัดงาน
ถึงงานนี้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่างานประชุมประจำปี แต่ก็ค่อนข้างคึกคักทีเดียว
ผลไม้ ถั่ว ขนมหวาน ช็อกโกแลตวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ทุกอย่างล้วนเป็นของที่มักพบเจอบ่อยๆ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าถั่วกับขนมหวานต่างๆ เป็นของราคาแพง
ทุกคนกินถั่วกับขนมหวาน ดื่มชา รอผลการคัดเลือกที่จะประกาศบนหน้าจอ
หลี่หย่าต๋ามองหน้าจอใหญ่อย่างตื่นเต้นพร้อมพูดขึ้นเสียงเบา “การคัดเลือกพนักงานดีเด่นดูเป็นทางการขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เราโหวตกันผ่านช่องทางออนไลน์ จากนั้นบอสเผยก็มอบรางวัลให้เฉยๆ แต่รอบนี้จองสถานที่จัดงานเป็นพิเศษเลย”
เปาซวี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับ เขาเอาแต่ก้มหน้ากินขนม สีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่
ใกล้ถึงเวลาแล้ว ตอนนี้ทุกคนมากันพร้อมหน้า
ซินไห่ลู่เดินไปที่หน้าจอใหญ่เพื่อกล่าวอะไรเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มการประกาศผู้ชนะการแข่งขัน Zero OT
รายชื่อพนักงานกิจการต่างๆ ที่ทำงานล่วงเวลาปรากกขึ้นบนหน้าจอพร้อมตัวเลขแสดงจำนวนชั่วโมงการทำงานล่วงเวลา
หลี่หย่าต๋าแกะเปลือกส้ม ไม่ได้สนใจอะไรก็ตามที่ปรากฏบนหน้าจอ “ยังไงก็คงไม่ใช่ฝ่ายเราอยู่แล้ว พวกเราทำงานหนักมากปีนี้ แถมยังทำงานล่วงเวลาอยู่หลายครั้ง ไว้รอบหน้าค่อยพยายามใหม่แล้วกัน”
เปาซวี่ยังคงก้มหน้ากินขนม ไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักคำ