📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 501

บทที่ 501 - ในพระราชวัง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ไปสังหารซูอี้ในยามนี้?

ทุกคนต่างมีท่าทางแปลกไป

“ยังไม่เหมาะ!”

มีคนคัดค้านทันที “ไม่ต้องเอ่ยถึงพลังของซูอี้ผู้นี้ว่าน่ากลัวเพียงใด เพียงการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ครั้งนี้ คงไปดึงดูดความสนใจกองกำลังต่าง ๆ ในนครหลวงจิ๋วติ่งแล้ว หากลงมือในยามนี้ ต้องมีตัวแปรมากมายเกิดขึ้นแน่”

มีคนพยักหน้าเห็นด้วยไม่น้อย

การต่อสู้อันยอดเยี่ยมเหนือทะเลสาบชูอวิ๋น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก

ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่า เหล่ากองกำลังที่อยู่ในนครหลวงเหล่านั้น ต้องเริ่มเคลื่อนไหวแล้วแน่นอน

มีคนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แต่คนผู้นี้เพิ่งผ่านการต่อสู้มาเมื่อครู่ เขาจะต้องสูญเสียพลังไปมากแน่ อีกอย่างไพ่ไม้ตายเขาก็แสดงออกมาแล้ว ยามนี้เป็นโอกาสดีที่จะสังหารเขา หากพลาดโอกาสนี้… ต่อไปคงหาโอกาสเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว”

เมื่อคำพูดนี้ดังออกไป ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความลังเล

แม้แต่ผู้นำตระกูลฮั่วอย่างฮั่วหมิงเยวี่ยน ก็เกิดความรู้สึกตีกันอยู่ภายใน

และในยามนี้เอง

มีเสียงเข้มแข็งทรงพลังเสียงหนึ่งดังขึ้น “ทางที่ดีควรจบเรื่องในคืนนี้แต่เพียงเท่านี้”

พลันมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากอากาศไกล ๆ ตามเสียงออกมา บนหัวสวมหมวกทรงกลมสีดำ มือถือไม้เท้าสีดำ แม้จะมีใบหน้าแก่ชรา แต่ร่างกายกลับตรงทื่อดุจต้นสน

ครั้นเห็นคนผู้นี้ปรากฏตัว สีหน้าฮั่วหมิงเยวี่ยนเปลี่ยนไปอย่างมาก พลางเอ่ย “ผู้อาวุโสสุ่ย ท่านมาได้อย่างไรกัน?”

เหล่าคนใหญ่คนโตในตระกูลฮั่ว แต่ละคนต่างประหลาดใจ

พวกเขารู้จักเจ้าของหอทะเลสาบเมฆาผู้นี้ดี

เพียงแต่ไม่เข้าใจ ด้วยฐานะอันสูงศักดิ์ของอีกฝ่าย เหตุใดถึงได้ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง และมาหาพวกเขา หลังจากการต่อสู้เพิ่งจบลงไปได้ไม่นาน

ผู้อาวุโสสุ่ย!

อวี๋เฟิงเหอแห่งวังเทพสวรรค์เมฆา เนี่ยอิงซาน และผู้ที่มีขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นอีกสองคนต่างมีนัยน์ตาแข็งขึ้น

แม้พวกเขาจะไม่ใช่คนของนครหลวงจิ๋วติ่ง แต่หาใช่จะไม่รู้ว่าผู้อาวุโสสุ่ยมีฐานะและตำแหน่งสูงส่งเพียงใด?

ผู้อาวุโสสุ่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “จุดประสงค์ที่ชายแก่อย่างข้ามีที่นี่ก็ได้กล่าวอย่างชัดเจนแล้ว เรื่องในคืนนี้ขอผู้นำตระกูลฮั่ววางมือแต่เพียงเท่านี้”

ฮั่วหมิงเยวี่ยนขมวดคิ้ว พลางเอ่ยด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ผู้อาสุโสสุ่ย ท่านลุงข้าตายที่นี่ในคืนนี้ ทว่ายามนี้ท่านกลับบอกให้ข้าวางมือ นี่… มันไม่ดูไร้เหตุผลเกินไปหน่อยรึ?”

เหล่าคนตระกูลฮั่วก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

อวี๋เฟิงเหอเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสสุ่ย คืนนี้ท่านมาที่นี่เพื่อออกหน้าแทนซูอี้รึ?”

ผู้อาวุโสสุ่ยส่ายหน้า “ชายแก่ผู้นี้แค่มาตามที่ได้รับสั่งเท่านั้น”

เมื่อประโยคนี้ดังออกไป ทุกคนต่างรู้สึกกังวล

ฐานะของผู้อาวุโสสุ่ยในนครหลวงจิ๋วติ่ง ก็สูงส่งและเหนือกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว จะมีผู้ใดกล้าใช้คนเช่นผู้อาวุโสสุ่ยกัน?

ฮั่วหมิงเยวี่ยนสูดหายใจเข้าลึก พลางถาม “ขอริอาจถามผู้อาวุโสสุ่ย ท่านรับคำสั่งมาจากผู้ใดกัน?”

ผู้อาวุโสสุ่ยเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “จากคนในราชวัง”

ประโยคที่แผ่วเบา ทว่ากลับทำให้ม่านตาของฮั่วหมิงเยวี่ยนหดลง และร่างกายก็พลันแข็งทื่อ

ครั้นมองดูคนอื่น ๆ พวกเขาล้วนนิ่งอึ้งคล้ายกับไม่อยากจะเชื่อ

“ข้าบอกได้เท่านี้ เชิญพวกเจ้าพิจารณากันเอาเอง ขอตัวลา”

เมื่อเอ่ยจบ ผู้อาวุโสสุ่ยหมุนตัวเดินออกไป

“ในราชวัง? คนใหญ่คนโตในราชวังมีตั้งมากมาย แล้วผู้ใดคือคนที่อยากหาเรื่องกับตระกูลฮั่วของพวกเรากัน?”

มีคนสงสัย และมีสีหน้าเคร่งขรึม

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งต้าเซี่ย ตระกูลฮั่วยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ พื้นเพนั้นย่อมไม่ธรรมดา

แม้แต่คนในราชวงศ์ทั่วไป ก็มิกล้าล่วงเกินพวกเขาอย่างง่าย ๆ

“พวกเจ้าคิดว่า ในราชวังจะมีใครที่สามารถใช้คนอย่างผู้อาวุโสสุ่ยได้? แล้วจะมีใครที่ไม่สนความโกรธของตระกูลฮั่วเราและสั่งให้ผู้อาวุโสสุ่ยมาห้าม?”

ฮั่วหมิงเยวี่ยนถอนหายใจยาว สีหน้าเคร่งขรึมโกรธเกรี้ยวในคราแรกเปลี่ยนเป็นผิดหวังและห่อเหี่ยว

หา!

ทุกคนต่างตกใจ ในที่สุดก็ตระหนักสิ่งที่อยู่ในคำถามนั้นทันที พลันใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างสุดขีด

“ไป กลับกันเถิด เรื่องในคืนนี้พอแค่นี้”

ฮั่วหมิงเยวี่ยนหมุนตัวเดินออกไปด้วยท่าทางเงียบเหงา

ครานี้ตระกูลฮั่วของพวกเราพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ!

“ศิษย์พี่ พวกเราจะทำเช่นไรดี?”

สายตาเนี่ยอิงซานมองไปทางอวี๋เฟิงเหอ

“กลับสำนัก”

อวี๋เฟิงเหอเอ่ยด้วยท่าทางแข็งทื่อ “แม้แต่ราชวงศ์แห่งต้าเซี่ยก็ยังยื่นมือเข้ามา เรื่องใหญ่เช่นนี้ จะต้องให้คนใหญ่คนโตพวกนั้นตัดสินใจด้วยตัวเอง”

ในคืนวันเดียวกันนั้น ตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นทั้งสองท่าน ต่างเดินทางกลับวังเทพสวรรค์เมฆา

…..

ริมฝั่งทะเลสาบชูอวิ๋นในค่ำคืนนี้เปลี่ยนเป็นคึกคักอย่างมาก

มีผู้ฝึกตนไม่รู้เท่าไรมาที่แห่งนี้ และพยายามสืบหาอย่างสุดความสามารถ

หลังจากที่รู้ข่าวว่าฮั่วเทียนตูตายแล้ว พวกเขาต่างก็พากันตกใจ

“แค่ชายหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งสังหารฮั่วเทียนตูได้?”

เหวินซินจ้าวก็มาที่นี่เช่นกัน หญิงสาวสวมชุดกระโปรงธรรมดา ดวงหน้าดั่งรูปวาด ประหนึ่งนางฟ้าที่ลงมาจากสวรรค์ แผ่กลิ่นอายความมีชีวิตชีวาไปทั่วร่าง

แต่เมื่อรู้ว่าฮั่วเทียนตูถูกสังหารตายโดยชายหนุ่มสวมชุดเขียวผู้หนึ่ง เหวินซินจ้าวพลันนิ่งค้างไป ในหัวผุดร่างซูอี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“จะเป็นศิษย์พี่ซูหรือ?”

เหวินซินจ้าวรู้สึกกังวล

“ไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสใหญ่จะตายแล้ว…”

ด้านข้าง ดวงหน้างดงามของเซียนหานเยียนเหม่อลอยเล็กน้อย

ฮั่วเทียนตูเป็นผู้อาวุโสใหญ่สายในวังเทพสวรรค์เมฆา และมีระดับการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลางผู้หนึ่ง คนที่จะสามารถสังหารเขาได้ น่าจะมีความสามารถน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใดกัน?

“สุดท้ายพวกเรา… ก็ยังมาช้าไปก้าวหนึ่ง…”

เซียนหานเยียนถอนหายใจออกมาอย่างเบาหวิว

ที่นางกับเหวินซินจ้าวเดินทางมานครหลวงจิ๋วติ่งในครานี้ ประการแรกมาเพราะอยากพบซูอี้ด้วยตาตัวเอง เพื่อดูว่าจะเก่งกาจอย่างที่เหวินซินจ้าวกล่าวไว้หรือไม่

ประการที่สองเพื่อเข้าไปแทรกแซงความแค้นระหว่างฮั่วเทียนตูกับซูอี้ และพยายามไม่ให้เกิดการโต้เถียงกันขึ้น

แต่ไม่นึกเลยว่า นางกับเหวินซินจ้าวยังไม่ได้ลงมืออะไรเลย ฮั่วเทียนตูก็ตายแล้ว!

“ท่านอาจารย์ ข้าเคยบอกแล้ว หากเป็นศัตรูกับซูอี้ จะต้องได้ชดใช้แน่”

เหวินซินจ้าวเอ่ยกับตัวเอง การตายของฮั่วเทียนตูสำหรับนางแล้ว นอกจากตกใจ ก็ไม่มีความรู้สึกใดอีก

“เจ้าสงสัยว่าซูอี้คือผู้ที่สังหารผู้อาวุโสใหญ่รึ?”

ดวงตาของเซียนหานเยียนเบิกกว้าง พลางส่ายหน้าทันที “เป็นไปไม่ได้ แค่ชายหนุ่มขอบเขตเปิดทวารผู้หนึ่ง จะเป็นคู่ต่อสู้ของขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้อย่างไร?”

เหวินซินจ้าวเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ไหว “แต่ตามที่คนดูเหตุการณ์นั้นกล่าว ผู้ที่ต่อสู้กับผู้อาวุโสใหญ่ คือชายหนุ่มสวมชุดเขียวจริง ๆ ซึ่งคล้ายกับคุณชายซูมาก”

เซียนหานเยียนถอนหายใจออกมา “สาวน้อย อย่าได้พูดไร้สาระ ข้ารู้ว่าเจ้าเลื่อมใสและชื่นชมวิถีดาบของซูอี้ผู้นั้นมาก แต่เรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่ดับสลาย มิอาจพิจารณาเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้”

นางไม่เชื่อ!

เหวินซินจ้าวก็สงสัยเช่นเดียวกัน

จริง ๆ แล้ว หากบอกว่าซูอี้สามารถสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นได้ นางจะไม่สงสัยอย่างแน่นอน

แต่ฮั่วเทียนตูไม่เหมือนกัน เขาคือผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลาง ความสามารถเพียบพร้อม เหนือกว่าคนธรรมดา และมีไพ่ไม้ตายอยู่มากมายโuเวลกูดoทคoม

ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่เหวินซินจ้าวก็มิกล้ามั่นใจจริง ๆ ว่า ซูอี้จะสามารถสังหารคู่ต่อสู้อย่างฮั่วเทียนตูได้หรือไม่

เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหวินซินจ้าวก็เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ท่านอาจารย์ รอพวกข้าหาซูอี้เจอเมื่อใด บางทีก็อาจจะได้คำตอบก็ได้”

เซียนหานเยียนพยักหน้าพลางกล่าว “เช่นนั้นก็ดี แม้เรื่องนี้ซูอี้จะไม่ได้เป็นคนทำ ทว่าก็คงมีความเกี่ยวข้องกับเขาอยู่บ้าง ถึงอย่างไร จุดประสงค์ที่ผู้อาวุโสใหญ่มานครหลวงจิ๋วติ่งในครานี้ก็เพราะต้องการจะจัดการกับซูอี้อยู่แล้ว”

เหวินซินจ้าวรู้สึกคาดหวังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ รอได้พอกับชายหนุ่มคนนั้นเมื่อใด ต้องคว้าโอกาสเอาไว้ และขอคำชี้แนะเรื่องวิถีดาบกับเขาให้มาก ๆ!

……

ในความมืดมิด

บนยอดเขาภูเขาเทียนหมางที่สูงราว ๆ สามพันจั้ง

ภายในหอหยกที่สร้างอยู่ข้างผาทะเลเมฆ มีชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมพิงราวพลางมองทิวทัศน์อยู่

แม้จะมืดมิด ทว่าเมื่อมองจากในหอหยก ดาวที่อยู่ไกล ๆ สว่างไสว ท่ามกลางแสงดาวระยิบระยับในทะเลเมฆนั้น เผยแสงสีเงินใสเจิดจ้าออกมา ช่างงดงามยิ่ง

นี่คือ ‘ดาวทะเลเมฆ’ หนึ่งในแปดทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในนครหลวงจิ๋วติ่ง

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงราชวงศ์แห่งต้าเซี่ยกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ถึงมีโอกาสได้ชื่นชมความงดงามของสิ่งมหัศจรรย์ดังกล่าวได้

“มีระดับการฝึกฝนขอบเขตเปิดทวาร แต่สามารถสู้ชนะมหาปราชญ์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลางอย่างฮั่วเทียนตูด้วยพลังของตัวเองได้ แม้จะย้อนกลับไปเมื่อสามหมื่นปีก่อน ก็คงหาคนที่เทียบเคียงกับซูอี้ออกมาได้ไม่กี่คน?”

“อย่างน้อย ข้าก็มิเคยได้ยินมาก่อน”

“ปีศาจ! นี่มันคือปีศาจชั้นยอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน!”

ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมละสายตากลับมา และรู้สึกทอดถอนใจไม่หยุด

ด้านข้างเขา เวิงจิ่วเองก็เอ่ยด้วยความรู้สึกทอดถอนใจเช่นกัน “ไม่ปิดบังนายท่าน เมื่อได้เห็นพลังของซูอี้ในคืนนี้แล้ว ข้าน้อยไม่อยากจะเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีคนเก่งที่พลิกฟ้าเช่นนี้ดำรงอยู่!”

ชายสวมเสื้อคลุมยิ้ม แววตาเจือไปด้วยความประหลาดใจ “ไม่มีในมหาทวีปคังชิง ไม่เคยเห็นในโลกอื่น ๆ ทว่าบนเส้นทางมหาวิถี ย่อมมีเรื่องราวน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นมากมาย เฉกเช่นมารดาของเจ้าเจ็ดผู้นั้น…”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ชายสวมเสื้อคลุมหุบปากไปทันที หางคิ้วปรากฏความเศร้าสลดที่สังเกตได้ยากออกมา

ครู่หนึ่ง เขาสูดหายใจเข้าลึก พลางโบกมือ “ไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้”

เวิงจิ่วเงียบ

เวลานี้ ร่างของผู้อาวุโสสุ่ยเจ้าของหอทะเลสาบเมฆาพลันปรากฏขึ้น

“นายท่าน ข้าน้อยได้ถ่ายทอดคำพูดไปหมดแล้ว ฮั่วหมิงเยวี่ยนผู้นำตระกูลฮั่วได้พาคนกลับไปแล้ว”

ผู้อาวุโสสุ่ยเอ่ยด้วยความเคารพ

ชายสวมเสื้อคลุมเอ่ยสั่ง “ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น แม้จะบอกว่าพลังและไพ่ไม้ตายของซูอี้ในยามนี้ มากพอที่จะสังหารคนอย่างฮั่วเทียนตูได้ ทว่าเขาก็เป็นคนไร้สำนักไร้ราก หากถูกพวกไอ้แก่ที่ไม่เปิดหูเปิดตาหมายหัวเอาไว้ คงเกิดปัญหาขึ้นแน่”

เวิงจิ่วเอ่ยทันที “นายท่านกล่าวถูกต้อง ในด้านที่สดใส โลกฝึกฝนแห่งต้าเซี่ยในปัจจุบันดูเหมือนจะสงบ แต่ในความมืดมิด กลับมีกลุ่มวิถีปราชญ์โบราณบางส่วนที่รอดพ้นจากการจองจำแห่งยุคมืด รวมทั้งกลุ่มกองผู้สิงสถิตต่างโลก กำลังเคลื่อนไหวที่จะภัยร้ายอยู่”

“เฉกเช่นภายในนครหลวงจิ๋วติ่งยามนี้ เพราะการชุมนุมมวลพฤกษา ทำให้ตัวตนดุร้ายจำนวนไม่น้อยหลั่งไหลเข้ามา ในสถานการณ์เช่นนี้ หากซูอี้กลายเป็นจุดสนใจ จะต้องเกิดความยุ่งยากมากมายต่อเขาแน่”

ชายสวมเสื้อคลุมพยักหน้า “ผู้อาวุโสจิ่ว ให้ทหารสัมภเวสีของเจ้าไปจัดการปิดข่าวที่เกี่ยวข้องกับซูอี้ทั้งหมดเสีย”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ปิดบังได้นานเท่าใดก็เท่านั้น”

เขาย่อมรู้ดี สำหรับผู้ฝึกตนเหล่านั้น หากอยากรู้รายละเอียดการต่อสู้ในทะเลสาบชูอวิ๋น ก็คงปิดบังพวกเขาเอาไว้ไม่ได้

ส่วนตระกูลฮั่ว ชายสวมเสื้อคลุมกลับไม่กังวลอะไร

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งต้าเซี่ย ใครจะโง่เผยแพร่เรื่องอื้อฉาวที่น่าละอายเช่นนี้กัน?

เวิงจิ่วรับคำสั่งด้วยความเคารพ “พ่ะย่ะค่ะ”

แววตาผู้อาวุโสสุ่ยแปลกไป พลางเอ่ยทันที “นายท่าน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่า เรื่องที่พวกเราทำในยามนี้ คล้ายกับกำลังเช็ดก้น*[2] ให้แก่เจ้าหนุ่มซูอี้ผู้นั้นเลยเล่าขอรับ”

ชายสวมเสื้อคลุมชะงักค้าง และหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว “นี่แหละที่เรียกว่าขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น จะต้องเคารพผู้อื่น แม้ว่าจะพอใจหรือไม่พอใจก็ตาม จำเอาไว้!”

เวิงจิ่วอดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “นายท่าน ข้าเดาว่าเจ้าหนุ่มซูอี้ผู้นั้นคงจะไม่ซาบซึ้งในบุญคุณ บางทีอาจจะตำหนิพวกเราที่ยื่นมือเข้าไปด้วยซ้ำ เพราะเมื่อวานเขาก็บอกแล้วว่าไม่ให้พวกเราเข้าไปแทรกแซง…”

ชายสวมเสื้อคลุมคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยแก้ทันที “พวกเราไม่ได้ขวางเขามิให้ฆ่าคน เพียงแต่ช่วยเก็บกวาดให้เขา มันจะเหมือนกันได้อย่างไร?”

เมื่อเอ่ยจบ เขากลับยิ้มเจื่อนขึ้น

เห็น ๆ อยู่ว่าพวกเขาช่วยเหลือ แต่เหตุใด… ถึงรู้สึก… ดูไร้ค่าล่ะ?

…..

ณ สวนน้อยนภาเมฆ

ท้องฟ้ายิ่งมืดมิดขึ้น

หลังจากซูอี้กลับมา ก็ไล่ให้หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงที่รอมาตลอดกลับไปพักผ่อน

ก่อนที่ไป๋เวิ่นฉิงจะจากไป นางบอกกับซูอี้เสียงเบาว่า เยว่ซือฉานรออยู่ในห้องมาโดยตลอด

นี่จึงทำให้ซูอี้นวดขมับอย่างช่วยไม่ได้ เพิ่งจะผ่านการต่อสู้ที่ทะเลสาบชูอวิ๋นมาเมื่อครู่ เมื่อมาถึงที่พัก ก็ต้องสูญเสียพลังและจิตใจไปกับการล้างพิษกู่มารแม่มดในร่างกายของเยว่ซือฉานอีก

นี่มันรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ…

แต่ว่า…

เหนื่อยส่วนเหนื่อย แต่มิอาจทำให้แม่นางที่รออยู่เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ได้

เมื่อคิดเช่นนี้ ซูอี้ก็ก้าวเดินไปในห้อง

[1] ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น หรือ 木秀于林,风必摧之 เป็นสำนวนจีน หมายถึงต้นไม้ที่เติบใหญ่เกินไม้ต้นอื่น ๆ ในป่า สุดท้ายจะถูกลมพัดจนหักไป เปรียบถึงคนที่กระทำแตกต่างจากผู้อื่น สุดท้ายก็จะถูกผู้อื่นเล่นงาน

[2] เช็ดก้น เป็นสำนวน มีความหมายประมาณว่าตามเช็ดตามล้าง

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset