📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 630

บทที่ 630 - ฟื้นคืนชีพ?
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ยามแรกที่เขาได้พบชิงลั่วในสันเขามารดาภูตผี ซูอี้ก็คาดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณรุ่นที่สอง

ทว่า เมื่อเขาเห็นดาบปีศาจเทวทัณฑ์ เขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้

สุดท้าย ชิงลั่วก็เป็นเพียงทาสดาบผู้ใช้ร่างกายของตนเองเป็นอาหารให้ดาบ!

ความทรงจำของเขาถูกดาบปีศาจเทวทัณฑ์ลบทิ้งไปเนิ่นนาน เช่นนั้นจะจำตนเองได้เช่นไร?

ซูอี้แน่ใจว่ามรดกและวิถีเต๋าซึ่งอีกฝ่ายมี ทั้งหมดนี้ต้องมาจากดาบปีศาจเทวทัณฑ์เป็นแน่!

กระทั่งนามชิงลั่วยังน่าจะถูกตั้งโดยดาบปีศาจเทวทัณฑ์…

‘คนผู้นี้เคยกล่าวไว้ว่ายามแรกเจอ เขาสัมผัสถึงอันตรายและจิตคุกคามได้ ดังนั้นใจของเขาจึงบังเกิดจิตสังหาร เกรงว่าคงเป็นอิทธิพลจากดาบปีศาจนั่น’

ซูอี้ลอบคิด

ทว่า ซูอี้ไม่อาจประเมินได้ว่าที่มาของดาบปีศาจเทวทัณฑ์นี้คือที่ใด?

“ที่ชิงลั่วมายังทะเลวิญญาณโกลาหลครานี้ และพยายามบุกเข้าไปในซากหอเซียนดาบ จะกล่าวได้ว่าเป็นเพราะเขายังถูกผลกระทบจากดาบปีศาจนี้หรือ?”

ซูอี้ใคร่ครวญ

สามหมื่นปีก่อน หอเซียนดาบ หอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุ และสำนักผลาญตะวันถูกเรียกว่าสามสำนักผู้ฝึกปีศาจแห่งโลกหล้า

ผู้ก่อตั้งของมันคือจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียน

มีคำว่า ‘ดาบ’ อยู่ในชื่อหอเซียนดาบ ซึ่งพิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่าหอเซียนดาบขึ้นชื่อในวิชาดาบ

เห็นได้ชัดว่าดาบปีศาจเทวทัณฑ์คือสมบัติในวิถีชั่วช้า มันมีวิญญาณปีศาจที่สมบูรณ์สิงสู่ และสอดคล้องกับลักษณะของหอเซียนดาบ

“น่าเสียดายที่ไม่ได้หยุดมันไว้ก่อน หาไม่ เราคงได้รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับหอเซียนดาบหรือไม่”

ซูอี้ส่ายหัว และไม่คิดถึงมันอีกต่อไป

“สหายเต๋าซู!”

น้ำเสียงเริงร่าอันตื่นเต้นดังมาจากระยะไกล

เมื่อมองไปในทะเลที่อยู่ห่างไกล อำนาจฉุดรั้งพัดเป็นเกลียวหลีก ช่องวังวนอุบัติขึ้น หนิงซือฮวาเดินออกมาด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์ใสซื่อเปื้อนยิ้มกว้าง

“ข้าบอกแล้ว คุณชายจะไม่เป็นไร!”

“ยอดเลย!”

ฉาจิ่นและเหวินหลิงเสวี่ยเร่งตามนางมาติด ๆ

เทียบกับกาลก่อน ฉาจิ่นซูบผอมลงไปมาก นางสวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน เส้นผมยาวสีปีกกาของนางถูกมัดเป็นมวย ผิวของนางขาวยิ่งกว่าหิมะ ร่างบอบบางสะโอดสะอง

เมื่อเห็นร่างแข็งแกร่งของซูอี้ยืนอยู่บนผืนน้ำโดยไร้รอยขีดข่วน ใบหน้าทรงเสน่ห์ของฉาจิ่นก็เปี่ยมปรีดา

ส่วนเหวินหลิงเสวี่ยนั้น นางไม่อาจระงับความตื่นเต้นของตนได้ และรีบพุ่งเข้ามากอดซูอี้แน่นราวนางแอ่นคืนรัง

ใบหน้าของนางยังคงงดงามหยาดเยิ้มดังภาพวาดเช่นกาลก่อน

ทว่ายามนางโอบกอดซูอี้แน่น ดวงตาของเหวินหลิงเสวี่ยก็เต็มไปด้วยน้ำตา กล่าวว่า “พี่ซูอี้ พี่ไม่เป็นไร ดีแล้ว ดี…”

หญิงสาวตื่นเต้นเสียจนพูดไม่เป็นศัพท์

แต่เดิม ฉาจิ่นเองก็คิดจะพุ่งเข้ามา ทว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ นางกลับห้ามใจไว้

นางจะไม่รู้ได้เช่นไรว่าซูอี้รักเหวินหลิงเสวี่ยที่สุด?

“เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้วนะ”

ซูอี้ยกมือขึ้นลูบหลังเหวินหลิงเสวี่ยเบา ๆ สีหน้าของเขาปรากฏความอ่อนโยน เมื่อครู่นางผู้นี้คงระบายความกังวลของนางออกมา ดังนั้นจึงได้พูดเลอะเทอะนัก

ซูอี้หันมองฉาจิ่นและหนิงซือฮวาห่างออกไปและอดขำไม่ได้

เป็นความเปรมปรีดิ์อันหาได้ยากจากการพานพบผู้ที่ไม่ได้พบกันนานอีกครั้ง

แค่ว่า…

เมื่อนึกถึงอิงเชวียผู้ถูกสังหาร ความรื่นเริงในใจซูอี้ก็เจือจางลงไปมากทันที

“รอก่อนนะ”

ซูอี้กล่าว พลางเดินไปยังจุดหนึ่งในทะเล ไม่ห่างออกไปนัก

ซ่า~!

เขายกมือขึ้นคว้า และมังกรยักษ์สีดำสองตนก็ทะยานขึ้นจากน้ำ

เมื่อมองรอยหมัดและรอยแตกเต็มร่างมังกรเกล็ดดำไปหมด ดวงตาของซูอี้ก็อดแสดงเค้าอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ได้

กล่าวไป เขาและอิงเชวียต่างไม่อาจพูดได้ว่ามีมิตรภาพลึกซึ้ง

กาลก่อน ณ ผามังกรด้วน เขาแค่ช่วยให้อีกฝ่ายกำจัดมารผจญใจออกไปเท่านั้น

ทว่าซูอี้ไม่คาดเลยว่ามังกรเกล็ดดำผู้นี้จะแสนภักดี อารักขาที่แห่งนี้ ยอมตายไม่ยอมถอย!

“ในระหว่างช่วงเวลานี้ เพราะมีผู้อาวุโสอิงเชวียอยู่ที่นี่ พวกฉู่ซิวจึงไม่อาจเข้ามาในเขตหอเซียนดาบได้ ทว่ายามนี้ เขา…”

หนิงซือฮวากล่าวพลางถอนหายใจเบา ๆ ด้วยสีหน้ามัวหมอง

ทั้งฉาจิ่นและเหวินหลิงเสวี่ยต่างเงียบไป

ยามนี้ เมื่อมองร่างแหลกเละของอิงเชวีย พวกนางต่างไว้ทุกข์โศกอาลัย

เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง

ซูอี้แยกจิตสัมผัสออกมาสายหนึ่ง แทงทะลวงเข้าไปในร่างเย็นเฉียบของมังกรเกล็ดดำ

มังกรเกล็ดดำบาดเจ็บสาหัส อวัยวะภายในของเขาแหลกสลาย เลือดเนื้อไร้พลังชีวิตใด ๆ

นี่ทำให้หัวใจของซูอี้รู้สึกหนักอึ้ง

หากเขามาเร็วกว่านี้สักครึ่งชั่วยาม โศกนาฏกรรมเช่นนี้คงไม่เกิด!

ยามที่ซูอี้กำลังจะเก็บจิตสัมผัสไปนั้นเอง เขาก็ตกตะลึง

มีโอสถปีศาจสีเลือดแตกร้าวอยู่ในส่วนศีรษะมังกรเกล็ดดำเม็ดหนึ่ง

แม้ว่าโอสถปีศาจนี้จะแตกไป ซูอี้ก็สังเกตได้ว่ามันยังหลงเหลืออัตตาอยู่อย่างเบาบาง!

ซูอี้พ่นลมหายใจยาวและหัวเราะ

ร่างของเขาผ่อนคลายโดยสมบูรณ์

บาดแผลเช่นนี้อาจรุนแรงเสียจนกระทั่งเทพเซียนยังไม่อาจช่วย

ทว่าหยุดเขา ซูเสวียนจวินไม่ได้!

หนิงซือฮวาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของซูอี้ จึงอดพูดไม่ได้ว่า “สหายเต๋าซู เจ้าคิดหาวิธีช่วยผู้อาวุโสอิงเชวียได้หรือ?”

ฉาจิ่นและเหวินหลิงเสวี่ยตกใจ ทั้งคู่ต่างเงยหน้าหันมองซูอี้โดยไม่รู้ตน

“พวกเจ้าดูนะ”

ซูอี้ยิ้ม

เขาพลิกฝ่ามือ หยิบขวดหยกขาวออกมาหนึ่งขวด ปลดผนึกของมัน ทันใดนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองก็ฉายออกมา หลั่งไหลงดงามวิจิตรจริงแท้

สายตาของหนิงซือฮวาและคณะต่างถูกดึงดูดอย่างช่วยไม่ได้ พวกนางสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอุดมสมบูรณ์ไล้บนใบหน้า เพียงหายใจเข้าสักเฮือกก็ทำให้พวกนางแสนสุขี รื่นเริงไร้กังวล อัศจรรย์ยิ่งนัก

สิ่งที่อยู่ในขวดหยกคือโลหิตสามหยด นามว่าโลหิตทองวิญญาณน้ำแข็ง ซึ่งซูอี้ได้รับจากอาคังในเวิ้งเก้าดาราโนเวลกูดอทคฺอม

ตัวอาคังเองก็คือจิตวิญญาณน้ำแข็งซึ่งเกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดแห่งคังชิง ควบคุมพลังแห่งจิตวิญญาณหยินได้นับแต่กำเนิด และเลือดของนางก็ถูกรู้จักในนาม ‘โลหิตทองวิญญาณน้ำแข็ง’ ซึ่งมีอำนาจวิเศษต่อความเป็นและความตาย

กระทั่งในเก้ามหาแดนดิน โลหิตทองวิญญาณน้ำแข็งยังนับเป็นสมบัติหายาก ในหมู่กลุ่มเต๋าสูงสุด ยังมีเพียงบุคคลสำคัญเท่านั้นที่จะได้ใช้มันยามบาดเจ็บสาหัสใกล้ตาย

แน่นอน แม้ว่าซูอี้จะขอโลหิตของอาคังมาสามหยดในทีแรก แต่เขาก็ยังให้สุดยอดเคล็ดวิชาสำหรับจิตวิญญาณแก่นาง การตอบแทนเช่นนี้เหนือล้ำกว่าโลหิตสามหยดเป็นไหน ๆ

และยามนี้ ซูอี้ได้ตัดสินใจนำโลหิตทองวิญญาณน้ำแข็งออกมาช่วยอิงเชวียหนึ่งหยด!

“ควบแน่น!”

ซูอี้ปล่อยมือทั้งสอง และร่างที่พังทลายของอิงเชวียก็ค่อย ๆ ต่อติดเข้าหากัน

จากนั้น

โลหิตทองวิญญาณน้ำแข็งหยดหนึ่งก็ไหลออกมาจากขวดหยก ไหลตามปลายนิ้วของซูอี้และหยดลง

ติ๊ง!

โลหิตหยดนั้นเหมือนดั่งหยดน้ำที่ระเหยเป็นไอ กลายเป็นหมอกโลหิตสีทองหลั่งไหลสู่ร่างของอิงเชวีย

ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ภายใต้สายตาตกตะลึงของหนิงซือฮวาและคณะ บาดแผลบนร่างของอิงเชวียก็เลือนหายไป กลับสู่ปกติ

ไม่นานนัก รอยหมัดและบาดแผลบนร่างของเขาก็รักษาตัว มลายหายไป

ภายใต้อิทธิพลจิตสัมผัสของซูอี้ พลังของโลหิตทองวิญญาณน้ำแข็งก็สร้างอวัยวะภายใน กระดูก เลือดและเนื้อที่แหลกเละของอิงเชวียขึ้นใหม่…

การซ่อมแซมและเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อนี้ทำให้ซูอี้ดูพึงพอใจอย่างช่วยไม่ได้

สมกับเป็นโลหิตทองวิญญาณน้ำแข็ง สมบัติช่วยชีวิตชั้นหนึ่งในสายตาเหล่าผู้ฝึกตน!

ควรค่ากล่าวถึงว่าในกลุ่มเต๋าระดับสูงสุดแห่งเก้ามหาแดนดิน โลหิตทองวิญญาณน้ำแข็งยังเป็นโอสถมหาวิถีซึ่งสามารถพบได้ แต่ไม่อาจเสาะหา!

ฟู่!

ไม่นานนัก คลื่นพลังชีวิตก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างมังกรยักษ์ของอิงเชวีย และผิวอันปกคลุมด้วยเกราะเกล็ดก็เปี่ยมชีวิตชีวา

“นี่… นี่คือฟื้นคืนชีพหรือ?”

พวกหนิงซือฮวาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง มองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างเหม่อลอย

เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อจริงแท้ แต่เดิมพวกนางต่างคิดว่าอิงเชวียถูกฆ่าเสียแล้ว หัวใจจึงรู้สึกโศกเศร้ายิ่งนัก ใครเล่าจะคิดว่าอิงเชวียจะคืนชีพด้วยมือของซูอี้!

วิธีการเช่นนี้น่าอัศจรรย์ยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย

“เปล่า อิงเชวียไม่ได้ตายไปจริง ๆ เขายังคงมีเสี้ยววิญญาณหลงเหลือในร่าง นี่คือเหตุที่เขาสามารถถูกช่วยได้โดยใช้พลังของโลหิตทองวิญญาณน้ำแข็ง”

ซูอี้กล่าว “หาไม่ ต่อให้ข้าจะใช้พลังของตัวเองเพื่อช่วยเขา ไม่ว่าจะทุ่มเทเพียงไร ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นชีพแก่เขา”

ไม่ว่าโลหิตทองวิญญาณน้ำแข็งนั้นจะท้าทายอำนาจสวรรค์เพียงไร ทว่าก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะแทรกแซงระหว่างความเป็นความตาย

‘พลิกกลับเป็นตาย คืนเนื้อคืนกระดูก’ นี้ สุดท้ายก็เป็นเพียงคำอธิบายเท่านั้น

“พี่ซูอี้ ผู้อาวุโสอิงเชวียจะตื่นขึ้นได้จริง ๆ ยามใดหรือเจ้าคะ?”

เหวินหลิงเสวี่ยอดถามไม่ได้

“ขึ้นกับว่าวิญญาณของเขาจะถูกซ่อมได้ยามใด”

ซูอี้กล่าว “ไปกันเถิด ไปหอเซียนดาบกัน”

เขากล่าวพลางยกร่างมังกรใหญ่ยักษ์ของอิงเชวียขึ้น

หนิงซือฮวานำทางทันที

ไม่นานนัก พวกเขาก็หายลับไปในเขตทะเล

วันนี้คือวันที่ยี่สิบหก เดือนสิบเอ็ด

ซูอี้เดินทางจากหุบเขามารบุปผาโลหิตสู่ลึกเข้าไปในทะเลวิญญาณโกลาหล ที่หน้าซากปรักหักพังแห่งหอเซียนดาบ เขาสังหารฉู่ซิวและผู้ฝึกตนอื่น ๆ จากตำหนักมารเทียนอวี้ สังหารทาสดาบชิงลั่วและทำให้ดาบปีศาจชะงักงัน!

วันนี้ ซูอี้ได้ช่วยชีวิตมังกรเกล็ดดำอิงเชวียด้วยโลหิตทองวิญญาณน้ำแข็ง กลับไปพานพบสหายเก่า

ทว่า กระทั่งตัวซูอี้ยังไม่อาจรู้ตัวว่าตนวิ่งรอกรอบนครหลวงอวี้จิงแห่งต้าโจว หุบเขามารบุปผาโลหิตและทะเลวิญญาณโกลาหล และยังเกือบฆ่ายอดฝีมือล้างตำหนักมารเทียนอวี้แห่งมหาทวีปเทียนตู!

และในวันนี้

นักรบกลุ่มหนึ่งกำลังออกเสาะแสวงโอกาสสัมพันธ์ในหมู่เกาะ ณ ทะเลวิญญาณโกลาหล

จู่ ๆ ดาบปีศาจไร้คู่เปรียบก็จุติจากฟ้า สังหารนักรบเหล่านี้ เหลือเพียงชายหนุ่มชุดสีเทาผู้เดียวซึ่งยังหายใจ

“เจ้าหนู เจ้าชื่ออันใด?”

ดาบปีศาจทอประกายสีเงินเจิดจ้า ลอยเงียบ ๆ อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มชุดสีเทา

ชายหนุ่มอึ้งตะลึง ดวงตาเลื่อนลอย แล้วกล่าวอย่างไร้สติ “หวังหลิ่ว”

“ผิดแล้ว นามของเจ้าคือชิงลั่วต่างหาก”

เสียงเข้มดังออกมาอย่างเย็นชาจากดาบปีศาจ “จำไว้ให้ดี จากนี้ไป เจ้าคือข้ารับใช้ของข้าผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ข้าจะมอบมรดกและเคล็ดวิชาแก่เจ้า สิ่งที่เจ้าต้องทำก็มีเพียงอยู่ให้ถึงยามที่แสงสว่างแห่งโลกกว้างปรากฏ…”

เสียงยังไม่ทันจางหาย ดาบปีศาจก็พุ่งหายไปในอากาศธาตุ ทะลักไหลเข้าสู่สันหลังของชายหนุ่มชุดเทา

ใบหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยวเจ็บปวด ร่างสั่นกระตุก ทั่วร่างอาบด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ

เนิ่นนานจากนั้น—

เมื่อชายหนุ่มชุดเทายืดเอวลุกขึ้น ดวงตาของเขาก็ลึกล้ำเยี่ยงวังน้ำวน ปรากฏประกายสีเงินขึ้น

ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว “แปลกจัง เหตุใดข้าจึงรู้เพียงนามชิงลั่ว ทว่าไม่อาจจำอดีตได้กัน?”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset