📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 587

บทที่ 587 - หารือยามค่ำคืน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลังจากออกจากจวนของอ๋องเทียนหยางแล้ว เวิงจิ่วและสุ่ยเทียนฉีต่างรู้สึกหนักใจมาก

“หากฝ่าบาทอยู่ที่นี่ อ๋องเทียนหยางจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนี้!”

เวิงจิ่วไม่พอใจ

แววตาของสุ่ยเทียนฉีสงบ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ภายใต้สถานการณ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้ อ๋องเทียนหยางถือว่าความปลอดภัยของราชวงศ์เป็นความสำคัญสูงสุด ดังนั้นเราไม่อาจตำหนิเขาได้ สิ่งเดียวที่เขาทำผิดคือเขาไม่ควรกักตัวหยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงเอาไว้เช่นนี้”

เวิงจิ่วขบริมฝีปากแน่น สีหน้าของเขาในยามนี้เคร่งเครียดอย่างยิ่ง “หากซูอี้รู้เรื่องนี้ ด้วยความโหดเหี้ยมไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดของเขา ข้าเกรงว่าเขาจะทำให้ภูเขาเทียนหมางย้อมไปด้วยโลหิตด้วยดาบของเขาเป็นแน่แท้!”

สุ่ยเทียนฉีพยักหน้า

ทั้งสองคนเคยเห็นวิธีการจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ของซูอี้มาหลายครา ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าซูอี้เป็นคนแบบใด แม้ภายนอกจะดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่ภายในซูอี้คือคนที่หยิ่งทะนงและไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดเลย

ตระกูลหวนเผ่ามารแข็งแกร่งเพียงใด? เพียงพอที่จะทำให้ราชวงศ์เซี่ยไว้หน้าอยู่สามส่วน!

แต่ในสายตาของซูอี้นั้นหาได้แยแสแม้แต่น้อย!

ยังไม่นับรวมที่ตั้งแต่ซูอี้เข้ามาในนครหลวงจิ๋วติ่ง เขาได้สังหารฮั่วเทียนตู ผู้อาวุโสของวังเทพสวรรค์เมฆา ลี่เมี่ยวหงผู้อาวุโสของสำนักเต๋าชิงอี่ และโจวเฟิงจื่อผู้อาวุโสของสำนักดาบเทียนชู…

ยิ่งไปกว่านั้นหากซูอี้เป็นคนที่เกรงกลัวผู้ใดจริง ๆ ในเกาะเซียนพระสุเมรุเขาจะกล้าสังหารผู้ร้ายกาจยุคโบราณมากกว่าสิบคนที่ล้วนแต่มาจากกองกำลังโบราณได้อย่างไร

ดังนั้นแล้วเมื่อพิจารณาถึงวีรกรรมที่ซูอี้เคยทำมา หากซูอี้รู้ว่าอ๋องเทียนหยางแห่งราชวงศ์เซี่ยได้กักขังหยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงเอาไว้เพราะหวาดเกรงกองกำลังโบราณทั้งหลาย ซูอี้จะไม่มีทางอยู่เฉยอย่างแน่แท้   

เปลือกตาของสุ่ยเทียนฉีกระตุกอย่างไม่อาจควบคุม ด้วยนิสัยของซูอี้ เมื่อใดที่เขาถูกยั่วยุหรือถูกล่วงเกิน เขาจะลงมือกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาดรุนแรงโดยไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งนั้น   

“เรื่องนี้เราต้องปิดบังเอาไว้ก่อนและหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด” เวิงจิ่วเป็นกังวล   

เมื่อตอนก่อนที่ซูอี้จะลงจากภูเขาเทียนหมางวันนี้ ซูอี้สั่งไว้ให้เขาแจ้งแก่หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงให้กลับไปที่สวนน้อยนภาเมฆ

นี่ยังหมายความว่าแม้ว่าพวกเขาจะไม่บอกซูอี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าซูอี้จะสังเกตเห็นได้เองว่ามีบางอย่างผิดปกติ!

“ไปหาองค์หญิงกันก่อนเถิด”

ดวงตาของสุ่ยเทียนฉีฉายแวว “ก่อนที่ฝ่าบาทจะจากไปเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว พระองค์ทรงเรียกองค์หญิงไปเข้าเฝ้าอยู่ครั้งหนึ่ง และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสถานะขององค์หญิงนั้นพิเศษเพียงใด ทุกคนต่างรู้ดีว่าฝ่าบาทโปรดปรานองค์หญิงมากเป็นที่สุด หากองค์หญิงออกหน้าในเรื่องนี้อาจทำให้อ๋องเทียนหยางยอมถอยได้สักครึ่งก้าว”

“เช่นนั้นพวกเรารีบไปกันเถิด!”

เวิงจิ่วรีบออกเดินไป

ยอดเขาเทียนหมาง

ในศาลาที่เรียบง่ายและสง่างาม

เมื่อทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดจากปากของเวิงจิ่วและสุ่ยเทียนฉีแล้ว ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็เบิกกว้างก่อนจะพูดอย่างโกรธเคือง “ผู้อาวุโสสามกล้าดีอย่างไร!?”

“องค์หญิงขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่ท่านจะโกรธเกรี้ยวต่อผู้อาวุโสสาม” เวิงจิ่วรีบเอ่ยให้นางสงบใจอย่างรวดเร็ว

“สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือการหาทางแก้ไขเรื่องราวเกี่ยวกับหยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิง อย่าปล่อยให้สหายเต๋าซูเข้าใจผิด”

สุ่ยเทียนฉีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามจากอีกด้านหนึ่ง “องค์หญิงเมื่อตอนก่อนที่องค์จักรพรรดิจะจากไป องค์จักรพรรดิ… มีคำแนะนำอื่นใดไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเช่นนี้บ้างหรือไม่?”

เซี่ยชิงหยวนอึ้งไปครู่หนึ่งราวกับคิดบางสิ่งได้ออก แต่นางหลีกเลี่ยงการตอบโดยกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสามไม่ได้บอกหรอกหรือว่าคืนนี้เขาจะเรียกรวมบุคคลสำคัญทั้งหมดเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอาเป็นว่าข้าจะไปดูก่อนจากนั้นจึงค่อยตัดสินใจว่าจะทำเช่นไรต่อ”

พูดจบนางก็ลุกขึ้นและเดินจากไป

เวิงจิ่วรีบเอ่ยขึ้นทันที “องค์หญิง แล้วซูอี้เล่า…”

“ข้าจะไปพูดคุยกับคุณชายซูเป็นการส่วนตัวเอง ข้าจะไม่ให้เขาทำสิ่งใดรุนแรง”

เซี่ยชิงหยวนโบกมือและจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก

ร่างที่สง่างามของนางหายลับตาไปอย่างรวดเร็ว

เวิงจิ่วและสุ่ยเทียนฉีมองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น

“เรื่องนี้ย่อมทำให้องค์หญิงหนักใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่รู้เลยว่าการที่เรานำเรื่องนี้มาแจ้งให้องค์หญิงทราบเป็นเรื่องถูกหรือเรื่องผิด หวังว่าหลังจากนี้องค์หญิงจะไม่กล่าวตำหนิพวกเรา”

เวิงจิ่วรู้สึกหนักอึ้ง

“แต่ในความคิดของข้า มันเป็นทางเลือกที่ดีแล้วหากองค์หญิงไปพบกับซูอี้” สุ่ยเทียนฉีครุ่นคิด “อย่าได้ลืมว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์หญิงและซูอี้นั้นไม่เลวเลย พวกเขาสร้างมิตรภาพกันมาตั้งแต่อยู่ในอาณาจักรต้าโจว”   

เวิงจิ่วสะดุ้งตกใจและนึกขึ้นได้ว่าในงานชุมนุมมวลพฤกษา แม้มีสายตามากมายจับจ้องอยู่ ทว่าองค์หญิงไม่ได้ปิดบังเลยว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับซูอี้ถึงขนาดเสด็จไปนั่งเคียงข้างซูอี้ รินสุราให้และสนทนากับซูอี้อย่างสนิทสนมใกล้ชิด…   

โถงว่าราชการในพระราชวังชั้นใน

แม้เป็นกลางดึกแต่ทั้งห้องโถงกลับสว่างไสวไปด้วยแสงเทียนและแสงคบเพลิงมากมาย   

ที่นั่งหลักบัลลังก์มังกรตรงกลางซึ่งเป็นที่นั่งของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยนั้นว่างเปล่าในขณะนี้ และแน่นอนไม่มีผู้ใดกล้าก้าวล้ำไปเข้าใกล้   

ผู้อาวุโสสามอ๋องแห่งเทียนหยางเซี่ยหลินเยวียน ก็ไม่กล้าอาจเอื้อมเช่นกัน เขานั่งอยู่ตรงที่นั่งตำแหน่งต่ำกว่าซึ่งอยู่ใต้บัลลังก์มังกรด้วยท่าทางสบาย ๆ   

เฉพาะเมื่อสายตาของเขากวาดไปทั่วห้องโถงซึ่งมีแต่เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ของราชวงศ์มารวมกัน หัวใจของเซี่ยหลินเยวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจ   

อำนาจทั้งโลกอยู่ในกำมือ ความรู้สึกเช่นนี้มีผู้บ่มเพาะคนใดบ้างที่ไม่ชื่นชอบ?   

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นว่าแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่อย่างเซี่ยฉางหงยังต้องให้ความเกรงใจเขาในตอนนี้ เซี่ยหลินเยวียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ

นี่คือ… อำนาจ!   

แต่ในไม่ช้าเซี่ยหลินเยวียนขมวดคิ้ว   

จากนั้นก็เกิดความโกลาหลในห้องโถงและมีการทะเลาะวิวาทกันอย่างต่อเนื่อง   

สมาชิกราชวงศ์ถูกแบ่งออกเป็นสามฝ่ายในขณะนี้ ฝ่ายหนึ่งนำโดยผู้อาวุโสใหญ่เซี่ยฉางหงซึ่งเชื่อว่าราชวงศ์ทั้งหมดควรทำตามพระประสงค์ของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยองค์ปัจจุบันต่อไปโดยการยึดมั่นปกป้องซูอี้ ไม่ยินยอมโอนอ่อนให้แก่กองกำลังโบราณเหล่านั้น   

อีกกลุ่มหนึ่งนำโดยผู้อาวุโสลำดับสองเซี่ยอวิ๋นเกิงซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ร้ายแรงเกินไป และภัยพิบัติทั้งหมดต้องโทษซูอี้เพียงผู้เดียว สิ่งที่ราชวงศ์เซี่ยต้องทำคือปกป้องตัวเองและอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่วุ่นวายนี้

ฝ่ายที่สามคือเหล่าคนที่ขอเป็นกลาง

มีเพียงไม่กี่คนที่สนับสนุนเซี่ยฉางหงซึ่งมีเพียงเจ็ดหรือแปดคนเท่านั้น

ทว่าทางฝั่งของเซี่ยอวิ๋นเกิงกลับมีผู้สนับสนุนมากกว่าสิบคน

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ขอเป็นกลางกลับมีจำนวนที่มากที่สุด

เมื่อเห็นฉากนี้ เซี่ยหลินเยวียนจึงกระแอมเบา ๆ และโบกมือเพื่อระงับเสียงของทุกคน

หลังจากที่ทุกคนเงียบลงและหันมอง เซี่ยหลินเยวียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “การทะเลาะวิวาทกันเองไปมาเช่นนี้ในความคิดของข้านั้นเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เรื่องนี้ควรจะจัดการเช่นเดียวกับความเห็นของผู้อาวุโสรองที่กล่าวมา เพื่อความปลอดภัยของราชวงศ์เซี่ย ของเราซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุด ซูอี้จะไม่ได้รับการปกป้องจากเราอีกต่อไป!”

ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เซี่ยฉางหงมืดมนและเขากำลังจะพูดโน!วลกูดoทคอม

เซี่ยหลินเยวียนจึงกล่าวขัดล่วงหน้า “การตัดสินใจนี้คือสิ้นสุด ก่อนที่ฝ่าบาทจะจากไปพระองค์มอบหมายให้ข้าจัดการเรื่องทั้งหมดของราชวงศ์ ดังนั้นแล้วเพื่อความปลอดภัยและผลประโยชน์ของราชวงศ์เราเป็นที่ตั้ง นี่คือการตัดสินใจของข้า! หากผู้อาวุโสใหญ่ไม่เห็นด้วยก็จงรอให้องค์จักรพรรดิกลับมาก่อน เมื่อนั้นท่านจะร้องเรียนสิ่งใดข้าจะไม่ขัดขวางท่าน!”

พูดถึงประโยคนี้เซี่ยหลินเยวียนยืดตัวตรงแสดงท่าทีองอาจและชอบธรรม “หรือจะให้พูดโดยสั้น สิ่งที่ข้าตัดสินใจนั้นอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ราชวงศ์ทั้งหมดเป็นหลัก แม้มันจะดูแล้งน้ำใจและดูผิดศีลธรรมในสายตาของผู้คน ข้าก็ยินดีที่จะถูกมองว่าเป็นคนชั่วช้า!”

ผู้อาวุโสลำดับสองเซี่ยอวิ๋นเกิงโค้งกายยกย่องทันที “หากสิ่งที่เราทำนั้นคือสิ่งผิดเช่นนั้นข้าก็ยินดีที่จะแบ่งปันบาปไปกับผู้อาวุโสสาม!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังออก เสียงสนับสนุนก็เริ่มสะท้อนก้อง

ซูอี้เป็นคนนอก ใครจะอยากเข้าไปพัวพันกับภัยพิบัติเพราะคนนอกกัน?

เมื่อเห็นสิ่งนี้เซี่ยฉางหงและบุคคลสำคัญคนอื่น ๆ ต่างก็เงียบ ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ ทุกคนต่างตระหนักว่านับจากนี้สิ่งต่าง ๆ ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก

“พวกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความเห็นของซูอี้แม้แต่น้อย เขาทำให้เกิดภัยพิบัตินี้ด้วยตนเอง ดังนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องรับมือกับมันเอง เขาจะมาตำหนิราชวงศ์เซี่ยของเราได้อย่างไรกับการที่เราไม่ช่วยเขา?”

เซี่ยหลินเยวียนกล่าวอย่างเฉยเมย “ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากกองกำลังโบราณมากกว่าหนึ่งโหล คนหนุ่มซูอี้… จะมีชีวิตอยู่ได้อีกสักกี่วัน?”

บรรยากาศในห้องโถงเงียบสงัด และทุกคนต่างมีสีหน้าที่แตกต่าง

เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสใหญ่พูดไม่ออก เซี่ยหลินเยวียนก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อย ๆ

อำนาจ… เป็นสิ่งที่หอมหวานมากที่สุดในโลก

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวต่อว่า “พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปเชิญซูอี้ให้มาที่ภูเขาเทียนหมางเพื่อพูดคุย และบอกจุดยืนของเราในเรื่องนี้ หากเขาฉลาดเขาย่อมไม่กล้าที่จะโกรธเคืองเรา”

เมื่อพูดประโยคนี้จบ เขามองไปที่มุมหนึ่งของห้องโถงและเอ่ยว่า “หลานชิงหยวน เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”   

ทุกคนต่างหันไปมองเซี่ยชิงหยวนซึ่งนั่งอยู่ที่นั่น เมื่อนางสังเกตเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่นาง นางยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าเป็นเพียงแค่คนรุ่นเยาว์ ความคิดเห็นของข้าคงไม่สลักสำคัญใด ทุกอย่างให้ขึ้นอยู่กับตัดสินใจของผู้อาวุโสสามก็แล้วกัน”

  

เซี่ยหลินเยวียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “หลานชิงหยวน เจ้าเป็นเด็กสาวที่รู้ความยิ่งนัก หากฝ่าบาทรู้เรื่องนี้พระองค์จะต้องยินดีอย่างยิ่ง!”

  

เซี่ยชิงหยวนยิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “เนื่องจากผู้อาวุโสสามจะเรียก ซูอี้มาพูดคุยพรุ่งนี้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปแจ้งเขาให้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน”   

เซี่ยหลินเยวียนยิ้ม “ชิงหยวน เจ้าเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ เจ้าจะลำบากตัวเองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ได้อย่างไร เพียงให้ลุงส่งผู้ส่งสาส์นไปที่นั่นก็เพียงพอแล้ว”   

เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวและพูดว่า “ซูอี้และข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานานแล้ว ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขาประสบภัยพิบัติใหญ่ แม้ว่าข้าจะช่วยเขาไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วข้าก็ยังอยากจะแสดงว่าเราไม่ได้คิดร้ายต่อเขา”   

เซี่ยหลินเยวียนพยักหน้าอย่างชื่นชม “ช่างเป็นเด็กสาวที่จิตใจดีและมีคุณธรรมอย่างแท้จริง เอาเป็นว่าเจ้าช่วยพูดให้ซูอี้รู้ด้วยว่าเขาไม่ควรทำสิ่งใดหุนหันพลันแล่นต่อพวกเรา ไม่เช่นนั้นมันจะรังแต่ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น”   

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสสาม ข้าจะอธิบายข้อดีและข้อเสียทั้งหมดให้เขาฟัง แต่ว่าเขาจะฟังหรือไม่นั้นข้าคงไม่อาจไปบังคับได้”   

เซี่ยหลินเยวียนพยักหน้าอีกครั้งด้วยความชื่นชม

คืนเดียวกันหลังจากที่เซี่ยชิงหยวนออกจากวัง นางก็ตรงไปยังสวนน้อยนภาเมฆทันที

ยามดึกสงัด ลมหนาวพัดผ่านทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นยะเยือก

เซี่ยชิงหยวนมาถึงสวนน้อยนภาเมฆในช่วงเวลาที่ซูอี้เพิ่งเสร็จสิ้นจากการฝึกฝนพอดีและกำลังจะเข้านอน

“ดึกมากแล้วแต่เจ้ากลับมาที่นี่อย่างรีบร้อน เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีเรื่องราวเกิดขึ้น?”

ซูอี้เอ่ยถามอย่างเรียบเฉย

เขาเห็นได้อย่างชัดเจนจากสีหน้าของเซี่ยชิงหยวนซึ่งกำลังขมวดคิ้วมุ่น มีความกังวลมากมายที่ฉายออกจากใบหน้าอันงดงามของนาง

“ข้าเองก็หาได้คาดคิดไม่ว่ายังไม่พ้นข้ามคืนหลังจากที่ศิษย์พี่ชายซูเพิ่งกลับมาจากเกาะเซียนพระสุเมรุ คืนนี้กลับมีอะไรมากมายเกิดขึ้น”

เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

จากนั้นหญิงสาวจึงรีบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชวังคืนนี้อย่างรวดเร็ว

หลังจากฟังเรื่องทั้งหมดซูอี้ก็หัวเราะเสียงดัง “เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ แต่คนของราชวงศ์เจ้ากลับตื่นตระหนกกันแล้วอย่างนั้นหรือ?”

“เรื่องเล็กน้อย?”

เซี่ยชิงหยวนเบิกตากว้างก่อนจะพูดอย่างกังวลว่า “เรื่องราวนี้เกี่ยวข้องกับกองกำลังโบราณแทบจะทั้งหมดที่อยู่ในทวีปคังชิง แต่ท่านกลับบอกว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ?”

ซูอี้โบกมือแล้วพูดว่า “อย่ากังวลไป ในความคิดของข้า เซี่ยหลินเยวียนนั้นพูดถูก ข้าเป็นผู้ที่ฆ่าผู้คนดังนั้นผลที่ตามมามันควรเป็นตัวข้าที่ต้องแบกรับ เป็นเรื่องปกติแล้วที่ราชวงศ์เซี่ยของเจ้าจะเลือกยืนดูอยู่ที่ด้านข้าง”

พูดถึงประโยคนี้เขายิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ข้าก็ไม่เคยคิดจะให้ราชวงศ์เซี่ยของเจ้าช่วยปกป้องข้าจากสิ่งต่าง ๆ แม้แต่น้อย”

แต่เมื่อมองเห็นแววตาที่เป็นกังวลของหญิงสาว น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลงบ้าง “เจ้าอย่าได้กังวลกับเรื่องนี้ให้มากเลย กองกำลังโบราณเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของข้าแม้แต่น้อย”

ใบหน้างดงามของเซี่ยชิงหยวนผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่จากนั้นนางก็แสดงสีหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แต่… ผู้อาวุโสสาม… ”

หญิงสาวก้มหน้าไม่กล้าสบตาซูอี้ และกล่าวว่า “เขากักขังหยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงเอาไว้…”

“หืม?”

ดวงตาที่ลุ่มลึกของซูอี้หรี่ลงทันที

ทันใดนั้นบรรยากาศรอบด้านเงียบลงราวกับเวลาหยุดนิ่ง

ลมหนาวพัดออกนอกหน้าต่าง ส่งเสียงครวญครางคล้ายกับเสียงสะอื้นไห้

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset