วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน
เผยเชียนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ นั่งแกร่วเลื่อนดูเรซูเม่ที่ผู้สมัครส่งเข้ากล่องอีเมลบริษัท
ตอนนี้ฝ่าย HR กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมการสอบคัดเลือกและจัดการเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นงานที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีหลายขั้นตอน เผยเชียนจึงคิดว่าน่าจะต้องใช้เวลาพักใหญ่
พอมีเวลาว่าง เผยเชียนก็เปิดกล่องอีเมลสมัครงานดูเผื่อว่าจะเจอเพชรในตม เขาอยากรู้ว่าจะเจอผู้สมัครเหมาะๆ ที่เอาไปใช้งานได้รึเปล่า
แต่หลังจากเลื่อนดูอยู่พักใหญ่ เผยเชียนกลับไม่เจอใครที่เข้าตาเลยแม้แต่คนเดียว
เรซูเม่พวกนี้สวยหรูเกินไป!
ไม่รู้ว่าเขียนเองหรือจ้างคนอื่นในอินเทอร์เน็ตให้ทำให้
ดูเหมือนว่าทุกคนจะอยากได้งานที่เถิงต๋ามากๆ แต่ทำแบบนี้บอสเผยก็คัดกรองเรซูเม่ได้ยากขึ้น
เขาจะกล้ารับผู้สมัครที่เรซูเม่สวยหรูแบบนี้ได้ยังไง
“ช่างเถอะ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมานั่งคัดคนเองเลย
“รอให้ ‘การสอบคัดคนความสามารถจำกัด’ พร้อมดีกว่า”
เผยเชียนอยากจ้างคนเพิ่มจริงๆ อย่างตำแหน่งรองผู้อำนวยการกิจการผลิตมือถือก็ยังไม่ได้คนเลย
ถึงจะมอบหมายให้หลินหวานดูแลกิจการ แต่เธอก็ทำหน้าที่เป็นคนควบคุมงาน อย่างมากก็น่าจะพอแบ่งงานไปทำได้ส่วนหนึ่ง จึงต้องหาคนมาแบ่งเบาภาระงาน
แน่นอนว่าถ้าว่ากันตามตรงแล้ว คนที่จ้างมาจะต้องถ่วงดุลพลังของหลินหวานและคอยรั้งเธอไว้ได้
เผยเชียนกลัวว่าหลินหวานจะรับผิดชอบเรื่องนี้ได้ดี ถ้าทั้งเกมและกิจการมือถือประสบความสำเร็จ เผยเชียนได้ตกที่นั่งลำบากแน่
แต่เขาก็หาคนเหมาะๆ มาเป็นรองประธานไม่ได้
เผยเชียนกะว่าจะหาใครสักคนจากบรรดาผู้สมัคร แต่พอคิดดูอีกที เถิงต๋าไม่เคยทำกิจการมือถือมาก่อน เพราะฉะนั้นก็น่าจะมีคนที่รู้เรื่องวงการนี้ส่งเรซูเม่เข้ามาแค่ไม่กี่คน
ถ้าจ้างคนไม่รู้งานเข้ามาก็จะดูโจ่งแจ้งเกินไป หลินหวานอาจจะนึกสงสัยเอาได้ เผยเชียนก็จะไล่เธอกลับบ้านไปสานต่อกิจการครอบครัวได้ยากขึ้น
ดังนั้นเขาจึงต้องหาคนที่มีประสบการณ์การทำงานที่เหมาะสม
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดเว็บเชียนตู้ขึ้นมา
เขาพิมพ์คำค้นหาลงไปว่า ‘มือถือ’ กับ ‘ล้มละลาย’
ระหว่างที่เลื่อนดูผลลัพธ์การค้นหา เขาก็ไปสะดุดตาเข้ากับข่าวหนึ่ง
‘บริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีล้มละลาย: ภายในเวลาไม่ถึงเดือนก็มีหนี้สะสมประมาณหนึ่งร้อยสามสิบล้านหยวน’
‘จากรายงานล่าสุด บริษัทXXXXXXXจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทปฏิบัติงานภายใต้บริษัทหงเฉิงเทคโนโลยี ติดโผรายชื่อลูกหนี้และถูกบอกเลิกสัญญา…’
‘ข้อมูลรายงานว่าบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีมีหนี้สินรวมมากกว่าแปดพันล้านหยวน จู่ๆ บริษัทที่ปีก่อนสร้างรายได้สูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่ล้านหยวนล้มละลายได้อย่างไร ในบทสัมภาษณ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเผยว่าเรื่องนี้มีสาเหตุหลักมาจากการขาดสภาพคล่องทางการเงิน รากเหง้าของปัญหามาจากการที่บริษัทขาดทุนมาเป็นเวลานาน’
‘แต่ดูเหมือนว่า ฉางโหย่ว รองประธานบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีคนก่อนจะแสดงความคิดเห็นที่ต่างออกไปบนอินเทอร์เน็ต เขาให้ความเห็นว่าบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีล้มละลายเพราะมีวิสัยทัศน์ที่แคบเกินไป ต่อมาฉางโหย่วถูกชาวเน็ตติเตียนอย่างหนักหน่วงบนโลกออนไลน์ หลายคนมองว่าฉางโหย่วเป็นคนที่ตัดสินใจผิดพลาด ทำอะไรเกินตัว และเป็นต้นเหตุที่ทำให้บริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีล้มละลาย’
‘เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคมจนถึงปัจจุบัน บริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีผ่อนผันการจ่ายหนี้ออกไปถึงสี่ครั้งและมีหนี้สะสมสูงถึงหนึ่งร้อยสามสิบล้านหยวน…’
เผยเชียนอดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้
ฉันอยากขาดทุนร้อยล้านบ้าง!
ถ้าขาดทุนได้เยอะขนาดนั้นบ้างละก็…
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีมีคนฝีมือดีซ่อนอยู่น่ะสิ!
ไม่ผู้ก่อตั้งก็รองประธานนี่แหละ
เพราะทั้งสองฝ่ายโบ้ยกันไปมา เห็นได้ชัดว่าไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งที่เป็นตัวปัญหา
เผยเชียนค้นข้อมูลบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีดูเพิ่ม แล้วพบว่าบริษัทนี้เป็นผู้ผลิตมือถือที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศเลยทีเดียว พวกเขามีกิจการในอุตสาหกรรมอื่นนอกจากการผลิตมือถือด้วย ต้นปีที่แล้วทางบริษัทออกประกาศว่ามีรายได้มากกว่าร้อยล้านหยวน
ผ่านมาหนึ่งปีก็เจ๊งอย่างที่เป็นข่าว
เผยเชียนหาข้อมูลเกี่ยวกับฉางโหย่ว รองประธานบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีเพิ่ม จากนั้นตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ฉางโหย่วเข้ารับตำแหน่งรองประธานบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีเมื่อปีก่อน ทำงานไปแค่ปีกว่าก็พาบริษัทที่กำลังไปได้ดีเจ๊งไม่เป็นท่า!
ยิ่งได้อ่านข้อมูลเพิ่ม เผยเชียนก็คิดว่าพนักงานความสามารถแบบนี้นี่แหละคือพนักงานในฝัน!
ฉางโหย่วดูเตี้ยและผอม แต่เผยเชียนกลับสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ภายใน!
เขาตัดสินใจทันทีว่าต้องเป็นคนนี้แหละ!
เผยเชียนจะให้อีกฝ่ายดูแลกิจการมือถือที่จะเปิดใหม่ คนเก่งแบบนี้แหละที่เขาตามหามานาน
เขารีบเรียกเลขาซินให้มาที่ห้องทำงาน
พอเข้ามาในห้องทำงาน เลขาซินก็รายงานความคืบหน้าเรื่องที่ได้รับมอบหมายก่อนหน้านี้ทันที
“บอสเผยคะ เรื่องที่ปรึกษาด้านธุรกิจที่บอสขอมา ดิฉันหาคนได้แล้วค่ะ ถ้ามีเวลา บอสคุยกับเขาดูได้นะคะว่าเหมาะกับงานหรือเปล่า”
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เอางี้ ให้เขาไปร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขามหาวิทยาลัยฮั่นตงภายในสองชั่วโมง เดี๋ยวผมไปรอเจอเขาที่นั่น
“แล้วก็ช่วยหาช่องทางติดต่อฉางโหย่ว รองประธานบริษัทหงเฉิงเทคโนโลยีคนก่อนให้ที ผมอยากเจอเขาด้วย”
เลขาซินพยักหน้า “รับทราบค่ะ”
ตอนที่เลขาซินหันหลังกลับแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องทำงาน เผยเชียนก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ “เดี๋ยวนะ ที่ปรึกษาการลงทุนที่คุณหามาชื่ออะไร”
เผยเชียนต้องสัมภาษณ์ที่ปรึกษาคนนี้ ถ้าไม่รู้ชื่ออีกฝ่ายก็คงจะดูไม่เหมาะ
เลขาซินตอบ “เขาชื่อเฮ่อเต๋อเซิ่งค่ะ ดิฉันส่งเรซูเม่และข้อมูลอื่นๆ ให้ทางอีเมลแล้วค่ะ”
เผยเชียน “…”
“มีอะไรรึเปล่าคะบอส” เลขาซินเห็นบอสเผยเหมือนจะอยากพูดอะไรสักอย่าง
เผยเชียนโบกมือ “เปล่า คุณกลับไปทำงานได้”
เลขาซินเดินออกจากห้องทำงานไป
พอได้ยินชื่ออีกฝ่ายเผยเชียนก็อยากปฏิเสธข้อเสนอทันที
เฮ่อเต๋อเซิ่ง[1]เหรอ
ชื่อไม่มงคลเลย!
แต่พอคิดดูอีกที เผยเชียนก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองโตมาในโลกวัตถุนิยม ไม่ควรปักใจเชื่อเรื่องโชคลางขนาดนี้
ที่ฉางหยางเกมส์ก็มีคนชื่อ ‘ห่าวฉยง’ แต่ตอนนี้ชีวิตหมอนั่นอู้ฟู่เพราะได้เงินเดือนดี ไม่เห็นจะตรงกับชื่อเลย!
แต่ยังไงเผยเชียนก็ปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอ
พวกเขายังไม่ได้เจอกันเลย ถ้าไปบอกว่าให้หาคนอื่นแทนก็จะดูแปลกๆ
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไหนๆ ก็บอกให้อีกฝ่ายมาหาแล้ว พาหม่าหยางไปเจอด้วยเลยแล้วกัน
ถ้าคิดว่าคนนี้ไม่เหมาะก็ค่อยหาเหตุผลมาปฏิเสธ
…
สองชั่วโมงถัดมา ที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาฮั่นตง
เผยเชียนกับหม่าหยางรออยู่ที่ร้านแล้ว
เผยเชียนรู้สึกเฉยๆ กับเฮ่อเต๋อเซิ่ง เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
ส่วนหม่าหยางกลับนั่งไม่ติดเก้าอี้ เขาดูลุกลี้ลุกลนอย่างกับว่ามารอนัดบอดอยู่ แถมยังหันมองออกไปนอกร้านเป็นพักๆ
เผยเชียนย้ำอีกฝ่ายอีกรอบอย่างเอ็นดู “ไอ้หม่า เขาเป็นผู้ชาย หน้าตาก็ธรรมดา ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”
หม่าหยางแก้ตัวทันที “พูดอะไรของพี่ ผมแค่ตื่นเต้นที่จะได้เจอคนเก่ง!
“ตอนเรียนมัธยม ผมตั้งใจไว้ว่าจะเรียนต่อเศรษฐศาสตร์ แต่คะแนนวิทย์แย่เกินเลยได้เปลี่ยนมาเรียนมนุษยศาสตร์แทน
“ผมยกย่องคนที่เก่งเรื่องการลงทุนมาก เลยตื่นเต้นสุดๆ ที่จะได้เจอ”
เผยเชียนรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีหน่อยๆ จึงรีบพูดขึ้น “ไอ้หม่า แกยกย่องเขาได้ แต่ก็ต้องจำไว้ด้วยว่าแกคือนักลงทุนเทวดาที่ต้องตัดสินใจทุกอย่าง แกต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง!”
หม่าหยางตบอกอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องห่วงพี่ ผมโคตรจะเชื่อความคิดตัวเอง พี่ไม่เห็นต้องเป็นห่วงอะไรเลย”
เผยเชียน “…”
ไอ้นี่ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองเป็นคนยังไง ถือว่าเป็นเรื่องดีหรือแย่วะเนี่ย
เผยเชียนเองก็ไม่แน่ใจ
ระหว่างกำลังคุยกันเฮ่อเต๋อเซิ่งก็มาถึง
เผยเชียนเห็นรูปและได้อ่านเรซูเม่ของอีกฝ่ายมาก่อนแล้ว เฮ่อเต๋อเซิ่งเป็นชายอายุยี่สิบเจ็ดปี ลักษณะเหมือนพนักงานบริษัททั่วไป
ถ้าจะให้หาว่ามีจุดไหนที่โดดเด่นก็คงจะเป็นงานช้าง
รวมๆ แล้วถือว่าเป็นคนที่จืดจางมาก
เผยเชียนพอใจเรื่องนี้มาก ถ้าเป็นคนจืดจางแบบนี้ ก็ไม่น่าจะมีอิทธิพลอะไร หม่าหยางจะได้แสดงฝีมือได้เต็มที่
เฮ่อเต๋อเซิ่งไม่ได้ดูเกร็ง น่าจะเป็นเพราะบรรยากาศของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูผ่อนคลายมาก และการสัมภาษณ์ก็ไม่ได้ดูกดดันเหมือนของบริษัทส่วนใหญ่
เฮ่อเต๋อเซิ่งอธิบายผลงานที่ผ่านมา แต่เผยเชียนไม่รู้เรื่องการลงทุนแม้แต่นิดเดียว จึงบอกไม่ได้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนโม้
แต่เลขาซินเป็นคนแนะนำมา เผยเชียนจึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนเก่ง
จุดที่น่าสังเกตคือ ตอนนี้เฮ่อเต๋อเซิ่งเป็นผู้ช่วยด้านการลงทุนที่บริษัทลงทุนฟู่หุย แถมกำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการการลงทุนด้วย
พอได้ยินชื่อ ‘บริษัทลงทุนฟู่หุย’ เผยเชียนก็อดนึกถึงบอสหลี่ขึ้นมาไม่ได้
ไม่รู้ว่าช่วงนี้บอสหลี่เป็นยังไงบ้าง จะได้มาช่วยเหลือเขาอีกมั้ยนะ
ระหว่างกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ เฮ่อเต๋อเซิ่งก็แนะนำตัวเสร็จ
พอจบการแนะนำตัว เฮ่อเต๋อเซิ่งก็เอาแต่จ้องเผยเชียน ดูเหมือนจะสนใจเขาเอามากๆ
เผยเชียนไม่รู้จะถามอะไรดี บรรยากาศจึงค่อนข้างกระอักกระอ่วน
เขาหันมองหม่าหยางที่กำลังหาวพลางพยักหน้าขอโทษ “ดีมากเลยครับ!”
เผยเชียน “…”
ฉันรู้ว่าแกกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ ไม่ได้ตั้งใจฟังด้วยซ้ำ!
เผยเชียนกำลังจะเริ่มคุยเรื่องอื่น แต่เฮ่อเต๋อเซิ่งก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“บอสเผยครับ ผมเป็นแฟนคลับคุณ!”
—
[1] 贺 (เฮ่อ) แปลว่า อำนวยพร 得胜 (เต๋อเซิ่ง) แปลว่า ชัยชนะ