📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 629

บทที่ 629 - ดาบปีศาจเทวทัณฑ์
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

อาภรณ์ขาวสะอาดของชิงลั่วขาดวิ่น อาบด้วยโลหิต

เปี่ยมบาดแผล กระเซอะกระเซิง และกำลังเข้าตาจน

และซูอี้ก็ไม่คิดยั้งมือ!

ชิงลั่วอ้างว่าศาสตร์สังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคือหมัดคู่นี้

สิ่งที่ซูอี้กำลังทำอยู่นั้นก็คือทำลายศัตรูในพริบตา ด้วยวิถีที่อีกฝ่ายภูมิใจที่สุด!

ประเมินทิ้งท้าย แม้ว่าพลังในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณของชิงลั่วจะสูงล้ำเหนือผู้ใดในขอบเขตเดียวกัน เพียงพอต่อการสังหารอิงเชวียและสัตว์ประหลาดตนอื่นในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณก็ตาม

ทว่าในสายตาของซูอี้ มันเทียบได้กับบุคคลในขอบเขตสยายวิญญาณประมือกับผู้ฝึกตนเลิศภพจบแดนเท่านี้!

ตู้ม!

ซูอี้สะบัดแขนเสื้อ ฝ่ามือกำหมัด ทะยานเข้าสังหาร

นิมิตประทับหมัดเจิดจ้าล้ำลึก!

นิมิตในวิถีพุทธนั้นสื่อถึงเชาว์ปัญญา แสงสว่างและการปลดเปลื้องภัยพิบัติ

กล่าวกันว่าในวิถีพุทธมีผู้มีอำนาจแข็งแกร่งผู้หนึ่ง อำนาจของเขาถูกยกย่องเป็นดั่งอิทธิฤทธิ์อภินิหารแห่งโพธิสัตว์ ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ถูกบูชาโดยเหล่าภิกษุหลวงจีนทั้งหลาย

และเพลงหมัดนี้ก็มาจากแดนบูรพาน้อย แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแรกของวิถีพุทธในเก้ามหาแดนดิน และยังถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเพลงหมัดโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบูรพาน้อย

ผู้ฝึกฝนเพลงหมัดดังกล่าวปราบพยัคฆ์ข่มมังกรได้ กล้าหาญเด็ดเดี่ยว มีใจกล้าชำระวิญญาณร้ายทั่วโลกา!

ยามนี้ ด้วยซูอี้แสดงเพลงหมัดพุทธะโบราณเหล่านี้ พลังของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ สะเทือนหล้าเช่นกัน

ชิงลั่วสัมผัสอันตรายได้ เขาหลบทันที

ทว่าสุดท้ายก็ถูกหมัดพร่างพราวนภากวาดไปจนได้

ตู้ม!

ร่างของเขาปลิวไปเบื้องหลังอย่างแรง มีเสียงกระดูกหักป่นในร่าง

หนิงซือฮวา ฉาจิ่น และเหวินหลิงเสวี่ยในหอเซียนดาบต่างตกตะลึง

ก่อนหน้านี้ พวกนางกังวลว่าซูอี้จะไม่ใช่คู่ต่อกรของชิงลั่ว เพราะถึงอย่างไร กระทั่งอิงเชวียและตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณอื่น ๆ ยังถูกชิงลั่วสังหารได้

ใครเล่าจะคิดว่านับแต่เริ่มศึกมา แม้ว่าชิงลั่วจะสำแดงอำนาจต่อสู้ร้ายกาจเหนือกาลก่อน เขาก็ยังถูกซูอี้ปราบเสียอยู่หมัด!

เขาไม่อาจทำร้ายซูอี้ได้กระทั่งปลายผม!

“ไม่ได้พบพานเพียงไม่กี่เดือน ไม่รู้สหายเต๋าซูได้ไปพบพานสิ่งใดในต้าเซี่ยมา เขาจึงแข็งแกร่งขึ้นได้ถึงเพียงนี้…”

หนิงซือฮวาพูดอย่างเหม่อลอย

“คุณชายซูไม่เคยพ่ายในต้าโจว และยามนี้ก็เช่นกัน!”

ฉาจิ่นแสดงความภาคภูมิ

เหวินหลิงเสวี่ยกำลังดูแลเหวินฉางไท่และฮูหยินซึ่งได้ถูกช่วยเหลือไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินเข้า อารมณ์ของนางก็พลุ่งพล่านอย่างไม่อาจเอ่ย ความทรงจำมากมายในเมืองกว่างหลิงถูกรื้อคืน

โลกภายนอก

“เจ้า เจ้าต้องมีพื้นเพอันสุดอัศจรรย์เป็นแน่!”

ใบหน้าของชิงลั่วอาบโลหิต ร่างกายเละเทะน่าเวทนานัก

ทว่าเขาดูจะไม่ได้ใส่ใจเลย สายตาเอาแต่จับจ้องเพียงซูอี้ราวจะมองทะลุทั่วสรรพางค์กาย

ตู้ม!

ซูอี้ลงมือสังหารอีกครั้ง

เห็นเช่นนี้ แววตาของชิงลั่วก็ฉายประกายเด็ดเดี่ยวเย็นชา ก่อนพึมพำว่า “ข้าไม่แพ้หรอก!”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง อำนาจทำลายล้างสายหนึ่งพลันระเบิดออกจากร่างเละเทะโชกเลือดของเขาเต็มนภากาศ

ตู้ม!!

ประทับฝ่ามือของซูอี้ถูกเพลิงสีเงินเจิดจ้าจากกายของชิงลั่วขวางไว้ และพลันพังทลายไป

ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ

ชิงลั่วในยามนี้เหมือนร่างลุกไหม้ เพลิงสีเงินโปร่งใสปะทุขึ้น

ผมยาวสีดำของเขาขาวโพลนเยี่ยงหิมะในทันที ผิวของเขาแห้งซีด ปริแตกทีละน้อยราวจ่ายวิญญาณออกจากร่าง แก่ลงนับปีไม่ถ้วน

ทว่าดวงตาของเขายังคงส่องสว่างราวตะวันเจิดจ้า ไม่อาจดูแคลนได้

เขาเอื้อมมือขวาไว้เบื้องหลัง ดึงดาบออกมาเล่มหนึ่ง เห็นได้ว่าบริเวณกระดูกสันหลังของเขามีคมดาบสีขาวราวหิมะปรากฏขึ้นทีละนิด

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

ทุกคราที่คมดาบสีขาวถูกดึงออก มันก็ส่งเสียงหวีดแหลมราวเสียงเคี้ยวฟันชั่วช้า ชวนให้ผู้ฟังตัวสั่น

“ใช้ร่างเลี้ยงดาบ?”

ซูอี้แสดงสีหน้าพิกล

การใช้ร่างเลี้ยงดาบที่ว่านี้ หมายความว่าผู้ฝึกตนใช้ร่างตนเองเป็นหม้อหลอมบ่มเพาะดาบ ใช้การฝึกฝนและแก่นเลือดของตนเป็นสารอาหารเพื่อขัดเกลาฝึกฝนดาบวิญญาณ จนกระทั่งทั้งคนและดาบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

ดาบอยู่ในตัวคน ดาบทำลายผู้คน!

กล่าวโดยรวมแล้ว นักดาบน้อยคนนักจะเลี้ยงดาบด้วยเคล็ดวิชาเช่นนี้

หากอหังการเกินไป ง่ายเหลือต่อการไปถึงจุดสุดโต่ง หนึ่งความผิดพลาดทำร้ายตนได้มหาศาล

“ยามเมื่อข้าตื่นขึ้น ดาบนี้ก็ผนึกอยู่ในสันหลังข้าแล้ว”

ไกลออกไป ชิงลั่วกระซิบ “ข้าแน่ใจว่าแค่ดึงดาบนี่ออกมา ข้าจะสามารถฟื้นคืนความทรงจำของตนได้ว่าเป็นผู้ใด และมาจากหนใด?”

ขณะที่เขาชักดาบ บรรยากาศยะเยือกน่าหวาดหวั่นปรากฏขึ้น โลกหล้ายิ่งทวีความปั่นป่วนโuเวลฺกูดoทคoม

“ทว่า ข้าก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น”

ชิงลั่วถอนหายใจเบา ๆ “เพราะข้ารู้ดีว่าหลังชักดาบนี้ออกมา พลังชีวิตทั่วกายของข้าจะถูกดาบกลืนกิน”

เสียงของเขาเจืออารมณ์อันซับซ้อน มีความกลัวและความไร้หนทางปนอยู่

ทว่ามือของเขาไม่ได้หยุดขยับ

มาถึงยามนี้ ดาบวิญญาณสีขาวพิสุทธ์ในกระดูกสันหลังของเขาก็ถือกำเนิด!

เคร้ง!

เสียงดาบคำรณนั้นเหมือนเช่นเสียงกู่ร้องของเทพมารโบราณ สั่นนภาและทำให้ทุกสิ่งปั่นป่วน

ลำแสงดาบเจิดจ้าไร้ใดเทียบเป็นดั่งดวงตะวันแผดเผา เจิดจ้าสุดขั้ว ส่องสว่างเขตทะเลเข้มข้นยิ่งกว่าคราใด

เมื่อมองใกล้ ๆ ดาบนี้ดูจะถูกสร้างจากหยกเทพกระดูกขาว มันใสกระจ่างดุจแก้ว บรรยากาศที่แผ่ออกมาน่ากลัวไร้ขอบเขต

ที่ด้ามดาบสลักอักษรเล็ก ๆ ที่บิดเบี้ยวราวไส้เดือนไว้

เทวทัณฑ์!

ตู้ม!

ยามนี้ ภายใต้อำนาจกดข่มของปราณดาบ อำนาจของค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ซึ่งแต่เดิมปกคลุมไปทั่วก็พังทลายลง

ม่านแสงซึ่งลอยอยู่เบื้องหน้าพวกหนิงซือฮวาในหอเซียนดาบระเบิดสลายไป

“นี่มัน…”

พวกหนิงซือฮวาเปลี่ยนสีหน้า หัวใจร้อนรนอย่างไม่เคยเป็น

ไม่มีผู้ใดคาดว่าอำนาจดาบของชิงลั่วในอึดใจสุดท้ายจะร้ายกาจเพียงนี้ ทำให้พวกเขาต่างกังวลแทนซูอี้

ในขณะเดียวกัน…

เมื่อเห็นดาบเล่มนี้ แววตาของซูอี้ก็ปรากฏแววแปลก ๆ เป็นยอดดาบปีศาจโดยแท้!

“บางครา ข้าก็สงสัยว่าข้าอาจเป็นข้ารับใช้ของดาบเล่มนี้ ทุกสิ่งที่ข้ามี รวมถึงชีวิตนี้ ต่างถูกมันควบคุมทั้งสิ้น”

ชิงลั่วพึมพำ จากนั้นจึงส่ายหน้ามองซูอี้ กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ทว่าการได้ฆ่าสหายเต๋าและคนอื่น ๆ ด้วยดาบนี้ นับว่าคุ้มค่าชีพนี้แล้ว”

ใบหน้าที่แต่เดิมหล่อเหลาชราลง ผมสีขาวของเขาดูราวหิมะ ผิวทั่วร่างหยาบกร้านแตกระแหง

มีเพียงดาบวิญญาณในมือที่เปล่งประกายเจิดจ้า ไม่อาจถูกดูแคลน!

ยามนี้เอง ในที่สุดซูอี้ก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ตายหรอก ทว่าทาสดาบเช่นเจ้าซึ่งร่างถูกดาบเลือกกัดกินจะตายแน่นอน”

“เลือก? ทาสดาบ?”

ชิงลั่วขมวดคิ้ว “สหายเต๋าหมายความเช่นไร?”

ซูอี้กล่าว “การคาดเดาก่อนหน้านี้ของเจ้าไม่ถูกต้อง นี่คือดาบปีศาจอันหายากยิ่ง เจ้าก็แค่ทาสที่มันเลือก ไม่เพียงถูกดึงความทรงจำไป แต่วิถีเต๋าและการฝึกฝนของเจ้าก็จะกลายเป็นอาหารของมันในภายหน้าด้วย”

ม่านตาของชิงลั่วหดตัวเล็กน้อย แล้วยิ้มขำออกมาทันที “ก็แค่ดาบเล่มเดียว จะกลืนกินเจ้านายได้เช่นไร? สหายเต๋าเอ๋ย ที่เจ้าพูดเช่นนั้น เจ้ากำลังพยายามให้ข้าดิ้นรนเพื่อหาทางรอดให้ตนเองหรือไม่?”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาไม่ได้เชื่อวาจาของซูอี้

“เวลาไม่คอยท่า สหายเต๋า ข้าจะส่งเจ้าไปตามทางก่อน!”

ชิงลั่วกล่าว ทะยานสู่ฟ้าและสับดาบลงมา

ตู้ม!

ปราณดาบสีขาวบรรเจิดแหวกผ่านนภา คุโชนพร่างพราว บรรยากาศน่าหวาดหวั่นไร้ขอบเขตทำให้โลกาโอดครวญราวยอมสยบ

อำนาจเช่นนี้สามารถสังหารผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้ทุกผู้!

ซูอี้ไม่ได้ล่าถอย

ยามเมื่อชิงลั่วโจมตี เขาส่ายหน้าน้อย ๆ ยื่นแขนซ้ายออกมา และชี้นิ้วสู่อากาศนิ้วหนึ่ง

ปราณดาบไร้ลักษณ์แหวกเวหา

มันถูกแปรเปลี่ยนโดยกลิ่นอายของดาบเก้าคุมขัง

มันดูเรียบง่ายธรรมดา ทว่าเมื่อปราณดาบนี้กวาดออกไป แรงกดดันมหาศาลเกินบรรยายก็ปรากฏขึ้นเงียบ ๆ

ห้วงอากาศอันสับสนอลหม่านมาแต่เดิม หมู่เมฆาสลายหาย ท้องทะเลเวียนคลั่งพลันนิ่งงันไปอย่างน่าประหลาด ก่อนจะถูกปราบสิ้น… โดนจองจำโดยสมบูรณ์!

ทั่วท้องทะเลในรัศมีหลายพันลี้ต่างตกภายใต้แรงกดดันมหาศาลชวนใจหาย

หือ?

ม่านตาของชิงลั่วหดตัวลงฉับพลัน ขนลุกซู่ทั่วกาย นี่คือ?

ตู้ม!

จู่ ๆ เสียงระเบิดกัมปนาทก็ดังขึ้นในโลกอันเงียบเชียบเหงาหงอย

ปราณกระบี่สว่างจ้าที่ชิงลั่วฟันออกมาแตกสลายเยี่ยงแก้วอันเปราะบางด้วยดาบของซูอี้!

ภาพนี้ทำให้ชิงลั่วแทบสิ้นแรง

นี่คือไพ่ตายที่เขาเอาชีวิตเข้าแลก!

เขามั่นใจว่าด้วยการโจมตีนี้ กระทั่งมหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตสยายวิญญาณยังต้องดับดิ้นแน่นอน!

ทว่ายามนี้ เขากลับถูกซูอี้ซึ่งอยู่เพียงในขอบเขตรวบรวมดาราเอาชนะได้โดยง่าย!!

ไม่รอให้ชิงลั่วฟื้นสติ ดาบของซูอี้เคลื่อนไหวไร้ต้าน ฟันแหวกอากาศ

ชิงลั่วเหวี่ยงดาบต้านรับ

เคร้ง!!!

เกิดเสียงคำรามก้องกระหึ่ม ดาบยาวสีขาวหิมะโบยบินจากมือ กระเด็นไปไกล ณ เบื้องหลัง

ชิงลั่วอึ้งราวกับไม่อยากเชื่อ

เขาฝืนเงยหน้าขึ้นมองซูอี้ที่อยู่ไกลออกไป และพึมพำว่า “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่… จริงหรือ?”

ซูอี้กล่าว “ข้าไม่โกหกคนตายหรอก”

“ข้า… ข้าเป็นแค่ทาสดาบผู้ไม่อาจช่วยตนเองได้จริง ๆ หรือ…”

ดวงตาของชิงลั่วว่างเปล่า สิ้นหนทาง

ร่างของเขาปริแตกทีละน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกองธุลีปลิวว่อน

ก่อนหน้านี้ ยามเมื่อเขาชักดาบเทวทัณฑ์ออกมาเมื่อครู่ พลังชีวิตแทบทั้งหมดของเขาก็ถูกดาบวิญญาณกลืนกินไป

ยามนี้ ต่อให้เขาจะสามารถหยุดปราณดาบของซูอี้ได้ แต่อำนาจร้ายกาจได้ทำให้ร่างกายและวิญญาณของเขาสลายสิ้น

ยามนี้ ชายหนุ่มผู้มีพื้นเพพิสดารผู้นี้ได้ตายลงแล้ว!

“เจ้าตายเช่นนี้ นับว่าไร้ค่ายิ่งกว่า”

ซูอี้พึมพำกับตนเองพลางหันไปมองไกลออกไป

ยอดดาบปีศาจซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเก็บไว้ในกระดูกสันหลังของชิงลั่วสั่นเครือ ก่อนจะร่วงลงสู่พื้นสมุทรไกลออกไปหลายร้อยจั้ง ส่องแสงสว่างสีเงินเรื่อเรือง

เห็นได้ชัดว่ามีรอยแตกใหญ่ปรากฏขึ้นบนใบดาบซึ่งแต่เดิมขาวใส

มันคือรอยจากปราณดาบของซูอี้!

สิ่งนี้เหนือความคาดหมายของซูอี้ เพราะเขาไม่คาดว่าดาบเล่มนี้ก็รับหนึ่งลมปราณจากดาบเก้าคุมขังไม่ได้!

“ฆ่าทาสดาบของข้า ทำร้ายร่างดาบของข้า ข้าผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จะจำเจ้าไว้ และตอบแทนอย่างสาสมสิบเท่าในภายหน้า!”

และเมื่อซูอี้หันมองมา กระแสเสียงเย็นชาเปี่ยมโทสะไร้ขอบเขตก็ดังออกมาจากดาบปีศาจนามเทวทัณฑ์

วูบ!

เสียงยังไม่ทันสิ้น ดาบปีศาจก็แหวกเวหาหายลับนภากว้างไปในพริบตา

“ว่าแล้วเชียว ยังมีวิญญาณปีศาจอันสมบูรณ์กบดานอยู่ในดาบนี้…”

ซูอี้ครุ่นคิด

ก่อนหน้านี้ ทันทีที่เขาเห็นดาบ ก็พอจะเดาเรื่องบางอย่างได้

จนกระทั่งยามนี้ เขายืนยันการคาดเดาของตนเองได้แล้ว!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset