ฝันร้าย….
เป็นฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
เขาลืมทงซิน ลืมพี่สาว ลืมเสวี่ยเอ๋อร์…. ลืมทุกอย่างจนหมดสิ้น
ในโลกว่างเปล่าเป็นผืนมืดดำ ไม่ทราบว่าสติสูญหายไปนานแค่ไหน ในที่สุดเขาก็เริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง ในช่วงที่สติกำลังฟื้นฟู ระหว่างหวาดกลัวเขาเริ่มจดจำได้…. ภาพคนเหล่านั้นทำให้เขาตื่นเต้นดีใจ เขายังจำหนิงเสวี่ยได้ จำทงซินได้…. จำได้ว่ามายังก้นทะเลตะวันตกตามคำบอกของมุกเรืองปฐพี พบกับต้นพืชที่จักรพรรดิเหนือได้หว่านเอาไว้….
จดจำได้โดยไม่มีขาดตก…. แต่นั่นจะเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้นจริงๆหรือ?
เขายังคงจำความกลัวขณะถูกพรากความทรงจำได้…. หรือความทรงจำได้สูญเสียไปมากเกินไป ทำให้เข้าใจว่าจำได้ ทั้งที่ยังมีส่วนที่จำไม่ได้อีกมาก
สติฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง เขาเริ่มฟื้นคืนประสาทการได้ยินและประสาทสัมผัส…. สัมผัสถึงความเย็นใต้ร่างกาย เหมือนกำลังนอนอยู่บนทรายนุ่ม ชวนให้นึกถึงหาดทรายสีขาว ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาจดจ่ออยู่คือตรงริมฝีปาก เนื่องจากมีสิ่งอ่อนนุ่มอย่างมากสัมผัสอยู่ ราวกับว่าที่สัมผัสอยู่นั้นคือริมฝีปากของหญิงสาว…. ความอบอุ่นจากพลังที่คุ้นเคยและแปลกหน้าค่อยๆแผ่เข้ามาอย่างห่วงใย….
ในที่สุด เย่หวูเฉินเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ สมควรเป็นเวลานานมากที่ดวงตาไม่ได้กระทบแสงสว่าง เปลือกตาจึงปิดลงทันทีที่สัมผัสแสง ทว่าฉับพลันก็ลืมตาโพลงและจ้องมองที่ตรงหน้า
ที่ตรงหน้ามีใบหน้าหนึ่งในระยะประชิด…. เป็นใบหน้าที่ขาวอย่างยิ่งแต่ไม่ได้ซีดเซียวหรือผิดปกติ หากแต่เป็นสีขาวกระจ่างราวกับโปร่งใส ขาวดุจภาพมายาในความฝัน ดวงตาของนางปิดอยู่ ขนตายาวสั่นไหวเล็กน้อย จมูกงดงามดุจหยกสลัก สายลมอ่อนโยนโชยมา เส้นผมพริ้วสัมผัสกับข้างแก้ม ปรากฎเป็นชัดเจนต่อสายตาของเย่หวูเฉิน…. เส้นผมนั้นไม่เพียงขาวดุจหิมะ แต่ยังขาวฟุ้งดุจภาพมายา
ผู้หญิง?
นาง….เป็นใคร?
สัมผัสรับกลิ่นคืนกลับมา กลิ่นหอมที่โชยเข้าจมูกช่างคุ้นเคยสำหรับเย่หวูเฉิน
นี่มัน….
ลมหายใจที่พลันกระชั้นทำให้สาวน้อยลืมตาขึ้น นางถอนริมฝีปากออกจากเย่หวูเฉิน จากนั้นขยับกายออกโดยไม่ปรากฎความเอียงอายใดๆ มีเพียงรอยยิ้มและแววตาที่มองมาด้วยความสุข
“เจ้าคือ….เซียงเซียง?” เย่หวูเฉินมองสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า ท่าทางราวกับเหนือความคาดหมาย หากไม่ใช่เพราะกลิ่นหอมของนาง เส้นผมขาวดุจหิมะ และชุดเสื้อผ้าสีขาว เขาย่อมไม่มีทางเอ่ยชื่อเซียงเซียงออกมา
นี่คือใบหน้าของเซียงเซียง…. แต่นางไม่ได้มีขนาดเท่าฝ่ามือของเย่หวูเฉินเหมือนทุกครั้ง นางมีขนาดร่างกายเท่ากับเด็กสาวทั่วไปอายุ 14-15 ปี แววตาใสซื่อเหมาะสมกับเด็กสาววัยนี้
สาวน้อยยังคงยิ้ม ไม่ได้กล่าวตอบหรือพยักหน้า ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้านางช่างคุ้นเคย ตั้งแต่เขาได้ครองพลังของมุกจิตวารีจนมีพลังเพิ่มพูนขึ้นขอบเขตใหญ่ พลังของเซียงเซียงก็ทะลวงสู่ขอบเขตเทวะเช่นกัน นับแต่นั้นนางไม่เคยส่งเสียง ‘อิย๊า อิย๊า’ อีกเลย ทั้งยังไม่ขี้ขลาดเหมือนแต่ก่อน ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น นางมักยิ้มบางบนใบหน้าคอยมองเขากับหนิงเสวี่ย เช่นเดียวกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่ปรากฎในเวลานี้
แต่เย่หวูเฉินไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า นางจะมีทักษะการเปลี่ยนขนาดร่างกาย
แม้ว่าเซียงเซียงไม่ได้กล่าวตอบ แต่เย่หวูเฉินได้รับคำตอบที่เขาต้องการแล้ว เขาจ้องมองเซียงเซียงเป็นเวลานาน จากนั้นยิ้มให้ “ขอบคุณเซียงเซียง เจ้าช่วยข้าไว้อีกครั้งหนึ่งแล้ว”
สาวน้อยยิ่งยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น ดวงตาและคิ้วโค้งจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ขนตาสองแถวราวกับปีกผีเสื้อกระพริบอ่อนโยน ยามนางยังมีขนาดร่างกายเล็กๆเย่หวูเฉินไม่เคยคิดสิ่งใด ทว่ายามนี้เมื่ออยู่ใกล้แค่เอื้อม ได้เห็นภาพอย่างชัดเจน เขาพลันตระหนักว่าเด็กสาวที่กลายร่างจากจิ้งจอกมังกรผู้นี้กลับมีรูปโฉมงดงามถึงขั้นไร้ตำหนิ เฉพาะดวงหน้าหิมะก็ไม่อาจหาจุดบกพร่องแล้ว แต่ละจุด แต่ละตารางนิ้วล้วนงดงามอย่างเหลือเชื่อ
จิ้งจอกมังกร…. สิ่งมีชีวิตที่ปรารกฎขึ้นในใจกลางโกลาหล สายพันธุ์ที่แข็งแกร่งและบริสุทธิ์สูงสุดในโกลาหล กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโกลาหล ไม่มีสิ่งใดสามารถเปรียบเทียบกับนางได้
“เซียงเซียง เจ้างดงามมาก” เย่หวูเฉินยังคงมีรอยยิ้ม ทว่าสายตากลับพร่ามัวลง ไม่เกินจริงหากจะกล่าวว่าสตรีเลอโฉมสูงสุดแห่งทวีปเทียนเฉินแทบทุกคนรวมอยู่ที่ข้างกายเขา ภูมิต้านทานต่อสิ่งสวยงามจึงเหนือกว่าบุรุษทั่วไปมาก ทว่ายามนี้จิตใจกลับสับสนอลม่าน ไม่อาจยับยั้งความปรารถนาในใจได้
เขาเอื้อมมือออกฉับพลัน คว้าสาวน้อยที่ยิ้มบางมาไว้ในอ้อมแขน ก้มศีรษะลงประทับจูบลงบนริมฝีปาก ท่ามกลางแววตาหมดหนทางของนาง…. เมื่อครู่ขณะประสาทสัมผัสคืนกลับมา นางได้ถอนริมฝีปากออกไป ทว่ารสสัมผัสอันสมบูรณ์ที่ไม่อาจบรรยายเป็นถ้อยคำได้ มันได้ประทับฝังลึกในจิตใจ ทำให้เขาโหยหารสสัมผัสนั้นอีกครั้งอย่างแรงกล้า
ริมฝีปากของเซียงเซียงอ่อนนุ่มและหอมหวานกว่าเด็กสาวทั่วไป เมื่อร่างของนางอยู่ชิดใกล้กลิ่นกายยิ่งหอมขึ้น ก่อเกิดความลุ่มหลงต่อสติของเย่หวูเฉินช้าๆ เปลือกตาของเซียงเซียงเริ่มปิดลงช้าๆอย่างสงบ
มือที่คว้าเอวของสาวน้อยเคลื่อนขึ้นโดยไม่รู้ตัว คว้าอกสำลีไว้อย่างเบามือ จากนั้นบีบลงเล็กน้อย สัมผัสนุ่มนิ่มแผ่เต็มมือ…. สาวน้อยในอ้อมแขนดีดร่างออกทันทีราวกับถูกไฟช็อต ยกมือสองข้างป้องหน้าอกตัวเองไว้ จ้องมองมาที่เขาด้วยความแตกตื่น
ดวงตาพร่ามัวของเย่หวูเฉินพลันตื่นขึ้นทันที สายตาตกบนใบหน้าของเด็กสาวที่กลายเป็นซับซ้อน ขณะที่เขากำลังจะเปิดปาก สาวน้อยตรงหน้าก็กลายเป็นแสงขาว และพุ่งกลับเข้าสู่ร่างของเขา
เย่หวูเฉินนิ่งค้างโง่งมอยู่ตรงนั้น ค่อยๆหลับตาลง ในสถานที่เบื้องลึกในจิตใจ เซียงเซียงได้กลายเป็นสาวน้อยตัวเล็กๆและหลับตาอยู่ เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เซียงเซียง…. เจ้าโกรธหรือ?”
“……..”
เย่หวูเฉินยิ้มพลางส่ายศีรษะ เขาเอื้อมมือซ้ายขึ้นล่วงละเมิดนางอย่างไม่อาจช่วยได้ อกของเซียงเซียงเล็กมาก หากสัมผัสกลับอัศจรรย์เกินบรรยาย ร่างทรงเสน่ห์ของเสวี่ยเฟยเยี่ยนยังไม่เคยพรากจิตวิญญาณของเขาเหมือนเมื่อครู่ เขาไม่โกรธหรือเกลียดตัวเองที่ล่วงเกินนาง เพราะเสน่ห์ของนางรุนแรงจนเกราะป้องกันในจิตใจถูกทำลายลงโดยตรง วันนี้เขาได้ทราบว่าสาวน้อยที่คอยติดตามอยู่ข้างกาย กลับกลายเป็นสตรีงดงามยิ่งกว่าเทพธิดาจากฟ้า
“สมควรโกรธแล้ว” เย่หวูเฉินยังคงยิ้มและส่ายศีรษะ เขาวางมือกับพื้นเพื่อยันกายขึ้น หากพลันพบว่าในมือขวามีบางอย่างอยู่ เมื่อยกขึ้นดูม่านตาของเย่หวูเฉินก็หดลีบลงทันที
ผลธุลีเทา!
เขายังคงจดจำความน่ากลัวจากการถูกพรากความทรงจำได้ ทั้งยังเชื่อว่านั่นไม่ใช่ความฝันหรือภาพลวงตา แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ความทรงจำเริ่มสูญหายตั้งแต่เขาสัมผัสผลธุลีเทา เขาจำได้ว่าตอนนั้นซือเฉินส่งเสียงห้ามปรามอย่างร้อนใจ นางย่อมรู้ว่ามันคือสิ่งใด…. ทว่าเหตุใดความทรงจำของเขาในยามนี้จึงครบถ้วน เขารู้เพียงว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเซียงเซียง
หากสิ่งหนึ่งที่เย่หวูเฉินไม่อาจเข้าใจ คือตอนนี้เขาจับผลธุลีเทาไว้ในมือเหมือนกับตอนนั้น แต่เหตุใดจึงไม่มีความรู้สึกผิดปกติใดๆ ผลไม้ลูกนี้เล็กอย่างมาก เบามากราวกับไร้น้ำหนัก ดังนั้นเย่หวูเฉินจึงไม่ตระหนักว่าตัวเองกำลังกำมันไว้หลังจากที่ฟื้นคืนสติกลับมาในชั่วเวลาสั้นๆ
ผลธุลีเทาในมือ คือสิ่งยืนยันว่าบททดสอบแรกของมุกเรืองปฐพีได้สำเร็จลงแล้ว เย่หวูเฉินหลับตาลงและเอ่ยเสียงเบา “เซียงเซียง หากเจ้าไม่ได้โกรธ ช่วยส่งข้ากลับไปที่นั่น ตกลงมั้ย?”
ก่อนหน้าวันนี้ เขามองเซียงเซียงเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงที่ครองพลังมิติอันแกร่งกล้า และเขาไม่อาจขาดพลังนี้ได้ ทว่าหลังจากที่เซียงเซียงเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ผู้มีขนาดร่างกายธรรมดา มุมมองของเขาต่อเซียงเซียงจึงเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง จากนี้ต่อไป เขาไม่อาจมองเซียงเซียงเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงได้อีก
ในโลกเบื้องลึกของจิตใจยังคงไร้คำตอบ หลังจากที่เย่หวูเฉินส่งเสียงเรียกเป็นครั้งที่สาม สาวน้อยเซียงเซียงจึงปรากฎตัวที่เบื้องหลังของเย่หวูเฉินอย่างเงียบงัน แผ่กลุ่มแสงขาวเข้าห่อหุ้มร่างของเย่หวูเฉิน
เซียงเซียงไม่ได้โกรธการกระทำของเย่หวูเฉิน ไม่เลยแม้แต่นิด เพราะเมื่อนางผูกชะตายอมรับเย่หวูเฉินเป็นเจ้านายด้วยเหตุผลของหนิงเสวี่ย นับแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ไร้พลังที่จะปฏิเสธเขาอีก
ทว่าอีกสถานะหนึ่งของนาง อย่างไรก็คือจิ้งจอกมังกร
สติปัญญาของจิ้งจอกมังกรแปรผันตามพลัง เดิมทีพลังของมันลดลงถึงจุดต่ำสุด ด้วยสติปัญญาเพียงแค่นั้นจึงส่งเสียงได้เพียงอิย๊าๆเท่านั้น แต่หลังจากที่พลังของนางฟื้นคืนจนถึงระดับเทวะ สติปัญญาจึงใกล้คนปกติมากขึ้นเรื่อยๆ นางอาศัยอยู่ในกายของเย่หวูเฉิน คอยมองดูเขาทุกการกระทำ ได้รู้จักโลกนี้ผ่านเขาด้วยตาตัวเอง รวมทั้งเรื่องที่เขามีกิจกรรมสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง
เมื่อใดก็ตามที่นางคิดถึงเรื่องนั้น หัวใจจะเกิดความกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้…. มิใช่เป็นการกลัวถึงเรื่องพรรค์นั้น หากแต่เสียงในใจได้บอกกับนาง ว่าเรื่องนี้นางทำไม่ได้โดยเด็ดขาด…. เด็ดขาดถึงขีดสุด ไม่อย่างนั้น จะต้องมีเรื่องร้ายแรงและน่ากลัวอย่างยิ่งเกิดขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ขณะที่เย่หวูเฉินเคลื่อนมือจับหน้าอกนาง นางจึงพลันนึกถึงภาพเหล่านั้นและดีดร่างออกด้วยความตระหนกทันที
ทว่าอย่างไรเย่หวูเฉินก็เป็นเจ้านายนาง หากเขายังคงยืนกรานนางย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ ต่อให้เขาต้องการพรากชีวิตของนางก็ตาม หากโชคยังดีที่เขาไม่บีบคั้นนางใดๆ ทั้งยังใช้น้ำเสียงปลอบโยนนาง ไม่ปล่อยให้นางตื่นกลัว…. เย่หวูเฉินเข้าใจว่านางโกรธ แต่ความจริงแล้วนางละอายที่ไม่อาจตอบรับความปรารถนาของเขาได้
ที่นี่คือชายฝั่งทะเล ใต้เท้าเป็นพื้นทรายนุ่ม บรรยากาศโดยรอบงดงามถึงขีดสุด แต่อาจเป็นเพราะเหตุผลทางภูมิประเทศ ทำให้ที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดมาเยือน หลังจากที่แสงขาวสว่างวาบ มิติถูกตัดขาด ภาพทะเลตรงหน้าก็หายไป แทนที่อีกครั้งด้วยทะเลทรายสีเหลือง
“ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”
มุกเรืองปฐพีเอ่ยคำทักทาย
เย่หวูเฉินผงกศีรษะ เปิดฝ่ามือขวาและยื่นออกไปเบื้องหน้า ผลธุลีเทาปรากฎอยู่บนฝ่ามือ “ท่านให้ข้าเก็บสิ่งนี้มาใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง นับแต่เจ้าออกไปจากที่นี่ ข้าก็เฝ้ามองดูเจ้าทุกการกระทำ…. แม้ว่าเจ้าประสบเหตุพลิกผันใหญ่หลวง แต่ในที่สุดเจ้าก็สามารถนำมันกลับมาได้”
ไม่ทราบว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่เย่หวูเฉินคล้ายได้ยินบางอย่างผิดปกติในถ้อยคำของมุกเรืองปฐพี