เผยเชียนเข้าเว็บ TPDb แล้วเลื่อนดูคอมเมนต์ของกิจการต่างๆ
อีเว้นต์ 1024 วันดิจิทัลทำให้โมหยูเดลิเวอรี่ กิจการคอมพิวเตอร์ประกอบ ROF และนี่เฟิงโลจิสติกส์ได้คอมเมนต์ดีๆ มากมาย ตอนนี้แต่ละกิจการได้คะแนนรวมอยู่ที่ประมาณ 9.5 ส่วนคอมเมนต์แง่ลบมีน้อยมาก
กิจการบางส่วนทำกำไรให้บริษัทได้เรื่อยๆ เช่น เกมกำไรงามของเถิงต๋ากับฉางหยางเกมส์ ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู ครัวส่วนตัวหมิงหยุน และอื่นๆ กิจการเหล่านี้ต่างได้คะแนนสูงเช่นเดียวกัน
ถึงสถานการณ์ของรอบบัญชีนี้จะดูน่าเป็นห่วง แต่เผยเชียนก็มีเวลาวางแผนอีกนาน
เขาเปิดหน้าเว็บสำหรับภายในองค์กรดูแล้วพบว่าเริ่มมีพนักงานเข้ามาใช้งานกันบ้างแล้ว
หลายๆ บริษัทมีหน้ากระทู้สนทนาภายในองค์กร เถิงต๋าเองก็เหมือนกัน ตอนมอบหมายให้หม่าอี้ฉวินรับผิดชอบเว็บไซต์ TPDb เผยเชียนบอกให้อีกฝ่ายทำกระทู้สนทนาภายในองค์กรเพิ่มด้วย
เขาเลื่อนดูกระทู้สนทนา แต่ก็ไม่พบใครพูดถึงเถิงต๋าในเชิงลบเลย เรื่องนี้ทำให้เขาผิดหวังมาก
กระทู้ภายในองค์กรของเถิงต๋านั้นแตกต่างจากของบริษัทส่วนใหญ่
กระทู้ภายในองค์กรส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สำหรับเสนอข้อคิดเห็นตามตรงและแนะนำแนวทางการปรับปรุง แต่กระทู้เหล่านี้มักจะถูกจับตาดูอย่างเข้มงวด
ถ้าฝ่ายเทคนิค (หรือผู้บริหารระดับสูง) อยากตรวจเช็ก พวกเขาก็ดูได้ว่ามีใครบ้างที่ออกมาเสนอความคิดเห็น รวมถึงดูเนื้อหาการสนทนาในโปรแกรมแชตหรือกระทู้สนทนาภายในองค์กรได้ด้วย
ดังนั้นแม้จะอยากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถด่าทอบริษัททางโปรแกรมแชตภายในองค์กรได้ ต้องไปปลดปล่อยทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ แทน
กระทู้สนทนาภายในบริษัทเองก็เหมือนกัน พนักงานคุยประเด็นทั่วไปที่กำลังเป็นกระแสได้ แต่ถ้ามีใครพูดถึงบริษัทในทางไม่ดีหรือใช้ ‘ภาษาที่ไม่เหมาะสม’ กระทู้ก็จะโดนลบทันที ฝ่ายบริหารระดับสูงอาจเรียกพนักงานคนนั้นมาพูดคุยด้วยเป็นการส่วนตัว หรืออาจถึงขั้นขอให้ออกจากงาน
ถือเป็นวิถีปฏิบัติทั่วไป เพราะทุกบริษัทมีฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่คอยดูแลเรื่องความคิดเห็นสาธารณะ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ไม่สามารถควบคุมสิ่งที่คนนอกพูดถึงบริษัทได้ แต่สามารถควบคุมคนในและจัดการได้ตามที่ต้องการ
แต่กระทู้สนทนาภายในของเถิงต๋านั้นไม่เหมือนกัน
เผยเชียนอยากให้มีกระทู้พูดถึงในเชิงไม่ดี!
เขาคิดว่าพนักงานของตัวเองน่าจะไม่กล้านำเสนอเรื่องไม่ดีของบริษัทตรงๆ
แต่อย่างน้อยถ้าเป็นช่องทางออนไลน์ก็น่าจะกล้ากัน
เพราะกลัวว่าพนักงานจะไม่กล้านำเสนอเรื่องไม่ดี เผยเชียนจึงขอให้ทำกระทู้แบบที่ไม่ระบุตัวตนคนตั้งกระทู้ พนักงานทุกคนตั้งกระทู้โดยไม่ระบุตัวตนได้ และจะไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของกระทู้เป็นใคร
นอกจากนี้เผยเชียนยังบอกให้ฝ่ายแอดมินปล่อยข้อมูลให้พนักงานรู้ว่า กระทู้สนทนาภายในนั้นไม่ระบุตัวตนคนใช้งานจริงๆ พวกเขาวิจารณ์บริษัทเสียๆ หายๆ ได้ตามใจชอบ เพราะไม่มีใครรู้ว่าผู้ใช้งานแต่ละคนคือใคร
กระทู้สนทนาภายในเป็นที่นิยมมากขึ้น มีพนักงานเข้ามาตั้งกระทู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็ไม่มีใครพูดถึงบริษัทในทางไม่ดีเลยสักคนเดียว เผยเชียนไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้
จู่ๆ เผยเชียนก็คิดขึ้นมาว่าในฐานะบอสของบริษัท เขาต้องโพสต์อะไรสักอย่างลงในกระทู้สนทนาภายใน
บอสหลายคนชอบโพสต์ข้อความลงในกระทู้สนทนาภายในเพื่อให้กำลังใจหรือล้างสมองพนักงาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ได้ผลดีทีเดียว
ดังนั้นเผยเชียนจึงคิดว่าตัวเองต้องทำให้พนักงานของเถิงต๋าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ไม่อย่างนั้นอาจมีใครถวายตัวทำงานหนักแล้วแทงเขาข้างหลังได้ ซึ่งจะเป็นปัญหาขึ้นมาในภายหลัง!
บอสเผยสั่งแล้วสั่งอีกให้ทุกคนทำงานให้น้อยลงและพักผ่อนให้มากขึ้น แต่ทุกคนกลับไม่สนใจคำสั่งของเขาเลย
ปล่อยไว้ไม่ได้!
เขาจะเขียนจดหมายภายในแล้วปักหมุดไว้ในกระทู้สนทนาภายใน
ทำแบบนี้เหล่าพนักงานก็จะเห็นจดหมายของเขาทุกครั้งที่เปิดกระทู้สนทนาภายใน
จดหมายภายในของบอสเผยจะอัดแน่นไปด้วยสิ่งที่บอสเผยหวัง รวมถึงเป็นการเตือนและให้กำลังใจพนักงานด้วย!
เผยเชียนเปิดเอกสารแล้วเริ่มลงมือเขียนจดหมาย
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาเขียนไปได้แค่สามบรรทัด
“…ไม่ได้เลย ต้องไปหาดูตัวอย่าง”
เผยเชียนรู้สึกว่าตัวเองเขียนได้ไม่ดีนัก จึงเปิดเว็บเชียนตู้ไปค้นดูจดหมายภายในของบริษัทใหญ่ๆ มาใช้เป็นตัวอย่าง
ไม่นานเผยเชียนก็เจอจดหมายภายในหลายฉบับที่เนื้อความเต็มไปด้วยการให้กำลังใจพนักงาน
เขาหันมองวันที่ วันนี้บังเอิญเป็นวันที่ 31 ตุลาคมพอดี
วันนี้เมื่อหนึ่งปีก่อน เผยเชียนตัดสินใจเช่าตึก จ้างพนักงาน และขยายกิจการออกไปเพื่อให้ขาดทุนได้มากขึ้น
พูดได้ว่าวันนี้คือวันครบรอบหนึ่งปีที่เถิงต๋าก้าวเดินไปในทางที่ถูกต้องและเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว
เขาเอาเรื่องนี้มาใช้เกริ่นนำได้
จดหมายภายในฉบับหนึ่งที่เผยเชียนพบชื่อว่า ‘คุณต้องทำงานหนักเพื่อชีวิตที่ดีกว่า’
เนื้อหาในนั้นไม่มีอะไรมาก แค่เน้นย้ำให้ทำงานหนักและทำเงินให้ได้เยอะๆ เพื่อที่จะได้พัฒนาตัวเอง ยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ ตระหนักถึงความหมายของการมีชีวิต และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
เป็นข้อความให้กำลังใจให้มุ่งเน้นความสำเร็จสุดคลาสสิกที่เต็มไปด้วยแนวคิดแย่ๆ
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มแปลงข้อความใหม่ทีละประโยค
…
‘คุณต้องใช้ชีวิตให้เต็มที่ถึงจะทำงานได้ดีขึ้น’
ถึงพนักงานที่รักทุกคนของบริษัทเถิงต๋าเน็ตเวิร์กเทคโนโลยีโนiวลกูดอทคอม
เถิงต๋าถือกำเนิดมาสี่ร้อยเก้าวันแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่เถิงต๋าตั้งออฟฟิศที่ตึกเฉินฮว่าแกรนด์วิว จ้างพนักงานหลัก และเริ่มก้าวเดินไปในทางที่ถูกต้อง!
หนึ่งปีที่ผ่านมาก เถิงต๋าประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปัญหาใหญ่หลายประการ
ผมขอส่งต่อคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจของผม คุณต้องใช้ชีวิตให้เต็มที่ถึงจะทำงานได้ดีขึ้น!
ผมรู้ว่าหลายคนมองว่าเถิงต๋านั้นใจดีกว่าหลายๆ บริษัท
แต่คุณต้องไม่ลืมว่ายังมีอีกหลายบริษัทในโลกที่ดีกว่าเถิงต๋า!
อย่าพอใจกับสภาพแวดล้อมการทำงานในปัจจุบัน พวกคุณต้องร้องขอกับบริษัทให้มากกว่านี้!
เวลาเดินหน้าไม่หยุด อุตสาหกรรมมีการพัฒนาอยู่ตลอด
ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน คุณก็ไม่มีทางตามเวลาได้ทัน
ดังนั้นการทุ่มเทกับงานจนเสียสุขภาพจึงเป็นการกระทำที่ไร้ความหมาย!
ตั้งแต่เปิดเถิงต๋ามาผมใช้จ่ายเงินเต็มที่มาตลอด ผมยืนกรานขอเช่าออฟฟิศที่ดีที่สุดและซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ดีสุด ถ้าเหนื่อยผมก็งีบ ถึงเวลาเลิกงานผมก็ไม่เคยอยู่ต่อ
ถึงนาฬิกาปลุกจะดังแล้วแต่ผมก็ยังนอนต่อ ไม่ว่าจะมีงานรออยู่เยอะแค่ไหน ผมก็จะให้ความสำคัญกับการนอนเป็นอันดับแรก
แล้วผลเป็นอย่างไร
เถิงต๋าทำเกมออกมาเกมแล้วเกมเล่า นิสัยของผมไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนมาอยู่ในตำแหน่งปัจจุบัน
ความจริงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าการทำงานหนักไม่ได้ส่งผลต่อการเติบโตของบริษัท!
พนักงานความสามารถโดดเด่นหลายคนถือกำเนิดขึ้นเรื่อยๆ แค่ในปีที่ผ่านมา มีพนักงานอย่างน้อยสี่ถึงห้าคนที่ได้ทุนตามฝันและได้เปิดกิจการใหม่
บริษัทเปิดรับพนักงานใหม่เรื่อยๆ แต่หลายคนกลับเอาแต่ทุ่มเททำงานหนัก มีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักหยุดพัก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป การทำงานหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาจะนำพาบริษัทสู่ความล่มจม ตกลงหุบเหวที่ไม่มีวันปีนกลับมาได้!
พนักงานที่ทุ่มเททำงานจนเสียสุขภาพไม่ใช่พนักงานที่ดี!
ในบริษัทมีพนักงานหลายคน แต่ละคนได้รับผิดชอบงานต่างกัน การทำงานร่วมกันเป็นทีมเท่านั้นที่จะช่วยให้งานออกมาดีได้ จึงไม่จำเป็นเลยที่จะต้องอยู่ทำงานล่วงเวลา
ถ้าคุณอยู่ทำงานล่วงเวลา ก็เท่ากับว่าคุณไม่ไว้วางใจความสามารถของเพื่อนร่วมงาน และไม่เชื่อถือการแบ่งภาระงานของหัวหน้า ซึ่งขัดกับจิตวิญญาณของเถิงต๋า!
พนักงานที่ดีจะต้องรู้จักแบ่งเวลาทำงานกับเวลาใช้ชีวิตให้สมดุลกัน คุณต้องรู้จักใช้ชีวิตให้เต็มที่ถึงจะทำงานได้ดีขึ้น!
ถ้าคุณเอาแต่พะว้าพะวังเรื่องงานจนละเลยเรื่องชีวิต ก็จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน และไม่มีเวลาสำหรับการเรียนรู้พัฒนาตัวเองเพิ่ม พนักงานแบบนี้อาจจะโดนพนักงานหน้าใหม่แทนที่ได้ เพราะไม่ใช่พนักงานแบบที่เถิงต๋าต้องการ!
เถิงต๋าประสบความสำเร็จมากแล้ว คุณจะทำงานหนักหรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับบริษัท
เถิงต๋ามีกฎห้ามพนักงานทำงานล่วงเวลา แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าคุณทำงานล่วงเวลาไม่ได้เลย แต่พนักงานทุกคนของเถิงต๋าจะต้องรู้จักแบ่งเวลางานและเวลาพักผ่อน ต้องเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับชีวิต!
ทุกๆ วันผมตื่นนอนตอนสิบโมงเช้าและทำงานแค่สามถึงสี่ชั่วโมงต่อวัน แต่บริษัทก็ยังก้าวหน้าไปได้เรื่อยๆ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจ ไม่ต้องทำงานหนัก ตอนนี้บริษัทกำลังไปได้ดีแล้ว
สุดท้ายผมหวังว่าพนักงานทุกคนจะเข้าใจจิตวิญญาณของเถิงต๋าอย่างลึกซึ้ง
ระบบทำงานแปดชั่วโมงเป็นสิทธิ์ที่คนยุคก่อนต่อสู้เพื่อวางรากฐานที่ดีให้คนยุคหลัง การจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นได้ไม่ใช่ 996 แต่เป็นการทำงานอย่างมีความสุขต่างหาก!
การทำงานเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต การทำงานหนักเพิ่มหนึ่งถึงสองชั่วโมงต่อวันการันตีความสำเร็จได้หรือไม่ แน่นอนว่าไม่ใช่
การทำงานหนักส่งผลเสียต่อสุขภาพ ถึงบริษัทจะจ่ายค่าล่วงเวลาและค่าชดเชยการเจ็บป่วยให้ แต่คนที่ต้องทุกข์ทรมานก็คือคุณ
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมไม่หันมาแบ่งเวลาไปใช้กับครอบครัวและสิ่งที่คุณสนใจแทนล่ะ
เถิงต๋าส่งเสริมให้พนักงานทุกคนพัฒนาตัวเองในด้านที่สนใจ เพราะจริงๆ แล้วการมีพนักงานที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ นี่แหละที่ทำให้เถิงต๋ามายืนอยู่ในจุดนี้ได้!
การทำงานล่วงเวลาเป็นสิ่งที่ผิดเพี้ยนจากธรรมชาติของมนุษย์ เป็นความตกต่ำทางจริยธรรม เป็นความหดหู่ของสังคม และจะเป็นการทำให้บ้านเมืองล่มสลาย
ผมหวังว่าพนักงานทุกคนของเถิงต๋าจะให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นอันดับแรกเหมือนผม ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ขอให้ทุกคนปฏิเสธการทำงานล่วงเวลาและหันไปใช้ชีวิตให้มีความสุข!
ถึงเวลาเลิกงาน โปรดกลับบ้านทันที!
…
หลังจากอ่านทวนตั้งแต่ต้นจนจบ เผยเชียนก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
เขาแปลงเนื้อความจดหมาย ‘คุณต้องทำงานหนักเพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ไปจนหมด จากจดหมายปลุกไฟในการทำงานกลายเป็นจดหมายดับไฟให้มอดไป ซึ่งสามารถถ่ายทอดความในใจของเผยเชียนได้เป็นอย่างดี
ถ้าพนักงานของเขาทำงานหนัก นอกจากจะเป็นการทำร้ายตัวเองแล้ว ยังเป็นการทำร้ายคนอื่นอีก!
แต่ถ้าหันมาอู้งานกันก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย!
ตั้งแต่รอบบัญชีนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างจะยากขึ้น ยอดขาดทุนจะแปลงมาเป็นความมั่งคั่งส่วนบุคคลในอัตรา 10:1 เผยเชียนต้องมั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะมีทัศนคติตรงกันกับเขา เพื่อที่จะได้ก้าวข้ามอุปสรรคไปด้วยกัน!
ทุกครั้งที่พนักงานทำงานล่วงเวลาน้อยลงหนึ่งวัน บอสเผยก็จะมีความสุขมากขึ้น!
หลังจากตรวจดูจดหมายอีกครั้งว่าไม่มีข้อผิดพลาดอะไร เผยเชียนก็โพสต์จดหมายภายในฉบับแรกลงในกระทู้สนทนาแล้วปักหมุดไว้ด้วยความแน่วแน่