ขณะเดียวกัน ที่บริษัท OTTO
ฉางโหย่ว หลินหวาน และพนักงานหลักของบริษัทมารวมตัวกันที่ห้องประชุมเพื่อคุยเรื่องทิศทางของมือถือตัวใหม่
หลินหวานเพิ่งจะเดินทางมาจากฉางหยางเกมส์
เกม BE QUIET เข้าสู่ขั้นตอนการค้นคว้าและพัฒนาแล้ว เยว่จือโจว หวังเสี่ยวปิน และนักออกแบบเกมคนอื่นๆ เขียนแบบร่างกันเสร็จเรียบร้อย พนักงานคนอื่นๆ ก็กำลังจัดการงานหลักต่างๆ เช่น หาทรัพยากรงานภาพ
หลินหวานไม่ต้องทำงานพวกนี้ เธอจึงมีเวลาแวะมาที่บริษัท OTTO เพื่อประชุมเรื่องมือถือตัวใหม่
พนักงานทุกคนนั่งหลังตรง สีหน้าเคร่งเครียด ดูจริงจังกันสุดๆ
ถึงจะย้ายมาที่บริษัท OTTO พวกเขาก็ยังต้องพัฒนามือถือเหมือนตอนอยู่ที่บริษัทหงเฉิงเทคโนโลยี แต่ที่เปลี่ยนไปคือทัศนคติของทุกคน
ตอนนั้นฉางโหย่วเป็นรองประธานบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยี แต่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรนัก
ที่บริษัทมีตำแหน่งรองประธานอีกหลายคนที่มีอำนาจเท่ากับฉางโหย่ว แถมยังมีตำแหน่ง CEO ที่อยู่เหนือขึ้นไปอีก
เนื่องจากบอร์ดบริหารระดับสูงคิดเห็นต่างออกไปจึงเกิดการขัดแย้งและไม่ลงรอยกัน
แม้แต่ฉางโหย่วที่เป็นรองประธานยังไม่มีอิสระในการทำงานมากนัก สถานการณ์ของเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันจึงแย่ยิ่งกว่า
แต่ตอนนี้ฉางโหย่วได้รับความไว้ใจจากบอสเผยให้ตัดสินใจเรื่องทิศทางการผลิตมือถือ จึงมีอำนาจมากกว่าแต่ก่อน
ไม่แปลกที่เพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันมาจะเลิกทำหน้าตาอึมครึม
นอกจากนั้นแล้ว หลังจากบริษัทเก่าล้มละลาย ทุกคนก็แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ตอนนี้ได้โอกาสกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง หลายคนรู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ทำให้รู้สึกตื้นตันใจมากๆ ที่ได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้
ฉางโหย่ววางสายแล้วหันไปพูดกับทุกคน “บอสเผยบอกว่าตอนนี้ยุ่งอยู่ ไม่น่าจะแวะเข้ามาได้ บอสให้เราตัดสินใจกันไปก่อนได้เลย
“ถ้าอย่างงั้นก็มาเริ่มกันเถอะ
“ผู้อำนวยการหลิน ในฐานะที่คุณเป็นตัวแทนจากเถิงต๋า ถ้ามีข้อเสนอแนะอะไร เชิญบอกได้ตามสบายเลยนะครับ”
หลินหวานพยักหน้า “ได้ค่ะ”
เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมีปัญหาอะไร เพราะทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ล้วนมีประสบการณ์มากกว่า
แต่เธอก็ต้องวางตัวให้สมกับตำแหน่งหัวหน้า
ฉางโหย่วเริ่มต้นการประชุมตามกำหนดการที่วางเอาไว้
“มือถือรุ่นใหม่ของเราจะพัฒนาตามแผนค้นคว้าและพัฒนามือถือรุ่นเรือธงของบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีที่ทำค้างไว้ ผมคิดว่าทุกคนน่าจะมีแผนหลายๆ แผนที่ต้องหยุดกลางทาง บางคนอาจจะไปเจรจาเรื่องแผนจัดซื้อจัดจ้างกับโรงงานผลิตแล้ว ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องกฎหมาย เราน่าจะเอามาใช้ประโยชน์ได้
“มือถือรุ่นแรกของบริษัทเราจะเป็นแบบ ODM ผมว่าตรงนี้น่าจะไม่มีใครสงสัยอะไร
“ตอนนี้เรามีสองเรื่องที่ต้องจัดการ อย่างแรกคือ ค้นคว้าและพัฒนาระบบสำหรับแบรนด์เราโดยเฉพาะ อย่างที่สองคือ กำหนดทิศทางสำหรับสินค้าของเราและติดต่อกับโรงงานผลิต
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าระบบมีความสำคัญมาก…”
หลินหวานนั่งฟังเงียบๆ อยู่ด้านข้างพร้อมจดบันทึกเป็นพักๆ
ถึงจะไม่เคยศึกษาเรื่องวงการมือถืออย่างจริงจังมาก่อน แต่เธอก็เข้าใจเรื่องพื้นฐานต่างๆ จากกิจการของครอบครัว
OEM กับ ODM เป็นรูปแบบการผลิตที่ใช้งานแพร่หลายในอุตสาหกรรมมือถือ
บริษัทผู้ผลิตมือถือไม่จำเป็นต้องดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การทำแบรนดิ้ง การจัดจำหน่าย และอื่นๆ เพราะสามารถหาบริษัทอื่นมาจัดการกระบวนการเหล่านี้ให้ได้
ถ้าใช้รูปแบบการผลิตแบบ OEM ทางบริษัทจะเป็นคนออกแบบสินค้าและส่งต่อให้บริษัทอื่นผลิตให้ เหมือนที่บริษัท Pineapple ทำ
แต่ถ้าเป็นแบบ ODM ทางบริษัทแค่คุยเรื่องมาตรฐานและข้อกำหนดต่างๆ กับโรงงานผลิต จากนั้นโรงงานผลิตจะเป็นคนออกแบบและผลิตสินค้าให้ โดยในตลาดจะรู้จักกันในชื่อ ‘สินค้าตราห้าง’
แน่นอนว่าบริษัทผู้ผลิตมือถือสามารถกำหนดอะไรหลายๆ อย่างเพิ่มได้ ขอแค่พร้อมจ่ายก็คุยกันได้ทุกอย่าง
บริษัท OTTO เพิ่งจะเปิดกิจการ ไม่สามารถค้นคว้าและพัฒนาทุกองค์ประกอบของมือถือได้เอง การผลิตแบบ ODM จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
การผลิต ‘สินค้าตราห้าง’ ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพสินค้าจะแย่ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย มีบริษัทมือถือทั้งในและนอกประเทศหลายเจ้าที่ผลิตสินค้าแบบ ODM มือถือหลายๆ รุ่น เช่น ของเฉินฮว่าก็เป็นการผลิตแบบ ODM
โรงงาน ODM ผลิตมือถือให้บริษัทหลายเจ้ามานาน จึงมีแนวทางที่ดีสำหรับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบสินค้าไปจนถึงการประกอบชิ้นส่วน นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์สูง มีการควบคุมคุณภาพที่ยอดเยี่ยม สายการผลิตที่มั่นคง และประสิทธิภาพการทำงานที่เชื่อถือได้
บริษัทมือถือบางเจ้าผลิตมือถือรุ่นล่างโดนใช้วิธีแบบ ODM ซึ่งสินค้าที่ได้จะคุณภาพสูงกว่ารุ่นที่ผลิตแบบ OEM เรื่องนี้ทำให้ลูกค้าหลายคนงงไปตามๆ กัน
แน่นอนว่า สำหรับบริษัทใหญ่ๆ อย่างเฉินฮว่ากับ Pineapple นั้นจะแตกต่างออกไป ในกรณีของบริษัทเหล่านี้ การออกแบบสินค้าเองแล้วผลิตแบบ OEM จะเป็นการเพิ่มมูลค่าแบรนด์ ดังนั้น OEM จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
แต่ยังเร็วไปสำหรับบริษัท OTTO ที่จะใช้วิธีนี้
ถึงการผลิตแบบ ODM เป็นการผลิตสินค้าตราห้าง แต่พวกเขาก็ปรับแต่งเพิ่มเติมได้ แน่นอนว่ายิ่งขอให้ปรับแต่งเพิ่มเติมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้ทุกคนกำลังคิดเรื่องทิศทางสำหรับมือถือรุ่นใหม่ หรือก็คือแผนการต่างๆ สำหรับการผลิตมือถือเครื่องนี้
พวกเขาเสนอความเห็นกันอย่างอิสระ
“เราต้องใช้ไมโครชิปตัวล่าสุด”
“ควรใช้หน้าจอของดีสุดเลยมั้ย”
“กล้องใช้ของห่วยๆ ไม่ได้ เหมือนตอนนี้มือถือเรือธงหลายๆ รุ่นมีกล้องสองตัวแล้ว เราน่าจะต้องตามแนวทางนี้”
“เรื่องปริมาณแบตเตอรี่ก็ห้ามมองข้ามนะ ไมโครชิปกับหน้าจอดีๆ กินแบตมาก”
“ต้องใส่ความจุเครื่องเยอะๆ ใส่ไฟ RGB เข้าไปด้วยดีมั้ย”
“เดี๋ยวนะ เราผลิตทีละไม่มาก จะซื้อไมโครชิปกับหน้าจอดีๆ ได้เหรอ”
“ถ้าไม่ได้ก็ต้องจ่ายเพิ่ม มือถือรุ่นแพงแบบนี้ ถ้าไม่ใช้ไมโครชิปตัวที่ดีที่สุด มีหวังคนสวดกันยับแน่ ยังไงก็ต้องซื้อมาให้ได้!”
ทุกคนแย่งกันออกความเห็น ชัดเจนมากว่ากำลังตื่นเต้นกับการนำฮาร์ดแวร์ตัวล่าสุดมาใช้กับมือถือรุ่นใหม่
แผนการออกแบบนี้เดิมเป็นแผนผลิตมือถือรุ่นเรือธง M9 ของบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีที่จะเข้าตีตลาดบน
แต่รุ่น M9 คาดการณ์ว่าจะวางขายที่ประมาณสี่พันหยวน
ส่วนรุ่นปัจจุบันจะวางขายที่แปดพันหยวน…
คิดว่าจะยัดอะไรดีๆ ใส่เข้าไปได้บ้างล่ะโน!วลกูดoทคอม
ตอนทำมือถือครั้งที่ผ่านๆ มา พวกเขาต้องทำตัวขี้เหนียว คอยลดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด ทำได้แค่ฝันหวานถึงไอเดียต่างๆ ที่จะทำได้ถ้ามีงบเยอะๆ
สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากแอบลดต้นทุนชิ้นส่วนอย่างมอเตอร์สั่น พอร์ตชาร์จ และ NFC
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ถึงพวกเขาจะเพิ่มชิ้นส่วนดีๆ เข้าไปในมือถือเครื่องนี้มากมายตามที่ใจอยาก ก็ยังใช้งบไม่หมดอยู่ดี!
นอกจากนี้มือถือจะแพงได้ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ไม่ใช่แค่ยัดฮาร์ดแวร์กับเทคโนโลยีล่าสุดเข้าไปในเครื่อง
ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีหน้าจอฟูลสกรีนที่ยังไม่เป็นที่นิยมในตอนนี้ หลายบริษัททำให้ขอบจอด้านบนของมือถือบางเฉียบได้ แต่ก็ต้องย้ายที่ลำโพงและฮาร์ดแวร์อื่นๆ ที่ใช้พื้นที่ตรงนั้น ทำให้ต้องไปแก้ไขส่วนอื่นๆ ของตัวเครื่อง
ถึงจะทำให้มือถือดูมีความน่าสนใจ แต่ก็ต้องยอมสละจุดอื่นๆ ไป ซึ่งอาจรวมถึงประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องที่จะลดทอนลงด้วย
ทุกคนถกประเด็นต่างๆ กันอยู่พักใหญ่ สุดท้ายฉางโหย่วก็ตัดสินใจพุ่งเป้าพัฒนาเทคโนโลยีแพงๆ ล้ำสมัย และไว้วางใจได้ พวกเขาตั้งใจจะคงรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย แต่ไปเน้นชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าตัวเครื่องแทน
ไม่นานเรื่องฮาร์ดแวร์ก็ใกล้ได้บทสรุป
เท่าที่หลินหวานพอจะจับความได้ การออกแบบฮาร์ดแวร์ของมือถือเครื่องนี้ดูคล้ายมือถือรุ่นเรือธงของเฉินฮว่า แต่เธอก็มั่นใจว่าคงไม่สามารถเอาชนะมือถือของเฉินฮว่าได้ในแง่ของระบบ การปรับแต่ง และจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์
ชื่อเสียงของทั้งสองแบรนด์ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวด้วย
ถึงมือถือของ OTTO จะออกแบบมาโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในตลาด ซึ่งน่าจะสร้างความหวือหวาได้ไม่น้อย แต่ก็คงเฉิดฉายสู้มือถือรุ่นเรือธงของบริษัทใหญ่ๆ ไม่ได้
นอกจากนั้นแล้ว มือถือรุ่นเรือธงของเฉินฮว่ายังราคาไม่ถึงหกพันหยวนด้วย
ฟังดูที่คุยกันตอนนี้แล้ว หลินหวานคิดว่าขายที่ราคาห้าพันห้าร้อยหยวนก็ยากมากแล้ว แปดพันหยวนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย
ฉางโหย่วพูดขึ้น “ทุกคน ขอไอเดียเพิ่มอีก บอสเผยฟันมาแล้วว่าต้องขายมือถือเครื่องนี้แปดพันหยวน
“ก่อนหน้านี้ที่คุยกับบอสเผยก็ได้คำแนะนำมาบ้าง เช่น เราจะไม่ซ่อมเครื่อง แต่จะเปลี่ยนเครื่องให้ใหม่เลย ถ้ามือถือลูกค้าพัง เราจะส่งคนไปถึงบ้านลูกค้าเพื่อย้ายข้อมูลและเปลี่ยนเครื่องให้
“สรุปคือ…เราต้องคิดบริการเสริมที่จะช่วยทำให้มือถือของเราดูคุ้มค่ากับราคาที่ขาย”
พอฉางโหย่วเปิดหัวข้อใหม่ ทุกคนก็เริ่มออกความคิดเห็นกันอีกยก
“ถ้างั้นเราปรับบริการเปลี่ยนเครื่องให้ดีขึ้นไปอีกมั้ย พอมีรุ่นใหม่ออกมา เราจะให้ลูกค้าเอาเครื่องรุ่นเก่ามาเปลี่ยน โดยจะบวกให้อีกห้าร้อยหยวนจากที่ตีราคาเครื่องเก่า ทำแบบนี้ก็จะดึงให้ลูกค้าใช้มือถือแบรนด์เราไปได้เรื่อยๆ”
“ผมว่าเราทำแพกเกจจิ้งให้ออกมาหรูๆ ดีมั้ยครับ เราติดกันรอยคุณภาพดีให้จากโรงงานกับแถมเคสให้ด้วย เพื่อเพิ่มมูลค่าเครื่อง”
“เราจับมือกับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ ได้นะ อย่างพวกแอปวิดีโอ ให้แอปพวกนี้ลงติดเครื่องมาเลย แล้วแถมสิทธิประโยชน์สมาชิกให้ลูกค้าด้วย”
ทุกคนถกกันอย่างอิสระและคิดหาไอเดียได้มากมาย บางไอเดียราคาสูง บางไอเดียไม่แพงนัก
แต่ถึงจะทำตามทุกไอเดีย ก็ยังไม่น่าจะเพิ่มมูลค่ามือถือไปถึงแปดพันหยวนได้
เผยเชียนกำหนดไว้ว่าอยากได้สัดส่วนกำไรที่ห้าเปอร์เซ็นต์ ถ้าราคามือถือต่ำกว่าแปดพันหยวน ฉางโหย่วคงจะอธิบายเรื่องนี้กับบอสเผยได้ยาก
ผ่านไปสักพัก ทุกคนก็เงียบไปเพราะคิดอะไรไม่ออก
ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะอุตสาหกรรมมือถือเป็นอุตสาหกรรมที่ก้าวเท้าเข้ามาได้ยาก มือถือรุ่นเรือธงของบริษัทใหญ่ๆ มีมูลค่าสูงในตัว ไม่มีจุดบกพร่อง
ถึงพวกฉางโหย่วจะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่หามาตอนช่วงยังทำงานอยู่ที่บริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีได้ แต่ความสามารถในการค้นคว้าและพัฒนาของพวกเขาก็ยังด้อยกว่าบริษัทนานาชาติอย่างเฉิงฮว่ามาก
ดังนั้นไม่ว่าจะเค้นหัวคิดยังไง สินค้าที่ออกมาก็มีราคาเต็มที่ที่หกพันหยวน สิทธิประโยชน์อื่นๆ ช่วยดันราคาไปถึงเจ็ดพันหยวนได้ แต่ก็ไม่ถึงแปดพันหยวนอยู่ดี
ฉางโหย่วหันมองทุกคนแล้วพูดขึ้น “พยายามคิดหาไอเดียอื่นอีก ถ้าดันราคาไปถึงแปดพันหยวนไม่ได้ เราก็อาจจะต้องใช้ฮาร์ดแวร์สั่งทำที่ราคาสูงขึ้นแทน”
พวกเขาดันราคามือถือขึ้นได้ถ้าใช้ฮาร์ดแวร์สั่งทำพิเศษ แต่ฮาร์ดแวร์แบบนี้คุณภาพไม่ค่อยคุ้มราคา บริษัทเล็กๆ อย่าง OTTO อาจจะถูกมองเป็นคนโง่ให้หลอกขายของได้
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสมองตัน หลินหวานก็พูดขึ้น
“ถ้าเราจับมือกับแอปวิดีโอหรือบริษัทซอฟต์แวร์ พวกเขาก็ให้เราได้มากสุดแค่บริการสมาชิก จะขออะไรมากกว่านี้คงยาก
“หนูคุยกับบริษัทอื่นในเครือเถิงต๋าให้ได้ น่าจะขอสิทธิประโยชน์ที่ช่วยเพิ่มราคามือถือได้มากกว่า
“ตัวอย่างเช่น…
“เฟยหวงสตูดิโอให้ตั๋วหนังรอบปฐมทัศน์กับลูกค้าสองใบทุกครั้งที่มีหนังใหม่ฉาย
“ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูให้สิทธิ์สมาชิกตลอดชีพ โดยจะได้ส่วนลดกับเครื่องดื่มฟรีวันละแก้ว
“ทุกครั้งที่ลูกค้าเชื่อมบัญชีเกมกับมือถือ เราจะให้เกมเถิงต๋าฟรีปีละหนึ่งเกม
“เว็บจงเตี่ยนจงเหวินให้สิทธิ์สมาชิกตลอดชีพได้เหมือนกัน โดยจะได้ส่วนลดค่ากดติดตาม ได้ยอดแนะนำกับยอดโหวตประจำเดือนเพิ่ม
“ลูกค้าของเราจะได้เป็นสมาชิก VIP ของนี่เฟิงโลจิสติกส์โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะได้สิทธิ์รับและจัดส่งพัสดุก่อนใครเพื่อน
“แล้วก็จะได้เป็นลูกค้า VIP ของครัวส่วนตัวหมิงหยุนด้วย ถ้าค่าอาหารถึงยอดที่กำหนด ก็จะได้อาหารฟรีอีกหนึ่งจาน
“คร่าวๆ น่าจะประมาณนี้ค่ะ เราเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นๆ เข้าไปอีกได้ในอนาคตถ้ามีอะไรเหมาะๆ”
พนักงานคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ หลินหวานยกมือขึ้นอย่างลังเล “ผู้อำนวยการหลินครับ คุณขอสิทธิประโยชน์มากมายขนาดนี้ได้จริงๆ เหรอครับ”
หลินหวานพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ได้แน่นอนค่ะ หนูสนิทกับคนดูแลกิจการรองทั้งหมด เดี๋ยวหนูไปคุยกับพวกเขาให้ ไม่แน่อาจจะได้ไอเดียดีๆ เพิ่ม”
ฉางโหย่วตาเป็นประกาย “เยี่ยมไปเลยครับ! ผมขอขอบคุณผู้อำนวยการหลินล่วงหน้าไว้ก่อนเลย!”
หลินหวานโบกมือ “ไม่ต้องขอบคุณหนูหรอก
“บอสเผยบอกหนูไว้ว่า ในฐานะหัวหน้า หนูเองก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท OTTO ต้องมีส่วนช่วยในการทำงานด้วย
“หนูคิดว่าบอสเผยกำลังจะบอกเป็นนัยว่า เพราะหนูเป็นพนักงานเก่าของเถิงต๋า หนูควรจะเป็นสะพานที่เชื่อมบริษัท OTTO กับกิจการอื่นๆ ในเครือเถิงต๋ากรุ๊ป
“เรื่องประสานงานกับกิจการอื่นๆ ยกให้เป็นหน้าที่หนูได้ค่ะ!”