📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 6 ตอนที่ 332

บทที่ 332 - ตัดแขน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“ท่านประมุข ข้ามาช่วยแล้ว….มังกรหยกวารี!” ฉุ่ยหยุนพ๋อทะยานเข้าไปถึงตรงที่ทั้งสี่คน ผลักฝ่ามือขึ้นฟ้า ปลดปล่อยพลังแสงสีฟ้าขณะกู่ร้อง ประสานพลังเข้ากับหยกวารีที่ยอดฝีมือเทวะทั้งสี่สร้างขึ้นมา แม้หยกวารีจากพลังขอบเขตสวรรค์ชั้นสูงจะเล็กน้อยนักเมื่อเทียบกับพลังเทวะ หากพลังนิดน้อยสายนี้กลับลดความรู้สึกกดดันให้บุคคลทั้งสี่ได้อย่างมาก การยันต้านยังไม่ปรากฎการเปลี่ยนแปลง ขณะที่จิตสมาธิทั้งหมดถูกใช้ออก การกระทำของศิษย์สำนักจักรพรรดิใต้ผู้หนึ่งจึงไม่อาจดึงความสนใจจากพวกเขา ทั้งสี่คนไม่กล้าแบ่งจิตสมาธิไปที่ใดแม้แต่น้อย

“ท่านประมุข ผู้ชรามาช่วยแล้ว! มังกรหยกวารี!!”

“มังกรหยกวารี!”

“ฮ่าห์!”

……………..

…………….

ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์มากกว่าสิบคน และยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณมากกว่า 70 คน เข้ามาห้อมล้อมสี่บุคคลอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดโคจรพลังหยกวารีของตนเอง แล้วปล่อยมังกรหยกวารีขึ้นสู่ท้องฟ้า ประสานเข้ากับแสงฟ้าอันเข้มข้นน่าหวาดหวั่น ทันใดนั้น แสงฟ้ากลายเป็นยิ่งเกรี้ยวกราด สภาวะต้านยันพลันแปรเปลี่ยน มันค่อยๆผลักแสงทมิฬให้ล่าถอยทีละก้าว จากนั้นจึงเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ…. จนกระทั่งเมื่อ 200 กว่าคนปลดปล่อยพลังหยกวารีโดยไม่เก็บยั้ง มังกรหยกวารีสีฟ้าก็ทะยานขึ้นนภา ด้วยพลังไร้ต้านมันกลืนกินแสงทมิฬ พุ่งเข้าปะทะทงซินอย่างรุนแรง และเข้าครอบคลุมทั่วกายนาง

แสงทมิฬลบหายไปสิ้น ท้องนภาคืนสู่แสงสว่างในพริบตา มิติหลุมดำถูกสลายด้วยพลังจนไม่เหลือ การประสานของสี่สุดยอดฝีมือเทวะกับยอดฝีมือแห่งสำนักจักรพรรดิใต้นับ 200 คน ผลลัพธ์คือพลังหยกวารีอันมหาศาล ด้วยพลังน่าสะพรึงสุดท้ายก็ทลายการต้านยันที่ติดตรึง ส่งสตรีเทพพิโรธที่แผ่เงาทะมึนลึกล้ำในหัวใจ ให้ปลิวลิ่วขึ้นฟ้าไกลลิบตา ไกลจนกระทั่งได้ยินเสียงมังกรคำรามเพียงรางเลือน

ในระยะสิบลี้ หรือกระทั่งร้อยลี้ ผู้คนจะสามารถมองเห็นตำแหน่งที่ตั้งของสำนักจักรพรรดิใต้ได้อย่างชัดเจน แสงฟ้ามหึมาดุจอุกกาบาตที่ทะยานขึ้นสูงสุดฟ้า

“ทงซิน!” เย่หวูเฉินราวกับผวาตื่นจากฝันร้าย ลืมตาขึ้นโพลงอย่างฉับพลัน หันไปยังทิศทางที่ทงซินปลิวหายไป สีหน้ากลับกลายด้วยความตกตะลึง

เมื่อเย่หวูเฉินหันใบหน้าเย็นเชียบกลับมา บุรุษที่เฝ้าเขาอยู่ก็หันหน้ามาเช่นกัน หากเขาพลันรู้สึกถึงสายลมเร็วรุดและไม่ทันตั้งตัว มีฝ่ามือดุจคีมคีบ บีบลำคอเขาไว้

“เจ้า….ได้ตายไปแล้ว” หัวใจของเย่หวูเฉินห่อหุ้มด้วยโทสะ ใบหน้าทะมึนลง พ่นคำเย็นเยียบใส่ชายที่ใบหน้าตระหนกด้วยไม่เชื่อหูตัวเอง ขณะที่เขากำลังจะดิ้นรน ที่ลำคอก็ถูกบีบด้วยพลังหนักหน่วง ก่อนที่สติของเขาจะดับมอดลง ในหูก็ได้ยินเสียง ‘กร๊อบ’ ดังขึ้นชัดเจน

เย่หวูเฉินไม่ชอบเห็นคนคอหักสักเท่าไหร่ ตรงกันข้าม เขาชื่นชอบการตัดผู้คนเป็นเศษชิ้นด้วยธาตุวายุเข้มข้นมากกว่า ทว่ายามนี้การหักคอเป็นวิธีหลบหลีกการตรวจจับที่ดีที่สุด หากเขาเคลื่อนพลังวายุโดยตรง ย่อมถูกตรวจพบโดยเหล่าเทวะพวกนั้น

เย่หวูเฉินขยับกายลุกขึ้นช้าๆ จากนั้นเดินออกไปข้างนอก เมื่อออกพ้นขอบประตูก็แหงนศีรษะมองขึ้นไปเบื้องบน….

อาวุโสเทียมฟ้า , อาวุโสปฐพี , ฉุ่ยหยุนหลัน และฉุ่ยเสวียนฟง ทั้งหมดลดมือลง สิ่งแรกที่พวกเขารู้สึกยามนี้คือความรู้สึกอ่อนแอ พวกเขาครองพลังเทวะ และพลังหยกวารีก็บรรลุขอบเขตอันไพศาล ทว่าเมื่อต่อสู้กับสตรีเทพพิโรธและต้านยันกันเพียงไม่นาน พวกเขาก็พบว่าพลังหยกวารีถูกใช้ออกแทบหมดสิ้น

ทั้งสี่คนมองหน้ากัน ความหมายที่แสดงนั้น มีเพียงพวกเขาที่เข้าใจชัดเจน

ในที่สุด ผู้คนแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ก็ระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก แม้ไร้เสียงยินดีดังสนั่น แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้คลายกังวลในหัวใจ และความจริงพวกเขาไม่มีสิ่งใดให้ยินดี ทุกคนที่ปรากฎกายอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นผู้แกร่งกล้าทรนงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ ไม่มีผู้ใดเป็นตัวตนต่ำต้อย สำนักจักรพรรดิใต้ผู้หยิ่งผยองต่อโลกหล้ากลับต้องประสานพลังของสี่สุดยอดเพื่อเอาชนะบุคคลเพียงคนเดียว ยิ่งกว่านั้น ยังอาศัยพลังของยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์และวิญญาณอีกกว่า 200 คน ยามนี้พื้นที่ของสำนักจักรพรรดิใต้ยังพังทลายไปหลายส่วน ไหนเลยพวกเขาจะตื่นเต้นยินดีได้

“ท่านประมุข” ฉุ่ยหยุนพ๋อหันมองสีหน้าของแต่ละคน เมื่อเห็นสีหน้าหนักอึ้งของฉุ่ยหยุนหลัน เขาก็เอ่ยเสียงแผ่ว

เวลานี้ ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเหนือความคาดหมาย รากฐานที่ดำรงมาหลายร้อยปี กลับถูกรื้อถอนทลายลงอย่างไม่เต็มใจ ฉุ่ยหยุนหลันถอนใจยาว กล่าวอย่างอ่อนแรง “สตรีเทพพิโรธ…. เพียงเพราะนาง พวกเราจึงอดกลั้นไม่ลงมือต่อเย่หวูเฉิน คิดไม่ถึงเลยว่าแม้พวกเราจะนำตัวเย่หวูเฉินมาที่นี่โดยหลีกเลี่ยงนาง นางกลับยังติดตามมาจนกระทั่งมาถึง นี่คงเป็นชะตาที่พวกเราสำนักจักรพรรดิใต้ต้องประสบโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง”

ฉุ่ยเสวียนฟงตบบ่าและกล่าวปลอบ “ท่านประมุขโปรดอย่าใส่ใจเลย การที่หมู่ตึกขุนเขาจักรพรรดิใต้ถูกทำลาย นั่นหมายถึงหมู่ตึกขุนเขาจักรพรรดิใต้กำลังจะถือกำเนิดใหม่ และการค้นพบกระบี่หนานฮวงจากเย่หวูเฉิน จะไม่ถือเป็นการเริ่มต้นของสำนักจักรพรรดิใต้หรอกหรือ?”

ฉุ่ยหยุนหลันพยักหน้าเล็กน้อย “หวังให้เป็นเช่นนั้น หากครั้งนี้ไม่ได้กระบี่หนานฮวง ข้าคงไม่มีหน้าไปพบบรรพชนเมื่อตายไปสู่ปรภพ”

เมื่อนึกถึงเย่หวูเฉินที่รับมือยากยิ่งกว่าสตรีเทพพิโรธ หัวใจของฉุ่ยหยุนหลันก็พลันหนักอึ้งขึ้นอีกครั้ง

ฉุ่ยหยุนหลันสอดแขนเข้าในอกเสื้อ นำโซ่ตรวนสีทองออกมา เมื่อโซ่ยาวปรากฎออก ประกายสีทองก็สว่างจ้าจนแทบไม่กล้ามองด้วยสายตา อาวุโสปฐพีขมวดคิ้วมุ่นและเร่งกล่าว “ท่านประมุข เหตุใดท่านจึงนำโซ่ตรวนผนึกปีศาจออกมา?”

โซ่ตรวนผนึกปีศาจ ในสำนักจักรพรรดิใต้ได้รับตกทอดมาทั้งหมดสามเส้น เส้นหนึ่งใช้พันธนาการทงซินในอดีต อีกเส้นใช้พันธนาการฉุ่ยหยุนเทียน และนี่คือเส้นสุดท้าย เขากำโซ่ตรวนผนึกปีศาจไว้มั่นในมือ ตั้งกายตรง เงยหน้าขึ้นและกล่าวคำอย่างองอาจ “วันนี้จะต้องผนึกสตรีเทพพิโรธไว้ให้ได้ จะไม่ปล่อยให้นางหลุดรอดไปได้อีกครั้ง”

“อะไรนะ? ท่านประมุข หรือท่านจะหมายถึง….สตรีเทพพิโรธยังไม่ตาย?” อาวุโสปฐพีสีหน้าตะลึง ไม่อาจควบคุมตัวเองและแหงนมองฟ้า เห็นอยู่ชัดๆว่านางถูกมังกรยักษ์กลืนกิน ถูกพลังหยกวารีอัดกระแทกปลิวขึ้นฟ้า เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าต่อให้มีสตรีเทพพิโรธอีกสิบคน เมื่อถูกพลังยิ่งใหญ่ทลายฟ้านี้เข้า แม้แต่กระดูกก็ย่อมไม่หลงเหลือ

“หากสตรีเทพพิโรธถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ ในอดีตข้าคงไม่จำเป็นต้องสละ ใช้โซ่ตรวนผนึกปีศาจเพื่อพันธนาการนาง” ฉุ่ยหยุนหลันสีหน้าภาคภูมิขณะกล่าว จากที่ประสบเมื่อ 20 ปีก่อน ทำให้เขาทราบว่าพลังของมังกรหยกวารีที่สี่สุดยอดแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ช่วยกันสร้างขึ้นเมื่อครู่นี้ อย่างมากเพียงทำให้สตรีเทพพิโรธสูญเสียพลังต่อสู้เท่านั้น ไม่มีทางเอาชีวิตนางได้ ในอดีตยอดฝีมือเทวะทั้งหกประสานการโจมตียังไม่อาจสร้างบาดแผลอันตรายให้นางได้ ดังนั้นไหนเลยนางจะตายง่ายๆแค่เพียงนี้

ความน่ากลัวของสตรีเทพพิโรธมีเพียงหกเทวะในอดีตเท่านั้นที่รู้ซึ้ง ไม่เพียงพลังทมิฬของนางที่น่าหวั่นกลัว หากพลังป้องกันและร่างกายนางนั้นยังแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลาย

เพียงสิ้นเสียงของฉุ่ยหยุนหลัน เหนือท้องฟ้าก็มีเสียงฝ่าอากาศใกล้เข้ามา ยอดฝีมือแห่งสำนักจักรพรรดิใต้พากันแหงนมองฟ้า เห็นจุดเล็กกลางแสงตะวันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ปรากฎชัดเป็นร่างงามของดรุณีน้อยที่กำลังตกละลิ่วลงมา

“สตรีเทพพิโรธ!”

หลายสิบเสียงตะโกนขึ้นอย่างตกใจ หัวใจของผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้ล้วนตระหนก สตรีเทพพิโรธกลับไม่ถูกทำลายเป็นผงธุลีภายใต้พลังอันไร้เปรียบเมื่อครู่นี้อย่างคาดไม่ถึง…. ยิ่งกว่านั้น ยังดูคล้ายกับว่านางไม่ได้รับอันตรายใดๆ ชุดของนางไม่ปรากฎริ้วรอยขาดวิ่นแม้แต่น้อย!

ตูม!

ร่างของทงซินตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ฝุ่นผงฟุ้งตลบขึ้นสูง แผ่นดินตรงนั้นยุบตัวลง เส้นผมดำสยายกระจาย นางปิดตาเงียบงันไร้เสียง ใบหน้าขาวนวลยามนี้ขาวซีด สองมือน้อยๆจมลงผืนดิน ราวตุ๊กตาดินปั้นที่หลับไหล

“ท่านประมุข นาง….” อาวุโสปฐพีตื่นตะลึง ยอดฝีมือเทวะผู้มีหัวใจดุจผิวทะเลสาบ ยามนี้ตกตะลึงด้วยพลังลึกลับที่ทงซินแสดงออกมา

“นางยังไม่ตาย…. ในอดีต เทวะทั้งหกสามารถเอาชนะนางจนไร้พลังต่อสู้ ทว่าไม่อาจสังหารนางได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใด สุดท้าย จึงทำได้เพียงมัดร่างนางไว้ด้วยโซ่ตรวนผนึกปีศาจ สตรีเทพพิโรธน่าหวาดหวั่นปานนี้ได้ นางย่อมไม่ใช่มนุษย์จริงๆ” ฉุ่ยหยุนหลันกล่าว พร้อมลอบถอนใจโล่งอก เขาถือโซ่ตรวนผนึกปีศาจแล้วก้าวตรงไป เมื่อเข้าถึงระยะสองเมตรจากร่างนาง เขาก็เหวี่ยงโซ่ออกทันที

เพียงโซ่ตรวนผนึกปีศาจถูกเหวี่ยงออก เพื่อหวังพันธนาการสตรีเทพพิโรธไว้อีกครั้ง ฉับพลันก็บังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที

เกิดแสงโลหิตเย็นวาบขึ้นสายหนึ่ง ราวแสงสว่างที่ตัดผ่านความมืด ตัดผ่านทุกสายตาด้วยความเร็วถึงขีดสุด ชั่วขณะที่ปรากฎแสงนี้ขึ้นมา มีเพียงอาวุโสเทียมฟ้าที่ตอบสนอง ทว่าเขาไม่มีเวลาได้ทันตะโกน แสงนั้นก็สัมผัสถึงตัวฉุ่ยหยุนหลัน

เงาทะมึนแห่งความตายเคลื่อนคลุมหัวใจของฉุ่ยหยุนหลัน คาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าสตรีเทพพิโรธจะหลงเหลือพลังต่อสู้ และยิ่งคาดไม่ถึงว่านางจะจู่โจมได้รุนแรงถึงเพียงนี้ รูม่านตาของฉุ่ยหยุนหลันหดลีบลง…. ทว่าอย่างไรเขาก็เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเทวะ เมื่อความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ ร่างกายก็ตอบสนองฉับพลันโดยสัญชาตญาณ เบี่ยงกายออกด้านข้างอย่างแตกตื่น

ฉัวะ~~~~

มีเสียงเสียดสยองดังขึ้น ทงซินไหวร่างพุ่งผ่านฉุ่ยหยุนหลันในพริบตา ใบหน้าของนางขาวซีด เปลือกตาหย่อนคล้อยลง ดวงหน้างดงามไม่เพียงไร้การเปลี่ยนแปลง หากยังไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

เบื้องหลังนาง มีละอองโลหิตพุ่งเป็นฝอย แขนข้างหนึ่งขาดครึ่งออก หลังถูกกริชเทพพิโรธของนางตวัดผ่าน อากาศก็เต็มไปด้วยหยดโลหิตพร่างพรม พร้อมแขนที่ปลิวหลุดออกจากร่าง

“ท่านประมุข!”

“ท่านประมุข!!”

“ท่านประมุข!!”

เสียงแตกตื่นตะลึงลานดังขึ้นพรักพร้อม นำความโกลาหลหวาดกลัวมาสู่จิต พวกเขาเห็นแขนซ้ายของฉุ่ยหยุนหลันขาดออกด้วยคมกริชอย่างสิ้นหวัง

[ปล.เปลี่ยน หมู่บ้านขุนเขา เป็น หมู่ตึกขุนเขา เพื่อให้ดูยิ่งใหญ่ขึ้นอีกหน่อย แต่ใหญ่แค่ไหนก็เละอยู่ดี ถถถ]

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset