📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 4 ตอนที่ 244

บทที่ 244 - ทวีปเทียนเฉินจะต้องสั่นสะเทือนเพราะพวกเรา!!
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หนึ่งวัน , สองวัน , สามวัน….

สามวันผ่านไป เย่หวูเฉินยังไม่ออกมา เขายังคงนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ ตลอดเวลาสามวันเขาไม่ได้ขยับ และหนิงเสวี่ยก็อยู่ที่นี่ตลอดสามวันไม่ยอมไปไหน อาหารสามมื้อต่อวันถูกนำมาส่งให้โดยเหยียนกงลั่ว

วันที่สี่ เมื่อเหยียนกงลั่วมาถึงที่นี่อีกครั้ง เขาต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงเบาบางทว่าคมกล้าอย่างยิ่ง เสียงนั้นดังมาจากบริเวณที่เย่หวูเฉินนั่งอยู่ ระหว่างที่ตกใจ เขารู้สึกได้รางๆว่าเสียงนั้นค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ

วันที่ห้า เมื่อเหยียนกงลั่วมาถึง เขาพบว่าที่เหนืออาณาบริเวณต้องห้าม ปรากฎเป็นวายุขนาดใหญ่ที่หมุนวน เย่หวูเฉินนั่งอยู่ตรงตำแหน่งใจกลางของวายุที่สงบเงียบ

เมื่อธาตุลมหนาแน่นถึงขีดสุด พวกเขาจะไม่อาจมองเห็นหรือได้ยินมัน วันนี้วายุได้ปรากฎขึ้นต่อหน้าของพวกเขา เพราะธาตุลมลดความหนาแน่นจนถึงระดับที่พวกเขาสามารถรับรู้ได้

“เป็นวายุจริงๆ” เหยียนกงลั่วกล่าวพึมพำ วายุน่าหวาดหวั่นเปลี่ยนไปเล็กน้อยในเวลานี้ ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกับจอมราชัน ทว่าจอมราชันเพียงนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับตัว แล้วเหตุใดมันถึงได้…. เหยียนกงลั่วหยิบเศษหญ้าแล้วโยนไปเบื้องหน้า เมื่อใบหญ้าปลิวเข้าไปในอาณาบริเวณต้องห้าม มันกลับไม่ป่นเป็นผงทันทีเหมือนเช่นแต่ก่อน มันปลิวหมุนวนไปกับวายุ หลังผ่านไปครู่หนึ่ง มันจึงถูกบิดทำลาย

แม้ว่าวายุเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย แต่มันยังคงน่ากลัวอย่างมาก อย่างน้อยมันมีพลังที่เหยียนกงลั่วไม่อาจเข้าไปได้ กระนั้นเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าธาตุลมกำลังเบาบางลง ยิ่งกว่านั้นความเร็วในการหมุนวนยิ่งมายิ่งเร็วขึ้น ดังนั้นเขาจึงรออยู่ที่นี่ไปพร้อมกับหนิงเสวี่ย

ในตอนเที่ยงวายุไม่ได้น่ากลัวเหมือนแต่เก่า เหยียนกงลั่วทดสอบด้วยหญ้าแห้งอีกครั้ง จากนั้นจึงกล้าเดินเข้าไป วายุไม่อาจทำอันตรายใดๆกับเขาได้ ธาตุลมในที่แห่งนี้เหมือนถูกพลังบางอย่างฉุดดึงไว้ มันหมุนวนเป็นระเบียบไม่มีรั่วไหลออกมา

วายุยังคงลดกำลังลงอย่างต่อเนื่อง ลดกำลังจากใต้ฝุ่นเป็นพายุหมุนธรรมดา จากนั้นกลายเป็นสายลมแรง และกลายเป็นสายลมพัด สุดท้ายกลายเป็นสายลมอ่อนโยน เวลานี้ เย่หวูเฉินพลันลืมตาขึ้น เขายิ้มให้หนิงเสวี่ยอย่างอ่อนโยน เขาเอามือยันพื้นและลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง

“ท่านพี่!” หนิงเสวี่ยไม่สนใจว่ายังคงมีวายุเหลืออยู่ นางวิ่งเข้าไปและใช้ไหล่ตัวเองประคองร่างเขา สายลมยังมีกำลังเหลืออยู่มาก มันพัดเส้นผมสีขาวของนางไสวปลิว ลมหายใจนางยังดูคล้ายติดขัด

“จอมราชัน ท่านเป็นยังไงบ้าง?” เหยียนกงลั่วรีบเข้ามาพยุงกายเขาด้วยอีกแรง ใช้พลังสำรวจร่างกายของเย่หวูเฉินด้วยความระมัดระวัง และพบว่าภายในร่างกายของเขายังคงว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปจากครั้งก่อน

“พวกเรากลับกันเถอะ” เย่หวูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง

เหยียนกงลั่วไม่ถามต่อและพยุงเขาไปที่รถเข็น ในที่สุดทั้งสามคนก็กลับไป

เช้าวันต่อมา ทุกคนไม่ได้ออกไปฝึกฝน แต่ถูกเรียกประชุมโดยชายชราเหยียนเทียนเว่ย ไม่มีขาดตกแม้แต่ผู้เดียว

วันนี้ชายชรามีสีหน้าเปล่งปลั่ง ราวกับประสบความสุขที่ยิ่งใหญ่ ขณะที่ผู้คนกำลังคิดว่าเขาจะประกาศการแต่งงานระหว่างเย่หวูเฉินกับเอ้อหยาที่ล่วงเลยมาหลายวัน เขากลับแหงนศีรษะขึ้นสูง ตะโกนด้วยสุ้มเสียงล้ำลึก “ลิขิตฟ้า ไม่ได้ละทิ้งพวกเรา!”

เพียงหนึ่งประโยคที่กล่าว ทำให้บริเวณโดยรอบพลันเงียบสงบ ทุกคนรั้งลมหายใจและมองเขาด้วยสีหน้าหลากหลาย ถ้อยคำนี้สามารถแปลได้หลายความหมาย และแต่ละความหมายล้วนทำให้หัวใจพวกเขาเต้นแรง

“ร้อยปีก่อน อาวุโสของพวกเราร่วงหล่นลงมาจากเหวสูง ตกลงมาสู่ที่นี่ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บใดๆ ในตอนนั้น พวกเขาต่างเชื่อว่าความยืนหยัดภักดีของตนได้ช่วยตนไว้ ดังนั้นอาวุโสทั้งหลายจึงสั่งสอนพวกเราว่า แม้จะต้องเดียวดายจากโลกภายนอก แต่วันหนึ่งของพวกเราจะต้องมาถึง พวกท่านเตือนพวกเราว่าอาจละทิ้งได้ทุกสิ่ง แต่ไม่อาจละทิ้งภารกิจที่ฝังอยู่ในสายเลือดและการฝึกฝน อาวุโสของพวกเรามีสายตาที่เฉียบคม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าดีใจยิ่งนักที่ไม่มีผู้ใดล่วงละเมิดภารกิจที่ข้ามอบ ไม่มีผู้ใดละเมิดอาวุโส ดังนั้น สวรรค์จึงได้ประทานความเมตตาต่อพวกเราในที่สุด ส่งจอมราชันที่บรรพบุรุษทุกชั่วรุ่นตามหา ให้ช่วยเหลือและชี้นำทางพวกเรา….”

เขากล่าวด้วยอารมณ์แรงกล้า ทุกผู้คนต่างตะลึงงัน

“นับแต่วันนี้ไป จงลืมชื่อที่พวกเจ้าใช้อยู่ในที่แห่งนี้ จงลืมสถานะของพวกเจ้าที่นี่ จงจดจำไว้แต่เพียงว่าพวกเราคือแซ่เหยียน ในกระดูกไหลเวียนด้วยโลหิตแห่งจักรพรรดิเหนือ พวกเราคือคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ จะติดตามชั่วนิจและภักดีต่อจอมราชัน!”

หัวใจของทุกคนเต้นกระหน่ำ พวกเขาได้กลิ่นของความไม่ปกติ กลิ่นนั้นบอกกับพวกเขาว่า ชีวิตของพวกเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เย่หวูเฉินนั่งอยู่บนรถเข็นที่หนิงเสวี่ยดันออกมา เขามาหยุดอยู่ข้างชายชรา สายตากวาดมองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนอยากออกไปหรือไม่? ออกไปจากที่นี่ ขึ้นไปสู่ทวีปเทียนเฉินที่อยู่เบื้องบน”

ด้วยคำพูดของเขา ผู้คนไม่อาจอยู่นิ่งและสงบ ซานลู่จื่อกระโดดออกมาเป็นคนแรก เขาตะโกนเสียงดังลั่น “อยากสิ! อยาก! พวกฝันมาตลอดว่าอยากออกไป! พี่หวูเฉิน หรือว่าท่านค้นพบวิธีที่จะออกไปได้แล้ว? นี่มัน….”

“ข้าค้นพบวิธีที่จะออกไปได้แล้ว หากเจ้าต้องการ เจ้าสามารถออกไปกับข้าได้ทันที นอกจากนั้นยังสามารถกลับมาที่นี่ได้”

ผู้คนพลันกลายเป็นแตกตื่น ในดวงตาของทุกคนสาดประกายด้วยความตื่นเต้น แทบเป็นความตื่นเต้นสูงสุดตั้งแต่เกิดมา รอยยิ้มของชายชราและสีหน้าของเย่หวูเฉินบอกกับพวกเขาว่านี่ไม่ใช่เรื่องโกหก พวกเขาไม่ได้ฝันไป ในกระดูกของพวกเขามีโลหิตจักรพรรดิเหนือไหลเวียนอยู่ไม่มากก็น้อย ซึ่งไม่ใช่สายเลือดที่พร้อมยินดีอยู่กับที่ตลอดไป ถึงแม้ชีวิตที่นี่จะสงบสันติ แต่คุกที่ขังชีวิตไว้ตลอดชั่วรุ่นย่อมเป็นความทรมานที่ยากจะรับไหว

เย่หวูเฉินยกมือขึ้นระงับเสียงเอะอะของผู้คน เขากล่าวด้วยความผ่าเผย “แต่โลกภายนอกกับที่นี่ต่างกันนัก ที่นั่นมีความทุกข์โศกอยู่มากมาย มีแผนการชั่วช้าต่างๆจำนวนมาก ที่นั่นชีวิตของทุกคนจะไม่เหมือนเดิม ทั้งยังยากที่จะใช้ชีวิตสงบสุขแบบนี้ได้อีก และ….เมื่อพวกท่านออกไป มือสองข้างอาจต้องเข่นฆ่าผู้คน ในมือจะแห้งกรังด้วยโลหิตของผู้คนจำนวนมาก…. กระทั่งแบบนี้ พวกท่านยังอยากจะออกไปอีกหรือไม่?”

เหยียนต้วนชางหัวเราะ “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล คันศรเป่ยตี้ที่สำนักจักรพรรดิเหนือของพวกเราตามหาคือคันศรแห่งการสังหาร โลหิตจักรพรรดิเหนือในกายก็เป็นสายเลือดแห่งการสังหารเช่นกัน แม้จะติดอยู่ที่นี่หลายปี ธรรมชาติป่าเถื่อนที่ฝังอยู่ในกระดูกก็ไม่เคยเปลี่ยนไป ที่นี่ไม่มีการต่อสู้ เพราะทุกคนคือครอบครัว เมื่อไม่มีศัตรูใดมีแต่เพียงเพื่อนพ้องและมิตรสหาย พวกเราจึงแสดงออกมาเพียงเฉพาะด้านดี แต่หากเผชิญหน้ากับศัตรูและคนชั่ว พวกเราจะไม่รู้จักคำว่าเมตตาและเกรงกลัว”

“ใช่แล้ว! ท่านลุงกล่าวได้ถูกต้อง หากออกไปจากที่นี่แล้วมีผู้ใดคิดทำร้ายพี่หวูเฉิน ข้าจะใช้กำปั้นคู่นี้ทุบกะโหลกมันให้แตกตาย!” เฮยเซียงชูกำปั้นขึ้น ใบหน้าเรียบง่ายและซื่อสัตย์เวลานี้กำลังพ่นลมหายใจที่มีกลิ่นอายสังหารหนาแน่น นัยน์ตาเล็กๆคู่นั้น กลับสาดประกายด้วยแสงแห่งโลหิต

ทั้งคำพูดของเหยียนต้วนชาง และคำกล่าวของเฮยเซียง ต่างเป็นตัวแทนของคนทุกผู้ ตอนนี้ผู้คนตะโกนตื่นเต้นเสียงดังจนหูแทบดับ ทั้งหมดยืนอยู่ต่อหน้าของเย่หวูเฉิน ตะโกนกล่าวว่าจะต้องออกไปจากที่นี่ ไร้ผู้ใดลังเลหรือถอยหนี เพราะในกระดูกของพวกเขาไหลเวียนด้วยโลหิตแห่งจักรพรรดิเหนือ

เย่หวูเฉินบีบมือของหนิงเสวี่ยไว้แน่น เขาพยักหน้าหนัก “เช่นนั้นพวกเราจะออกไป และไม่เพียงจะออกไปเพื่อครอบครัวของพวกเรา แต่ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉิน….” แววตาของเย่หวูเฉินวาบแสงโหดเหี้ยมเย็นเยียบและชิงชัง “จะต้องสั่นสะเทือนเพราะพวกเรา!!”

— จบเล่มสี่. —

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset