📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 6 ตอนที่ 323

บทที่ 323 - จับตัว
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ในขณะเดียวกัน บ้านหมอกฝัน อาณาจักรเทียนหลง

“องค์หญิง ข่าวนี้ท่านต้องสนใจมากแน่ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้สตรีเทพพิโรธ เด็กหญิงที่เรียกว่าทงซิน ปรากฎตัวทางทิศตะวันออกบินตรงไปยังทิศทางของหอคอยปีศาจ นางบังเอิญถูกพบเห็นโดยคนของเรา และจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่กลับมา แม้ว่าบรรยากาศจะมืดมาก แต่ยืนยันได้ว่าเป็นนางอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งกว่านั้นเมื่อลองลอบตรวจสอบดู ก็พบว่าเมื่อนางออกไปเย่หวูเฉินยังคงอยู่บ้าน” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวรายงานต่อฉุ่ยเมิ่งฉาน

“โอ้? หลิงเอ๋อร์ เจ้าหมายถึงอะไร?”

ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวตอบ “เย่หวูเฉินยามนี้ไร้พลังป้องกันตัวเอง จึงมักมีทงซินอยู่ข้างกาย เรื่องในคืนนี้คล้ายไม่ชอบมาพากล หลงหยินเกลียดชังเย่หวูเฉินถึงกระดูก แต่เพราะหวาดกลัวต่อทงซินจึงไม่กล้าลงมือ หากมันรู้เรื่องนี้จะต้องส่งคนมาลอบสังหารเขาทันที องค์หญิง พวกเราจะส่งคนไปคุ้มกันเขาทันทีหรือไม่?”

ฉุ่ยเมิ่งฉานพอได้ฟังม่านตาน้ำใสก็ขยับไหวเล็กน้อย นางเอ่ยถาม “คุ้มกัน? เหตุใดต้องคุ้มกันด้วย?”

“เย่หวูเฉินกุมข้อมูลที่อยู่ของกระบี่หนานฮวงเอาไว้ในมือ หากโชคร้ายเป็นข้าที่เดาถูกต้องจริงๆ เช่นนั้น….” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์พลันรู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของฉุ่ยเมิ่งฉาน นางเอ่ยตอบอย่างร้อนรน

ฉุ่ยเมิ่งฉานลุกขึ้นและครุ่นคิดเงียบงันอยู่ขณะหนึ่ง จากนั้นกล่าวอย่างอ่อนโยน “เรื่องคุ้มกันนั้นไม่จำเป็น หากสตรีเทพพิโรธไม่อยู่กับเย่หวูเฉินจริงๆ เช่นนั้นนี่ก็เป็นโอกาสทองของพวกเราแล้ว”

พอฉุ่ยหลิงเอ๋อร์ได้ยินก็ตระหนก เป็นเวลาครู่หนึ่งก่อนจะคืนสติ นางกล่าวด้วยความตกใจ “องค์หญิง ท่านหมายถึง?”

“ข้าเข้าใจสิ่งที่องค์หญิงต้องการจะสื่อ และข้าเห็นด้วยกับองค์หญิง” น้ำเสียงคล้ายมีอายุดังมาจากฉากกั้นทางขวา นางก้าวออกมาและกล่าว “สามปีก่อน พวกเรายอมทำข้อตกลงกับเย่หวูเฉินจึงไม่เคลื่อนไหว ทว่าข้อตกลงนั้นได้กลายเป็นโมฆะแล้ว อีกทั้งเวลานี้คันศรเป่ยตี้ได้ปรากฎออกมา พวกเราไม่อาจชักช้าได้อีก เย่หวูเฉินเจ้าเล่ห์เพทุบาย พวกเราต้องใช้วิธีที่แข็งกร้าวบ้าง ก่อนนี้เพราะมีสตรีเทพพิโรธพวกเราจึงไม่กล้าลงมือ ทว่าตอนนี้นับเป็นโอกาสทองของพวกเราแล้ว”

“ไม่เลว” ฉุ่ยเมิ่งฉานพยักหน้าเล็กน้อย “ครั้งก่อนที่ข้ากลับไปยังสำนัก ท่านพ่อยังบอกให้ข้าคอยมองหาโอกาสเหมาะเข้าจับตัวเย่หวูเฉินโดยไม่กระตุ้นโทสะของสตรีเทพพิโรธ ฉุ่ยสื่อ , หลิงเอ๋อร์ เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ จงไปนำตัวเย่หวูเฉินมาทันที แต่ด้วยสติปัญญาของเย่หวูเฉินเขาย่อมไม่ประมาท หากไม่อาจนำตัวมาสำเร็จให้รีบกลับมาทันที พลาดพลั้งครั้งนี้ยังมีครั้งหน้า ไม่ว่าจะจับตัวเขาหรือล่าถอยกลับมา จงอย่าให้เขารู้ว่าเป็นพวกเรา ไม่อย่างนั้นเมื่อเขาทราบเจตนาของพวกเรา การลงมือครั้งต่อไปย่อมจะยากยิ่ง”

“เจ้าค่ะ” แม้ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์จะรู้สึกคล้ายไม่ถูกต้อง แต่นางก็ไม่ลังเล รีบเปลี่ยนไปใส่ชุด ย่องราตรี พร้อมกับฉุ่ยสื่ออย่างรวดเร็ว จากนั้นลัดเลาะไปในเงามืดด้วยความเร็วสูงสุด

ลมพัดหมอกสูงบดบังแสงจันทร์ สองร่างวิ่งติดตามไปบนท้องถนนเมืองเทียนหลงโดยมีม่านความมืดบดบังร่างกาย เพียงไม่นานก็ไปถึงยังหน้าประตูตระกูลเย่

เย่หวูเฉินพึ่งกำลังนอนหลับ ขณะนั้นพลันรู้สึกมีของนุ่มบางอย่างปิดปากและจมูกไว้ ทำให้เขาหายใจได้อย่างยากเย็น เขาลืมตาด้วยความงัวเงีย ทันใดนั้นเมื่อเห็นสองคนชุดดำก็สับสนและอยากดิ้นรนร้องตะโกน หากกลับพบว่าร่างกายถูกกดตรึงไว้ไม่อาจขยับ และไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้

สตรีเทพพิโรธไม่อยู่ พวกนางเข้ามาโดยไร้การปะทะกับผู้คุ้มกันของตระกูลเย่แล้วจับตรึงร่างอันอ่อนแอของเย่หวูเฉิน ทว่าสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกก็คือ นอกจากจะไร้สตรีเทพพิโรธแล้ว สาวน้อยผมขาวก็ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์และฉุ่ยสื่อพลันรู้สึกสงสัยขึ้นมาในใจ ทว่ายามนี้ไร้เวลาให้คิดมาก พวกนางพยักหน้า ฉุ่ยสื่อยกมือขวาโคจรพลัง ฝ่ามือเปล่งแสงสีฟ้าอ่อน จากนั้นวางลงบนกระหม่อมของเย่หวูเฉินทันที เย่หวูเฉินตาเหลือกขึ้นและสลบไป

พวกนางไม่กล้าทำร้ายเย่หวูเฉิน จึงปิดกั้นสติของเขาไว้ด้วยวิชาหยกวารี ทำให้หลับลึกเป็นเวลาสั้นๆ จากนั้นพาเขาออกไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่ปลุกผู้ใด

ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์และฉุ่ยสื่อมีความเร็วสูงส่ง เพียงไม่ถึงสิบห้านาทีก็นำเย่หวูเฉินมาอยู่ต่อหน้าฉุ่ยเมิ่งฉาน เย่หวูเฉินยังคงหลับลึกไม่ตื่นขึ้นมา พวกนางวางเย่หวูเฉินลง และรอการตัดสินของฉุ่ยเมิ่งฉานอย่างสงบ

ฉุ่ยเมิ่งฉายมุ่นคิ้วหลิวเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “ฉุ่ยสื่อ ท่านพาเขากลับไปยังสำนักพร้อมกับ เหลยอวิ๋น สองคนทันที ให้ท่านพ่อเป็นผู้ตัดสินใจ รีบไปเดี๋ยวนี้ หากรั้งรอและถูกจับได้โดยสตรีเทพพิโรธ พวกเราทั้งหมดจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต”

“อ้า? นี่….” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์เมื่อได้ยินก็ตกใจ นางรีบกล่าวทันที “แต่ว่าหากเขาตกอยู่ในมือของท่านประมุข ข้าเกรงว่าเขาจะ….”

คนของสำนักจักรพรรดิใต้ต่างรู้ดีว่าประมุขสำนักเป็นผู้เหี้ยมเกรียม ไม่เพียงพลังยุทธจะสูงส่ง แต่ยังจัดการสิ่งต่างๆอย่างเด็ดขาดและรุนแรง หากเย่หวูเฉินตกอยู่ในมือของเขา เมื่อถูกคาดคั้นถึงที่อยู่ของกระบี่หนานฮวง เขาย่อมถูกฆ่าทิ้งทันทีที่คายข้อมูลของกระบี่หนานฮวงออกมา แต่หากเขาไม่บอก หลังจากที่ประมุขหมดความอดทน เขาย่อมถูกทรมานสาหัสภายใต้ความโกรธด้วยทุกวิธีการ หรือกระทั่ง โถมโทสะลงที่คนในตระกูล….ซึ่งนั่นเป็นไปได้มากทีเดียว

นางเกิดความกังวลและหวาดกลัวอย่างไม่อาจอธิบาย

“องค์หญิงพูดถูก” ฉุ่ยสื่อกล่าว “คนผู้นี้เจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง ยากนักที่เราจะเค้นถามสิ่งใด ทั้งยังไม่อาจเอาชีวิตของมันได้ หากยิ่งประวิงเวลาจนสตรีเทพพิโรธรู้ตัว พวกเราย่อมตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง ส่งเขาให้ท่านประมุขจัดการถือว่าถูกต้อง”

“แต่ว่า….” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์ยิ่งรู้สึกแตกตื่น ต้องการกล่าวคำอีก

“หลิงเอ๋อร์” ฉุ่ยเมิ่งฉานพบเห็นคนมาทุกรูปแบบ นางถอนหายใจบางและกล่าว “เจ้า….ชอบเขาใช่หรือไม่?”

ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์ม่านตาขยายรุนแรง นางรีบปฏิเสธอย่างตื่นตระหนก “องค์หญิง ไหนเลยข้าจะ…. ข้ากับเขาไม่เคยติดต่อกัน ไม่เคยพูดคุยกัน เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะชอบเขา”

ฉุ่ยสื่อเองก็สงสัยเช่นกัน “องค์หญิง เรื่องนี้?”

ม่านตางามของฉุ่ยเมิ่งฉานขยับไหว มองสีหน้าแตกตื่นของฉุ่ยหลิงเอ๋อร์ ยิ่งมั่นใจกับการคาดเดาในหัวใจ ไม่เพียงนางไม่กล่าวโทษ กลับกันนางเผยสีหน้าอ่อนโยน น้ำเสียงยังนุ่มนวลขึ้น “หลิงเอ๋อร์ เจ้าเติบโตมาพร้อมกับข้าตั้งแต่เด็ก เป็นนายและบ่าวมามากกว่าสิบปี เอ็นดูเจ้าเหมือนเป็นน้องสาว เจ้าคือคนที่ข้าเชื่อใจที่สุดในบรรดาคนที่อยู่รอบกาย ระหว่างพวกเรายังมีเรื่องใดที่ไม่อาจพูดอีก?”

“แต่ว่าข้าไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆ” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์สั่นศีรษะ ความแตกตื่นดูคล้ายค่อยๆสงบลง ความเฉลียวฉลาดของนาง สตรีธรรมดาย่อมไม่อาจเทียบได้ เมื่อรู้ว่ายามนี้หากยิ่งตระหนกยิ่งเป็นที่สงสัย พอตระหนักได้นางรู้สึกอับอาย นางติดตามฉุ่ยเมิ่งฉานมาตั้งแต่เด็ก นานแล้วที่นางปรารถนาติดตามฉุ่ยเมิ่งฉานไปจนตลอดวันตาย นางไม่เคยคิดถึงเรื่องไปจากฉุ่ยเมิ่งฉาน ไม่เคยคิดถึงเรื่องสำคัญยิ่งในชีวิตตัวเอง แล้วนางจะชอบพอบุรุษที่เป็นฝ่ายศัตรูได้อย่างไร?

ฉุ่ยเมิ่งฉานขยับเข้าหานาง กล่าวอย่างอ่อนโยน “หลิงเอ๋อร์ เจ้าติดตามข้ามาเป็นเวลานาน กล่าวได้ว่าในโลกนี้ข้าเป็นคนที่เข้าใจเจ้ามากที่สุด หลายปีที่ผ่านมาเจ้าปฏิบัติต่อข้าอย่างดี จนลืมนึกถึงความสุขชั่วชีวิตของตัวเอง….”

“องค์หญิง การได้ติดตามท่านนับเป็นวาสนา ข้า….”

“ดังนั้น เจ้าจึงไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสว่าอะไรคือความรู้สึกระหว่างบุรุษและสตรี ต่อให้เจ้าชอบเขาก็ไม่อาจรู้ตัว และจากเข้าใจที่ข้ามีต่อเจ้า สมควรเป็นเจ้าที่กำลังชอบเขาอยู่ แม้ว่าเจ้าจะพบเจอเขาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เรื่องราวของเขาทุกสิ่งเจ้าได้รับรู้อยู่ทุกวัน แม้เขาจะเป็นบุตรชายของขุนนางระดับสูงในเมืองเทียนหลง แต่ลักษณะของเขาไม่ใช่สิ่งใดที่รุ่นเยาว์จากตระกูลสูงทั่วไปจะเทียบได้ ทั้งรูปร่างหน้าตา , อุปนิสัย , ตลอดจนสติปัญญาล้วนแต่ไร้ที่เปรียบ กระทั่งพวกเรายังรู้สึกด้อยพลังอยู่บ่อยครั้ง หากสตรีใดไม่ชมชอบเขาก็คงเป็นเรื่องที่แปลกแล้ว แม้ว่าเจ้าพบเขาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ความสนใจต้องจดจ่ออยู่ที่เขาตลอดเวลา คอยฟังข่าวคราวของเขาทุกวัน ความรู้สึกจึงค่อยๆก่อตัวขึ้น หลิงเอ๋อร์ เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องผิดบาป” ฉุ่ยเมิ่งฉานค่อยๆกล่าว

“องค์หญิง ข้า….” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์สับสนกับคำพูดของฉุ่ยเมิ่งฉาน นางไม่กล่าวปฏิเสธอีก หากคิดตามคำพูดของฉุ่ยเมิ่งฉานและตั้งคำถามกับตัวเอง

“หลิงเอ๋อร์ งั้นข้าขอถามเจ้าว่าตั้งแต่เย่หวูเฉินกลับมายังตระกูล ข่าวคราวของผู้ใดที่เจ้าให้ความสนใจมากที่สุด?” ฉุ่ยเมิ่งฉานลอบถอนใจบาง และถามอย่างอ่อนโยน

“เป็น….เย่หวูเฉิน” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์ชะงักชั่วขณะและตอบอย่างลังเล ความจริงข้อนี้นางไม่อาจปฏิเสธได้ กระทั่งถึงตอนนี้ ความสนใจทั้งหมดของนางอยู่ที่เย่หวูเฉินจริงๆ ทุกๆการกระทำและทุกการเคลื่อนไหว และไม่ใช่มาจากคำสั่งของฉุ่ยเมิ่งฉาน แต่ราวกับว่ามันกลายเป็นนิสัยที่เคยชินโดยไม่รู้ตัว

“ยามที่เจ้าว่าง หรือในยามที่เจ้าเข้านอน ผู้ใดที่เจ้ามักจะนึกถึงมากที่สุด?” ฉุ่ยเมิ่งฉานถามต่อ

“เป็น….” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์มองดูเงาร่างของคนที่อยู่ตรงหน้า หัวใจนางสั่นสะท้าน หากนางไม่อาจกล่าวคำได้อีก

“เป็นเขาใช่หรือไม่?”

“ข้า….” ฉุ่ยหลิงเอ๋อร์สับสน เป็นความจริงอีกข้อที่นางไม่อาจปฏิเสธ นางมักเห็นภาพเย่หวูเฉินปรากฎอยู่ในใจบ่อยครั้ง นึกถึงใบหน้าของเขา นึกถึงท่าทางน่าขบขันเมื่ออยู่ต่อหน้าฉุ่ยเมิ่งฉาน รวมถึงข่าวลือต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเขา ก่อนหน้านางไม่รู้ว่านี่หมายถึงสิ่งใด อีกทั้งยังไม่เคยสนใจ ทว่าเวลานี้ด้วยการชี้นำของฉุ่ยเมิ่งฉาน หัวใจนางจึงเริ่มรู้สึกเกิดความสับสน

หรือว่านี่จะเป็นความรู้สึกชมชอบแบบบุรุษสตรีที่องค์หญิงพูดถึง หรือว่าจริงๆแล้วข้า….

“หลิงเอ๋อร์” ฉุ่ยเมิ่งฉานไร้ความสงสัยใดๆอีก นางกล่าวด้วยความสงสาร “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยขัดขืนคำสั่งข้าหรือลังเลใดๆ วันนี้เจ้าอ้อนวอนให้เย่หวูเฉินเพราะเป็นห่วงในชีวิตและความปลอดภัยของเขา…. เท่าที่ข้าจำได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าอ้อนวอนเพื่อคนอื่น”

หัวใจของฉุ่ยหลิงเอ๋อร์สั่นสะท้านอีกครั้ง นางคุกเข่าลงต่อหน้าฉุ่ยเมิ่งฉานและรีบกล่าว “องค์หญิง ข้าไม่รู้เลย…. ข้าผิดไปแล้ว จากนี้ไปข้าจะระงับจิตใจตัวเองไว้ให้ดี ไม่กล้าเกิดความคิดวอกแวกใดๆอีกแล้ว”

ฉุ่ยเมิ่งฉานเคาะศีรษะนางเบาๆ “หลิงเอ๋อร์ ข้าบอกเจ้าแล้วว่านี่เป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด เป็นข้าที่เห็นแก่ตัวเก็บเจ้าไว้ข้างกายเอง เพิกเฉยต่อสิ่งสำคัญสูงสุดในชีวิตเจ้า เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ลูกสาวบ้านอื่นที่อายุเท่าเจ้าก็แต่งงานมีลูกกันแล้ว….”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset